หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 203 วิกฤต?

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 203 วิกฤต?
Prev
Next

บริเวณพื้นที่ราบลุ่มโล่งกว้างใหญ่ ไกลจากเมืองหลวงมาเล็กน้อย ปรากฏกองทัพทหารสวมชุดเกราะองอาจยืนรวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง แปรขบวนดั่งหมู่เมฆเกาะเคลื่อนคล้อย  มองกองทหารที่กำลังแสดงแสนยานุภาพอยู่นี้  ในใจเสมือนถูกสภาวะเข้มแข็งกดดันไม่น้อย

"นี่เป็นกองกำลังสำรองที่จะไปเสริมทัพใช่หรือไม่ ดูเหมือนจะมีเพียง 10,000 คนเท่านั้น …นี่มันไม่น้อยไปหน่อยหรือ?" เซี่ยวหยูที่มองกองทหารเข้มแข็งที่กำลังตั้งแถวอยู่ด้านล่างอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วกล่าวขึ้นมาด้วยความสงสัย

ต้วนหลิงเทียนที่ควบม้ามาหยุดยืนด้านข้าง กล่าวกับเซี่ยวหยูพร้อมยิ้มบางๆ "ทหารที่ดีนั้น ย่อมสำคัญที่คุณภาพ หาใช่ปริมาณ"

ต้วนหลิงเทียนเพียงแค่มองก็สามารถบอกได้ทันทีถึงความแตกต่างระหว่างทหารธรรมดากับกองทหารกองนี้ …ทหารทัพนี้ดูต่างจากทหารธรรมดาอย่างสิ้นเชิง  ประกายตาของทหารด้านล่างแกร่งกล้าราวกับไร้ซึ่งความหวาดหวั่นแม้ความตายจดจ่อประชิด นอกจากนี้ระดับบ่มเพาะเองก็เหนือกว่าทหารทั่วไปหลายขุม

เซี่ยวฉวินเองก็หรี่ตาจับจ้องไปยังกองทหารด้านล่าง ก่อนที่จะกล่าวออกมา "เซี่ยวหยูเจ้าอย่าได้ดูแคลนทหารจำนวน 10,000 คนนี้เด็ดขาด เพราะจากที่ข้าดูแล้วทัพของทหารนี้ ต่อให้ถูกกองทัพนับแสนของกองทหารธรรมดาห้อมล้อม กองทัพนี้ก็อาจทะลวงฝ่าเข่นฆ่าพวกมันได้จนหมดสิ้น!! "

"เช่นนั้น นี่ไม่ใช่กองกำลังมังกรเหิน ที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของพระยาเรืองฤทธิ์นี่เหวี่ยแห่งจวนเจ้าพระยาหรอกหรือไร?" เซี่ยวหยูที่หันไปจับจ้องทหารด้านล่างอีกครั้ง ก่อนที่จะสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างทหารธรรมดา และกองทหารตรงหน้า เขาสังเกตเห็นว่ามีสัญลักษณ์รูป มังกรสีแดง สลักไว้บริเวณส่วนอกของชุดเกราะ!

สัญลักษณ์ที่อยู่บนเกราะนั้นแน่นอนว่าเป็นสัญลักษณ์ของกองกำลังมังกรเหิน!

"อะไร เจ้าพึ่งสังเกตเห็นหรือ?" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาเล็กน้อยก่อนจะแย้มยิ้ม เขาสังเกตเห็นตั้งแต่มาถึงแล้ว

กองกำลังมังกรเหินนี่ จัดเป็น 1 ใน 3 กองกำลังที่แข็งแกร่งเยี่ยมยุทธ์ของแม่ทัพใหญ่แห่งกองทหารม้าพระยาเรืองฤทธิ์ นี่เหวี่ย และกองกำลังมังกรเหินนี้มีเพียง 10,000 คนถ้วนเท่านั้น!

และในบรรดา ทหารทั้ง 10,000 คนนี้ ทั้งหมวดล้วนมีระดับบ่มเพาะขั้นต่ำอยู่ที่ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 เป็นต้นไป!  นายสิบนายกองบางส่วนนั้นมีระดับบ่มเพาะสูงถึงระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง!…ส่วนหัวหน้ากองนั้นแน่นอนว่าทั้งหมดล้วนมีระดับบ่มเพาะตั้งแต่ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขึ้นไป!

ไม่นานกลุ่มกองกำลังสำรองของสถาบันบ่มเพาะขุนพลก็เข้าไปรวมกับกองกำลังสำรองของกองกำลังมังกรเหิน

ตอนนี้เองชายร่างสูงคนหนึ่งสวมชุดเกราะเบาสีเงิน ทอประกายค้วบม้าออกมาด้านหน้า

สายตาคมกริบเย็นชาราวพญาเหยี่ยวกวาดผ่านกลุ่มนึกศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลด้วยความเร็ว เขากล่าวออกมาพร้อมน้ำเสียงเรียบๆ "สวัสดี ข้านี่เฝินแม่ทัพของกองกำลังสำรอง และเป็นผู้ที่จะนำพากองกำลังสำรองอย่างพวกเจ้าเข้าสู่สมรภูมิรบ และไปเสริมทัพหลักที่แนวรบบริเวณชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ !"

นี่เฝิน!

บุตรชายของพระยาเรืองฤทธ์นี่เหวี่ย

ตัวตนที่สูงส่งและมีอำนาจราวกับบุคคลที่ได้รับความโปรดปรานจากสวรรค์

ทุกสายตาของนักศึกษาสถาบันบ่มเพาะขุนพลล้วนจับจ้องไปยังนี่เฝิน หลังจากที่ได้ฟังคำกล่าวแนะนำตัว

"ท่านผู้นี้หรือคือ นี่เฝิน?"

"ยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือนัก บุตรชายของพระยาเรืองฤทธิ์ ท่าทางของเขาแลดูทรงพลังและองอาจนัก แม้จะยังเยาว์แต่ก็มีสภาวะผู้นำสูงส่งถึงเพียงนี้แล้ว เขาเองก็พึ่งจบจากสถาบันบ่มเพาะขุนพลไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง อีกทั้งยามที่เขาจบไปนั้นยังมีระดับบ่มเพาะสูงถึงระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5"

"ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 5 ด้วยวัยเพียง 26 ปีงั้นรึ … ศักยภาพสูงส่งขนาดนี้ข้าเกรงว่ารุ่นน้องในสถาบันบ่มเพาะขุนพล คงมีเพียงต้วนหลิงเทียนกับฉวีชิงเท่านั้นที่สามารถเหนือกว่าเขาได้"

"เฮ่ เจ้าดูสิ กองกำลังสำรองนี้กล่าวได้ว่า รวบรวมอัจฉริยะอันดับที่ 1 ของสถาบันบ่มเพาะไว้ครบครัน ทั้ง 3 รุ่น! ทั้งหมดล้วนอยู่ที่นี่แล้วทั้งสิ้น!"

…

นักศึกษาของสถาบันบางคนเริ่มพูดคุยกระซิบกระซาบกัน

คิ้วของต้วนหลิงเทียนขมวดเล็กน้อย ‘ฉวีชิงนั่นมันมาด้วยหรือ?’

หลังจากกวาดตาไปมองรอบๆ ไม่นานเขาก็พบว่าฉวีชิงที่ยืนอยู่ในกลุ่มฝูงชน แต่ทว่าปัจจุบันนี้ฉวีชิงกลับมีทีท่าไม่เหมือนในกาลก่อน เพราะมันหาได้หยิ่งยโสแต่อย่างใด กลับกันยามนี้มันแลดูสงบเสงี่ยมและเจียมตัว ท่าทางมันจะเปลี่ยนไปแล้ว

“เอาล่ะ ถึงแม้พวกเจ้าจะเป็นนักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพล แต่นับจากนี้ไป พวกเจ้าทุกคนจะต้องเข้าร่วมกองกำลังมังกรเหิน นั่นย่อมหมายความว่า หากพวกเจ้ามีผู้ใดไม่เชื่อฟังหรือคิดขัดคำสั่งผิดวินัยทหารแล้วล่ะก็ พวกเจ้าจะถูกลงโทษตามกฎของกองทัพและวินัยของทหาร! ตอนนี้พวกเจ้าแยกย้ายไปรับชุดเกราะและเครื่องแต่งกายของกองกำลังมังกรเหินได้ ทำเวลา! ปฏิบัติ!” เสียงของนี่เฝินดังก้องได้ยินกันไปทั่ว ท้ายประโยคเขากล่าววาจาเร่งเร้าออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะกระตุ้นม้าให้ออกเดินทางไปหลังจากกล่าววาจาจบคำ

ด้านข้างนี่เฝินเป็นชายชราที่ดวงตาเล็กหยี เขาสวมชุดลำลองหาได้สวมเกราะไม่  เขาควบม้าคอยตามนี่เฝินราวกับเงาตามตัว

ชั่วพริบตาหนึ่งโดยที่ไม่มีใครทันได้สังเกตนี่เฝินหันกลับมามองผ่านทหารมากมายราวกับไร้ผู้คน ก่อนที่จะจับจ้องไปยังชายหนุ่มชุดสีม่วงของสถาบันบ่มเพาะขุนพลที่อยู่แทบจะด้านหลังสุด

ต้วนหลิงเทียนเองย่อมรู้ตัวในเสี้ยวพริบตาว่ามีคนจับจ้องมา เขาหันกลับไปสบตาพร้อมพยักหน้ารับทันที

ไม่นานต้วนหลิงเทียนเซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินก็เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดเกราะพร้อมรบของกองกำลังมังกรเหิน

แม้วาการสวมชุดเกราะจะแลดูยุ่งยากไม่น้อย แต่มันก็มีน้ำหนักค่อนข้างเบาทั้งยังกระชับร่างกาย และมีประโยชน์ในด้านป้องกันตัวให้แก่ผู้สวมใส่อย่างมาก ที่ดีที่สุดคือมันหาได้ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น!

"เฮ่ พวกเจ้านี่ยามใส่ชุดเกราะแล้ว แลดูเหมือนทหารจริงๆเลยนี่" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังเซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวิน ก่อนจะยิ้มบางๆ แต่นี่ก็ไม่ใช่คำกล่าวล้อเล่นแต่อย่างใด เพราะทั้งสองยามสวมเกราะนับว่าเหมือนกับทหารของอาณาจักรนภาล่องคนหนึ่งจริงๆ

"อะไรเล่า ราวกับเจ้าไม่เหมือน?" เซี่ยวฉวินและเซี่ยวหยูเองก็หันไปกล่าวสวนด้วยเช่นกัน

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนพร้อมใบหน้าหล่อเหลา คิ้วรูปดาบหางคิ้วยกขึ้นอย่างทระนง ระหว่างคิ้วยามปกติเผยให้เห็นถึงความเด็ดขาดเยือกเย็น พอใส่เกราะแล้วกลับดูสง่างามและทรงอำนาจ มีสภาวะสะกดข่มผู้คนไม่น้อย

สายตาของต้วนหลิงเทียนเองตอนนี้ก็มองภาพโดยรอบ พร้อมกับแย้มยิ้มออกาอย่างสบายอารมณ์

แม้ว่าตัวเขาเองจะมีประสบการณ์ของชีวิต 2 ช่วง และผ่านเรื่องราวใหญ่โตมาก็ไม่น้อย แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะรู้สึกทึ่งและตื่นเต้นในหัวใจเท่านี้อีกแล้ว

ก้าวทะลวงฟันฝ่า ดั่งพายุโหมกระหน่ำซัดสาด กวาดผ่านแดนดินจวบจนผืนฟ้า มุ่งหน้าแสวงหาชัยชนะตลอดกาล!

"ออกเดินทาง!" ตอนนี้เองแม่ทัพนี่เฝินพลันกล่าวออกคำสั่งด้วยเสียงดังกึกก้อง เสียงของเขาดังสนั่นราวอัสนีบาตฟาดสะท้านหูของทุกคน

หลังจากนั้นกองทัพม้าทั้ง 10,000 กว่าชีวิตล้วนเคลื่อนพลอย่างพร้อมเพรียง เสียงทัพม้านับหมื่นควบขี่นั้นดังสนั่นสั่นสะเทือนปฐพีเลื่อนลั่น! ควบขี่อาชา ข้ามเนินเขาลำน้ำไม่ย่นย่อ

พวกเขาเริ่มออกเดินทางตั้งแต่ยามเช้าตรู่ จนกระทั่งเมื่อถึงยามเที่ยง ก็หยุดพักเล็กน้อยก่อนที่จะออกเดินทางต่อจนกระทั่งยามเย็นมาเยือน เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้ากองกำลังมังกรเหิน ก็ได้รับคำสั่งให้ตั้งค่ายพักแรมบริเวณพื้นที่ราบลุ่มแห่งหนึ่งตามคำสั่งของแม่ทัพ นี่เฝิน

ภายใต้แสงไฟจากกองไฟที่สองสว่างเต้นนับร้อยนับพันเริ่มก่อตั้งขึ้นอย่างช้าๆ

ต้วนหลิงเทียน,เซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินเองก็ช่วยกันตั้งกระโจมที่พักด้วยเช่นกัน และสำหรับพวกเขาเองก็ได้ตั้งเพียงกระโจมเล็กๆไว้พักผ่อนกัน 3 คนเท่านั้น

"หืม?" ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่พลังวิญญาณอันแยบคายของเขาสัมผัสได้ถึงมีสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจับตามองเขาอยู่เป็นระยะๆ

และเมื่อเขาเหลือบมองย้อนรอยกลับไปเขาก็พบว่ามันเป็นทิศทางที่พักของกลุ่มทหารจากกองกำลังมังกรเหิน แต่เขาไม่อาจระบุได้ว่าใครกันแน่ที่จับตาเฝ้ามองเขาอยู่

"สายตาเมื่อครู่ย่อมเจาะจงมาที่ข้าไม่ผิดแน่ กระทั่งตอนนี้ข้าเปลี่ยนชุดไปใส่เกราะของกองกำลังมังกรเหินแล้วมันยังจดจำได้ … ไอบัดซบนั่นมันเป็นใครกันแน่?" ต้วนหลิงเทียนทำได้เพียงสงสัยอยู่ในใจ

เขามั่นใจได้เพียงว่า สายตาที่จับจ้องเขามาครั้งนี้ไม่ใช่นี่เฝิน และไม่ใช่นักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะแน่นอน

เมื่อตั้งกระโจมเสร็จสิ้น ต้วนหลิงเทียนก็เลิกสนใจเรื่องนี้อีกต่อไป เขามานั่งหน้ากองไฟ พร้อมกับเซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวิน

ตอนนี้เองกองกำลังมังกรเหินรวมถึงนักศึกษาจากสถาบันบ่มเพาะขุนพลทั้งหลาย ก็เริ่มนำเสบียงกรังออกมากินประทังชีวิตกันบ้างแล้ว

เซี่ยวฉวินเองก็หยิบเสบียงกรัง อันเป็นเนื้อแห้งแข็งๆออกมา ยื่นส่งให้ต้วนหลิงเทียนและเซี่ยวหยูเช่นกัน

"กินของเช่นนี้มันจะไปบำรุงกำลังอันใดได้เล่า" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวและปฏิเสธเสบียงกรัง เขาแสดงสีหน้าราวกับเห็นมุสิกเมื่อเห็นเนื้อแห้งๆแข็งๆไร้รสชาติ  ก่อนที่จะสะบัดมือนำก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งเป็นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่มหึมาออกจากแหวนมิติ …

ต้วนหลิงเทียนนำก้อนน้ำแข็งไปวางไว้ใกล้ๆกองไฟให้มันละลายออกไปด้านหนึ่ง ภายใต้ความสงสัยของเซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวิน และไม่นานหมูทั้งตัวที่หมักมาอย่างดีก็เริ่มปรากฏออกมาให้เห็น

"บัดซบเถอะ! ต้วนหลิงเทียน นี่แหวนมิติเจ้ามีพื้นที่เท่าใดกันแน่ กระทั่งสิ่งนี้เจ้ายังสามารถนำมันมาได้ ?" เซี่ยวฉวินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความตกตะลึง

เซี่ยวหยูเองก็ตะลึงตาค้างเช่นกัน

เท่าที่พวกเขารู้มาแหวนมิติทั่วไปจะมีพื้นที่เพียง 1 ตารางเมตรเท่านั้น มันคงไม่อาจใสก่อนน้ำแข็งที่บรรจุหมูตัวเขื่องขนาดนี้เอาไว้ได้

“บัดซบ! พวกเจ้ายังมัวรีรออันใด รีบมาช่วยข้าแล่เนื้อเข้าสิ  หรือพวกเจ้าทั้งสองคนไม่คิดกินเนื้อนี่กับข้า?” ต้วนหลิงเทียนจับขาหมูข้างใหญ่มาถือไว้ในมือก่อนที่จะหยิบไม้ออกมาเสียบ แล้วหันไปกล่าวถามเซี่ยวหยูเซี่ยวฉวินที่นั่งมองตาค้าง

เซี่ยวหยูเองก็ยิ้มกริ่ม พุ่งตัวไปเลือกสรรเนื้อส่วนขาอีกข้าง เพื่อรอตัดแบ่งเนื้อชิ้นใหญ่ทันที "แน่นอนว่าข้ากินด้วย บัดซบเถอะ! ผู้ใดมันจะไปอยากกินเนื้อแข็งๆแห้งๆกันหากมีเนื้อนุ่มให้กินเช่นนี้!"

ต้วนหลิงเทียนหยิบเหล็กเสียบกับเครื่องปรุงออกมาก่อนที่จะแจกจ่ายให้เวี่ยวหยู

ชิ้ง!

มือของต้วนหลิงเทียนเอื้อมไปชักกระบี่อ่อนดาราม่วง ตวัดฟันเนื้ออีกบางส่วนที่เซี่ยวหยูจับเอาไว้ หลังจากที่จัดการทุกสิ่งเรียบร้อยดีแล้วต้วนหลิงเทียนก็เก็บเนื้อหมูที่เหลือกลับไป

"ต้วนหลิงเทียน ดูท่าทางเจ้าไม่เหมือนผู้คนที่มาทำศึกสงครามแม้แต่น้อย ทำตัวราวกับเจ้ามาพักผ่อนตากอากาศเช่นนั้นล่ะ" เซี่ยวหยูส่ายหัวไปมาพร้อมยิ้มบางๆ เขาพลิกหมูที่ย่างไฟเล็กน้อย ก่อนที่จะโรยเกลือและเครื่องเทศบางอย่างลงไป

"พวกเราอุตส่าห์มีโอกาสออกมาที่นี่ทั้งที กว่าจะได้มาก็นับว่าลำบากมากมายนัก เหตุใดพวกเรายังต้องเพิ่มความลำบากด้วยการทนกินเสบียงแห้งกรังนั่นอยู่อีกเล่า กินของพวกนั้นเพียง 2-3 วันข้าก็สิ้นไร้เรี่ยวแรงแล้ว จะเอาอะไรไปสู้รบกับศัตรู?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม ขณะหมุนเหล็กเสียบย่างเนื้อ

ในเวลาไม่นาน กลิ่นหอมหวนของเนื้อลูกหมูหมักมาอย่างดี ก็ลอยฟุ้งตลบอบอวนไปในอากาศ …

“กลิ่นหอมนี่มันมาจากที่ใดกัน?”

"นี่มันไม่ใช่กลิ่นเนื้อหมูชั้นเลิศย่างไฟ หรือเนื้อหมักชั้นดีหรอกรึ?"

“บัดซบ!ดูนั่น มันมาจากกลุ่มของต้วนหลิงเทียน เด็กพวกนั้นช่างสรรหาวิธีสร้างความสำราญให้ชีวิตนัก!”

"ก็ไม่ได้ผิดไปจากที่คิดไว้เท่าไร สาวกอัจฉริยะไร้ผู้ต้านของตระกูลต้วน นั้นย่อมได้รับความสนใจและการดูแลอย่างยิ่ง …กระทั่งแหวนมิติพื้นที่กว้างขวางยังได้รับมาเช่นนี้"

…

กลุ่มนักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพล อดไม่ได้ที่จะเหม่อมองไปยังทิศทางของกลุ่มต้วนหลิงเทียน พวกมันล้วนจ้องมองไปด้วยแววตาอิจฉาตาร้อน พร้อมน้ำลายที่ไหลย้อยลงบนพื้น

เมื่อเทียบกับกลุ่มของนักศึกษาจากสถาบันบ่มเพาะขุนพล กองกำลังมังกรเหินนั้นควบคุมตัวเองได้ดีกว่ามากนัก พวกมันสนใจเพียงเสบียงแห้งกรังของตัวเอง และเมื่อกินอาหารแห้งของตนเสร็จแล้วพวกมันก็แยกย้ายกลับเข้าไปพักในกระโจมทันที

"ช่างอร่อยนัก ข้าล่ะชอบจริงๆ" เซี่ยวฉวินหยิบเนื้อหมูย่างที่สุกแล้วออกมากัดกิน กลิ่นหอมพร้อมรสชาติที่อร่อยทำให้มันรู้สึกพึงพอใจอย่างถึงที่สุด

ต้วนหลิงเทียนกับเซี่ยวหยูเองก็กัดกินเนื้อในมือด้วยความสุขเช่นกัน

"ฮ่าๆ ถ้าตอนนี้มีสุรารสเลิศสักเหยือกคงดีมิใช่น้อย" ประกายตาเซี่ยวฉวินเรืองวูบออกมา

นักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลที่อยู่ใกล้ๆ อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งเซี่ยวฉวินในใจ

กล่าวไปแล้วเรื่องนี้มันก็ไม่ต่างจากชายหนุ่มที่ไม่เคยรู้จักพอ ดั่งอสรพิษที่คิดกลืนช้างทั้งตัว

‘พวกเรากระทั่งเนื้อหมูหมักมาอย่างดีเลิศรสเช่นนั้นยังมิมีให้กิน  แต่ตัวบัดซบเช่นเจ้ายังมิพอใจ กล้าถามถึงสุราอันใดอีก?’

‘ใยต้องสร้างความขุ่นเคืองใจให้ผู้คนเช่นนี้!’

อย่างไรก็ตามนักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลเหล่านี้ก็ต้องตะลึงตาค้าง เมื่อพวกมันเห็นว่าหลังจากเซี่ยวฉวินกล่าวจบคำไม่ถึงครึ่งลมหายใจ ต้วนหลิงเทียนพลันหยิบสุราออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่าถึง 3 เหยือก!

"แน่นอนว่า ลิ้มรสเนื้อหมูชั้นเลิศท่ามกลางหมู่ดาวเช่นนี้ คงขาดสุราเลิศล้ำไปไม่ได้ มาๆ ดื่มๆ!" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม

"บัดซบ! ต้วนหลิงเทียน กระทั่งสุราเจ้ายังนำติดมาด้วย!!" เซี่ยวฉวินกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เขากล่าวด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะรีบคว้าสุรามา 1 เหยือก เซี่ยวหยูเองก็เช่นกัน ไม่นานทั้ง 3 ก็ยกจอกสุราพร้อมกินเนื้อย่างอย่างมีความสุข…

ภายใต้สายตาที่ราวกับหมาป่าหิวโหย ไม่นานกลุ่มต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ก็ดื่มกินจนใกล้อิ่ม พวกเขาไม่คิดดื่มสุราให้มากจนมึนเมา เมื่อกินอิ่มแล้วพวกเขาก็คงหยุดไว้แต่เพียงเท่านี้ เพราะจะอย่างไรพรุ่งนี้ก็ต้องเดินทาง

"อิ่มแล้ว!" ไม่นานสุราจอกสุดท้ายพร้อมกับเนื้อชิ้นสุดท้ายก็หมดลง เหยือกสุราวางเปล่าก็ถูกโยนทิ้งไป

"ข้าจะไปปลดทุกข์เสียหน่อย" เซี่ยวฉวินกล่าวจบก็วิ่งเข้าพุ่มไม้ใกล้ๆ ก่อนที่จะปล่อยเบา

ไม่นานหลังจากที่เซี่ยวฉวินกลับมาเซี่ยวหยูก็ออกไป สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไปกับเขาด้วย…

อย่างไรก็ตามทันทีที่ต้วนหลิงเทียนย่างก้าวพุ่มไม้ไป พลังวิญญาณที่สูงส่งของเขาพลันจับสัมผัสบางสิ่งได้ในทันที …สัมผัสอันตรายที่กำลังใกล้เข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ ราวกับมันเฝ้ารอเวลานี้มาแสนนาน

หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่งประกายตาของต้วนหลิงเทียนแปรเปลี่ยนเป็นกระจ่าง เขาพุ่งตัวไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง

วิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

เมื่อเขาพุ่งไป เสียงสั่นไหวจากพุ่มไม้ด้านข้างเองก็พลันดังขึ้น ก่อนที่จะมีร่างหนึ่งพุ่งพรวดออกมาด้วยความเร็วสูงปิดกั้นเส้นทางของเขาเอาไว้ในพริบตา

ร่างนี้กลับกลายเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ทั้งมันยังสวมใส่ชุดเกราะของกองกำลังมังกรเหินอีกด้วย มันจับจ้องมายังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาเรืองวูบทอประกายอำมหิต อย่างน่าหวาดหวั่น  …ภายใต้ท้องฟ้ายามรัตติกาลที่เต็มไปด้วยธารดารา…ใยผู้คนจึงบังเกิดจิตอำมหิตเช่นนี้ได้เล่า?

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 203 วิกฤต?"

3.7 232 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ!
ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ!
มีนาคม 12, 2022
Gate of God
Gate of God
พฤษภาคม 17, 2022
都市:我!反派富二代他爹-193×278
เกิดใหม่เป็นพ่อของตัวร้ายรุ่นที่สอง
พฤษภาคม 3, 2023
Crazy  Leveling  System
Crazy Leveling System
พฤษภาคม 17, 2022
กลืนดารา (Renew)
กลืนดารา (Renew)
พฤษภาคม 17, 2022
อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
เมษายน 24, 2023
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz