หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 190 พานพบศัตรูโดยบังเอิญ

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 190 พานพบศัตรูโดยบังเอิญ
Prev
Next

แม้กระทั่งในอาณาจักรพนาครามเองนั้น เหล่าผู้หลอมโอสถระดับ 5 ก็นับเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ยากจะพานพบไม่ต่างอะไรกับขนของนกฟีนิกส์และเขาของกิเลน

นอกเหนือไปจากตระกูลราชวงศ์ของอาณาจักรพนาครามที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงแล้ว ผู้ที่มีอำนาจมากเพียงพอที่จะสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้หลอมโอสถระดับ 5 ให้หลอมกลั่นโอสถระดับ 5 ได้ก็มีเพียงนิกายใหญ่ที่อยู่บนจุดสูงสุดของอาณาจักรพนาคราม

หากจะกล่าวถึงอำนาจในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ก็คงสรุปได้ว่า ตระกูลราชวงศ์เข้มแข็งที่สุด รองลงมาก็จะเป็นตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง ส่วนทางด้านอาณาจักรพนาครามนั้น รองจากตระกูลราชวงศ์ก็จะเป็นตัวตนของเหล่านิกายใหญ่!

"ข้าได้ยินข่าวลือมาว่า เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตระกูลหยวนแห่งอาณาจักรอณูสวรรค์ได้บังเกิดอัจฉริยะไร้ผู้ต้าน ที่สามารถตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ด้วยวัยเพียง 19 ปีขึ้นมา…จนกระทั่งเขาได้ต้องตานิกายจันทร์พิสุทธิ์ อีกทั้งมันยังถูกผู้อาวุโสหลักของนิกายจันทร์พิสุทธิ์รับไปเป็นศิษย์ ด้วยเหตุนี้ตระกูลหยวนจึงได้รับโอสถสู่ธรรมชาติจนผู้อาวุโสระดับครึ่งก้าวธรรมชาติของมัน สามารถตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้เป็นผลสำเร็จ! และตระกูลของพวกมันก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด" หลังจากได้ฟังคำกล่าวแจกแจงของผู้อาวุโสหลัก เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลต้วนทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะ ระบายลมหายใจออกมา

"ข้าเองก็ได้ยินเรื่องราวเช่นนี้มาก่อน" อาวุโสอีกคนหนึ่งของตระกูลต้วนกล่าวออกมาพร้อมประกายตาเรืองวูบด้วยความคาดหวัง

ผู้เชี่ยวชาญระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ … มีความหมายต่อตระกูลต้วนอย่างมาก!

ในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้มีผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งก้าวสู่ธรรมชาติมากมาย

แต่ในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้กลับมีผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับธรรมชาติเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น

เพราะมันเป็นเรื่องยากเย็นราวปีนป่ายสวรรค์ที่จะตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ

หากว่าไม่มีพรสวรรค์สูงส่งแล้วล่ะก็ สุดท้างของคนๆนึงนั้นจะมีเพียงระดับครึ่งก้าวสู่ธรรมชาติเท่านั้น จะไม่มีวันเหยียบย่างเข้าไปสู่ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้ตลอดจนชั่วชีวิต

ภายในประวัติศาสตร์ของตระกูลต้วนอันยาวนานนั้นกล่าวได้ว่า บังเกิดผู้ฝึกยุทธ์ระดับครึ่งก้าวสู่ธรรมชาตินับร้อยคน แต่หามีแม้แต่คนเดียวที่สามารถตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้สำเร็จ

และในปีนั้นทางตระกูลต้วนเองก็บังเกิดความหวังขึ้นมา และคิดว่าต้วนหรูเฟิงจะทำลายประวัติศาสตร์ ก้าวขึ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้เป็นคนแรก

เพราะกล่าวได้ว่าตอนนั้นต้วนหรูเฟิงเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลต้วน แต่น่าเสียดายที่ต้วนหรูเฟิงกลับต้องมาหายตัวไปอย่างลึกลับในพื้นที่ต้องห้าม จนกระทั่งทุกวันนี้ยังไร้วี่แวว เท่าที่ตระกูลต้วนรู้พวกเขาได้ถอดใจและตัดสินว่าต้วนหรูเฟิงคงพบเจอเภทภัยถึงชีวิตไปแล้ว

ทว่ามาตอนนี้บุตรชายของต้วนหรูเฟิง ต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับสร้างเรื่องราวสะท้านขวัญ … เขาสามารถตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นแท้ด้วยวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น!

ด้วยพรสวรรค์ตามธรรมชาติที่สูงส่งเลิศล้ำขนาดนี้ ได้กระตุ้นความหวังและความกระหายที่จะยิ่งใหญ่ของตระกูลต้วนขึ้นมาอีกครั้ง

ในปีนั้นพวกเขาก็เฝ้ารอคอยวันเวลาที่ต้วนหรูเฟิงจะตัดผ่านไปยังระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ และนำพาตระกูลให้เจริญรุ่งเรือง ส่งตระกูลต้วนให้ยืนหยัดได้อย่างไม่อายผู้ใดในอาณาจักร … ตอนนี้เมื่อมีบทเรียนของต้วนหรูเฟิงแล้วทางตระกูลต้วนก็ไม่คิดรอคอยให้ต้วนหลิงเทียนมีระดับบ่มเพาะแรกสัมผัสชาติเหมือนกาลก่อน เพราะมันอาจเกิดเหตุแทรกซ้อนจนเสียโอกาสไป!

พวกเขาหวังเพียงว่าต้วนหลิงเทียนจะได้เข้าร่วมนิกายใหญ่ของอาณาจักรพนาคราม และทำผลงานจนเป็นที่ต้องตา กระทั่งได้รับโอสถสู่ธรรมชาติ และนำโอสถกลับสู่ตระกูลต้วน และตอนนั้นทางตระกูลต้วนก็จะคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งก้าวธรรมชาติ ให้ใช้โอสถสู่ธรรมชาติเพื่อทะลวงผ่านกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ!

ด้วยวิธีนี้ไม่เพียง จะไม่เดินซ้ำรอยเดิมของต้วนหรูเฟิง อีกทั้งตระกูลต้วนยังบังเกิดผู้เชี่ยวชาญระดับแรกสัมผัสธรรมชาติได้ในระยะเวลาอันสั้น!

"ท่านประมุขข้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของท่านผู้อาวุโสหลัก ไม่ว่าพวกเราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมายสักเท่าไหร่พวกเราต้องพาตัวต้วนหลิงเทียนกลับเข้าตระกูล และให้เขากลับมาไหว้บรรพชน ก่อนที่จะหาโอกาสให้เขาเข้าสู่นิกายใหญ่ของอาณาจักรพนาคราม จนกระทั่งเป็นที่ต้องตาต้องใจและได้รับบรรณาการเป็นโอสถสู่ธรรมชาติให้ได้! "

"ข้าเองก็เห็นด้วยกับวาจาของท่านผู้อาวุโสหลัก!"

"ข้าเองก็เห็นด้วย!"

…

ในตอนนี้เมื่อพวกเขาคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะบังเกิดผู้เชี่ยวชาญระดับแรกสัมผัสธรรมชาติในตระกูลต้วน ทำให้เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ในห้องโถงนี้ล้วนตื่นเต้นและคึกคักกันอย่างมาก

ต้วนหรูหั่วเพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกละอายอยู่ในใจเล็กน้อยกับการตัดสินใจครั้งนี้ของตระกูล …ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตระกูลต้วนของพวกเขาต้องถึงขั้นลดศักดิ์ศรีลงไปใช้ประโยชน์จากเด็กน้อยคนหนึ่ง?

"ท่านผู้อาวุโสหลัก!" ประมุขต้วนหรูหั่ว มองไปยังต้วนเฉินก่อนที่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น "ไม่ใช่ว่าตระกูลต้วนของเราจะไม่ยินดีรับต้วนหลิงเทียนกลับเข้าตระกูลหรือพาเขากลับมาเคารพบรรพชน…แต่ทั้งหมดล้วนเป็นตัวเขาเองที่ปฏิเสธข้อเสนอของพวกเราทั้งสิ้น ส่วนตัวข้าแล้วข้าคิดว่าเขาคงได้รับนิสัยเช่นนี้มาจากบิดาของเขาเป็นแน่ นิสัยที่ยากจะเปลี่ยนใจได้โดยง่าย"

"ข้าเองกล่าวไปแล้วว่าพวกเราต้องใช้ทุกวิถีทางแม้จะต้องเสียอะไรเท่าไหร่ก็ยอม …ขอเพียงทำให้ตระกูลต้วนนำพาเขากลับมาได้สำเร็จ!" ประกายตาของต้วนเฉินทอประกายออกมาราวกับดาราพร่างพราว เอ่ยคำขาดออกมาอย่างช้าๆ

ต้วนหรูหั่วค่อยๆผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้จากผู้อาวุโสหลัก เขาเองก็รู้ดีว่าเรื่องนี้มีความสำคัญขนาดไหน…

และในตอนนั้นเองหญิงรับใช้คนหนึ่งที่พึ่งรินชาให้เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลจนเสร็จสิ้นก็ได้เคลื่อนร่างออกจากห้องไปอย่างเงียบงัน ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายหน้าห้องโถงหลัก ตัดผ่านตึก เร่งรุดไปยังลานบ้านลานหนึ่งในตระกูล

ภายในลานบ้าน ดวงตาหยีๆของสตรีอ้วนฉุ พลันหดแคบลงไปอีกจนตาแทบปิดเมื่อได้ฟังคำกล่าวรายงานจากหญิงรับใช้ ที่นางใช้ให้ไปสืบความ "สามีของข้าตกตายยังไม่ทันข้ามคืน มายามนี้ตระกูลต้วนกลับคิดรับตัวฆาตกรสังหารบุตรและสามีข้ากลับเข้าตระกูลรวมถึงกราบกรานบรรพชน? ทั้งตระกูลยังยินดีที่จะเสียค่าใช้จ่ายมากเท่าไหร่ก็ตามเพื่อดึงตัวมันกลับมา!"

ร่างอ้วนท้วมอุดมไปด้วยไขมันของสตรีผู้นี้ถึงกับสั่นสะท้านกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่นด้วยโทสะที่พุ่งถึงขีดสุด “ไร้ประโยชน์ที่ข้าจะอาศัยอยู่ในตระกูลต้วนอีกต่อไป ต้วนหรูเล่ยตกตายไปแล้วข้าจะอยู่ไปเพื่ออะไร ข้าคนเดียวไม่อาจแก้แค้นให้บุตรและสามีที่รักของข้าได้ ข้าต้องกลับ! …ข้าต้องกลับไปยังตระกูลของข้า! "

"ข้าจะแก้แค้นให้บุตรและสามีข้าด้วยมือของข้าเอง!" สตรีอ้วนฉุเก็บข้าวของที่จำเป็น ก่อนที่จะพาร่างที่อุดมไปด้วยก้อนเนื้อออกจากตระกูลต้วนไป และรีบออกจากเมืองหลวงในยามเช้าตรู่อย่างเร่งร้อน

ณ สถาบันบ่มเพาะขุนพล

ต้วนหลิงเทียนเองก็มาถึงสถาบันแต่เช้า และเพียงแค่เขาก้าวผ่านประตูหน้าเข้ามาทุกสายตาของผู้คนล้วนจับจ้องมาที่เขา และเขาสังเกตได้ว่าไม่ว่าจะมากหรือน้อยพวกมันล้วนมองเขาราวกับตัวประหลาด

ต้วนหลิงเทียนทำได้เพียงส่ายหัวออกมาพร้อมยิ้มอย่างขมขื่น

ดูเหมือนว่าคงต้องใช้เวลาสักระยะกว่าที่ผู้คนจะเลิกมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เช่นนี้…และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะเรื่องราวที่เขาได้กระทำเอาไว้เมื่อวาน

ยังนับว่าโชคดีอีกแค่เพียงไม่นานเขาก็จะได้ออกเดินทางไปจากสถาบันบ่มเพาะขุนพลนี้ระยะหนึ่ง เพื่อมุงหน้าไปยังแนวรบที่อยู่บริเวณชายแดนด้านตะวันตกเฉียงเหนือ

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังเดินผ่านลานฝึกซ้อมนั้น คิ้วของเขาพลันขมวดขึ้น เพราะเขาพลันสังเกตเห็นว่ามีสตรี 3 คนกำลังโต้เถียงส่งเสียงดังกันอยู่ … กล่าวให้ชัดก็คือ มีสตรีสองนางกำลังร่วมมือกันใช้วาจารวมทั้งกำลังข่มเหงสตรีคนหนึ่งอยู่

ต้วนหลิงเทียนเห็นได้ชัดว่าสตรีที่กำลังถูกกลุ้มรุมอยู่นั้นเต็มไปด้วยความจนใจ ไม่มีผู้ใดเข้าไปช่วยเหลือนางอีกทั้งนางก็ไม่อาจตอบโต้อีกฝ่ายได้…ถึงแม้ว่าสตรีคนนี้จะไม่ได้นับว่าเป็นหญิงงามเลอโฉม ทว่าใบหน้าของนางก็สะอาดสะอ้านไร้ตำหนิ แลดูหมดจดสุภาพเรียบร้อย

ในตอนแรกตัวเขาเองก็ไม่คิดจะสอดมือไปยุ่งวุ่นวายเรื่องราวของสตรี

"ข้าได้ยินมาว่าเจ้า นับถือและยกย่องต้วนหลิงเทียนจนคิดเทิดทูนมันมากเช่นนั้นรึ?" 1 ใน 2 สตรีที่กำลังกลุ้มรุมสตรีไร้ทางสู้อยู่ที่หันหลังให้ต้วนหลิงเทียน หนึ่งในนั้นถือแส้สีดำในมือ พร้อมกล่าวถามสตรีไร้ทางสู้คนนั้นด้วยน้ำเสียงขู่เข็ญ และน้ำเสียงนี้มันช่างคุ้นหูเขาเสียเหลือเกิน

"ถงลี่?" เมื่อต้วนหลิงเทียนจำเจ้าของเสียงได้ ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ประกายตาของเขาเยือกเย็นลง คำกล่าวที่ว่า พบเจอศัตรูหนทางคับแคบ นับว่าเป็นจริงไม่น้อย

ต้วนหลิงเทียนระงับฝีเท้าก่อนที่จะหรี่ตาลง ติดตามและรับฟังสถานการณ์เบื้องหน้า

"แล้วจะอย่างไร เหตุใดข้าถึงยกย่องเทิดทูนและยกให้ต้วนหลิงเทียนเป็นแบบอย่างไม่ได้? ข้านั้นชื่นชมในสิ่งที่เขากระทำ ใช่!และข้าชอบเขา แล้วมันจะอย่างไร? ข้าไม่ได้ไปบังคับให้เจ้าชอบเข้าสักหน่อยนี่" นักศึกษาสตรีที่มีใบหน้าหมดจดกล่าวออกมาอย่างไม่ยินยอมสยบ

"ข้าจะไม่แยแสหรือสนใจอันใดหากเจ้าชมชอบผู้อื่น … แต่ต้วนหลิงเทียนเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันกับข้าได้ และใครก็ตามที่ยกย่องนับถือเทิดทูนมัน รวมทั้งคิดเอามันเป็นแบบอย่าง ถือเป็นศัตรูของข้าถงลี่!" น้ำเสียงของถงลี่นั้นเย็นชาและดุร้ายอย่างมาก นางไม่อาจระงับโทสะในใจที่มีต่อต้วนหลิงเทียนได้

"นังแพศยา เจ้าไม่รู้จักนายหญิงน้อยลี่หรือไร? นายหญิงน้อยลี่เป็นถึงลูกพี่ลูกน้องขององค์ชาย 5 และหาใช่คนที่สามัญชนเช่นเจ้าจักล่วงเกินได้! รีบคุกเข่าขอขมาแล้วกล่าววาจาว่า ต้วนหลิงเทียนชั่วช้าสารเลวบัดซบ 100 ครั้ง บางทีนายหญิงน้อยลี่จะมีเมตตาปล่อยเจ้าไป" นักศึกษาหญิงอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างถงลี่ได้นำมือข้างหนึ่งเท้าสะเอว ส่วนอีกข้างชี้หน้าของสตรีใบหน้าหมดจด นางคิดใช้สถานะของถงลี่เพื่อข่มเหงรังแกนักศึกษาสตรีใบหน้าหมดจดคนนี้

"เจ้า เจ้า… " สตรีใบหน้าหมดจดโกรธเคืองจนถึงขั้นลมหายใจหอบถี่ขึ้น

"ข้าทำไม มีปัญหาอะไร หากเจ้ายังไม่รีบคุกเข่าตะโกนด่าทอออกมาว่า ต้วนหลิงเทียนชั่วช้าสารเลวบัดซบ 100 ครั้ง ข้าจะใช้แส้ฟาดหน้าเจ้าให้เนื้อแตก!" ถงลี่กระชับแส้ในมือก่อนที่จะหวดฟาดพื้นดังสนั่นราวกับว่านางสามารถใช้แส้นี้หวดฟาดทำลายโฉมผู้อื่นได้ทุกเมื่อ

สีหน้าของสตรีใบหน้าหมดจดกลับกลายเป็นซีดเผือด ร่างกายบอบบางของนางสั่นสะท้านเล็กน้อย แต่นางยังกัดฟันทนและไม่ยินยอมกระทำตามสั่ง

สีหน้าของต้วนหลิงเทียนมืดลงทันที ในที่สุดเขาก็ไม่อาจยืนทนดูเรื่องราวได้อีกต่อไป เขารีบก้าวเท้าเดินเข้าไปด้วยสีหน้ามืดลง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักนักศึกษาหน้าตาหมดจดนางนั้น แต่ในเมื่อนางถูกผู้คนข่มเหงรังแกเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา เขาไม่อาจนิ่งดูดายเห็นนางถูกตัวบัดซบถงลี่รังแกได้อีกต่อไป

เมื่อต้วนหลิงเทียนก้าวเข้ามา สตรีใบหน้าหมดจดนั้นก็สามารถสังเกตเห็นต้วนหลิงเทียนที่กำลังเดินมาทางนี้ ประกายตาของนางทอประกายระยิบระยับด้วยความหลงใหล

"เหอะ สามลมหายใจหมดลงแล้ว นังแพศยาสารเลวเจ้ากล้าต่อต้านข้าจริงๆ!" ถงลี่ไม่ได้สังเกตเห็นแววตาและใบหน้าที่แสดงความหลงใหลของสตรีหน้าตาหมดจด นางก้าวออกไปพร้อมกระชับแส้สีดำไว้ในมือ ก่อนที่จะฟาดออกไปด้วยความเร็วสูง แส้สีดำกลับคล้ายอสรพิษดุร้ายพุ่งไปยังใบหน้าสตรีที่ไม่ทันระวังตัวอย่างวดเร็ว

เนื่องจากเพราะสังเกตเห็นต้วนหลิงเทียนสตรีใบหน้าหมดจดที่กำลังเคลิบเคลิ้มจึงไม่ได้เตรียมการป้องกันอะไรไว้ และเมื่อนางรู้ตัวอีกที แส้ของถงลี่ก็หวดฟาดออกมาแล้ว นางไม่อาจตอบสนองอันใดได้

"อ๊า!" สีหน้านางซีดก่อนที่จะเอามือกุมใบหน้าก้มลงไปทันที นางหวาดกลัวจนหลับตาปี๋ หวังเพียงแส้นี้จะไม่ร้ายแรงนัก

พริบตานั้นนางกลับสัมผัสได้ถึงคลื่นลมกรรโชกผ่านใบหน้าของนางไป แต่ทว่ากลับไร้ซึ่งความเจ็บปวด เสียงดังปังจากการฟาดแส้เองก็ดังขึ้นไปแล้ว

เมื่อสงสัยนางจึงลืมตาขึ้นมา และพบว่ายามนี้เบื้องหน้าของนางมีชายหนุ่มชุดสีม่วงกำลังยืนหันหลังให้ มือหนึ่งของเขาคว้าจับแส้ที่หมายทำร้ายนางเอาไว้

พริบตานั้นใบหน้าของนางพลันร้อนผ่าว ก่อนที่จะเจือสีแดงระเรื่อออกมาด้วยความเขินอาย! บุรุษในดวงใจ มาช่วยเหลือนางแล้วจริงๆ

"เจ้า … " ใบหน้าของถงลี่ฉายความหงุดหงิดออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะถูกขัดจังหวะในขณะที่นางกำลังคิดสั่งสอนผู้คน และในขณะที่นางจะด่าทอและทำร้ายคนที่มาขัดขวางนั้น นางก็พลันเป็นอ้าปากค้างสองตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความตกตะลึง เพราะคนที่เข้ามาสอดมือ กลับกลายเป็นต้วนหลิงเทียน คนที่นางเกลียดเข้ากระดูกดำ!

"ข้าทำไมเล่า หืม?" สายตาของต้วนหลิงเทียนเย็นชาลงในขณะที่กล่าววาจา พร้อมกระชากแส้ถงลี่จนหลุดจากมือ "แม่นางถงข้าคงไม่มายุ่งวุ่นวายอันใดกับเจ้า หากเจ้าคิดอยากหวดแส้ฟาดใส่อากาศ… แต่ข้าสงสัยนักแม่นางผู้นี้ไปทำอันใดให้กับเจ้า เจ้าถึงคิดทำร้ายนางอย่างอำมหิตเช่นนี้?"

ใบหน้าของถงลี่ซีดเผือด นางกล่าววาจาออกไปอย่างหวาดกลัวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง "ข้าจะทำอันใด เกี่ยวอะไรกับเจ้า!?"

"มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้าหรือ?" ต้วนหลิงเทียนเบนสายตาจากถงลี่ไปยังสตรีอีกนางหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างถงลี่ "ก่อนหน้านี้ใช่เจ้าบังคับให้แม่นางผู้นี้คุกเข่าแล้วกล่าววาจาอันใด 100 ครั้งกันนะ? ข้าเองได้ยินไม่ค่อยชัดสักเท่าไร เจ้าจะกล่าววาจานั้นออกมาอีกสักครั้งได้หรือไม่เล่า?"

สีหน้าของสตรีที่ยืนด้านข้างถงลี่กลับกลายเป็นซีดเผือด ที่นางกล้ากล่าววาจาเช่นนั้นก่อนหน้านี้เพราะถงลี่คอยให้ท้ายและสนับสนุนนาง แต่มาตอนนี้กระทั่งถงลี่เองยังเอาตัวไม่รอดแล้วนางจะกล้ากล่าวออกมาได้อย่างไร …

มันใช่เรื่องตลกหรือไร!? ต้วนหลิงเทียนผู้นี้กล้าทุบตีถงลี่จนหน้าบวมราวหัวหมู ต่อหน้านางซะด้วยซ้ำ

นางไม่คิดสงสัยเลย หากนางกล่าววาจาดูหมิ่นชายตรงหน้าแล้วล่ะก็ ไม่พ้นหน้านางได้กลายเป็นหัวหมูเช่นนั้นแน่

"ข้า …ข้าไม่ได้กล่าวอะไรนะ" สตรีคนนั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาซ้ำยังสั่นเครือราวจะร้องไห้ นางทำได้เพียงก้มหน้างุดๆไม่กล้าเงยหน้ามามองต้วนหลิงเทียน

"อะไร ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เจ้าเก่งกล้านักหรือ?" ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ยหยันออกมา ต้วนหลิงเทียนจ้องหน้าตาเขม็งก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา "คุกเข่าลง!"

ต้วนหลิงเทียนไม่คิดมองสตรีที่กล้าข่มเหงรังแกผู้อื่นโดยใช้ฐานะของถงลี่มาบีบคั้นเป็นสตรีอีกต่อไป

ไม่ใช่เจ้าคิดบีบบังคับให้ผู้อื่นคุกเข่างั้นหรือ?

ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าคุกเข่า!

ร่างกายของสตรีผู้นั้นสั่นสะท้านเมื่อได้รับจิตสังหารที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าผู้ใดที่นางพบเจอมาชั่วชีวิต สองขาพลันไร้ซึ่งเรี่ยวแรงทรุดลงไปกองกับพื้นทันที นางทำได้เพียงกัดฟันฝืนทนเอาไว้ไม่ให้หวาดกลัวจนฉี่ราด

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 190 พานพบศัตรูโดยบังเอิญ"

3.7 232 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

The Inverted dragons scale
The Inverted dragons scale
มีนาคม 12, 2022
วิถีสู่สวรรค์
วิถีสู่สวรรค์
มีนาคม 12, 2022
Tales of Herding Gods
Tales of Herding Gods
มีนาคม 12, 2022
ดาบจอมราชัน
ดาบจอมราชัน
มีนาคม 12, 2022
Eternal martial sorvereign
Eternal martial sorvereign
มีนาคม 12, 2022
เกิดใหม่กับระบบไร้พ่าย
เกิดใหม่กับระบบไร้พ่าย
มิถุนายน 26, 2022
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz