หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 153 อาคมจารึก กร่อนกระดูก

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 153 อาคมจารึก กร่อนกระดูก
Prev
Next

เป็นอีกบ่าย…ที่ต้วนหลิงเทียนนอนหลับยาวอย่างเกียจคร้าน เขาตื่นขึ้นมาเมื่อถึงเวลา…แน่นอนว่าเป็นสหายปลุกอีกตามเคย และวันนี้เขาก็เดินกลับพร้อมกับเซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวิน

และหลังจากที่แยกจากทั้ง 2 คนได้ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เหมือนจะสังเกตเห็นบางสิ่งที่หางตา ดวงตาเฉื่อยชาของเขาพลันเรืองวูบขึ้นมาด้วยประกายวาวโรจน์ ปากเขาเริ่มฉีกกว้างแสยะยิ้มออกมา ต้วนหลิงเทียนยักไหล่ของเขาออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะหันเดินไปคนละทางที่จะใช้กลับบ้าน… เขามุ่งหน้าไปยังตรอกที่เปลี่ยวร้างและเงียบสงบตรอกหนึ่ง

ฟุ่บ!ฟุ่บ!

แทบจะในพริบตาที่ต้วนหลิงเทียนเดินเข้าตรอก 2 ร่างพลันกระพริบวูบไหวออกมาปิดทางเข้าทั้งด้านหน้าและด้างหลังอย่างรวดเร็ว ราวกับพวกมันไม่อยากจะเสียเวลามากไปกว่านี้

"ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเล่า ที่คนของตระกูลต้วนสาขาหลัก ผันตัวไปเป็นสุนัขรับใช้ของคนจากตระกูลต้วนสาขาเช่นนี้?" ต้วนหลิงเทียนพลันหรี่ตาลงเล็กน้อยในขณะที่กล่าวคำเย้ยหยันออกมา ใบหน้าของเขาไม่มีเค้าลางแห่งความกลัวแม้แต่เศษธุลี

นี่เพราะต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ตั้งแต่ตอนเดินออกจากสถาบันแล้ว ว่ามีสายตามุ่งร้ายกำลังจับจ้องมาที่เขาจากระยะไกลๆ และเขาก็ปรายตามองผ่านๆอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้มีพิรุธก่อนที่จะสังเกตเห็นต้วนหรงที่แอบสังเกตการณ์เขาอยู่ในมุมแห่งหนึ่งไม่ไกลจากสถาบันสักเท่าไร

ทั้งนอกจากต้วนหรงแล้ว ยังมีชาย 2 คนที่ยืนอยู่กับมันอีกด้วย และหลังจากอาศัยความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด และประสบการณ์ในการย้อนรอยการสะกดรอยที่เขาฝึกฝนอย่างช่ำชองในสมัยที่ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญอาวุธทุกชนิดในชีวิตก่อนหน้าของเขา อีกทั้งยังมีพลังวิญญาณของเขาที่ตอนนี้มันยกระดับไปจนเทียบเคียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง ทำให้เข้าใช้ระยะเวลาเพียงสั้นๆเท่านั้น ก็สามารถระบุตัวตนของคน 2 คนที่ติดตามเขามาได้ และพวกมันก็มีระดับบ่มเพาะอย่างน้อยที่สุด อยู่ที่ ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7

ใบหน้าของชายวัยกลางคนทั้งสองเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินวาจาเย้ยหยันของต้วนหลิงเทียน พวกเขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะกล่าวแฉความเป็นมาของพวกเขาได้อย่างแม่นยำในเสี้ยวพริบตาเช่นนี้

สังหรณ์อัปมงคลประการหนึ่ง เริ่มก่อเกิดขึ้นในหัวใจของพวกเขา …เหตุใดในสถานการณ์ที่ล่อแหลมขนาดนี้ ชายหนุ่มตรงหน้ายังคงสงบนิ่งและเยือกเย็นได้ถึงเพียงนี้ ?… “เป็นไปได้หรือไม่ที่มันมีผู้ติดตามที่สามารถพึ่งพาได้? หรือยามนี้เองก็ยังมีตัวตนทรงพลังคุ้มครองมันอยู่กัน”

ชายวัยกลางคนทั้งสองเริ่มทำการตรวจสอบสภาพแวดล้อมอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง ตามข้อมูลที่พวกเขาได้รับรู้มา ชายหนุ่มตรงหน้านั้นมีผู้คุ้มกันเพียงคนเดียว และผู้คุ้มกันของมันก็เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 เท่านั้น และยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 คนนั้นจะไม่ได้อยู่ข้างมันเพื่อคุ้มครองเสียด้วยในเวลานี้

และหลังจากที่ทั้งสองสำรวจรอบๆ อย่างละเอียดและไม่พบว่ามีใครอยู่ พวกมันก็เริ่มถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

"คนของตระกูลต้วนขี้ขลาดเช่นนี้หมดเลยหรือไม่?" ร้อยยิ้มเย้ยหยันของหลิงเทียนฉีกกว้างขึ้น ทั้งน้ำเสียงของเขาที่กล่าวออกมาก็ดูแคลนอีกฝ่ายอย่างถึงขีดสุด

“เด็กน้อย หากเจ้าจะตำหนิใครสักคน ก็ให้ตำหนิตัวเจ้าเองเถิด ที่ไปล่วงเกินผู้คนที่เจ้าไม่สมควรไปล่วงเกินตั้งแต่แรก” ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังของเขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแหบต่ำ สายตาของมันเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา หลังจากที่มันกล่าวจบคำ มันก็หันไปพยักหน้ากับชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหนาของเขา

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันร่างของชายวัยกลางคนทั้งสองก็วูบไหวเล็กน้อย ก่อนที่พวกมันจะพุ่งมาอย่างรวดเร็วราวกับมีประกายอัสนี 2 สายพุ่งมาหมายบีบอัดต้วนหลิงเทียน เหนือศีรษะของพวกมันฉายเงาร่างช้างแมมมอธโบราณออกมา 120 ตัว …

"ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9? คาดไม่ถึงจริงๆว่าต้วนหรูเล่ย จะประเมินค่า ข้าไว้สูงถึงเพียงนี้!" แม้จะเผชิญหน้ากับการโจมตีผสานงานปิดล้อมทั้งด้านหน้าและด้านหลังของผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ระดับ 9 ถึง 2 คน แต่ต้วนหหลิงเทียนดูเหมือนจะไม่กังวลแม้แต่น้อย เขายังคงสงบนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่เดิม แม้แต่น้ำเสียงของเขาเองก็สงบราบเรียบอย่างมาก

แม้จะเป็นตัวชายวัยกลางคนทั้ง 2 คนเองก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้พวกเขาก็ไม่อาจถอยกลับได้แล้ว!

"ตาย!" ดวงตาของพวกเขาเรืองวูบออกมาด้วยประกายฆ่าฟัน พร้อมฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังงานก่อกำเนิดมหาศาลแผ่ปะทุออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ฟาดลงมายังต้วนหลิงเทียน

"ในตอนแรก เพื่อเห็นแก่บิดาที่ตกตายไปแล้วของข้า ตัวข้าเองก็ไม่ได้คิดที่จะเป็นศัตรูกับทุกคนของตระกูลต้วน แต่ในเมื่อพวกเจ้า 2 คนกล้าที่จะ ถือเทียนให้พญามาร1 เช่นนั้นก็ลงนรกไปเสีย!" ในช่วงวินาทีเป็นตายนี้คำพูดของต้วนหลิงเทียนดูเหมือนจะเร็วขึ้นเล็กน้อย! และเมื่อกล่าวจบเขาพลันยกมือขึ้นมา

(1 ถือเทียนให้พญามาร ประมาณว่า เลือกข้าง,ช่วยเหลือ,ให้กำลังใจ ผิดฝ่าย)

ฟุ่บ!

ลำแสงสีดำทมิฬกระพริบวูบวาบออกมาจากแขนเสื้อของเขาและเคลื่อนไหวคล้ายประกายแสงราวกับว่ามันเป็นประกายแสงสะท้อนจากคมเคียวยมทูตที่มาเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณอย่างไรอย่างนั้น

วิชาท่าร่างวิญญาณอสรพิษเคลื่อนกาย!

และในเวลาเดียวกันนั้นเองขาต้วนหลิงเทียนพลันขยับวูบไหวอย่างทันทีทันใด พุ่งตัวออกไปด้านข้างด้วยความปราดเปรียว

ปัง!

และในพริบตาเดียวกับที่ต้วนหลิงเทียนขยับร่าง ประกายแสงสีดำนั้นก็ทะลวงกลางทรวงอกฉีกกระชากหัวใจของพวกมันจนเป็นรูระบายอากาศแทบจะพร้อมเพรียงกัน… พลังงานต้นกำเนิดที่พวกมันทั้งคู่ควบรวมเอาไว้พลันสลายหายไป ร่างไร้วิญญาณของพวกมันเคลื่อนที่ตามแรงเฉื่อนจากการพุ่งตัว จนมาปะทะกันตรงกลางก่อนที่จะล้มลงไปราวหุ่นกระบอกไร้สาย

ฟุ่บ!

ลำแสงอัสนีบาตทมิฬสายนั้นพรันวูบวาบมาหยุดอยู่บนไหล่ของต้วนหลิงเทียน

ฟ่อฟ่อ ~ อสรพิษสีดำตัวน้อยผงกหัวขึ้นมาพร้อมจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยดวงตาใสแจ๋ว ก่อนที่มันจะเลียแก้มของต้วนหลิวเทียนราวกับรอคำชมเชย

ต้วนหลิงเทียนก้มลงก่อนที่จะค้นซากศพทั้งสอง อยู่ครู่หนึ่ง

"อะไร! ยากจนยิ่งนัก พวกมันมีเงินรวมกันเพียง 500,000 เหรียญเงินเท่านั้น เฮ่อ…ช่างเถอะถึงยุงมันจะเนื้อน้อยขนาดไหน แต่ก็ยังนับว่ามีเนื้อ" หลังจากเก็บเงินไว้ในแหวนมิติแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็คว้าร่างงูตัวน้อยสีดำบนไหล่มาไว้ในฝ่ามือ ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆว่า "เฮ่ เจ้าตัวน้อย เจ้าทำได้ยอดเยี่ยมไม่เบานี่ เช่นนี้เป็นไร ข้าจะให้รางวัลสำหรับผลงานนี้ของเจ้า หลังจากพวกเรากลับถึงบ้านดีหรือไม่?"

อสรพิษสีดำตัวน้อยจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยแววตากระจ่างใส ดูเหมือนว่ามันจะเข้าใจว่าต้วนหลิงเทียนกล่าวคำอะไร มันรีบผงกหัวตอบรับเบาๆ ก่อนที่ร่างกายของมันจะเลื้อยไปมาด้วยความดีใจอย่างมาก

‘อย่างที่คิดไว้ไม่ผิด … สัตว์อสูรระดับวิญญาณแรกก่อตั้งนั้นสามารถเข้าใจคำกล่าวของมนุษย์ได้ไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ พึ่งจะตัดผ่านมายังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งเท่านั้น เช่นนี้คงต้องมีการฝึกฝนสอนสั่งกันเสียหน่อย พวกมันจะได้เข้าใจภาษาของมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์’ ต้วนหลิงเทียนคิดขึ้นมาในขณะที่เขาเดินวนไปวนมาอยู่หลายรอบเพื่อให้มั่นใจว่าไร้ผู้ติดตามแล้ว จึงเดินทางกลับบ้านของเขา

….

ภายในลานบ้านของบ้านเดี่ยวพร้อมลานกว้างหลังหนึ่ง ต้วนหรงกำลังนั่งเหยียดขาเอนหลังอยู่บนตั่งตัวหนึ่ง ดูเหมือนเขาจะเพลิดเพลินกับการบีบนวดของสาวใช้ไม่น้อย เขากัดแอปเปิลที่อยู่ในมือคำเล็กๆก่อนที่จะเคี้ยวไปพร้อมแย้มยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี

แค่เพียงเขาคิดว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเขาจะไม่ต้องเห็นหน้าชายหนุ่มที่สวมชุดสีม่วงนั่น เขาก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความรู้สึกมีความสุขท่วมท้นออกมาจากหัวใจ

“ด้วยการลงมือของข้านายน้อยเช่นนี้ แม้กระทั่งยามที่เจ้ากำลังจะตาย เจ้าคงยังไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ ว่าใครเป็นคนส่งพวกเขาไปเอาชีวิตเจ้าใช่หรือไม่?” ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร ภายในใจของต้วนหรงก็ทะลักออกมาด้วยความสุขมากเท่านั้น

ทว่าน่าเสียดายที่เขาไม่อาจมีความสุขอยู่ได้นานนัก … เพราะค่ำคืนนั้นมีแขกที่คาดไม่ถึงปรากฏตัวขึ้นที่บ้านเดี่ยวพร้อมลานกว้างของเขา

ต้วนหลิงซิ่ง!

"ท่านพี่ ท่านมาที่นี่มีอะไรเร่งด่วนงั้นหรือ?" ต้วนหรงนั้นประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าผู้ที่มาเป็นต้วนหลิงซิ่ง แต่จะอย่างไรประกายตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความสุขและปากเองก็ยังแย้มยิ้มออกมาไม่หุบ

"แลดูเจ้าจะมีความสุขมากมายเสียเหลือเกิน" ต้วนหลิงซิ่งค่อยๆกล่าวออกมา

"เรื่องนี้ย่อมแน่นอน แค่เพียงข้าคิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าไอเด็กบัดซบจอมโอหังนั่น หัวใจของข้าก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่ง ว่าแต่ท่านพี่ แล้วเหตุใดท่านมาเอาเสียดึกดื่นป่านนี้เล่า มีอะไรที่ท่านต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่" เนื่องจากแสงไฟนั้นมันสลัวๆไม่ได้กระจ่างสักเท่าไร ทำให้ต้วนหรงไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าที่เริ่มจะเดือดดาลของต้วนหลิงซิ่ง

ต้วนหลิงซิ่งจับจ้องมายังต้วนหรงก่อนที่จะกล่าวคำออกมาอย่างช้าๆ "ข้าเกรงว่าเจ้าคงไม่อาจมีความสุขกับเรื่องนี้ได้อีกต่อไป"

"ท่านพี่ ท่านกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?" เมื่อต้วนหรวงสัมผัสได้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ศีรษะของเขาก็สั่นไหวเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาพลันแข็งค้างไปทันที

เกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นหรือไม่? มันไม่สมควรจะมีนี่!

วันนี้เขาเห็นว่าชายหนุ่มในชุดสีม่วงนั่นเดินออกจากสถาบันบ่มเพาะขุนพลไปกับสหาย 2 คน หลังจากนั้นมันก็แยกกลับไปตัวคนเดียว และถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวก็ตาม แต่ชายสวมหน้ากากข้างๆตัวมันนั้นก็เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 เท่านั้น ภายใต้การร่วมมือประสานจู่โจมของผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 9 ถึง 2 คน พวกมันคงต้องตกตายอย่างไม่ต้องสงสัย…

“ผู้ฝึกยุทธ์ระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 9 ที่บิดาของข้าส่งไปทำงานให้เจ้า ไม่ได้กลับมารายงานผลการลงมือกับบิดาของข้าที่เขตที่พักของตระกูลต้วนในตอนเย็น เมื่อมันดึกดื่นมืดค่ำจนผิดวิสัย บิดาของข้าจึงส่งคนออกไปค้นหาอยู่พักหนึ่ง …แต่ผู้ใดจะไปคาดคิดกันเล่าว่าพวกเขาจะกลับกลายเป็นศพ และถูกพบอยู่ใกล้ๆสถาบันบ่มเพาะขุนพล ?!” สีหน้าของต้วนหลิงซิ่งแปรเปลี่ยนเป็นครึ้มลงทันใด “ไอบัดซบตัวใดที่เจ้าไปมีเรื่องด้วย กันแน่!”

"ไม่จริงน่า … เป็นไปไม่ได้!" ต้วนหรงรีบส่ายหัวไปมาด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่เต็มใจที่จะเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริง

คิ้วของต้วนหลิงซิ่งขมวดเป็นปมก่อนที่เขาจะกล่าวถามออกมาด้วยความหงุดหงิดว่า "เจ้าไม่ได้กล่าวเองหรอกหรือ ว่าผู้คุ้มกันข้างกายมัน มีระดับบ่มเพาะเพียงระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 เท่านั้น?"

"ข้า … ข้าไม่รู้แต่ยามนั้นผู้ฝึกยุทธ์ข้างกายมันมีระดับบ่มเพาะแค่เพียงระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 เท่านั้น แล้วเรื่องนี้ผู้อาวุโส 8 ของตระกูลสาขาเองก็เห็นมันด้วยสองตาเช่นกัน" ต้วนหรงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น

“ฮึ่ม ดูเหมือนว่าพื้นหลังของศัตรูเจ้าจะหาได้ง่ายดายดั่งที่เจ้ากล่าวไม่ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ที่บิดาของข้าส่งออกไปทำงานนี้ให้กับเจ้า พวกมันตกตายด้วยการลงมือจู่โจมเพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น หัวใจของพวกมันถูกคว้านออกด้วยอาวุธมีคมอะไรสักอย่าง ผู้ที่ลงมือสังหารพวกมันนับว่ากระทำได้อย่างรวดเร็วและเฉียบขาด ฝีมือระดับนี้…มันมีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถกระทำได้เด็ดขาดเช่นนี้! กล่าวง่ายๆ คนที่เจ้าต้องการให้มันตาย มันมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งคอยคุ้มครองอยู่!”

ต้วนหลิงซิ่งจ้องไปยังต้วนหรงด้วยสายตาเย็นชาก่อนที่จะกล่าวออกมาอีกครั้ง "เจ้าไม่ควรแหวกหญ้าให้งูตื่น เพราะว่าหากมันล่วงรู้ว่าผู้ใดเป็นคนลงมือปองร้ายมันแล้วล่ะก็…ยามนั้นชีวิตของเจ้ากำลังตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง!"

ความหวาดกลัวเริ่มฉายชัดออกมาเต็มใบหน้าของต้วนหรง หลังจากที่เขาได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงซิ่ง เขาไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มชุดสีม่วงคนนั้นจะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งคอยคุ้มครองอยู่ข้างกายเช่นนี้!

เพราะจะอย่างไร ทุกๆตระกูลสาขานั้น จะมีเพียงผู้อาวุโสสูงสุดเท่านั้นที่มีระดับบ่มเพาะสูงถึงระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง และแม้แต่จะเป็นตระกูลต้วนสาขาจากที่เขาจากมา ก็มีผู้อาวุโสที่มีระดับวิญญาณแรกก่อตั้งแค่ 2 คนเท่านั้น …

“ท่านพี่ ไม่ทราบว่าท่านลุงคิดจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรหรือ? ข้ารู้สึกกังวลว่าชายหนุ่มชุดสีม่วงนั้นมันต้องล่วงรู้แน่ว่าเป็นข้าที่ร้องขอให้ท่านลุงส่งคนไปจัดการมัน ข้าขอติดตามท่าน ไปพักยังเขตที่พักของตระกูลต้วนสักพักหนึ่งได้หรือไม่?” น้ำเสียงของต้วนหรงยามกล่าวออกมานั้นสั่นอย่างเห็นได้ชัด ยามนี้ความหวาดกลัวเริ่มคืบคลานเป็นเงาอยู่ใจของมันแล้ว

"ไม่ต้องกังวล ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม หากมันกล้าสังหารคนของตระกูลต้วนเช่นนี้ มันต้องตกตายอย่างแน่นอน!" ประกายตาของต้วนหลิงซิ่งเรืองวูบออกมาด้วยความหนาวเหน็บ

ต้วนหรง พอได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมาหน่อย หลังจากได้ยินคำกล่าวรับรองของต้วนหลิงซิ่ง

"เอาล่ะ ช่วงนี้เจ้าเองก็สำรวมไว้บ้าง อย่าพึ่งไปก่อปัญหาอันใดเพิ่มเติมให้ข้าอีก เข้าใจหรือไม่!?" ต้วนหลิงซิ่งจ้องไปยังต้วนหรงด้วยประกายตาคมกล้าก่อนที่จะกล่าวกำชับออกมาอย่างจริงจัง ทำให้ต้วนหรงรีบพยักหน้าตอบรับอย่างหวาดกลัวในทันที มันไม่กล้าลังเลหรือชักช้าแม้แต่น้อย

….

ภายในห้องของเขา ต้วนหลิงเทียนได้ตรวจสอบรายการวัตถุดิบที่สั่งให้ฉงเฉวียนไปหาซื้อและรวบรวมมาในวันนี้ทันที เมื่อตรวจสอบเสร็จ คิ้วของเขาพลันโค้งขึ้นเล็กน้อย “ข้าไม่คิดเลยว่าฉงเฉวียนจะรวบรวมหาซื้อวัตถุดิบมาให้ข้าได้มากกว่าครึ่งของจำนวนทั้งหมดที่ข้าต้องการเช่นนี้ภายในเวลาแค่เพียงวันเดียวเท่านั้น…อืม…หากมีมากขนาดนี้ก็เพียงพอให้จารึกอาคมได้ สองชิ้นแล้ว”

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็เอื้อมมือไปหยิบกระบี่อ่อนดาราม่วงขึ้นมา อีกทั้งเขายังหยิบเอาแหวนมิติออกมาจากมืออีกด้วย

อาคมจารึกสายโจมตี ที่เขาวางแผนว่าจะจารึกคราวนี้ มีชื่อว่า อาคมกร่อนกระดูก

เมื่อได้รับการกระตุ้นแล้ว อาคมกร่อนกระดูก จะพวยพุ่งปลดปล่อยคลื่นพลังกร่อนกระดูกออกมาอย่างรวดเร็ว หากไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในระดับวิญญาณก่อตั้งขั้นที่ 9 ครึ่งก้าวสู่ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 1 แล้วล่ะก็ ไม่มีหวังที่จะป้องกันหรือรอดพ้นไปจากคลื่นพลังกร่อนกระดูกนี้ได้เลย…และเมื่อถูกคลื่นพลังกร่อนกระดูกโจมตีแล้ว กระดูกทั่วทั้งร่างของผู้ที่ถูกจู่โจมจะค่อยๆถูกกัดกร่อนจนสลายเป็นเศษธุลี โดยที่เนื้อหนังนั้นจะไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย

ตกตายอย่างสิ้นเชิง!

ถึงแม้ว่าคนที่ถูกอาคมกร่อนกระดูกจะตกตายแทบจะในทันที แต่ในห้วงเวลาสั้นๆก่อนที่มันจะตกตายนั้น พวกมันจะต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการเจ็บปวดที่ราวกับถูกมีดขูดผสานไปกับการบดขยี้กระดูกทีละน้อยๆ จนจับขั้วหัวใจ… มันเป็นความเจ็บปวดที่คนปกติไม่อาจจะจินตนาการได้!

เมื่อเวลาล่วงเลยไปจนดึกดื่นค่อนคืน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็จารึกอาคมกร่อนกระดูกทั้งสองจารึกเสร็จสิ้นเสียที โดยเขาจารึกมันไว้ที่กระบี่อ่อนดารามวงและก็แหวนมิติ ทั้งอาคมจารึกนี้ยังจัดว่าเป็นอาคมจารึกที่ระดับสูง นอกจากมันจะสามารถจารึกไว้ที่แหวนมิติได้แล้ว มันยังสามารถใช้งานร่วมกันกับอาคมจารึกจันทร์เสี้ยวโลหิตได้อีกด้วย นั่นเท่ากับว่ายามนี้กระบี่อ่อนดาราม่วงของเขาสามารถเลือกที่จะใช้งานอาคมจารึกได้ถึง 2 อาคมเพื่อความเหมาะสม

หลังจากที่เสร็จสินการจารึกอาคม 2 ชุด ความตึงเครียดที่เกิดจากการใช้พลังวิญญาณอย่างหนักก็เล่นงานหลิงเทียนทันที เมื่อถูกความเหนื่อยล้าถาโถมเข้ามาราวกับระลอกคลื่นในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ผล็อยหลับไป

เมื่อตื่นขึ้นมาตอนรุ่งเช้า อาการของเขาก็ยังคงไม่ค่อยสมบูรณ์พร้อมสักเท่าไร เขายังคงมีความเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสีหน้าของเขาก็ดูซีดไปไม่น้อย

"ลูกเทียน เจ้าไม่สบายหรือ?" ความกังวลใจฉายชัดออกมาเต็มใบหน้าของลี่หลัว เมื่อเห็นสีหน้าของลูกชายไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไร

"ตัวเลวร้าย เมื่อคืนเจ้าทำอะไร?"

"นั่นสิเจ้าคะนายน้อย ทำไมสีหน้าท่านซีดเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ?"

ใบหน้าของลี่เฟยและเค่อเอ๋อเต็มไปด้วยความห่วงใยและกังวลดูเหมือนหัวใจของพวกนางจะเจ็บปวดไม่น้อยที่เห็นเขาอาการไม่สู้ดีเช่นนี้

"ไม่มีอะไรทีต้องกังวล ข้าเพียงเหนื่อยเพราะคึกคะนองไปจารึกอาคมรวดเดียว 2 จารึกเท่านั้น… พวกเจ้าไม่ต้องห่วง วันนี้เมื่อข้ากลับมาจากสถาบัน ข้าก็ฟื้นตัวเต็มที่แล้วล่ะ" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาพร้อมรอยยิ้ม หลังจากนั้นเมื่อกินอาหารเช้าเสร็จ เขาก็ออกเดินทางไปยังสถาบันบ่มเพาะขุนพลทันที

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 153 อาคมจารึก กร่อนกระดูก"

3.7 233 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
มีนาคม 12, 2022
The favored son of heaven
The favored son of heaven
มกราคม 31, 2024
Tales of Herding Gods
Tales of Herding Gods
มีนาคม 12, 2022
Naruto-Time-Control
ผู้ควบคุมเวลา (นิยายแปล)
ตุลาคม 23, 2024
จอมดาบพิฆาตสวรรค์
จอมดาบพิฆาตสวรรค์
มีนาคม 12, 2022
Gate of God
Gate of God
พฤษภาคม 17, 2022
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz