หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 187 แสร้งเป็นเหยื่ออ่อนแอ?

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 187 แสร้งเป็นเหยื่ออ่อนแอ?
Prev
Next

"หวังต้าหู่!" ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันหันไปจ้องหวังต้าหู่ด้วยสายตาเย็นชาแฝงอำมหิต ก่อนที่เขาจะกล่าวคำขาดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น "ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้า … รับเงิน 200,000 เหรียญเงินแล้วเจ้าไปซะ ส่วนพี่น้องคนอื่นๆ อีก 4 คนที่เหลือของเจ้าพวกมันต้องอยู่ทิ้งลมหายใจที่นี่ …กล่าวง่ายๆพวกมันต้องตาย!"

ต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนท่าทีกลับกลายเป็นอำมหิต ยื่นคำขาดโหดร้ายออกมา นับว่าเกินสิ่งที่หวังต้าหู่คาดการณ์เอาไว้ และแน่นอนว่าอีก 4 คนย่อมตกตะลึง ไม่คิดว่าสุดท้ายพวกมันต้องเจอเรื่องเช่นนี้ ความสิ้นหวังฉายชัดออกมาบนใบหน้า

"ท่าน … ท่านคิดกลับวาจา!" สีหน้าของหวังต้าหู่มืดลงทันที เขาจับจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาไม่ยินยอม ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะกลับคำพูด คิดปลิดปลงชีวิตพี่น้องของเขาเช่นนี้

"บัดซบ รนหาที่ตาย!" เสียงเย็นชาของจางเฉวียนดังขึ้น จิตสังหารคละคลุ้ง ขาขยับว่องไวปานสายฟ้า ฟาดเตะหวังต้าหู่จนกระเด็นไปคิดผนังห้อง มันล้มลงอย่างไร้ต่อต้าน

หวังต้าหู่กระอักโลหิตถ่มถุยเลือดในปากออกมา 2-3 ครั้งติดต่อ ในสายตามันเต็มไปด้วยความโกรธผสมปนเปกับความไม่ยินยอม จับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน

"พี่ใหญ่" เหล่าพยัคฆ์สีชาดแดนเหนืออีก 4 คน สีหน้าซีด แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน

"หวังต้าหู่ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่ข้าจะมอบให้เจ้า หวังว่าเจ้าคงรู้ว่าอะไรดีต่อตัวเจ้า"ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองหวังต้าหู่ด้วยแววตาไม่แยแส กล่าววาจาออกมาเรียบๆ

"ถึงแม้ตัวข้าหวังต้าหู่จักต้องตกตาย! ไม่ขออยู่อย่างอับอายเยี่ยงคนขายพี่น้อง!!" หวังต้าหู่กัดฟังตอบออกมาเสียงดังกรอดๆ แม้ว่าตัวมันเองจักกลัวตาย แต่เบื้องหน้าคือเหล่าพี่น้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาเป็นเวลานาน ไม่มีวันที่เขาจะปล่อยให้พวกมันตายแต่เพียงลำพัง ส่วนเขาไปอิ่มหนำกับเงินตราอย่างแน่นอน

เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเก็บกู้ชีวิตนี้ไปได้ แต่ในใจของเขาคงรู้สึกติดค้างและทุกข์ทรมานไปชั่วชีวิต!

"พี่ใหญ่ ท่านไปเถอะอย่าได้สนใจพวกเรา!"

"พี่ใหญ่ข้ารู้ว่าท่านห่วงพวกเรา … แต่พวกเราหวังว่าท่านจะปลอดภัย ฝากท่านดูแลครอบครัวข้าด้วย!"

"พี่ใหญ่ ขอเพียงท่านรอดไปได้ ข้ายอมตาย!"

…

อีก 4 คนเหมือนรับรู้ว่ายามนี้พวกเขามิอาจหลีกเลี่ยงมหันตภัยครั้งนี้ได้แล้ว จึงหวังว่าพี่ใหญ่ที่คอยดูแลพวกมันมาตลอดจะมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย

"น้องรอง น้องสาม น้องสี่ น้องห้า!"ดวงตาของหวังต้าหู่แดงก่ำไปด้วยเส้นโลหิต มันหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือดเมื่อมองเหล่าพี่น้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แต่มันขอตายร่วมกับพี่น้อง! ลุกขึ้นยืนพร้อมแววตายินยอมแลกชีวิต!

หว่างคิ้วของจางเฉวียนและจ้าวกังขมวดเป็นปม ในฐานะคนของกองทัพพวกมันซาบซึ้งต่อคำว่าพี่น้องและมีความห่วงใยในตัวพวกพ้องและเข้าใจความจงรักภัคดีเช่นนี้เป็นอย่างดี เมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มของหวังต้าหู่ทั้ง 5 เป็นเช่นนี้อดไม่ได้ที่จะเกิดอารมณ์สะทกสะท้อนในใจและรู้สึกเห็นอกเห็นใจพวกมัน

แต่ในขณะที่พวกเขาจะช่วยกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเพื่อให้แสดงความเมตตาต่อพวกมัน..

"เอาล่ะ ต้องขอแสดงความยินดีด้วยหวังต้าหู่ เจ้าผ่านการทดสอบของข้าแล้ว!" สีหน้าเย็นชาปานน้ำแข็งเคลือบของต้วนหลิงเทียนเริ่มละลายหายไป เขาหยิบเงิน 2,800,000 ขึ้นมาก่อนที่จะชักเก็บไว้ 2,000,000 เหรียญ ก่อนที่จะโยนเงิน 800,000 เหรียญเงินไปให้หวังต้าหู่ "เอาล่ะ หลังจากที่เจ้าเก็บกวาดที่นี่เรียบร้อย ก็นำเงิน 1,000,000 เหรียญเงินนี่ออกจากเมืองหลวงพร้อมกับพี่น้องอีก 4 คนของเจ้าซะ"

การเปลี่ยนแปลงท่าทีราวกับหลังมือเป็นหน้ามือในฉับพลันเช่นนี้ทำให้กุล่มของหวังต้าหู่ตกตะลึง

จางเฉวียนและจ้าวกังหันมามองหน้ากันเองและยิ้มแย้มออกมา ก่อนที่จะเบนสายตาไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยความชื่นชม

"ขอบพระคุณนายน้อย ขอบพระคุณนายน้อย ขอบพระคุณนายน้อย!" กลุ่มหวังต้าหู่ทั้งหมดรีบคุกเข่าโขกหัวกล่าววาจาสำนึกบุญคุณออกมาจากส่วนลึกของหัวใจทันที

"เอาล่ะๆ ข้าจะไปจากที่นี่เพื่อไปจัดการธุระของข้าต่อ พวกเจ้าก็จัดการเรื่องราวทั้งหมดไปแล้วกัน ข้าไปแล้ว" ต้วนหลิงเทียนกวาดสายตามองกลุ่มหวังต้าหู่ทั้ง 5 พร้อมมุมปากที่ฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะออกเดินทางไปสะสางเรื่องราวพร้อมจางเฉวียนและจ้าวกัง

"นายน้อย หากหวังต้าหู่ละทิ้งชีวิตพี่น้องท่านคิดจะทำเช่นไรหรือ?" เมื่อเดินออกมานอกโรงเตี๊ยม ก่อนที่จะเดินตามหลังต้วนหลิงเทียนไปครู่หนึ่ง จางเฉวียนที่ชักสีหน้าสงสัย อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามขึ้นมา

"หากมันเลือกละทิ้งพี่น้องเพื่อเอาตัวรอด ข้าจะสังหารพวกมันทั้งหมด!" ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจาออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ราวกับเรื่องราวนี้มันเป็นเรื่องปกติธรรมดา

ในใจของเขานั้นหากหวังต้าหู่เลือกที่จะหนีเอาตัวรอดไปแล้วล่ะก็ เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจปล่อยพวกมันไปได้ …

จางเฉวียนและจ้าวกังระบายลมหายใจออกมาด้วยความหนาวเหน็บเมื่อได้ยินวาจาไม่แยแสของต้วนหลิงเทียน พวกเขาจับจ้องแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาทอประกายระคนชื่นชมด้วยแววตาลึกซึ้ง

พวกเขาไม่คิดสงสัยเลยสักนิดว่า ยามที่ชายหนุ่มผู้นี้เติบโต เขาจะเป็นตัวตนที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงใด!

ต้วนหลิงเทียนเองก็หันมามองจางเฉวียนก่อนที่จะกล่าวถามขึ้น "จางเฉวียน แล้วไอ้หงจี้อะไรนี่มันอยู่ที่ไหน?"

จางเฉวียนนั้นรู้จักหงจี้ดี และไม่นานเขาก็พาต้วนหลิงเทียนไปพบมัน

และไม่นานพวกเขาก็พบเจอตัวหงจี้ในบ้าน หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนข่มขู่พร้อมทรมานมันจนคายเรื่องราวทั้งหมดออกมา เขาก็เตรียมจะสั่งให้จางเฉวียนจ้าวกังลงมือจัดการเก็บกวาด…

แต่ไม่คาดคิด ต้วนหลิงเทียนยังไม่ทันสั่งจางเฉวียนจ้าวกังก็พลันลงมืออย่างอำมหิตแยกร่างหงจี้ออกเป็น 4 ส่วนทันที!

"พวกเจ้า … ." ต้วนหลิงเทียนตกตะลึง

จางเฉวียนพลันหัวเราะออกมาอย่างเขินอาย "นายน้อย หงจี้ผู้นี้นับว่าเป็นตัวอุบาทว์ชั่วช้า พวกข้าเองก็คิดที่จะสั่งสอนมันมาเนิ่นนานแล้ว ยามนี้ขอระบายอารมณ์สักครา"

"หืม? แล้วทำไมก่อนหน้านี้พวกเจ้าไม่ลงมือจัดการมันล่ะ?"

"เอ่อ…นายน้อยนี่เพราะพวกเราหวาดกลัวความสัมพันธ์ที่มันมีต่อประมุขของตระกูลเซี่ยว… "

"หืม แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงไม่กลัวแล้วล่ะ?"

"พวกเราได้สังหารคนของตระกูลซูมา 2 คนแล้ว และตอนนี้พวกเราก็เดินบนเส้นทางที่ไม่อาจย้อนกลับได้ แล้วพวกเราจะไปกลัวอะไรกับเรื่องที่ต้องสังหารหงจี้"

“ใช่ จะฆ่า 2 คนหรือ 3 คนก็ไม่ได้มีอันใดแตกต่าง ไหนๆพวกเราก็ติดตามท่านมาจนเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว จะสังหาร 3 คนหรือ 10 คนมันก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวแล้ว เพราะหากเรื่องแดงพวกเรามีกี่ชีวิตก็ไม่พอ”

"… ."

ต้วนหลิงเทียนสะอึกเล็กน้อยหลังจากที่ได้ฟังวาจาของจางเฉวียนและจ้าวกัง

ทำไมน้ำเสียงของพวกมันฟังแล้วดูเหมือน เขาเป็นผู้นำพาให้พวกมันเดินหลงทางเช่นนี้เล่า?

"ไม่คิดว่าหงจี้นี่จะมีแหวนมิติไว้ใช้งานเช่นนี้ด้วย … อะไร! 30,000,000เหรียญเงิน?" หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนผูกมัดแหวนมิติของหงจี้ และตรวจสอบสิ่งที่อยู่ภายใน…เมื่อเห็นเงินกองใหญ่ที่อยู่ภายในแหวน อดไม่ได้ที่จะทำให้เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

"สาเหตุที่หงจี้จะร่ำรวยถึงเพียงนี้ อาจเป็นเพราะมันได้รับเงินจากคนของตระกูลต้วนนั่น"จางเฉวียนย่อมคาดเดาได้

"ฮ่าๆๆ ไอ้บัดซบสารเลวหงจี้นั่น มันกล้าบอกว่าได้รับค่าจ้างมาเพียง 5,000,000 เหรียญเงิน… มันเกือบจะหลอกพวกเราได้แล้ว"ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างเย็นชา "เอาล่ะประตูเมืองชั้นในใกล้จะปิดแล้ว รีบไปกันเถอะ!"

ตอนนี้เขาบรรลุเรื่องราวในเมืองหลวงชั้นนอกเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงเรื่องราวที่อยู่ในเมืองหลวงชั้นในเท่านั้น

"ต้วนหรูเล่ย!" จิตสังหารของต้วนหลิงเทียนแผ่ซ่านคุกรุ่นออกมาอยู่ในใจของเขา

ต้วนหลิงเทียนได้ฟังคำพูดที่คายออกมาทั้งหมด ของหงจี้ที่หวังยื้อชีวิต และมันได้กล่าวว่า ท่านรอง ของตระกูลต้วนเป็นผู้จ้างวานมัน แน่นอนว่าท่านรองนี่มันคงเป็นใครอีกไม่ได้นอกจาก…

ผู้อาวุโสรองแห่งตระกูลต้วน, ต้วนหรูเล่ย!

หลังจากเดินกลับเข้ามาถึงเมืองชั้นในได้ทันเวลาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวกับจางเฉวียนและจ้าวกัง "พวกเจ้าไปลอบติดตามต้วนหรูเล่ยและเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของมัน ข้าอยากรู้ว่าคืนนี้มันจะไปที่ใด จะเขตที่พักของตระกูลต้วนหรือยังอยู่ที่บ้านของมัน …หลังจากที่พวกเจ้าสืบสาวได้ความชัดแน่นอนแล้วกลับไปรายงานข้าที่บ้าน "

"ได้ขอรับนายน้อย" จางเฉวียนและจ้าวกัง รีบพยักหน้ากล่าวรับคำออกมา

แน่นอนว่าพวกมันย่อมรู้ดีว่านายน้อยคิดอ่านอันใด… นายน้อยวางแผนคิดฆ่าต้วนหรูเล่ย!

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้จักตัวตนของต้วนหรูเล่ยและรับรู้ถึงสถานะมันอย่างดีว่าเป็นใคร แต่พวกมันได้สังหารคนของตระกูลซูมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกมันก็ไร้ความลังเลใดๆ…

เป็นดั่งเช่นนายน้อยกล่าววาจาสอนสั่ง หากกระทำการด้วยความหมดจดและไร้ซึ่งร่องรอยให้สืบสาว ทุกอย่างล้วนไม่มีอะไรผิดพลาด

ซ้ำคืนนี้ยังเป็นคืนเดือนมืด เมฆหมอกพร่างพราวเต็มท้องฟ้า สายลมโชยพัดแรงดังหวีดหวิว นับเป็นคืนอันดีที่จะสังหารผู้คน!

ด้านนอกลานบ้านกว้างใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองหลวงชั้นในยามดึกสงัด ปรากฏร่างโม่งดำ 3 ร่างเคลื่อนตัวเลียบกำแพงบ้านไปอย่างเงียบงัน เมื่อถึงจุดที่เหมาะสมทั้ง 3 ร่างพลันกระโดดข้ามกำแพง ลอบเข้ามาในบ้านได้อย่างราบรื่น แน่นอนว่าร่างโม่งดำทั้ง 3 ย่อมเป็นกลุ่มของต้วนหลิงเทียน

หลังจากที่จางเฉวียนและจ้าวกังไปลอบตามตัวของต้วนหรูเล่ยครึ่งคืน พวกเขาก็แน่ใจและยืนยันได้ว่าต้วนหรูเล่ยเลือกที่จะพักที่บ้านลานของมัน ไม่ได้กลับไปพักที่เขตที่พักของตระกูลต้วนแต่อย่างไร

บ้านหลังนี้มีลานบ้านขนาดเทียบเท่าบ้านของต้วนหลิงเทียน โคมเทียนในบ้านดับสนิท ตัวบ้านมืดและเงียบไร้เสียงพูดคุย…

"ดูเหมือนจะมีอะไรเล็กน้อย" ทันใดนั้นสัมผัสอันละเอียดอ่อนด้วยพลังวิญญาณที่เหนือชั้นของต้วนหลิงเทียนพลันจับสัมผัสถึงบางสิ่งได้ เขาหรี่ตามองฝ่าความมืดไปยังเบื้องหน้า

และไม่เพียงแต่เขาที่สังเกตพบความเคลื่อนไหว อสรพิษน้อยในแขนเสื้อเองก็กระวนกระวายขึ้นมาราวกับมันรับรู้ได้ถึงอะไรบางสิ่งเช่นกัน …

แต่หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจนำจางเฉวียนและจ้าวกังมุ่งหน้าต่อไปกับเขา

ในเมื่อมาถึงที่แล้วเขาก็ไม่อยากกลับไปมือเปล่าเช่นนี้!

ยิ่งไปกว่านั้นเขาจะกลัวอะไร? มันเป็นเพียงคนพิการคนหนึ่งเท่านั้น จะมีปัญญาทำอะไรเขาได้?! และถึงแม้มันจะมีคนคุ้มกันต้วนหลิงเทียนก็หาได้หวาดกลัว!

ตราบใดที่คนคุ้มกันของมันยังไม่ใช่ตัวตนที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวแรกสัมผัสธรรมชาติ ต้วนหลิงเทียนหาได้หวาดกลัวไม่ เพราะเขาสามารถใช้อาคมกร่อนกระดูกสังหารมันได้อย่างง่ายดาย

ฟุ่บ!

ทว่าเมื่อต้วนหลิงเทียนและจางเฉวียนจ้าวกังมาถึงกลางลานและมองหาจุดที่จะเล็ดรอดเข้าไปในบ้าน เสียงจุดโคมเทียนพลันดังขึ้น ทั่วทั้งลานกลับกลายเป็นส่องสว่างเผยตัวตนร่างโม่งดำทั้ง 3 ที่กลมกลืนไปกับความมืดอย่างกระจ่างชัด

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

และพริบตานั้นเอง ร่าง 3 ร่างพลันปรากฏขึ้นมาห้อมล้อมกลุ่มของต้วนหลิงเทียน

อีกทั้งในขณะที่ทั้ง 3 คนนี้เคลื่อนร่างออกมาด้วยความเร็วสูงเงาร่างช้างแมมมอธโบราณยังฉายออกมาเหนือหัวพวกมัน และเมื่อเพ่งมองให้ชัดพบว่าแต่ละคนมีเงาร่างช้างแมมมอธโบราณฉายออกมาถึง 1,000 … ผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 7 ทั้ง 3 คน!

ร่างชาย 3 คนที่ปรากฏนั้นเป็นชายชราทั้ง 3 คน และตอนนี้พวกมันกำลังจ้องมองกลุ่มของต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาลุกไหม้ราวกับจะแผดเผาพวกเขา

ม่านตาของต้วนหลิงเทียนหดแคบลง สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังเคร่งเครียด แต่เนื่องจากยามนี้ใบหน้าของเขาถูกปิดบังอยู่จึงไม่มีใครพบเห็น

เขาคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าที่ไม่ควรมีกลับมี!

อย่างไรก็ตามเขาหาได้แยแสผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้น 7 ทั้ง 3 ที่ปิดล้อมเขาอยู่ เพราะตราบใดที่เขาผนึกกำลังกับจางเฉวียนและจ้าวกัง เพื่อลงมือสังหารพวกมัน 1 คนทันทีด้วยอาคมกร่อนกระดูกที่จารึกไว้ในแหวนมิติ อีกทั้งเขายังสามารถใช้อาคมกร่อนกระดูกที่จารึกเอาไว้ในกระบี่อ่อนดาราม่วงปลิดปลงชีวิตอีก 1 ใน 2 ที่เหลือ คนสุดท้ายก็เป็นเรื่องง่ายดายสำหรับ การร่วมมือของจางเฉวียนและจ้าวกัง

"ต้วนหลิงเทียน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผู้ที่มานั้น ย่อมเป็นเจ้าอย่างแน่นอน" ทันใดนั้นเองเสียงเย็นชาเต็มไปด้วยความอำมหิตหนึ่งพลันดังขึ้นมาจากในตัวบ้าน ชายวัยกลางคนท่าทางหรูหราค่อยๆก้าวเดินออกมา

ชายชราสวมชุดสีเขียวคนหนึ่ง ติดตามชายวัยกลางคนที่กล่าวคำออกมา

ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะเห็นหน้าชายวัยกลางคนนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต แต่เขาย่อมคาดเดาอัตลักษณ์ของมันได้ทันที นี่เพราะใบหน้าของมันมีส่วนคล้ายคลึงกับต้วนหลิงซิ่งอยู่หลายส่วน …

ต้วนหรูเล่ย!

แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนให้ความสนใจหาใช่สวะอย่างต้วนหรูเล่ย แต่เป็นชายชราสวมชุดสีเขียวที่ติดตามมันมา

ชายชราที่สวมชุดสีเขียวนี้แลดูภายนอกเป็นชายแก่รูปร่างผอมบาง แต่ทว่ามันกลับสร้างความตื่นตัวให้แก่ต้วนหลิงเทียนอย่างถึงขีดสุด สังหรณ์อันตรายร้องเตือนเขาดังสนั่นในหัวใจ

จากประสบการณ์ 2 ชาติภพของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ต้วนหลิงเทียนรับรู้ได้ทันทีว่ามันไม่ธรรมดา …

ความแข็งแกร่งของชายผู้นี้บรรลุขอบเขตเหนือล้ำผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9 ไปมาก

ครึ่งก้าวแรกสัมผัสธรรมชาติ!

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ใจของเขาเต้นถี่ราวปืนกล

"มันอาจจะไม่ใช่ครึ่งก้าวแรกสัมผัสธรรมชาติ… " ต้วนหลิงเทียนกล่าวปลอบใจตัวเอง

"อะไรกัน? ต้วนหลิงเทียนต่อหน้าท่านลุงแท้ๆของเจ้าอย่างข้าผู้นี้ เจ้ายังไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนให้ข้าได้ยลโฉมหน้าหลานเสียหน่อยหรือ?" ต้วนหรูเล่ยจับจ้องไปยังต้วนหลิงเทียน ก่อนจะกล่าววาจาออกไม่อย่างนิ่งสงบ

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะถอดหน้ากากโม่งดำเปิดเผยใบหน้าออกมา …

ในเมื่อมีผู้คนจดจำเขาได้ ก็หามีความจำเป็นต้องใส่มันอีกต่อไป

และตอนนี้เขาค่อนข้างมั่นใจว่า เขาถูกต้วนหรูเล่ยล่อให้มาติดกับ

ต้วนหรูเล่ยสร้างภาพและหลอกล่อให้เขามองมันเป็นเหยื่อที่ง่ายต่อการจัดการ!

"อย่างที่คิดมันกลับละม้ายคล้ายคลึงต้วนหรูเฟิงถึงเพียงนี้ … " สายตาของต้วนหรูเล่ยจับจ้องไปยังใบหน้าที่พึ่งเผยออกมาของต้วนหลิงเทียน และดูเหมือนเพลิงโทสะกำลังลุกโชนขึ้นในใจ ราวกับว่าตอนนี้ตัวเขากำลังหวนย้อนนึกกลับไปถึงวันนั้น วันที่ต้วนหรูเฟิงทำลายตันเถียนของเขาจนต้องกลับกลายมาเป็นคนพิการเช่นนี้

"ข้าสงสัยนัก เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะมา?" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังต้วนหรูเล่ยพร้อมเอ่ยถามออกมา

"นี่ต้องโทษที่ผู้ติดตาม 2 คนด้านข้างของเจ้ายังอ่อนหัดนัก มันเปิดเผยร่องรอยให้ท่านผู้อาวุโสกู่พบเห็นได้อย่างง่ายดาย" ในขณะที่กล่าวถึงตอนนี้ ต้วนหรูเล่ยหยุดครู่หนึ่งก่อนจะหันไปยิ้มให้กับชายชราชุดเขียวด้านข้าง อีกทั้งยังสัมผัสได้ว่ามีความยำเกรงผสมอยู่ภายในรอยยิ้มนี้ไม่น้อย

"นายน้อย ขออภัย… เป็นพวกข้าไร้สามารถ"จางเฉวียนและจ้าวกังสะอึกขึ้นทันที พวกมันไม่คิดเลยว่าปัญหานี้จะเกิดขึ้นเพราะความสะเพร่าของพวกมัน ม่านตาของพวกมันหม่นหมองลง ก่อนที่จะกล่าวขออภัยออกมาด้วยน้ำเสียงขมปร่า

ต้วนหลิงเทียนยังคงจับจ้องไปยังชายชราชุดเขียวอย่างไม่คลาดสายตา

จางเฉวียนและจ้าวกังได้ติดตามเขามาสักระยะแล้ว และเขาก็สั่งสอนพวกมันจนสามารถปรับปรุงการลอบติดตามได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ต้วนหลิงเทียนมั่นใจว่ายามนี้ต่อให้พวกมันไปลอบติดตามผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9 ทั่วไป พวกมันก็ไม่น่าจะเปิดเผยร่องรอยใดๆให้อีกฝ่ายพบเห็น…

เป็นไปได้หรือไม่ว่าสุดท้ายแล้วชายชราชุดเขียวคนนี้ กลับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวแรกสัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง?

ความหนาวเหน็บเริ่มแผ่ซ่านปกคลุมใจของต้วนหลิงเทียน

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 187 แสร้งเป็นเหยื่ออ่อนแอ?"

3.7 232 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

กลืนดารา (Renew)
กลืนดารา (Renew)
พฤษภาคม 17, 2022
The favored son of heaven
The favored son of heaven
มกราคม 31, 2024
Gate of God
Gate of God
พฤษภาคม 17, 2022
อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
เมษายน 24, 2023
Godly Empress Doctor
Godly Empress Doctor
มีนาคม 12, 2022
Tales of Herding Gods
Tales of Herding Gods
มีนาคม 12, 2022
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz