หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 198 3 ที่!

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 198 3 ที่!
Prev
Next

หลังจากที่ออกจากสถาบันบ่มเพาะขุนพล ต้วนหลิงเทียนก็เลือกที่จะเดินไปยังซอยเปลี่ยวร้าง แน่นอนว่ามันย่อมเป็นซอยประจำของเขาที่ใช้ฆ่าปลดทรัพย์ศัตรู

ต้วนหลิงเทียนหันมองไปรอบๆ ก่อนที่จะหันกลับไปจ้องด้านในสุดของซอย พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “พวกเจ้าออกมาเถอะ”

ทันใดนั้นเองชายชราที่มีอายุมากพอสมควรแล้ว ก็ค่อยๆก้าวเดินออกมา แน่นอนว่ายามนี้ใบหน้าของพวกมันทั้งสองล้วนเต็มไปด้วยความสงสัยและตกตะลึง เพราะนี่เป็นเรื่องที่แม้แต่จะนอนหลับฝันพวกมันยังไม่อาจหาคำตอบได้ว่า ต้วนหลิงเทียนค้นพบพวกมันได้อย่างไร?

"ผู้อาวุโส 6 ผู้อาวุโส 8" ต้วนหลิงเทียนเพียงพยักหน้าทักทายชายชราทั้ง 2 ที่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้อาวุโสลำดับที่ 6 และ 8 ของตระกูลต้วน เห็นได้ชัดว่าทั้ง 2 คน ได้ถูกส่งมาให้ความคุ้มครองต้วนหลิงเทียน

"ผู้อาวุโส พวกท่านโปรดกลับไปเถิด" ต้วนหลิงเทียนเพียงส่งยิ้มให้ชายชราทั้ง 2 ก่อนที่ร่างของเขาจะวูบไหวพุ่งเข้าตรอกแคบไปราวกับอสรพิษ และเมื่อเขาเข้าตรอกไปแล้ว เขาก็ทำการลบกลิ่นอายเพื่อปกปิดตัวตนและเคลื่อนย้ายหลบหนีไปอย่างเชี่ยวชาญ

อาวุโสทั้ง 2 หาใช่ชั่ว เพียงต้วนหลิงเทียนพุ่งร่างเข้าตรอกไปไม่ถึงครึ่งลมหายใจพวกมันพลันรู้สึกตัว รีบพุ่งร่างตามไปติดๆด้วยความเร็วสูง …ทว่าพวกมันก็ต้องตื่นตระหนกอย่างสุดขีด เพราะไม่ว่าพวกมันพยายามเท่าไรก็ไม่อาจจับสัมผัสและกลิ่นอายใดๆได้ แม้กระทั่งพวกมันลองพยายามค้นหาอยู่เป็นเวลานานก็ยังไม่อาจหาต้วนหลิงเทียนพบ!

ยิ่งมาใบหน้าของพวกมันยิ่งตื่นตะลึง

"ต้วนหลิงเทียน …เด็กคนนี้มันช่างยอดเยี่ยมอัศจรรย์นัก ไม่เพียงแค่มันจับสัมผัสพวกเราได้ แต่มันกระทั่งหลบหนีไปจากการติดตามพวกเราได้ง่ายดายเช่นนี้…เหตุใดข้ารู้สึกเหมือนโดนเด็กน้อยรังแกแล้ว "

“เฮ่อ…แม้กระทั่งต้วนหรูเฟิงในกาลก่อน ก็หาได้เป็นตัวประหลาดเย้ยสวรรค์เช่นนี้ไม่ เอาล่ะในเมื่อเด็กนั่นเลิศล้ำถึงขั้นถอนหงอกพวกเราได้ถึงเพียงนี้…พวกเราก็มิจำเป็นต้องเป็นห่วงอันใดมันอีก เพราะกระทั่งพวกเรามันยังจับสัมผัสได้แทบจะทันที อีกทั้งยังเล็ดรอดจากสัมผัสพวกเราไปได้ง่ายๆเช่นนี้ …กับผู้อื่นมันก็ยอมกระทำได้ไม่มีปัญหา….ไร้ซึ่งความจำเป็นที่พวกเราต้องลอบคุ้มครองมันโดยแท้… กลับเถอะ”

ชายชราทั้ง 2 ได้แต่หันมองหน้ากันก่อนที่จะเผยรอยยิ้มขมขื่นให้อีกฝ่ายได้เห็น พวกมันล้วนทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างอับจนหนทาง และจำต้องยกเลิกภารกิจครั้งนี้ พวกเขาทั้งคู่ได้แต่แบกหน้ากลับตระกูลต้วนเพื่อรายงานเรื่องราวหน้าละอายนี้ให้แก่ประมุขตระกูลอย่างต้วนหรูหั่ว

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังเดินทางกลับบ้านอย่างสบายอารมณ์นั้น อยู่ๆก็มีสายลมพัดกรรโชกอย่างรุนแรงราวกับใต้ฝุ่น 2 สาย ก่อนที่จะหยุดลงตรงด้านข้างของเขา

"นายน้อย!" แน่นอนว่าสายลมทั้ง 2 ย่อมเป็นจางเฉวียนและจ้าวกังที่เร่งรุดมา

"พวกเจ้า 2 คนหายหัวไปไหนมาเมื่อตอนค่ำ? พวกเจ้าไม่กลัวว่าชวีลู่นั่นมันจะสังหารข้าได้หรือไร ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยโทสะเล็กน้อย

"นายน้อย ก่อนหน้านี้พวกเราอยู่กับท่านพระยาน่ะขอรับ …พวกเราเองก็คิดที่จะไปช่วยเหลือท่านแล้ว ทว่าท่านพระยากลับหยุดพวกเราเอาไว้" จางเฉวียนทำได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นจนใจออกมา

"ลุงนี่งั้นเหรอ? กระทั่งท่านลุงข้าก็รู้เรื่องนี้ และมาด้วย?"เมื่อต้วนหลิงเทียนรับรู้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านพลันโอบกอดหัวใจของเขาขึ้นมาโดยพลัน

ดูเหมือนว่าถึงแม้เขาจะไม่มีอาคมกร่อนกระดูก และไร้คนอย่างรองผู้อำนวยการจ่านฉงออกหน้า หรือกระทั่งผู้อาวุโสหลักต้วนเฉินของตระกูลต้วนไม่ได้มา …ตัวเขาเองก็ยังคงอยู่รอดปลอดภัยอย่างแน่นอน

ภานในลานบ้านด้านหลัง

แม้ว่าจะนอนมาตลอดช่วงบ่ายแล้ว… ทว่าอารมณ์ของต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่สงบลงดีสักเท่าไร แม้กระทั่งสาวน้อยทั้ง 2 ในบ้านเองก็รับรู้ได้เป็นอย่างดี ใบหน้างดงามของพวกนางฉายความวิตกออกมาอย่างเห็นได้ชัด

"ข้าสบายดี" ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆออกมา เมื่อเห็นสีหน้ากังวลใจของสาวน้อยทั้งสอง เขากล่าววาจาปลอบเพื่อไม่ให้ทั้ง 2 คนเป็นห่วง หลังจากนั้นเขาก็กลับไปนอนบนเตียงนุ่มๆที่ห้อง ก่อนที่จะก่ายหน้าผากแหงนมองฝ้าเพดาน

ดวงตาของเขาฉายออกมาถึงความเสียใจ หว่างคิ้วขมวดเป็นปมราวกับครุ่นคิดถึงเรื่องบางอย่าง

"หากข้าทำลายระดับบ่มเพาะของอีสารเลวถงลี่นั่นตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ …เหตุการณ์ดั่งวันนี้คงไม่เกิดขึ้น และถังกั่วคงไม่ต้องตกตาย" ต้วนหลิงเทียนเพียงระบายลมหายใจที่หนักอึ้งออกมา

ต่อไปในอนาคตเขาคงจะไม่ได้เห็นสตรีที่เทิดทูนเขาอย่างยิ่งเช่นนางอีกแล้ว

ถงกั่วคนนี้แม้จะเป็นเพียงคนที่เดินผ่านมาแล้วก็ผ่านไปในชีวิตของต้วนหลิงเทียนคนหนึ่ง…แต่ยามนี้เขาได้สลักนางเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ

ราตรีนี้ต้วนหลิงเทียนได้คิดเรื่องราวมากมายหลายสิ่ง

สุดท้ายแล้ว หลังผ่านค่ำคืนนี้ไปความคิดของต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง… ยามนี้ต้วนหลิงเทียนไม่คิดปรานีต่อศัตรูของเขาอีกต่อไป ไม่ว่ามันผู้ใดก็ตามที่คิดเป็นศัตรูกับเขามันต้องไม่มีวันพบจุดจบที่ดี

วันรุ่งขึ้น ต้วนหลิงเทียนได้เดินทางมายังจวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์

พระยาเรืองฤทธิ์นี่เหวี่ยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเอียงคอกล่าวถามต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัย "หืม เจ้ามีอะไรหรือถึงมาหาข้าได้วันนี้?"

นี่เหวี่ยไม่ได้กล่าวถึงเรื่องผู้บัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์ของเมืองหลวงอย่างชวีลู่ ที่มารุกรานต้วนหลิงเทียนเมื่อวานแม้แต่น้อย …หรือบางทีสำหรับนี่เหวี่ยแล้ว ชวีลู่ผู้นี้ไร้ราคาให้กล่าวถึง?

"ลุงนี่ ข้ามาที่นี่วันนี้เพราะอยากขอให้ท่านมอบที่เพิ่มให้ข้าอีก 2 ที่น่ะ" ต้วนหลิงเทียนเองก็กล่าวเข้าประเด็นทันที

"ที่งั้นหรือ?" นี่เหวี่ยสับสนและงุนงงเล็กน้อย

"ก็ที่สำหรับกองกำลังสำรองสำหรับฝ่ายดาวกุนซือของสถาบันบ่มเพาะขุนพลไงท่านลุง ที่จะออกเดินทางในอีก 20 วันหลังจากนี้ พอดีข้ามีเพื่อนสนิท 2 คนที่ข้าตบปากรับคำพวกมันเอาไว้แล้ว" ต้วนหลิงเทียนกล่าวอธิบายออกมา

"อ้อ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้หาได้มีปัญหาอันใดไม่ เมื่อพี่ใหญ่เจ้ากลับมาเดี๋ยวข้าจะบอกกล่าวมันให้เอง…อืม 2 ที่ใช่หรือไม่? แล้วทั้ง 2 คนนั่นชื่ออะไรบ้างเล่า?"นี่เหวี่ยกล่าวถามออกมาอย่างไม่ค่อยสนใจสักเทาไร เพราะเรื่องนี้มันเล็กน้อยอย่างยิ่งสำหรับเขา

"เซี่ยวหยูกับเซี่ยวฉวินน่ะท่านลุง" ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ

"สมาชิกของตระกูลเซี่ยวงั้นหรือ… หืม เซี่ยวฉวินนี่ ดูเหมือนจะเป็นน้องชายของผู้หลอมโอสถอัจฉริยะเซี่ยวเหอมิใช่หรือ?" เมื่อนี่เหวี่ยกล่าวจบก็หันไปจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาสงสัย

ผู้ใดจะไปคิดกันล่ะว่าอัจฉริยะในเชิงยุทธ์อย่างต้วนหลิงเทียน ที่มีชื่อเสียงเลื่องระบือและแพร่กระจายอยู่ในเมืองหลวงจนเป็นประเด็นร้อนในการสนทนาอยู่ตอนนี้ จะเป็นผู้หลอมโอสถอัจฉริยะที่มีอายุน้อยที่สุด ที่ปรากฏตัวออกมาแค่ช่วงเวลาสั้นๆและเอาชนะเซี่ยวเหอ ที่สมาคมผู้หลอมโอสถ!

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ความนัยของวาจาที่นี่เหวี่ยกล่าว เขาเพียงยิ้มบางๆแล้วกล่าวตอบไปว่า“ถึงแม้ตอนนี้เซี่ยวเหอจะพบข้า แต่เขาก็จำข้าไม่ได้หรอกท่านลุง จะว่าไปถึงแม้เขาจะจดจำข้าได้ มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อความสัมพันธ์ของข้ากับสหายอย่างแน่นอน”

นี่เป็นเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนค่อนข้างมั่นใจ เพราะเขายังคงจดจำได้ดีในวันแรกที่เขาพบกับเซี่ยวฉวินนั้น ตัวเซี่ยวฉวินเองก็กล่าวถึงผู้หลอมโอสถอัจฉริยะด้วยความชื่นชมที่มาจากใจจริง และไม่ได้ติดใจอะไรที่พี่ชายของเขาต้องพ่ายแพ้ ซ้ำดูเหมือนจะยินดีที่พีชายพ่ายแพ้เสียอีกเพราะ พี่ชายของมันเริ่มขยันและเปลี่ยนแปลงตัวเอง

"จริงสินะ วิธีการปลอมตัวที่เจ้าใช้นับว่าเลิศล้ำโดยแท้" นี่เหวี่ยส่ายหัวออกมาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาลึกซึ้ง "เด็กน้อย บางครั้งข้าเองก็อยากผ่าเปิดศีรษะเจ้าออกมาดูเสียให้รู้แล้วรู้รอด ข้าอยากรู้นักเจ้ายังซุกซ่อนความลับอันใดไว้อีก … "

นับตั้งแต่หลานชายต้วนหลิงเทียนคนนี้ของเขาปรากฏตัว มันก็สร้างความตื่นตะลึงให้แก่เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า โชคยังดีนักที่หัวใจของเขายังแข็งแร่งอยู่ไมน้อย หาไม่แล้วป่านนี้เขาคงได้หัวใจวายตายไปเพราะหลานชายคนนี้ไปเนิ่นนานแล้ว

ต้วนหลิงเทียนถูจมูกไปมา พร้อมหัวเราะออกมาอย่างเขินอาย

"จริงสิ ตอนนั้นเจ้าไม่ได้บอกข้าเอาไว้หรอกหรือ เมื่อเจ้าตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้เมื่อไหร่ เจ้าจะหลอมปรุงโอสถกวาดจิตพิสุทธิ์รักษาอาการของปู่เจ้า?" ตอนนี้เองนี่เหวี่ยพลันนึกเรื่องราวอะไรออก เขากล่าวถามออกมาพร้อมสองตาเปล่งประกาย

มุมปากของต้วนหลิงเทียนนั้นกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนี้เขายังไม่ได้ตัดผ่านระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 7 เลยด้วยซ้ำ ระดับกำเนิดแก่นแท้นั้นยังนับว่าห่างไกล

แน่นอนเขาย่อมเข้าใจความคิดของลุงนี่ดี ท่านลุงของเขาก็คงคิดว่าตัวเขานั้นได้ตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้เหมือนที่ผู้อื่นเข้าใจ แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะอธิบายเรื่องราวนี้ออกไป “ท่านลุงนี่ ใจคอท่านจะไม่คิดให้เวลาข้าได้พัฒนาเปลวเพลิงหลอมโอสถ จากระดับ 9 เป็นระดับ 8 เลยหรือท่าน”

นี่เหวี่ยพลันหัวเราะออกมาแก้เขิน เมื่อได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน และเมื่อมาถึงตอนนี้เขาพึ่งนึกขึ้นได้ว่าถึงแม้ระดับบ่มเพาะจะตัดผ่านมายังระดับกำเนิดแก่นแท้แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะยกระดับผู้หลอมโอสถกันได้ง่ายๆ

ในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ ผู้ที่มีระดับบ่มเพาะสูงถึงระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง ทว่ายังเป็นเพียงผู้หลอมโอสถระดับ 9 นั้นมีให้เห็นเยอะมากในสมาคมผู้หลอมโอสถ

หากจะกล่าวให้ชัดนั้น อันที่จริงแล้วผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งนั้น พลังงานต้นกำเนิดของพวกมันเพียงพอที่จะพัฒนายกระดับเปลวเพลิงหลอมโอสถ ให้บรรลุขีดขั้นผู้หลอมโอสถระดับ 6 ได้ด้วยซ้ำ …อย่างไรก็ตามความสามารถในการยกระดับและพัฒนาเปลวเพลิงหลอมโอสถเป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ตามธรรมชาติของผู้หลอมโอสถ

หากพรสวรรค์ตามธรรมชาติของบุคคลนั้นไม่สูงพอแล้ว อย่าว่าแต่ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งเลย ต่อให้บุคคลผู้นั้นจะตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ บุคคลนั้นก็ยังจะคงเป็นได้แค่เพียงผู้หลอมโอสถระดับ 9 เท่านั้น และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะมีผู้ฝึกยุทธ์มากมายนักที่ไม่อาจจะเป็นได้แม้กระทั่งผู้หลอมโอสถระดับ 9

"อากลับเป็นลุงนี่ผู้นี้ ที่ใจร้อนไปเสียแล้ว" นี่เหวี่ยส่ายหัวออกมาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เจ้าไปดูปู่เจ้าเสียหน่อยเถิด ช่วงนี้เขามักกล่าวถึงเจ้า …เมื่อวานนี้ยามที่เขาได้ยินว่าชวีลั่งได้เคลื่อนทัพกองกำลังทหารองครักษ์ไปปิดล้อมเจ้าที่สถาบันบ่มเพาะขุนพล ท่านปู่ของเจ้าถึงกับโวยวายไล่ข้าไปฆ่าล้างตระกูลชวีลู่เลยทีเดียว"

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ใครจะไปคิดว่าอารมณ์ของท่านปู่นี่จะรุนแรงเช่นนั้น …ทว่าในใจของเขาพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง

"ท่านปู่นี่" เมื่อต้วนหลิงเทียนเดินเข้ามา เขาก็เห็นหลังของชายชราที่กำลังรดน้ำต้นไม้อย่างมีความสุข

เมื่อชายชราเห็นต้วนหลิงเทียนแววตาที่หมองเล็กน้อยพลันฉายประกายตาเจิดจ้าออกมา "เทียนน้อยเจ้ามาแล้ว"

ต้วนหลิงเทียนช่วยพยุงให้ชายชรานั่งลงก่อนที่จะกล่าวถาม "ท่านปู่ ตอนนี้ร่างกายของท่านรู้สึกดีขึ้นแล้วหรือไม่?"

ชายชราพลันพยักหน้า "โอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ระดับ 9 นับว่าเลิศล้ำนัก พิษร้ายในอวัยวะของข้าถูกสลายลงไปหมดสิ้นแล้ว และยาพิษที่เหลือของพังพอนทมิฬไร้ลักษณ์เองก็ดูเหมือนจะถูกโอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ระดับ 9 นี่ระงับเอาไว้ ไม่ให้พิษร้ายที่ยังตกค้างอยู่ในจุดตันเถียนของข้าแพร่กระจายออกมา อาการของข้าตอนนี้นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว"

"ยอดเยี่ยมนัก! ท่านปู่ท่านรอข้าอีกนิด เมื่อข้าสามารถยกระดับเปลวเพลิงหลอมโอสถได้สำเร็จเมื่อไหร่ ข้าจะรีบหลอมโอสถกวาดจิตพิสุทธิ์ระดับ 8 ให้ท่าน เพื่อขจัดพิษร้ายของพังพอนทมิฬไร้ลักษณ์ในจุดตันเถียนท่านจนหมดสิ้น" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ผลลัพธ์นี้เขาย่อมคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว

"ข้าได้ยินมาว่าเจ้าจะไปเข้าร่วมการรบพร้อมกับเจ้าเฝินมันรึ?" ชายชรากล่าวถาม

ต้วนหลิวเทียนแย้มยิ้มออกมาก่อนที่จะกล่าว "ใช่แล้วท่านปู่ ข้าเองก็อยากไปสัมผัสประสบการณ์ในสนามรบดูบ้าง"

"ยอดเยี่ยม การคิดไปสัมผัสประสบการณ์ในสนามรบนั้น นับว่าเป็นความคิดอันประเสริฐ! สนามรบนี่ล่ะ ที่กล่าวได้ว่ามันเป็นสถานที่ๆหลอมสร้างขัดเกลาบุรุษได้ยอดเยี่ยมนัก!… " ในขณะที่ชายชรากล่าวคำ ราวกับเขาหวนนึกย้อนไปยังสมัยที่ตัวเขายังออกนำทัพสังหารอริราชดั่งทหารหาญอย่างไรอย่างนั้น เพราะกลิ่นอายและจิตสังหารน่าสะพรึงกลัวกำลังแผ่ซ่านออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้น

กลิ่นอายและระดับของจิตสังหารนี้ นับว่ารุนแรงนัก … ซ้ำมันยังรุนแรงและอำมหิตเหนือกว่าพระยาเรืองฤทธิ์นี่เหวี่ยเสียอีก!

…

หลังจากนั้นแต่ละวันก็ผันผ่านไปอย่างสุขสงบ

ผู้บัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์แห่งเมืองหลวงอย่างชวีลู่ กับองค์ชาย 5 ก็เงียบสนิท ราวกับพวกมันหายตัวเข้ากลีบเมฆไปแล้ว

แน่นอนต้วนหลิงเทียนไม่คิดว่าพวกมันจะแสดงความเมตตาและปล่อยวางความแค้นในสิ่งที่เขากระทำต่อชวีลั่งและถงลี่… นี่เป็นเพียงความสงบก่อนพายุโหมกระหน่ำก็เท่านั้น

ภายในชั้นเรียนฝ่ายดาวกุนซือชั้นปีที่ 1 ของสถาบันบ่มเพาะขุนพล

บนแท่นสูงหน้าชั้นเรียน อาจารย์ซือหม่าฉางฟงกำลังยืนอยู่พร้อมถือใบรายชื่อในมือ เขามองทวนรายชื่อเล็กน้อย ก่อนที่จะเริ่มกล่าวออกมา“ รายชื่อที่สำหรับนักศึกษาของฝ่ายดาวกุนซือ ที่จะเป็นกำลังสำรองติดตามกองทัพไปร่วมทำศึกที่ชายแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือ ได้ประกาศออกมาแล้ว”

"อาจารย์ซือหม่าเหตุใดท่านจึงกล่าวเรื่องนี้ออกมากันเล่าขอรับ? หรือว่ามีผู้ใดในห้องเรียนของเราได้รับที่นั่นด้วย?" ทันใดนั้นเองเหล่านักศึกษาล้วนตกตะลึง

และไม่นานพวกเขากลับหันหน้าไปมองชายหนุ่มชุดสีม่วงที่นั่งอยู่ห่างๆ อย่างพร้อมเพรียง…

"ไม่แน่ อาจจะเป็นต้วนหลิงเทียน!"

"เหลวไหล ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นผู้ใดไปได้อีกเล่า?"

นักศึกษาเริ่มกระซิบกระซาบกัน

“เอาล่ะๆ เงียบก่อน ข้าจะประกาศเดี๋ยวนี้” อาจารย์ซื่อหม่าฉางฟงกล่าวให้ทุกคนใจเย็นลง หลังจากที่เมื่อครู่มีเสียงพูดคุยขัดจังหวะ

ต่อมาทุกสายตาของนักศึกษาที่อยู่ภายในชั้นเรียนยกเว้นต้วนหลิงเทียนก็จ้องมองไปยังซือหม่าฉางฟงด้วยความสงสัย และเฝ้ารอคอยให้อาจารย์ซื่อหม่าประกาศรายชื่อออกมา… โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินนั้น พวกมันถึงขั้นจับจ้องไปยังอาจารย์ซือหม่าฉางฟงและเงี่ยหูฟังด้วยความตั้งใจ แม้ต้วนหลิงเทียนจะกล่าวย้ำไว้แล้วว่าไม่มีปัญหา แต่พวกมันยังคงกระวนกระวายเล็กน้อย

"ต้วนหลิงเทียน!" ซื่อหม่าฉางฟงเริ่มประกาศรายชื่อออกมา

"เซี่ยวหยู, เซี่ยวฉวิน!" ซื่อหม่าฉางฟงยังคงกล่าวต่อไป

จริงๆแล้วในตอนที่เขาได้รับรายชื่อนี่ กระทั่งตัวเขาเองยังอดประหลาดใจไม่ได้

ต้วนหลิงเทียนนั้นเขาเป็นผู้แนะนำไปด้วยตัวเอง จึงไม่แปลกที่ชื่อของต้วนหลิงเทียนจะปรากฏบนกระดาษแผ่นนี้ … แต่อีก 2 คนนั่นเขาไม่ได้แนะนำไปแต่อย่างใด

และเมื่อเซี่ยวหยูกับเซี่ยวฉวินได้ยินคำกล่าวของซื่อหม่าฉางฟง ประกายตาของพวกมันพลันเรืองวูบขึ้นมาอย่างเจิดจ้าพวกมันหันมองหน้ากันเอง และเห็นถึงความตื่นเต้นดีใจที่อยู่ในสายตาของอีกฝ่าย

"อะไร กระทั่งเซี่ยวหยูกับเซี่ยวฉวินยังได้รับที่ด้วยหรือ?" ทันใดนั้นเองนักศึกษาคนอื่นๆรีบหันไปตั้งใจฟังซื่อหม่าฉางฟงทันที เพราะพวกมันพลันบังเกิดความหวังว่าจะมีชื่อของพวกมันปรากฏออกมาด้วย

แต่น่าเสียดายนัก เพราะคำกล่าวต่อไปของซื่อหม่าฉางฟงกลับดับฝันพวกมัน "พวกเจ้าทั้ง 3 กลับไปเตรียมตัวเอาไว้ให้พร้อม และมารายงานตัวที่ลานฝึกซ้อมหลักของสถาบันในอีกครึ่งเดือนหลังจากนี้ เพื่อออกเดินทางไปพร้อมกัน!"

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 198 3 ที่!"

3.7 232 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

Eternal martial sorvereign
Eternal martial sorvereign
มีนาคม 12, 2022
ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ!
ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ!
มีนาคม 12, 2022
Tales of Herding Gods
Tales of Herding Gods
มีนาคม 12, 2022
INVINCIBLE โลกอมตะ
INVINCIBLE โลกอมตะ
มีนาคม 12, 2022
กลืนดารา (Renew)
กลืนดารา (Renew)
พฤษภาคม 17, 2022
มหายุทธทลายดารา!
มหายุทธทลายดารา!
มีนาคม 12, 2022
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz