หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 151 ตัวตนที่แท้จริงของผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติ

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 151 ตัวตนที่แท้จริงของผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติ
Prev
Next

หลังที่สูดหายใจเข้าลึกๆ และสงบสติอารมณ์ที่กำลังพุ่งพล่าน ต้วนหลิงเทียนค่อยๆระงับความปรารถนาที่คุกรุ่นขึ้นมาในหัวใจได้สำเร็จ และออกจากลานบ้านด้านหลังไปหลังจากเสร็จสิ้นมื้ออาหาร

"ฉงเฉวียน!" หลังจากที่เรียกฉงเฉวียนมาพบที่ล้านด้านหน้า ต้วนหลิงเทียนก็หยิบพู่กันกับกระดาษออกมา ก่อนที่จะเริ่มเขียนรายการวัตถุดิบที่มีจำนวนไม่น้อยลงในกระดาษ

"เอาล่ะ เจ้าไปรวบรวมวัตถุดิบในรายการนี้ให้ข้าโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนนี่เงิน 10,000,000 เหรียญเงิน รับไป" ในขณะเดียวกันกับที่ส่งใบรายการวัตถุดิบไปให้ฉงเฉวียน ต้วนหลิงเทียนก็หยิบเงินทั้งหมดที่อยู่ภายในแหวนมิติของเขาทั้งสิ้นถึง 10,000,000 เหรียญเงิน และมอบให้ฉงเฉวียน

"ขอรับนายน้อย" ฉงเฉวียนกล่าวตอบอย่างสุภาพ แล้วเขาก็ออกจากบ้านไปทันที …ทางด้านต้วนหลิงเทียนหลังจากสั่งงานฉงเฉวียนแล้ว ตัวเขาก็ออกเดินทางไปยังสถาบันบ่มเพาะขุนพล

เมื่อต้วนหลิงเทียนเดินทางมาถึงห้องเรียนของ ใยดาวกุนซือ เขาก็เห็นว่าตอนนี้เซี่ยวหยูและเซี่ยวฉวินนั่งรออยู่ในห้องแล้ว "เฮ่ พวกเจ้า 2 คนช่างมาถึงเร็วนัก… "

เนื่องจากชั้นเรียนยังไม่เริ่มขึ้น ทั้ง 3 คนจึงกล่าวสนทนากระซิบกระซาบกันเรื่อยเปื่อย

ดวงตาของต้วนหลิงเทียนทอประกายขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่จะจ้องไปยังเซี่ยวฉวินแล้วกล่าวถามออกมา "จริงสิเซี่ยวฉวิน เจ้าเองก็เป็นศิษย์อัจฉริยะของตระกูลเซี่ยวแหง่เมืองหลวง เจ้าทราบหรือไม่ว่าระดับบ่มเพาะ ที่เรียกกันว่า ระดับ ธรรมชาติที่ผู้คนในเมืองหลวงของอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้กล่าวถึง มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่? เพราะจากสิ่งที่ข้าได้รับรู้มาผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติที่พวกเจ้าเรียกกันนั้น ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติแม้แต่น้อย แต่สมควรเรียกว่า ครึ่งก้าวธรรมชาติเสียมากกว่า เพราะพวกเขานั้นยังนับว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับบ่มเพาะเพียง ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9 เท่านั้น "

เซี่ยวฉวินส่ายหัวออกมาก่อนที่จะยิ้ม "เจ้ากล่าวถามได้ถูกคนแล้ว คนอื่นนั้นอาจจะไม่รู้คำตอบของคำถามเจ้า แต่ข้ารู้ … อันที่จริงแล้วในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ ตัวตนที่เรียกว่า ผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาตินั้น ส่วนมากจะแตกต่างจากผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติของจริงที่ร่ำลือกันว่าสามารถควบคุมและเข้าใจวิถีแห่งธรรมชาติจนสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้"

"18 ผู้ว่าการมณฑลของอาณาจักรนภาล่อง หัวหน้าองค์รักษ์คุ้มกันของกลุ่มการค้าทั้ง 3 ที่กระจายกันอยู่ในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งตัวตนผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติของตระกูลเซี่ยวของข้าด้วย … พวกเขาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งขั้นที่ 9 หรือกล่าวได้ว่ามันเป็นดั่งคำกล่าวของเจ้าที่เรียกว่า ครึ่งก้าวระดับธรรมชาติไม่ผิดเพี้ยน…พวกเขาทำได้เพียงลอยตัวอยู่ในอากาศแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้นยังไม่อาจเหินบินได้อย่างอิสระ" เซี่ยวฉวินค่อยๆกล่าวออกมา

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า มันเป็นดั่งที่เขาคิดเอาไว้ไม่มีผิด พระยานี่เหวี่ยนั้นยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในระดับขั้นนี้ …

"แล้วมีผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับธรรมชาติที่สามารถควบคุมอากาศจนเหินบินได้อยู่ภายในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้หรือไม่?" ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนพลันนึกถึงชายชราที่เป็นเจ้าพระยาของจวนเจ้าพระยาทันที

แม้ว่าชายชราคนนั้นจะได้รับพิษจากพังพอนทมิฬไร้ลักษณ์ จนพลังงานต้นกำเนิดของเขาถูกสะกดเอาไว้ แต่เขาน่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติที่คนในอาณาจักรนี้เข้าใจ หรือหากกล่าวให้ชัดเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับ แรกสัมผัสธรรมชาติเท่านั้น…

"แน่นอนว่าย่อมมี" เซี่ยวฉวินพยักหน้า และกกล่าวออกมาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ "ตามข่าวลือแล้วมีอยู่ถึง 3 คนที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติที่แท้จริงแห่งอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้ คนหนึ่งนั้นอยู่ในตระกูลราชวงศ์ อีกคนนั้นอยู่ที่จวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ และอีกคนนั้นอยู่ที่องค์กร เงายมทูต"

เงายมทูต?

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ตัวเขาก็คิดว่าไม่ได้แปลกอะไรที่ตระกูลราชวงศ์จะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติ เพราะจะอย่างไรก็เป็นตระกูลที่มีอำนาจถึงขั้นครอบครองอาณาจักร! แต่องค์กรเงายมทูตที่เป็นองค์กรนักฆ่า กลับมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติเป็นผู้บงการเช่นนี้?

หลังจากที่เซี่ยวฉวินอธิบายจบ เขาก็กล่าวเสริมออกมาอีกว่า "เอาล่ะ เช่นนี้พวกเจ้าทั้ง 2 ก็รู้แล้ว แต่อย่าได้ไปบอกกล่าวกับผู้อื่นเชียว …นี่เป็นความลับที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับอาจักรของพวกเรา ข้าเองถ้าไม่ไปก่อกวนรบเร้าท่านปู่มาแล้วล่ะก็ ท่านคงไม่บอกกล่าวแก่ข้าหรอก "

ต้วนหลิงเทียนและเซี่ยวหยูเองก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

"จะมีกี่คนกันที่รู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติที่พวกมันเข้าใจ และแพร่กระจายไปทั่วอยู่ด้านนอก แท้จริงแล้วยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง ครึ่งก้าวธรรมชาติเท่านั้น!" เซี่ยวฉวินถอนหายใจออกมาเบาๆ

หลังจากที่สนทนาครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนเองก็เริ่มเข้าใจโครงสร้าง และการกระจายอำนาจภายในของอาณาจักรนภาล่อง

ในอาณาจักรนภาล่องแห่ง ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดคือคนของราชวงศ์!ผู้ฝึกยุทธ์ทรงพลังที่อยู่ในระดับธรรมชาติของราชวงศ์นั้นได้รับการกล่าวขานว่าแข็งแกร่งที่สุด …แม้กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติของจวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์และหน่วยเงายมทูตก็ด้อยกว่า ดังนั้นหมายความว่า เงายมทูตและจวนเจ้าพระยาจะมีอำนาจเป็นรองเพียงตระกูลของราชวงศ์เท่านั้น เพราะพวกเขามีตัวตนระดับธรรมชาติอยู่เบื้องหลังนี่เอง

ส่วนขุมอำนาจที่ทรงพลังรองลงมาจาก 3 ขุมอำนาจด้านบนนั้นได้แก่ 3 ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง อันได้แก่ ตระกูลต้วน, ตระกูลเซี่ยว, และตระกูลซู นอกจาก 3 ตระกูลนี่แล้ว ขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันก็ได้แก่ กลุ่มการค้าที่ ยิ่งใหญ่ 3 กลุ่ม ยกตัวอย่างเช่นกลุ่มการค้าทิวลิปม่วงนั่นเอง โดยที่ขุมอำนาจดังที่กล่าวมานี้ จะมีตัวตนที่เป็นระดับผู้ฝึกยุทธ์ระดับครึ่งก้าวธรรมชาติเป็นกองกำลังอยู่มากมาย

ลดหลั่นมาจาก ขุมอำนาจทั้ง 6 ดั่งที่กล่าวมา ก็จะเป็นตระกูลของผู้ว่าการมณฑลทั้ง 18 ตระกูลของอาณาจักรนภาล่อง พวกเขาจะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับ ครึ่งก้าวธรรมชาติ เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่เพียงไม่กี่คน

‘จวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ … ในตอนนี้จวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์น่าจะมีกำลังรบด้อยกว่า 3 ตระกูลใหญ่และ กลุ่มการค้าขนาดใหญ่ทั้ง 3’ ต้วนหลิงเทียนคิดขึ้นมาในใจแล้วอดไม่ได้ถอนหายใจออกมา

ตอนนี้เขาเข้าใจดีว่าอำนาจทั้งหมดของจวนเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์นั้น เกิดจากตัวเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์เอง และเหตุผลเดียวที่ทำให้จวนเจ้าพระยายังคงมีอำนาจและทรงอิทธิพลอยู่ในตอนนี้ เพราะเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์ยังมีชีวิตอยู่…ถึงแม้ว่ายามนี้เจ้าพระยาเรืองฤทธิ์จะถูกพิษร้ายของพังพอนทมิฬไร้ลักษณ์ แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าดูแคลนจวนเจ้าพระยา

นี่เพราะเสือ…จะอย่างไรก็ย่อมเป็นเสือ ต่อให้เสือตัวนั้นจะป่วยถึงเพียงใด ก็ก็ยังห่างไกลเกินกว่าที่ สุนัขหรือแมวจะเทียบได้

แต่แน่นอนว่าถ้าหากเจ้าพระยาเรืองฤทธิ์มีอันเป็นไปขึ้นมา อำนาจและและอิทธิพลของจวนเจ้าพระยาย่อมถดถอยลงอย่างแน่นอน หากจะฟื้นคืนอำนาจกลับมาอีกครั้ง คงต้องให้จวนเจ้าพระยาบังเกิดผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติขึ้นมาอีกสักคน

หลังจากนั้นไม่นานเหล่านักศึกษาก็ทยอยกันเข้าห้องเรียนจนในที่สุดก็มากันครบ และเมื่ออาจารย์ซื่อหม่ามาถึงชั้นเรียนก็เริ่มต้นขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งช่วงเช้า หลิงเทียนหาได้มีกะจิตกะใจร่ำเรียนแต่อย่างไร นี่เพราะภายในใจของเขานั้นมันเตลิดไปถึงเรื่อง ที่ว่าป่านนี้ฉงเฉวียนจะรวบรวมวัตถุดิบครบหรือยัง ป่านนี้ได้อะไรถึงไหนยังไงแล้ว …

‘ตอนนี้ข้าสามารถจารึกอาคม ที่มีความสามารถเพียงพอที่จะสังหารเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งได้ แต่ข้าค่อนข้างมั่นใจกว่า 90% ว่าคงไม่อาจทำอะไรพวกเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ครึ่งก้าวธรรมชาติ …มีเพียงอาคมจารึกไม่กี่ชนิดที่สามารถจัดการผู้ฝึกยุทธ์ระดับครึ่งก้าวธรรมชาตินั่นได้!’

‘แต่ว่าการจะจารึกอาคมพวกนั้นมันต้องใช้วัตถุดิบที่หายากและมีค่าเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังแทบจะไม่มีอยู่ในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้’ความคิดมากมายของต้วนหลิงเทียนค่อยๆผุดขึ้นมาทีละเรื่องๆ

‘เอาเถอะถึงข้าจะคิดมากไปก็เท่านั้น… จะเป็นไปได้หรือที่องค์ชาย 5 และรองประมุขตระกูลต้วนนั่นจะสั่งการผู้ฝึกยุทธ์ระดับครึ่งก้าวธรรมชาติมาสังหารเด็กอย่างข้า?’ ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเยาะตัวเองเล็กน้อย ทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา

ถึงแม้ว่าจะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับครึ่งก้าวธรรมชาติอยู่ไม่น้อยที่อยู่ในตระกูลราชวงศ์ และตระกูลต้วน แต่พวกเขาก็หาใช่ตัวตนที่ใครจะไปสั่งกายใช้งานได้ง่ายๆโดยไร้เรื่องราวที่สำคัญและจำเป็นนับประสาอะไรกับการกำจัดชายหนุ่มรุ่นเยาว์เพียงคนเดียว …

สำหรับวันนี้โดยรวมแล้วก็นับว่าไม่เลวนัก อย่างน้อยเขาก็ได้เข้าใจเกี่ยวกับขุมอำนาจต่างๆ ที่อยู่ในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้

ดังคำกล่าวที่ว่าเอาไว้ : รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง!

ตอนเที่ยงต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ก็มารวมกันกินอาหารตามปกติ

"ฮึ่ม!" ทันใดนั้นเองชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในโรงอาหาร ก็แค่นเสียงเย็นชาใส่ต้วนหลิงเทียน อีกทั้งยังจ้องมองมายังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาเย็นชา ก่อนที่จะเดินจากไป

"ต้วนหลิงเทียน ดูเหมือนไอต้วนหรงอะไรนี่ จะไม่ยอมเลิกรากับเจ้าง่ายๆ เจ้าต้องระวังให้มาก" เซี่ยวหยูจดจำคนที่สบถใส่และจ้องสหายเขาอย่างเย็นชาและมุ่งร้ายคนนี้ได้

"อย่าไปใส่ใจอะไรมันเลย แค่ตัวตลกตัวหนึ่งเท่านั้น" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจ

"ต้วนหลิงเทียน จะอย่างไรเจ้าระวังไว้ก็ย่อมดีกว่านะ ภรรยาของรองประมุขตระกูลต้วนนั้นขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้าย และอำมหิตไร้เมตตานัก! มีครั้งหนึ่งนางไปบังเอิญได้ยินสาวใช้กล่าวนินทานางว่าเป็นสตรีอ้วนฉุ เจ้าลองเดาดูสิว่าเกิดอะไรขึ้น?" เซี่ยวฉวินกล่าวถามให้พวกเขาลองคาดเดาดูเมื่อเล่าจบ

"นางฆ่าสาวใช้ใช่หรือไม่?" เทียนหูเดาออกมา

"ไม่ใช่แค่นั้น" เซี่ยวฉวินส่ายหัว

"เอาล่ะๆ เจ้าหยุดลีลาแล้วรีบกล่าววาจามาเสีย ว่าสุดท้ายแล้วเกิดอะไร?" เซี่ยวหยูกล่าวออกมาพร้อมหัวเราะ

ประกายตาของเซี่ยวฉวินเปลี่ยนเป็นจริงจัง ราวกับจะบอกให้ทุกคนเงียบๆ แล้วตั้งใจฟังที่มันกล่าวให้ดี "สุดท้ายแล้วนางใช้ให้คนจับสาวใช้ผู้นั้น และให้คนจับน้ำกรอกปากของนาง… พวกมันกรอกน้ำสาวใช้นางนั้นตลอดทั้งวันจนท้องของนางเต็มไปด้วยน้ำและสุดท้ายท้องนางก็แตกออกมา ตกตายอย่างน่าอนาถ”

"บัดซบ!! ทีหลังเจ้าอย่ากล่าวเรื่องเช่นนี้ตอนกินข้าวได้หรือไม่" สีหน้าของเทียนหูฉายออกมาถึงความสะอิดสะเอียน

สายตาของต้วนหลิงเทียนเย็นชาลง ภรรยาของรองประมุขตระกูลต้วนนั้น ก็หมายความว่ามันคือ มารดาของต้วนหลิงซิ่ง! ก็เป็นอย่างที่เขาคาดเอาไว้ไม่ผิด พวกมันล้วนตัดออกมาจากผ้าผืนเดียวกัน! (สันดารเหมือนๆกัน)

พวกมันทั้งครอบครัวล้วนเป็นตัวอุบาทว์ชั่วร้าย ไร้ปราณี!

"นายหญิงน้อยลี่ขอรับ ชายคนนั้นล่ะขอรับ ที่เป็นผู้ตัดเอ็นข้อมือของนักศึกษาปี 2 เมื่อวาน" ทันใดนั้นเองน้ำเสียงประจบสอพลอพลันดังขึ้นจากระยะไกล ผู้พูดเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางเจ้าเล่ห์ มันเดินมาถึงโต๊ะของต้วนหลิงเทียน และชี้นิ้วไปยังซูหลี่

สายตาของซูหลี่เปลี่ยนเป็นเย็นชาก่อนที่จะกล่าววาจาออกมาอย่างไม่แยแส "ไสหัวไป!"

"เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายอันใด เพียงแต่แม่นางลี่อยากรู้จักเจ้า" ชยหนุ่มคนนั้นแสดงสีหน้าหวาดกลัวและทำตัวน่าสงสารออกมาทันที หน้าเขาซีดลงเล็กน้อยเมื่อเจอสายตาเย็นชาของซูหลี่จับจ้องมา และเขารู้ได้ทันทีว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูหลี่

"หืม?" ซูหลี่ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะมองไปด้านหลังของชายหนุ่มหน้าตาจ้าเล่ห์

มันเป็นร่างของหญิงสาวที่สวมใส่ชุดสีแดงกำลังเดินเข้ามา ด้านหลังนางมีสตรีติดตามมาอีกคนหนึ่ง

"นางนั่นเอง!" สายตาของต้วนหลิงเทียนพลันเหลือบไปมองสตรีชุดแดงที่กำลังเดินเข้ามา

คนที่กำลังเดินมาตอนนี้ไมใช่ใครอื่น แต่เป็นสตรีคนหนึ่งที่ได้รับบทเรียนจากเขาในเหลาอาหารที่เมืองหลวงชั้นนอก และนางก็เป็นบุตรีของผู้ว่าการมณฑลตะวันฉาย อีกทั้งยังเป็นลูกพี่ลูกน้องขององค์ชาย 5 อันเป็นคนของตระกูลราชวงศ์ประจำอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้

‘โชคชะตามักนำพาให้พานพบศัตรูจริงๆ!’ ต้วนหลิงเทียนคิดในใจ

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนสังเกตได้ว่า เนื่องจากเขานั่งอยู่ตรงมุมเสาบังพอดีนางจึงยังไม่ทันได้สังเกตเห็นเขา และดูเหมือนตอนนี้จะมีเพียงซูหลี่เท่านั้นที่อยู่ในสายตาของนาง

"ยินดีที่ได้พบเจ้า ข้าถงลี่" ต่อหน้าซูหลี่ถงลี่ได้โยนทีท่าหยิ่งยโสโอหังออกไป พร้อมกล่าวทักทายออกมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน และกริยาอ่อนหวาน

"ซูหลี่!" ซูหลี่พยักหน้าให้ถงลี่อย่างไม่แยแส

มุมปากของต้วนหลิงเทียนกระตุกและฝืนหัวเราะเอาไว้อย่างเต็มที่

‘เป็นไปได้ยังไง … หรือสตรีคนนี้จะสนใจซูหลี่กัน? ถึงขั้นทำตัวประหลาดเช่นนี้!’

และตอนนี้เอง เซี่ยวหยู ,เซี่ยวฉวิน และเทียนหู ก็หันไปจ้องซูหลี่ตาเป็นมันเพราะพวกเขาเองก็ไม่ได้โง่ ย่อมสังเกตถึงท่าทีและเข้าใจสถานการณ์นี้ได้ พวกเขาอยากรู้ว่าซูหลี่จะทำอย่างไร เมื่อมีสตรีมาหาถึงที่

ซูหลี่เหลือบไปมองถงลี่ก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส "หากเจ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็อย่าได้รบกวนเวลาอาหารของพวกข้าอีก"

ท่าทางของถงลี่พลันแข็งขึ้นใบหน้าของนางเริ่มแสดงโทสะออกมา

"จะวีนแตกอีกแล้วหรือ?" มุมปากของต้วนหลิงเทียนกระตุกยิ้มขึ้นมาอย่างสนุกสนาน อย่างที่เขาคิดเอาไว้ สันดารคนไม่ใช่จะเปลี่ยนกันง่ายๆ!

"ซูหลี่เจ้ากล่าววาจาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร นายหญิงน้อยผู้นี้อุตส่าห์ให้เกียรติทักทายเจ้า… เจ้าไม่เข้าใจหรือว่าอะไรดีต่อเจ้า?!" ถงลี่ตะโกนออกมาอย่างรุนแรง นางกลับมาหยิ่งผยองพองลม ทำทาโอหังสะกดข่มผู้อื่นอีกครั้ง

นางนั้นถือว่าตนเองลดตัวและไว้หน้าซูหลี่มากพอแล้ว นางอุตส่าห์เดินเข้าไปทักทายเขาก่อนดีๆ แต่ท่าทางและการกระทำของซูหลี่ที่ไม่แยแสนางนั้น นางไม่อาจยอมรับได้!

ตอนนี้ท่าทางของนางนั้นกล่าวได้ว่า…ต่างกันราวกับหน้ามือกับหลังมือ ไม่เหลือภาพสตรีที่เดินมาถึงตอนแรกที่เต็มไปด้วยความอ่อนหวานและรอยยิ้ม

เซี่ยวหยู,เซี่ยวฉวิน และเทียนหูถึงกับตกตะลึงตาค้าง

ถงลี่ในตอนนี้ ช่างแตกต่างกับถงลี่เมื่อไม่กี่ลมหายใจที่แล้ว ราวสวรรค์และโลก!

พวกมันเองก็ย่อมรู้กันดีอยู่แล้วว่าสตรีมักอารมณ์แปรปรวน เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ง่ายดายนัก แต่การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?

ใบหน้าของซูหลี่เคร่งขรึมขึ้น และสายตาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาก่อนที่จะกล่าววาจาออกมาด้วยน้ำเสียงรำคาญ "ไส หัว ไป!"

"เจ้า … เจ้ากล้ากล่าวไล่ข้า กล้ากล่าวคำ ไสหัวไป ต่อนายหญิงน้อยผู้นี้?" ท่าทางของถงลี่ตอนนี้เริ่มเลวร้ายลงอย่างมาก นอกจากชายหนุ่มชุดสีม่วงที่เหิมเกริมน่าฆ่าให้ตายนั่น ยังมีชายหนุ่มอีกคนที่กล้าตะโกนใส่นาง … มันกำลังหาที่ตาย!

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 151 ตัวตนที่แท้จริงของผู้ฝึกยุทธ์ระดับธรรมชาติ"

3.7 233 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

ดาบจอมราชัน
ดาบจอมราชัน
มีนาคม 12, 2022
davisam
จักรพรรดิเทพมรณะ
มกราคม 14, 2023
The Divine Nine-Dragon Cauldron
The Divine Nine-Dragon Cauldron
พฤษภาคม 17, 2022
ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Picking Up Attributes From Today
ไปเก็บสเตตัสที่ต่างโลก Picking Up Attributes From Today
มีนาคม 12, 2022
Godly Empress Doctor
Godly Empress Doctor
มีนาคม 12, 2022
ปกข้ามีดาวเทียมในยุคสามก๊ก
ข้ามีดาวเที่ยมในยุคสามก๊ก
กรกฎาคม 9, 2023
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz