หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 154 พานพบศัตรู

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 154 พานพบศัตรู
Prev
Next

ภายในห้องเรียนของฝ่ายดาวกุนซือชั้นปีที่ 1 ซื่อหม่าฉางฟงกำลังบรรยายความรู้เกี่ยวกับศาสตร์ของกุนซืออยู่บนแท่นด้านหน้า…ส่วนในห้องเรียนนั้น ในขณะที่นักศึกษาทั้ง 17 คนกำลังตั้งใจเรียนกันอย่างขะมักเขม้น จะเห็นได้ชัดว่ามีชายหนุ่มสวมชุดสีม่วงนอนหลับฟุบลงกับโต๊ะอยู่….เด่นหราผิดกับคนอื่นลิบลับ

"เฮ่ สหายเจ้าว่าเมื่อคืนต้วนหลิงเทียน เขาไม่ได้หลับนอนมาหรืออย่างไร?"

"มิรู้…แต่จะอย่างไรข้าก็เห็นเขานอนตลอดทั้งช่วงบ่ายของเมื่อวานไม่ใช่รึ ถึงยามค่ำคืนจะไม่ได้นอนก็ไม่น่าจะเหนื่อยจนหลับเป็นตายเช่นนี้นี่?"

เซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินเองก็หันมองไปยังต้วนหลิงเทียนที่กำลังหลับสนิทด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ

"เอาล่ะ หวังว่าพวกเจ้าจะเข้าใจสิ่งที่ข้ากล่าวไป แล้วก็กลับไปทบทวนให้เข้าใจอย่างถ่องแท้กันด้วย" ซื่อหม่าฉางฟงกล่าวกับนักศึกษาคนอื่นๆ หลังจากนั้นเขาก็เดินไปที่โต๊ะของต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะเคาะโต๊ะเบาๆ "ต้วนหลิงเทียนตามข้าออกไปด้านนอกสักครู่"

ต้วนหลิงเทียนพลันเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะขยี้ตาเล็กน้อย เมื่อเขาสังเกตเห็นซื่อหม่าฉางฟงยืนอยู่ตรงหน้า เขาก็หัวเราะออกมาอย่างเขินอาย ก่อนที่จะลุกตามออกไปอย่างว่าง่าย

ตอนแรกนั้นต้วนหลิงเทียนก็คิดว่า ที่ซื่อหม่าฉางฟงเรียกเขามา คงไม่พ้นเรื่องที่เขานอนหลับในชั้นเรียน…

อย่างไรก็ตาม…มันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด…

"เจ้าเป็นผู้จารึกอาคมเช่นนั้นหรือ?" ประกายตาซื่อหม่าฉางฟงทอประกายเรืองวูบไปด้วยความหยั่งรู้ ในขณะจับจ้องมายังต้วนหลิงเทียน

หัวใจของต้วนหลิงเทียนพลันเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อยร่างกายเองก็สั่นไหวเบาๆ เขาตื่นตัวขึ้นมาทันที และจ้องมองไปยังซื่อหม่าฉางฟงด้วยสายตาลึกซึ้ง "อาจารย์ซื่อหม่า เหตุใดท่านกล่าวเช่นนั้นเล่า?"

ซื่อหม่าฉางฟงแย้มยิ้มออกมา "ข้าเองก็เคยฝึกฝนด้านศาสตร์แห่งการจารึกอาคมอยู่บ้าง และจากความรู้ของข้านั้น ถึงแม้ว่าความอ่อนเพลียของผู้คนจะเกิดขึ้นได้จากหลายๆสาเหตุ แต่ข้าสังเกตได้ว่าความอ่อนล้าและทาทางอิดโรยของเจ้านั้นน่าจะเกิดจากการใช้พลังวิญญาณมากเกินไป และกรณีนี้มักจะเกิดขึ้นกับผู้จารึกอาคมเท่านั้น" ซื่อหม่าฉางฟงกล่าวออกมา ราวกับเป็นเรื่องที่เขาคุ้นเคย

ดวงตาของหลิงเทียนหรี่ลงทันที

ถึงแม้ซื่อหม่าฉางฟงจะกล่าวว่าเคยศึกษาศาสตร์ด้านอาคมจารึกมาอยู่บ้าง แต่ต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่านั่นเป็นคำกล่าวถ่อมตน ไม่ต้องกล่าวถึงอะไรอื่น สายตาเฉียบแหลมที่สามารถมองออกได้ถึงขนาดนี้นั้น ไม่มีทางที่ผู้จารึกอาคมระดับต่ำๆ จะมีความสามารถพอที่จะสังเกตได้! เห็นได้ชัดว่าซื่อหม่าฉางฟงผู้นี้เป็นผู้จารึกอาคมมากประสบการณ์คนหนึ่ง!

"ข้าเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าท่านจะเป็นผู้จารึกอาคมด้วย อาจารซื่อหม่า" ต้วนหลิงเทียนเพียงกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ เขาไม่ได้กล่าวปฏิเสธเรื่องที่เขาเป็นผู้จารึกอาคมออกมาแม้แต่น้อย

ตั้งแต่ซื่อหม่าฉางฟงสามารถสังเกตเห็นความต่างและพบว่าเขาเหน็ดเหนื่อยจากการใช้พลังวิญญาณมากเกินไป เช่นนั้นอาจารย์ซื่อหม่าฉางฟงผู้นี้ก็สามารถระบุได้ชัดแล้วว่าตัวเขาเป็นผู้จารึกอาคม ถึงแม้ว่าตัวเขาจะกล่าวปฏิเสธไม่ยอมรับ จะอย่างไรซื่อหม่าฉางฟงก็คงไม่เชื่อเขาอยู่ดี

“ตัวข้าเองก็กล่าวได้ว่ามีความสามารถในด้านจารึกอาคมแค่เล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้เจ้ายังมีระดับเพียงขั้นก่อกำเนิดเท่านั้น นั่นทำให้พลังวิญญาณของเจ้าน้อยนิดนัก เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ควรที่จะใช้มันไปกับการฝึกฝนจารึกอาคมมากเกินไป เมื่อระดับบ่มเพาะของเจ้าสูงขึ้น พลังวิญญาณของเจ้าเองก็จะเพิ่มพูนมากขึ้นไปด้วย เช่นนี้เมื่อเจ้ามีระดับบ่มเพาะสูงๆแล้วค่อยหันมาฝึกฝนการจารึกอาคมจะเป็นวิธีที่สมควรมากกว่า” ซื่อหม่าฉางฟงกล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจังเขาพยายามแนะนำนักศึกษาของเขา ตัวเขานั้นย่อมเห็นได้อย่างชัดเจนว่าต้วนหลิงเทียนมีอาการเหนื่อยล้าจากการฝืนใช้พลังวิญญาณมากเกินไป เพราะเขาเองก็เป็นผู้จารึกอาคมคนหนึ่ง

"ข้าเข้าใจแล้ว อาจารย์ซื่อหม่า"ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำเบาๆ เขาสัมผัสได้ว่าซื่อหม่าฉางฟงกล่าวเตือนเขาออกมาด้วยความปรารถนาดี

"เจ้าควรมุ่งมั่นและตั้งใจบ่มเพาะพลังและยกระดับตัวเองให้มากเข้าไว้ ยามนี้สำหรับเจ้ามันย่อมเป็นเรื่องอันสมควรที่สุดที่ควรกระทำ และเจ้าน่าจะรู้ว่าการบ่มเพาะมันเหมาะสมที่สุดยามที่เจ้ามีอายุเยาว์เช่นนี้ หากเจ้าสนใจในศาสตร์การจารึกอาคมจริงๆ ถึงแม้ว่าความรู้ด้านการจารึกอาคมของข้าจะมีไม่มาก แต่ข้าก็พอที่จะแนะนำเจ้าได้บ้าง เพื่อให้เจ้าสามารถประหยัดเวลาบ่มเพาะที่ต้องเสียไปได้ไม่น้อย " ซื่อหม่าฉางฟงกล่าวออกมา ดูเหมือนเขาจะเป็นห่วงและหวังดีอยากช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนที่เป็นนักศึกษาของเขาจริงๆ

แนะนำข้างั้นรึ? มุมปากของต้วนหลิงเทียนพลันกระตุกเล็กน้อย

เขามีความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด และความสามารถในการจารึกอาคมของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดนั้นได้การยอมรับโดยทั่วกันว่าไร้เทียมทานภายใต้สวรรค์ ไม่ต้องกล่าวถึงอาณาจักรกระจ้อยร่อยอย่างอาณาจักรนภาล่องเลย กวาดสายตามองทั่วทั้งทวีปเมฆาล่อง ยังไม่มีผู้ใดคู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิดในด้านจารึกอาคม

"ข้าต้องขอบคุณท่านมาก อาจารย์ซื่อหม่า" อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนก็ยังคงกล่าวขอบคุณซื่อหม่าฉางฟง เพราะจะอย่างไรทั้งหมดล้วนเป็นความหวังดีของซื่อหม่าฉางฟงที่อยากช่วยเหลือเขา …ถึงแม้ว่าความสามารถด้านการจารึกอาคมของเขานั้นสูงส่งเหนือล้ำมากพอจนเป็นยิ่งกว่าปรมาจารย์สำหรับซื่อหม่าฉางฟงเสียอีก

"เอาล่ะ เช่นนั้นเจ้าก็กลับได้แล้ว" แล้วต้วนหลิงเทียนก็เดินตามอาจารย์ซื่อหม่ากลับมายังชั้นเรียน

ที่สุดชั้นเรียนช่วงเช้าก็หมดเวลา เซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวิน พลันหันมามองต้วนหลิงเทียนโดยพร้อมเพรียงก่อนที่จะจ้องมาด้วยแววตาที่เข้าใจ "ต้วนหลิงเทียน…เจ้าเองก็ยังหนุ่มยังแน่น บางเรื่องเจ้าก็เพลาๆลงเสียบ้าง อย่าได้กระทำหักโหมมากเกินไป จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเจ้า … "

"บัดซบ! พวกเจ้ากล่าวบ้าอะไรออกมา?" ต้วนหลิงเทียนจ้องไปยังทั้งคู่ตาเขม็ง อย่างเขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่า 2 คนนี้มันพูดถึงเรื่องอะไร?

"เฮ่ๆ ดูเจ้าสิแค่นี้ก็ต้องทำเป็นโมโหกลบเกลื่อนความเขินอายออกมา เอาน่าๆ…จะอย่างไรพวกเราก็โตแล้ว เรื่องชายหญิงเองก็เป็นเรื่องปกติ เจ้าจะอายทำอะไร เจ้าหนุ่มน้อย?" เซี่ยวฉวินหัวเราะ

"นั่นสิ ไม่อย่างนั้นเหตุใดวันนี้เจ้าถึงแลดูอ่อนเพลียง่วงนอนนักเล่า? แล้วนี่อาจารย์ซื่อหม่าเรียกเจ้าไปตำหนิว่าอย่างไรบ้าง" เซี่ยวหยูพยักหน้าพร้อมกล่าวออกมา ซ้ำยังยกเหตุผลที่เหมาะสมอีกด้วย

"ข้าไม่ว่างตอบเรื่องไร้สาระ!" ต้วนหลิงเทียนกลอกตามองทั้งสองคนอย่างอ่อนใจ ก่อนที่จะหันหลังเดินไปโรงอาหาร …แล้วเสียงหัวเราะของทั้งสองพลันดังขึ้นมาไล่หลังเขา

และเมื่อมาถึงโรงอาหารพวกเขาก็สังเกตเห็นซูหลี่กับเทียนหูที่มาจองโต๊ะเอาไว้ก่อนแล้ว

"ซูหลี่,เทียนหู ไม่คิดจริงๆว่าพวกเจ้า 2 คนจะมาถึงที่นี่เร็วกว่าพวกเรา" ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย

"ดูเหมือนวันนี้อาจารย์หนิวหมังจะมีธุระ เขาเลยปล่อยพวกเราก่อนเวลา" เทียนหูหัวเราะออกมา ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไป "ต้วนหลิงเทียน องค์ชาย 5 ยังไม่ได้ไปสร้างปัญหาอะไรให้เจ้าใช่หรือไม่?"

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวเล็กน้อย ถึงแม้ว่าองค์ชาย 5 กำลังจะลงมือสะสางเรื่องนี้ แต่มันก็ไม่ควรที่จะเคลื่อนไหวอะไรโดยพลการ คนอย่างองค์ชาย 5 ที่เติบโตขึ้นมาในวงวนแห่งการชิงดีชิงเด่นและการหักหลังหลอกลวงในตระกูลราชวงศ์ แน่นอนว่าจะกระทำการอะไรย่อมระมัดระวังถึงขีดสุด สำหรับเรื่องราวของถงลี่นั้นหากดูจากสถานการณ์เมื่อวาน ตราบใดที่องค์ชาย 5 ยังไม่ได้ตรวจสอบประวัติความเป็นมาและพื้นหลังของเขาอย่างละเอียด องค์ชาย 5 นั่นคงไม่คิดเคลื่อนไหวลงมืออะไร

เพราะท่ามกลางสายตาผู้คนจำนวนมากเมื่อวานนี้ ท่าทางและการกระทำของเขานั้น แสดงให้เห็นได้ชัดว่าไม่ได้หวาดหวั่นองค์ชาย 5 แม้แต่นิด ย่อมแสดงให้เห็นว่าเขามีขุมกำลังบางอย่างที่ไม่เกรงกลัวองค์ชาย 5!

"หืม ต้วนหรงอะไรนั่นอีกแล้ว" สายตาของเทียนหูจับจ้องไปยังร่าง 2 ร่างที่เดินมาจากที่ไกลๆ

"เฮ่ ต้วนหลิงเทียน เหตุใดวันนี้เจ้าต้วนหรงอะไรนั่นมันดูแปลกไปนักเล่า รู้สึกเหมือนสายตาที่มันใช้มองเจ้าจะต่างไปจากเมื่อวานไม่น้อย? ท่าทางของมันดูเหมือนจะหวาดกลัวเจ้ามาก นี่! เมื่อวานเจ้าได้ไปทำอันใดมันมาหรือไม่?" หลังจากที่กล่าวเรื่องราวที่น่าแปลกใจออกมา เซี่ยวหยูก็หันไปมองต้วนหลิงเทียน

ทว่าสิ่งที่เขาเห็นยามนี้ก็คือ แววตาของต้วนหลิงเทียนนั้นดุร้ายบ้าคลั่งราวกับพยุหะอัสนี ซ้ำยังมีกลิ่นอายฆ่าฟันและกระหายเลือดแผ่ออกมาจากร่างกายอย่างท่วมท้น อีกทั้งจิตสังหารที่น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงพลันพรั่งพรูออกมารอบบริเวณ ถึงแม้มันจะไม่ได้มุ่งเป้ามาที่เขาแต่ก็ยังทำให้เขาถึงกับใจสั่นสะท้าน

ซูหลี่เทียนหูและเซี่ยวฉวินเองยามนี้สีหน้าของพวกมันล้วนซีดเซียวลงโดยพลัน เนื่องจากพวกมันได้รับผลกระทบจากจิตสังหารของต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน… พวกมันพลันเบนสายตาไปมองร่างที่อยู่ด้านข้างต้วนหรงทันที

"เป็นมัน!" เซี่ยวฉวิน จดจำร่างของชายหนุ่มคนนั้นได้ทันที ที่หันไปมอง

มันเป็นบุตรชายของรองประมุขตระกูลต้วน ต้วนหลิงซิ่ง!

ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่เคยจินตนาการสักครั้ง ว่าตนจะเจอต้วนหลิงซิ่ง คนที่เขารังเกียจมันเข้ากระดูกดำในสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้ หัวใจของต้วนหลิงเทียนพลันเต้นระรัวโลหิตสูบฉีดขึ้นโดยพลัน ภาพต้วนหลิงซิ่งกำลังทำร้ายและบีบบังคับเขาด้วยพลังที่เหนือกว่า ภาพที่มันซัดทำร้ายเค่อเอ๋อจนกระอักเลือด ภาพฝ่ามือที่มันฟาดลี่ซวนที่โดดมารับแทนเขาจนเกือบตาย พลันฉายวนซ้ำอยู่ในดวงตา ราวกับเหตุการณ์เหล่านั้นกำลังเกิดขึ้นอีกครั้งตรงหน้าเขา!!

"ต้วน หลิง ซิ่ง!" เสียงของต้วหลิงเทียนพลันเยือกเย็นอำมหิตถึงขีดสุด มือของเขาเอื้อมไปแตะด้ามกระบี่อ่อนดาราม่วงที่ม้วนพันไว้ที่เอว

ในตอนนี้เพียงแค่กระทำตามความคิดเท่านั้น เขาก็จะพุ่งร่างออกไปตวัดกระบี่อ่อนดาราม่วงปาดคอต้วนหลิงซิ่ง!

ทันทีที่ถูกจิตสังหารและแววตาอำมหิตของต้วนหลิงเทียนแผ่ซ่านมาปกคลุม ทำให้สีหน้าของต้วนหรงซีดเผือด ขาทั้งสองข้างของมันเริ่มสั่นราวกับไร้เรี่ยวแรง ความรู้สึกของมันยามนี้ไม่ต่างอะไรกับ อยู่บนเรือใบลำน้อยท่ามกลางมหาสมุทรที่กำลังเต็มไปด้วยพายุโหมกระหน่ำ คลื่นทะเลคลุ้มคลั่งเรือเขาสามารถพลิกคว่ำได้ตลอดเวลา…ความรู้สึกเช่นนี้มันยากจะทานทน มันทำให้เขาอึดอัดจนเริ่มหายใจไม่ออก!

"มัน… มันรู้จักท่านพี่?" ต้วนหรวงพยายามสูดลมหายใจเข้าอย่างยากลำบาก ทั้งยังพยายามฝืนร่างเอาไว้สุดกำลังไม่ให้ล้มก่อนที่จะพยายามต้านทานจิตสังหารที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดนี้ ใบหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นซีดเซียวไร้สีเลือดในขณะที่มองไปยังชายหนุ่มชุดสีม่วงที่อยู่ห่างไกล

เขาพลันสังเกตว่าชายหนุ่มในชุดสีม่วงที่เขารังเกียจมันจนเข้ากระดูกนั้น ดูเหมือนมันเองก็จะมีความเกลียดลูกพี่ลูกน้องของเขาเข้ากระดูกดำเช่นกัน

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

ใครสามารถบอกกล่าวแก่เขาได้บ้าง?

"หืม?" ในทันทีที่ต้วนหลิงซิ่งถูกปกคลุมด้วยจิตสังหารที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดนั้น เขารู้สึกคุ้นเคยกับมันเล็กน้อย… เขาเริ่มโคจรพลังงานต้นกำเนิดของเขาเพื่อต่อต้านจิตสังหารนี้ทันที และหันมองไปยังแหล่งกำเนิดจิตสังหารอย่างไม่รั้งรอ และไม่นานสายตาของเขาพลันไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มชุดสีม่วงที่นั่งอยู่ในระยะไกล

สองปีที่ผ่านมานี้ …ชายหนุ่มชุดสีม่วงนี้ต่างจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด … แต่ตัวเขายังคงจดจำชายหนุ่มในชุดสีม่วงนั่นได้ทันทีด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เห็นมัน!

"ต้วน หลิง เทียน!" ท่าทางของต้วนหลิงซิ่งเองก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง แววตาของเขาเองก็ทะลักล้นออกมาด้วยจิตสังหารอย่างไม่อาจระงับ

เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าต้วนหลิงเทียนนั่น จะมาปรากฏตัวในสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้ …และมีหนทางเดียวที่มันจะสามารถมาปรากฏตัวในสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้ได้! นั่นก็คือ ต้วนหลิงเทียน กลายเป็นนักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้

หากเขาจำไม่ผิดต้วนหลิงเทียนนั่นยังมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้นในปีนี้ แต่มันสามารถผ่านการทดสอบของ 1 ใน18 มณฑลจนสามารถเข้ามายังสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้ ทั้งๆที่มีอายุ 18 ปีเท่านั้น!

พรสวรรค์ตามธรรมชาติของมันนับว่าเหนือล้ำกว่า ต้วนหรูเฟิง บิดาอายุสั้นของมันเสียอีก!

ตอนนี้มีเพียงความคิดเดียวที่บังเกิดขึ้นในหัวใจของเขา… ต้วนหลิงเทียนต้องตาย!

เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่าหากต้วนหลิงเทียนยังมีชีวิตอยู่จนเติบโตไปมากกว่านี้ สักวันหนึ่งต้วนหลิงเทียนต้องกลายเป็นภัยพิบัติที่อันตรายอย่างถึงที่สุดสำหรับเขา

"ต้วนหลิงเทียน ข้าประหลาดใจนัก เจ้าไม่เพียงแต่ได้รับพรสวรรค์ตามธรรมชาติของบิดาอายุสั้นของเจ้ามาเท่านั้น …แต่เจ้าถึงกับเหนือล้ำกว่าเขา จนสามารถเข้ามายังสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้ได้ตั้งแต่อายุ 18 เท่านั้น" ต้วนหลิงซิ่งเดินมาถึงโต๊ะของต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะแสยะยิ้มเย้ยหยันออกมา

"ข้าก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมากเช่นกัน ที่บุตรชายของสวะพิกลพิการตัวหนึ่งกลับสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสถาบันบ่มเพาะขุนพลแห่งนี้ได้…จุ๊ๆๆ หากข้าเดาไม่ผิด สารรูปอย่างเจ้า คงได้รับสิทธิ์ในการเข้าเรียนตามกำหนดที่มอบให้แก่ตระกูลต้วน จนเข้ามาร่ำเรียนในสถาบันบ่มเพาะแห่งนี้ได้ ใช่หรือไม่? ก็อย่างว่าล่ะนะ บุตรชายของสวะพิการตัวหนึ่งจะเข้ามายังสถาบันบ่มเพาะขุนพลแหงนี้ได้ ก็คงต้องอาศัยประตูหลังเช่นนี้! " ประกายตาเย็นชาของหลิงเทียนนั้นฉายชัดออกมาถึงความเย็นชา พร้อมวาจาเสียดสี

กลิ่นอายไร้สภาพประการหนึ่งแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของทั้งคู่และปะทะกันอย่างไม่ยิ่งหย่อน จนบังเกิดเป็นบรรยากาศกดดันจนเหล่านักศึกษาทุกคนล้วนสัมผัสได้

ร่างกายของต้วนหลิงซิ่งสั่นสะท้าน ความต้องการฆ่าฉายชัดออกมาอย่างถึงขีดสุดในแววตาของมัน มันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงคำรามต่ำ "เจ้ากล้าสบประมาทบิดาข้า งั้นเหรอ?"

"แล้วข้ากล่าวผิดสักคำไหมเล่า?" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเยาะออกมาโดยไร้ซึ่งร่องรอยของความหวาดกลัว

เหล่านักศึกษาของสถาบันบ่มเพาะขุนพลที่อยู่ในบริเวณรอบๆรวมทั้งเซี่ยวหยู ซูหลี่ และคนอื่นๆล้วนตะลึงงัน

พวกเขาสังเกตได้ทันทีว่าเมื่อต้วนหลิงซิ่งปรากฏตัวขึ้น ต้วนหลิงเทียนดูเหมือนจะต่างออกไปจากปกติ แววตาของของเขายามนี้นั้นน่าหวาดหวั่นและดูเหมือนกำลังจับจ้องไปยังศัตรูชั่วชีวิต และตอนนี้ดูเหมือนต้วนหลิงเทียนจะไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการที่จะแล่เนื้อเถือหนังรวมทั้งสับต้วนหลิงซิ่งออกเป็นชิ้นๆ!

ส่วนทางด้านของต้วนหลิงซิ่งนั้นก็ดูเหมือนจะยกต้วนหลิงเทียนเป็นศัตรูที่มันต้องฆ่าให้ตายให้ได้เช่นกัน นั่นเพราะยามที่มันจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนจิตสังหารและความกระหายเลือดเองก็แผ่ซ่านออกมาอย่างถึงขีดสุด

ทั้งสองดูราวกับจะเป็นศัตรูกันมาแต่กำเนิด

ต้วนหรงที่หลบซ่อนอยู่ด้านหลังต้วนหลิงซิ่งเพื่อหลบเลี่ยงจิตสังหารที่น่าพรั่นพรึงจนมันไม่อาจต้านไหวของต้วนหลิงเทียน พยายามกล่าวถามออกมาด้วยความยากลำบากว่า "ท่าน … พี่ มะ…มัน….เป็นใครกัน?"

ต้วนหลิงเทียน?

เป็นไปได้หรือไม่ว่าชายหนุ่มชุดสีม่วงคนนี้ก็เป็นคนของตระกูลต้วนด้วยเช่นกัน?

ม่านตาของต้วนหลิงซิ่งหรี่ลงก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ชาติกำเนิดของมันหาได้เล็กน้อยไม่ บิดาของมันคือ ตัวอายุสั้นของตระกูลต้วน ต้วนหรูเฟิง!"

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 154 พานพบศัตรู"

3.7 233 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

Tales of Herding Gods
Tales of Herding Gods
มีนาคม 12, 2022
เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน (นิยายแปล) ปลดล๊อคตอนฟรี 3 วัน 1 ตอน
เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน
กรกฎาคม 6, 2023
Gate of God
Gate of God
พฤษภาคม 17, 2022
Dragon Kings Son-In-Law
Dragon Kings Son-In-Law
มีนาคม 12, 2022
The Divine Nine-Dragon Cauldron
The Divine Nine-Dragon Cauldron
พฤษภาคม 17, 2022
ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art
ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art
มีนาคม 12, 2022
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz