หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 196 ความเคลื่อนไหวภายในเมือง

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 196 ความเคลื่อนไหวภายในเมือง
Prev
Next

เพียะ! เพียะ! !เพียะ! เพียะ!

…

เมื่อต้วนหลิงเทียนเดินไปถึงถงลี่เขาก็แสดงท่าทีไม่แยแส ก่อนที่จะเริ่มลงมือด้วยความไร้น้ำใจดั่งเช่น 2 ครั้งที่ผ่านมา ระดมตบใบหน้าของถงลี่ระรัว จนในที่สุดใบหน้าของนางก็บวมปูดราว หัวหมูอีกครั้ง

แววตาของถงลี่ยามนี้ มันเหม่อลอยคว้างไร้ความรู้สึก มีเพียงประกายตาที่วูบวาบอยู่ภายในที่ยังคงฉายชัดถึงความเคียดแค้นเท่านั้น

นางเกลียดต้วนหลิงเทียน เกลียดและเคียดแคนจนฝังลึกลงไปในแก่นกระดูกดำของนางแล้ว!

เดิมที่ถงลี่คิดว่าหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนระดมตบหน้านาง 10 กว่าครั้งจนใบหน้านางบวมปูด เรื่องราวก็คงจบสิ้นแต่เพียงเท่านี้เหมือนดั่ง 2 ครั้งก่อน …ทว่าครั้งนี้นางตระหนักได้ว่ามันยังไม่จบ!

"แม่นางถงบัดซบ ในตอนแรกนั้นข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้ามันตัวบัดซบสารเลว แต่ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าจิตใจของเจ้าจะชั่วร้ายอำมหิตถึงเพียงนี้ เจ้ากลับทรมานถังกั่วจนตาย!… ข้าอยากรู้นักว่านางไปทำอันใดให้เจ้าแค้นใจหนักหนา เจ้าถึงสังหารนางลงด้วยใจคอโหดเหี้ยมเช่นนี้?" ต้วนหลิงเทียนจับจ้องถงลี่อย่างไม่วางตา ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ

ถงลี่มองต้วนหลิงเทียนอย่างอาฆาต ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยริมฝีปากบวมเจ่อ ทำให้เสียงของนางอู้อี้เล็กน้อย "ใครใช้อีนังแพศยานั่นสร้างความละอายแก่ข้าในที่สาธารณะกันล่ะ …อีนังสารเลวนั่นสมควรตกตายแล้ว!" ภายในน้ำเสียงของนางนี้ ไม่มีความสำนึกผิดละอายแม้แต่น้อย

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะกล่าวถามด้วยน้ำเสียงต่ำ "เจ้าทรมานนางจนตายเพียงเพราะเรื่องเท่านี้?"

ถงลี่ดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงโทสะอันเกรี้ยวกราดของต้วนหลิงเทียน นางจึงรีบหุบปากไม่กล่าวคำโดยพลัน นางบังเกิดความหวาดกลัวว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะลงมือสังหารนาง โดยไม่คิดกล่าววาจาอะไรอีก

นางได้เห็นวิธีการลงมือของต้วนหลิงเทียนที่ผ่านมาในช่วง 2-3 วันนี่แล้ว และนางรู้ว่ามันเป็นคนบ้าเสียสติที่ลงมือโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัวขนาดไหน! และดูเหมือนต้วนหลิงเทียนจะหาได้กลัวพี่ชายที่เป็นถึงองค์ชาย 5 ของนางแม้แต่น้อย!

สายตาของต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปยังท้องน้อยบริเวณที่มีจุดตันเถียนอยู่ของถงลี่ ก่อนที่จะกล่าวออกมา ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวบ่นพึมพำ "ข้าคิดว่าถ้าข้ายังปล่อยให้เจ้ามีระดับบ่มเพาะอยู่เช่นนี้ จะอย่างไรเจ้าก็คงต้องใช้ความแข็งแกร่งนี่ในการกระทำเรื่องอุบาทว์ชั่วช้า อย่างการทำร้ายผู้คนอีกเป็นแน่ …เช่นนั้นทำไมไม่ … "

"มะ…ไม่นะ….อย่าทำข้านะ" ถงลี่พลันตระหนักได้ถึงบางสิ่งเมื่อได้ยินวาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออก ใบหน้าของนางพลันซีดเผือดไร้สีเลือด ก่อนที่จะพยายามดิ้นรนกระเสือกกระสนคลานถอยหลังหนีไป แต่เป็นไปได้หรือที่นางจะหนีรอดเงื้อมมือต้วนหลิงเทียน?

ปึกกกกก!

ต้วนหลิงเทียนไม่รอช้า เขาใช้มือซ้ายบีบคอถงลี่และยกมันขึ้นมาก่อนที่จะซัดฝ่ามือขวาอัดเข้าท้องน้อยของถงลี่ พร้อมปะทุพลังงานต้นกำเนิด ทะลวงจุดตันเถียนของถงลี่จนแหลกสลาย สุดท้ายก็เหวี่ยงนางทิ้งราวเศษขยะ

"กรี๊ดดดดดดดด!" เสียงกรีดร้องด้วยความขมขื่นเล็กแหลมดังหวีดขึ้นมา ใบหน้าที่บวมตุ่ยของนางสั่นสะท้านดุจเดียวกับร่างกายของนาง นางไม่ลืมที่จะหันไปถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างโกรธแค้นจับขั้วหัวใจ

ตุบ

สุดท้ายภายใต้โทสะและความเจ็บปวดถงลี่ก็ไม่อาจฝืนรั้งร่างกายที่ประคองไว้ ล้มลงไปนอนแผ่หลาบนพื้นอย่างหมดสภาพ

ดวงตาของนางยามนี้แดงฉานเพราะความเคียดแค้นและจงเกลียดจงชังอย่างถึงที่สุด ในหัวของนางหวังให้ต้วนหลิงเทียนตกตายอย่างทรมาน ท่าทางของนางยามนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้คนทั่วไปบนโลกนี้ …ความเคียดแค้นและสิ้นหวังเพราะถูกทำลายจุดตันเถียนจนพิกลพิการ ในโลกที่ถือความแข็งแกร่งเป็นหลักนับว่ามันเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก!

"เหอะ!" ต้วนหลิงเทียนใช้สายตาเย็นชาเหลือบมองถงลี่ราวเศษขยะก่อนที่จะหันหลังเดินเข้ามาทางโรงอาหารอย่างไม่แยแสอะไร

ทุกๆก้าวที่ต้วนหลิงเทียนเดินมา นักศึกษาทั้งหมดที่มุงดูเรื่องราวอยู่ ล้วนเร่งรีบเปิดทางให้ พร้อมทั้งมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหวาดกลัวผสมกับความนับถือ และตอนนี้แม้กระทั่งนักศึกษารุ่นพี่ชั้นปีสูงๆเองก็อดไม่ได้ที่จะจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยความหวาดกลัว …

กระทั่งชวีลั่งที่อยู่ในระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2 ยังถูกต้วนหลิงเทียนจัดการจนจบสิ้นไปเช่นนั้น!

ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ น่าสะพรึงกลัวเกินไป!

มื้ออาหารมื้อนี้กลับไร้เสียงหัวเราะ มันมีเพียงความเงียบสงบ

เซี่ยวหยู,เซี่ยวฉวินรวมทั้งเทียนหูเอง ย่อมเข้าใจความในใจและอารมณ์ที่หดหู่ของต้วนหลิงเทียนดี พวกมันจึงไม่คิดกล่าววาจาอะไรให้มากความจนทำให้หลิงเทียนคิดมากขึ้นมาอีก

มีเพียงยามที่กินอาหารเสร็จแล้วเท่านั้น เซี่ยวหยูที่เห็นใจต้วนหลิงเทียน พลันถอนหายใจออกมาอย่างสะท้อนในอารมณ์และกล่าวปลอบออกมา "ต้วนหลิงเทียนเจ้าอย่าได้โทษตัวเองและรู้สึกผิดมากนักเลย … เจ้าลงมือช่วยถังกั่วด้วยความปรารถนาดี แม้ว่าเจ้าจะไม่เข้าไปช่วยเหลือนาง แต่ด้วยสันดารชั่วช้าของถงลี่เจ้าก็รู้ ว่าจะอย่างไรถังกั่วก็คงไม่มีจุดจบที่ดี"

"อือ ข้าเข้าใจ ขอบคุณพวกเจ้ามาก แต่อย่าได้กังวลข้าไม่เป็นอะไร" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมา

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะกล่าววาจาบอกสหายไปเช่นนั้น ทว่ายามบ่ายวันนี้เขาหาได้บ่มเพาะพลังอย่างที่เคยไม่ เขาเพียงนอนทอดตัวยาวไปบนกิ่งไม้ใหญ่ด้านข้างลานฝึกซ้อม ก่อนที่จะจ้องมองท้องฟ้าอย่างเลื่อนลอย

และในเวลาเดียวกันนี้เอง เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสยบชวีลั่งและทำลายตันเถียนของชวีลั่งและถงลี่ก็ กระหึ่มกวาดผ่านทั่วทั้งสถาบันบ่มเพาะขุนพลราวพายุใต้ฝุ่น … ทว่าหลังจากที่ทุกคนได้รับรู้ความเป็นมาของเรื่องราว ก็หามีแม้แต่คนเดียวที่สงสารชวีลั่งและถงลี่ พวกมันสมควรได้รับผลกรรมครั้งนี้!

ณ เมืองหลวงชั้นใน ค่ายศูนย์บัญชาการกองกำลังองค์รักษ์แห่งเมืองหลวง

ปึงงงงง! กึก แกรกก

เสียงฟาดตบโต๊ะดังขึ้นจากอาคารใหญ่ที่สุดภายในค่ายกองกำลังนี้ ปรากฏร่างชายวัยกลางคนสวมชุดเกราะอ่อนที่ระบายโทสะ ตบฟาดลงบนโต๊ะจนมันแหลกเป็นเสี่ยงๆ

ฟึ่บ!

เสี้ยวพริบตาต่อมาภายใต้สายตาของผู้ที่นำส่งรายงานเร่งด่วน ร่างของชายวัยกลางคนก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงทิ้งไว้เพียงภาพติดตาพุ่งตัวออกจากห้อง และกระโดดขึ้นควบขี่อาชาเหงื่อโลหิตพุ่งออกจากค่ายไปด้วยความเร็วสูง

ไม่นานนักเขาก็มาถึงบ้านลานแห่งหนึ่ง ร่างของเขาพุ่งเลือนราง ราวกับสายลมเข้าไปในลานบ้าน

"ลั่งงงง" ร่างของเขายังไม่ทันได้ปรากฏตัวเข้ามาในบ้าน เสียงดังกึกก้องของชายวัยกลางคนราวกับจะสะท้านไปถึงชั้นฟ้าพลันดังขึ้นจากลานบ้าน

"ท่านพี่ ท่านต้องคืนความเป็นธรรมให้ลูกลั่งนะท่านพี่ … ทั้งชีวิตของลูกเรากลับถูกสารเลวต้วนหลิงเทียนทำลายจนย่อยยับ!" ทันทีที่ชายวัยกลางคนท่าทางแข็งแกร่งเข้ามาถึงภายในบ้าน เสียงสตรีวัยกลางคนก็ดั้งขึ้นออกมาด้วยความโศกเศร้าและเคียดแค้น

"ท่านพ่อ" ชวีลั่งที่นอนอยู่บนเตียงแสดงใบหน้าดุร้ายและโหดเหี้ยมออกมาเมื่อได้เห็นชายวัยกลางคน "ข้าต้องการให้ต้วนหลิงเทียนตาย ข้าต้องการให้มันตายยยย!"

"ลั่ง เจ้าอย่าได้กังวล หากบิดาผู้นี้ยังมีลมหายใจเหลืออยู่ ต้วนหลิงเทียนจะไม่มีวันได้เห็นตะวันของวันพรุ่ง!" ชายวัยกลางคน หรือกล่าวให้ชัดมันคือ ชวีลู่ ผู้บัญชาการกองกำลังทหารองค์รักษ์ประจำเมืองหลวงกล่าวออกมาพร้อมความเศร้า

"ลั่งเจ้าพักผ่อนเถอะ บิดาจะไปทวงความยุติธรรมและล้างแค้นให้เจ้าเดี๋ยวนี้!" ชวีลู่ที่พึ่งมาถึงก็ไม่รอช้าพุ่งตัวจากไป ราวกับมันเป็นดั่งสายลมแผ่วพลิ้วพัดผ่านเข้ามาแล้วก็จากไป

และแทบจะเป็นช่วงเวลาเดียวกัน

ทางตระกูลต้วนเองก็ได้รับแจ้งข่าวคราวนี้จากสถาบันบ่มเพาะขุนพล

ต้วนหลิงเทียน ผู้ที่พึ่งกลับเข้าตระกูลและไปกราบกรานบรรพชน หวนคืนสู่สถานะสายเลือดหลักของตระกูล ลงมือทำลายจุดตันเถียนบุตรชายเพียงคนเดียวของชวีลั่งผู้บัญชาการสูงสุดของกองกำลังทหารองครักษ์ประจำเมืองหลวง ? และยังลงมือตบตีใบหน้าถงลี่ลูกพี่ลูกน้องขององค์ชาย 5 จนบวมปูดราวหัวหมู ซ้ำยังทำลายจุดตันเถียนของนางจนพิการไปอีกคน?

ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลต้วนยังรู้สึกวิงเวียนศีรษะไม่น้อยเมื่อได้รับข่าวน่าตื่นตะลึงนี้

ห้องโถงหลักกลับกลายเป็นเงียบสนิท

"ผู้อาวุโสหลัก เรื่องนี้… "สีหน้าของประมุขตระกูลอย่างต้วนหรูหั่วไม่ค่อยสู้ดีนักเขาทำได้เพียงเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา หลายชายของเขากลับสร้างปัญหาใหญ่โตถึงเพียงนี้ หากเทียบกับบิดาของเขาเมื่อกาลก่อนนับว่าทั้ง 2 นั้นมีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว!

แม้ว่าต้วนหรูเฟิงจะกระทำตามใจและไม่ไว้หน้าผู้ใด แต่เขาก็หาได้ดื้อรั้นและสร้างปัญหาใหญ่โตอะไร ทว่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้กลับไม่แยแสไว้หน้าผู้ใดทั้งสิ้นอย่างแท้จริง…

"เพื่อผลประโยชน์ในอนาคตของตระกูลต้วน พวกเราต้องทำทุกวิถีทางทางเพื่อปกป้องเขา" ประกายตาของผู้อาวุโสหลักต้วนเฉินเรืองวูบแทรกผ่านม่านตาดำสนิทออกมา พร้อมกล่าวปนิธานอันแน่วแน่ไม่หวาดหวั่น

"จะอย่างไรชวีลู่ที่เป็นผู้บัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์นั่น ก็ยังเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9 เท่านั้น …ตระกูลต้วนของพวกเรายังต้องเกรงกลัวมันด้วยหรือไร!" ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลต้วนกล่าวออกมา

"ต้วนหลิงเทียนมีความสำคัญและมีค่ากับตระกูลต้วนเราสูงล้ำนัก ต่อให้ตายข้าก็จะปกป้องเขา!" ผู้อาวุโสคนอื่น กล่าวรับคำออกมาอย่างเห็นด้วย

"เด็กชวีลั่งกับชวีลู่นั่นหาใช่เรื่องราวที่พวกเราต้องใส่ใจ แต่ที่ข้ากังวลคือเบื้องหลังของพวกมัน… " ต้วนหรูหั่วขมวดคิ้วก่อนที่จะถอนหายใจออกมา

"แล้วมันจะอย่างไร? ไม่ว่าพวกมันคิดทำอันใดสุดท้าย มันผู้นั้น ก็ยังเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติเท่านั้น ตระกูลต้วนเรายังต้องหวาดกลัวมันด้วยหรือ?" ประกายตาของต้วนเฉินพลันเรืองวูบออกมาด้วยความแน่วแน่ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา

เขตวัง ขององค์ชาย 5

ในห้องที่กว้างขวาง องค์ชาย 5 ที่มีใบหน้าหมองหม่นกำลังนั่งกุมมือพร้อมมองสตรีคนหนึ่งที่นอนหลับใหลไปบนเตียงอย่างน่าเวทนา คราบน้ำตายังคงทิ้งรอยเป็นทางไว้บนใบหน้าที่แดงก่ำ

หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นก่อนที่จะหันหลังเดินออกจากห้องไป

"ฝ่าบาท เด็กต้วนหลิงเทียนนั่นมันเหิมเกริมเกินไปแล้ว มันกล้าทำลายตันเถียนของแม่นางลี่ ทำลายทั้งชีวิตของแม่นางลี่!" ชายชราคิ้วขาวเผยประกายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารออกมา

“ดูเหมือนต้วนหลิงเทียนนั่นหาได้เห็นหัวข้าไม่” ความเย็นชาหนาวยะเยือกเริ่มฉายออกมาจากประกายตาขององค์ชาย 5

ในฐานะบุตรคนหนึ่งขององค์ราชาแห่งอาณาจักรนภาล่อง แน่นอนว่าองค์ชาย 5 ย่อมมีความถือดีอันเป็นที่สุด โดยปกติแล้วต่อให้เป็นประมุขของทั้ง 3 ตระกูลใหญ่ยามที่พบเจอเขา พวกมันยังต้องแสดงความเคารพ ! แต่ตอนนี้การกระทำของเด็กน้อยผู้หนึ่งกลับหยามหยัน ข้ามหัวเขาจนความอดทนของเขามันถึงขีดจำกัดแล้ว!

"ฝ่าบาท ท่านต้องการให้ข้าไปจัดการไอเด็กนั่นเลยหรือไม่?" ชายชราคิ้วขาวกราบทูลออกมาอย่างสุภาพ

"ตอนนี้ถึงผู้เฒ่าไปก็ไร้ประโยชน์…หากข้าคาดการณ์ไม่ผิดยามนี้ชวีลู่คงลงมือแล้ว แน่นอนว่าตระกูลต้วนก็คงไม่นิ่งเฉย… จากพรสวรรค์ตามธรรมชาติของต้วนหลิงเทียนที่ต่อต้านสวรรค์เช่นนั้น ทางตระกูลต้วนคงไม่คิดปล่อยให้มีอันตรายใดๆเกิดขึ้นกับมันอย่างแน่นอน" ประกายวาวโรจน์เรืองวูบออกมาจากแววตาขององค์ชาย 5

ชายชราคิ้วขาวย่อมเข้าใจได้โดยพลันหลังจากได้ยินคำกล่าวขององค์ชาย 5 หากตระกูลต้วนลงมือ ถึงแม้เขาจะไปด้วยตัวเองก็ไร้ประโยชน์

"พวกเราเฝ้ารอดูก่อนแล้วกัน ว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนมันจักหนีหายนะพ้นหรือไม่ หากมันรอดครั้งนี้ไปได้ ผู้เฒ่าไป๋คงมีโอกาสได้ลงมือหลังจากนี้ ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะฆ่ามันไม่ได้" มุมปากขององค์ชาย 5 ยกขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน

ครู่ต่อมาเขาก็ถอนหายใจ "แล้วก็…ส่งคนไปที่เมืองตะวันฉาย เพื่อรายงานเรื่องนี้แก่ลุงของข้าด้วย … "

"ขอรับ" ชายชราคิ้วขาวกล่าวตอบรับคำ ก่อนที่จะออกเดินทาง

เมืองหลวงที่เงียบสงบพลันถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงย่ำเท้าของกองกำลังทหารองครักษ์ที่ยาตราทัพออกมาอย่างยิ่งใหญ่ พวกมันเรียงแถวเดินไปอย่างเข้มแข็ง

ทหารองครักษ์ที่เต็มไปด้วยระเบียบวินัยและความห้าวหาญแข็งแกร่งนับพัน ก่อเกิดเป็นสภาวะข่มขวัญประการหนึ่ง

ยิ่งไปกว่านั้นด้านหน้าสุดยังถูกนำมาด้วยผู้บัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์วัยกลางคน ที่มีท่วงท่าองอาจเข้มแข็ง สีหน้าของเขายามนี้เต็มไปด้วยความกระหายและจิตสังหาร ดุร้ายนัก

"นี่มัน ทัพของกองกำลังทหารองค์รักษ์!"

"เกิดอันใดขึ้นกันแน่ เหตุใดชวีลู่ผู้บัญชาการจึงนำกองทัพออกมาพร้อมพรั่งเช่นนี้!"

"ข้าเองก็ไม่รู้ พวกเราลองติดตามไปชมดูเรื่องราวกันเถิด"

…

ด้านหลังแถวของกองกำลังทหารองครักษ์ได้มีชาวเมืองจำนวนมากเดินตามมาด้วยเช่นกัน

สุดท้ายพวกเขาก็เห็นว่าที่แท้กองกำลังทหารองครักษ์เดินทางมาที่ใด มันเป็นสถาบันบ่มเพาะขุนพลนั่นเอง และตอนนี้ชวีลู่ก็สั่งการกองกำลังให้กระจายตัวไปปิดล้อมทางเข้าออกทุกทางของสถาบันบ่มเพาะขุนพลอย่างแน่นหนา

"ข้าเคยได้ยินมาว่า บุตรชายคนเดียวของผู้บัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์ร่ำเรียนอยู่ที่สถาบันบ่มเพาะขุนพล เรื่องราวครั้งนี้ใช่เกี่ยวของอันใดกับเขาหรือไม่?

"ข้าว่าถึงขั้นที่ทำให้ผู้บัญชาการนำทัพนับพันเคลื่อนพลมาเช่นนี้ เรื่องราวคงหาได้ธรรมดาเป็นแน่ ดูท่าว่าคงเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นที่สถาบันบ่มเพาะขุนพลแล้ว!"

…

ฝูงชนจำนวนมากอดไม่ได้ที่จะคาดเดาเรื่องราวกันไปต่างๆนาๆ

บนต้นไม้ใหญ่ข้างลานฝึกซ้อม ในสถาบันบ่มเพาะขุนพล

"หืม?"ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะมองไปยังทิศทางอันเป็นที่ตั้งของประตูทางออกของสถาบันบ่มเพาะขุนพล เขาสัมผัสได้ว่ามีเสียงดังและแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อยเกิดขึ้น แต่ต้วนหลิงเทียนก็หาได้สนใจ เขาเพียงเอนตัวลงไปและหลับตานอนพักผ่อน

หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก

"ต้วนหลิงเทียน!" เสียงดังเสียงหนึ่งปลุกต้วนหลิงเทียนให้ตื่นจากนิทรา ตอนนี้เขาพลันสังเกตเห็นว่าด้านล่างต้นไม้ มีเซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินที่กำลังยืนเรียกเขาอยู่ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

"หือ พวกเจ้ามีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?"ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย

"ต้วนหลิงเทียน ตอนนี้ผู้บัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์ ชวีลู่ ได้เคลื่อนกองทัพมาปิดล้อมสถาบันบ่มเพาะขุนพลเอาไว้ ดูเหมือนว่ามันจะเฝ้ารอให้เจ้าออกไป…วันนี้เจ้าไม่กลับบ้านดีหรือไม่?" เซี่ยวฉวินกล่าวออกมาพร้อมสีหน้าทีเคร่งเครียดและกังวลอย่างมาก

"ชวีลู่?" ดวงตาของต้วนหลิงเทียนกลอกขึ้นเล็กน้อย ตอนเที่ยงระหว่างมื้ออาหาร เขาได้ยินเรื่องราวมาจากเทียนหู เกี่ยวกับเบื้องหลังของชวีลั่ง ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าชวีลั่งเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของผู้บัญชาการกองกำลังทหารองครักษ์ประจำเมืองหลวง ชวีลู่

นอกจากนั้นชวีลู่ผู้นี้ยังเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9 อีกด้วย

อย่างไรก็ตามเขาหาได้แยแสชวีลู่ผู้นี้นัก หากมันกวนใจและคิดสร้างปัญหาให้เขาแล้วล่ะก็ เขาจะส่งอาคมกร่อนกระดูกให้มันได้ลิ้มรสสักครา แล้วทีนี้เกรงว่ากองกำลังทหารองค์รักษ์คงต้องเดือดร้อนหาผู้บัญชาการคนใหม่แทนที่มัน!

"ดูท่าแล้ว มันจะให้ความสำคัญข้าไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงกับยกทัพมาเอิกเกริกเช่นนี้" มุมปากของต้วนหลิงเทียนยกขึ้นเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน มีเรื่องราวสนุกสนานให้เขาละเล่นอีกแล้ว…

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 196 ความเคลื่อนไหวภายในเมือง"

3.7 232 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ!
ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ!
มีนาคม 12, 2022
เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน
กรกฎาคม 6, 2023
Gate of God
Gate of God
พฤษภาคม 17, 2022
INVINCIBLE โลกอมตะ
INVINCIBLE โลกอมตะ
มีนาคม 12, 2022
ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
มีนาคม 12, 2022
พ่อบ้านจักรพรรดิปีศาจ
พ่อบ้านจักรพรรดิปีศาจ
มีนาคม 12, 2022
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz