หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 130 เถียนกวงอัปโชค

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 130 เถียนกวงอัปโชค
Prev
Next

อรุณรุ่งมาเยือนพร้อมฉายแสงแรกออกมา ปลุกโลกหล้าให้ตื่นจากการนิทราในราตรีกาล …หลังจากที่พักผ่อนในเมืองพิรุณโปรยเต็มอิ่มทั้งคืน เกวียนขนาดใหญ่ที่ลากจูงด้วยม้าแกร่งถึง 5 ตัวก็ควบขับออกจากเมืองพิรุณโปรยมุ่งหน้าไปยังเส้นทางหลัก ที่มีอยู่เพียงเส้นทางเดียว จุดหมาปลายทางคือเมืองหลวง แห่งอาณาจักรนภาล่อง …

พั่บ!

ภายในเกวียนหลิงเทียนที่นับตั๋วเงินปึกใหญ่ในมือก็อดที่จะยิ้มแย้มแจ่มใสออกมาไม่ได้ "ข้าล่ะไม่เคยคิดเลยว่า เงินทองจะหาง่ายถึงเพียงนี้!"

ตอนนี้ยอดเงินที่เขามีมันมากมายทะลุ 10,000,000 เหรียญเงินไปแล้ว!

"ลูกเทียนเจ้าได้เงินนี่มาจากที่ใดรึ?" ลี่หลัวถามออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว นางรู้เพียงว่าฉงเฉวียนไปนำเงินนี่มามอบให้หลิงเทียน ส่วนเรื่องที่ว่าเงินนี้ได้มาเพราะอะไร และได้มาจากไหนนั้นนางไม่รู้อย่างสิ้นเชิง …

"น้าลี่หลัว มันน่าจะมาจากเรื่องที่เขาไปเรียกค่าเสียหายจากตระกูลเถียนของเมืองพิรุณโปรย" ลี่เฟยกล่าวจบก็ปิดปากแล้วหัวเราะออกมา

แม้ว่านางจะไม่ได้เห็นเหตุการณ์เมื่อคืน แต่ทันทีที่ตื่นขึ้นมานางก็เห็นว่าฉงเฉวียนำเงินนี่มามอบให้หลิงเทียน อีกทั้งเขายังกลับมาจากตระกูลเถียนอีกด้วย นางจึงคาดเดาเรื่องราวต่างๆได้ไม่น้อย

เมื่อลี่หลัวได้รับรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไงและมีบทสรุปแบบไหน นางได้แต่ส่ายหัวและหัวเราะออกมา "มิคาดเถียนกวงนั่น จะโชคร้ายมาเจอหมาป่าอย่างเจ้าเอาซะได้ เรื่องทั้งหมดข้าพอเข้าใจแล้ว …แต่ลูกเทียน เหตุใดฉงเฉวียนจึงแข็งแกร่งขนาดนั้น อีกทั้งยังเรียกเจ้าว่านายท่านกันเล่า?"

เมื่อรับรู้ว่าเพียงฉงเฉวียนคนเดียวสามารถสะกดตระกูลเถียนให้ยินยอมกระทำการโดยง่าย นางย่อมรู้ว่าฉงเฉวียนนี่ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ต้วนหลิงเทียนได้รับฟังคำถามของลี่หลัวก็กล่าวออกมาพร้อมยักไหล่ "ท่านแม่ เขาถูกผู้อื่นจับมาไว้เป็นทาส ข้าไปช่วยเขาเอาไว้เขาจึงยอมรับข้าเป็นนายท่าน"

"เขายังถูกจับไปเป็นทาสได้อีกหรือ หากมีความแข็งแกร่งขนาดนี้?" ลี่หลัวกล่าวออกมาอย่างสงสัย และตอนนี้นางเองก็พอเข้าใจแล้วว่า เหตุใดฉงเฉวียนจึงสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าไปเสียครึ่งหนึ่ง นี่คงเพราะเป็นการปกปิดรอยตีตราทาสที่อยู่บนใบหน้านั่นเอง

"ตอนแรกนั้นเขาถูกพิษร้ายบางอย่าง ระดับของเขาจึงตกลงมาอยู่ที่ระดับ บ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 ข้าช่วยแก้พิษให้แก่เขาจนระดับบ่มเพาะของเขาฟื้นฟูกลับมาอยู่ในระดับ วิญญาณแรกก่อตั้งอีกครั้ง" ต้วนหลิงเทียนที่นอนหนุนตักของเค่อเอ๋อค่อยๆกล่าวออกมา ก่อนที่จะอ้าปากงับองุ่นที่นางป้อนให้เขา

"ระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง?" ตอนนี้ไม่ใช่แค่ลี่หลัวที่ทำสีหน้าตกตะลึงออกมา … แม้กระทั่งลี่เฟยเองยังรู้สึกตะลึงกับระดับบ่มเพาะที่น่าหวาดหวั่นของฉงเฉวียน…นางไม่คิดมาก่อนเลยว่าสารถี ที่ขับม้าให้พวกนางจะมีความแข็งแกร่งขนาดนั้น

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง!

ระดับบ่มเพาะดังกล่าวนั่นไม่ได้น้อยไปกว่าผู้อาวุโสหลักของทั้ง 3 ตระกูลใหญ่ในเมืองออโรร่าแม้แต่น้อย นั่นทำให้นางตกตะลึงอย่างถึงที่สุด …

มีเพียงเค่อเอ๋อที่ไม่ได้ประหลาดใจอะไรสักเท่าไรนางยังคงสงบนิ่งไร้ความสนใจใดๆ ไปมากกว่าการปอกองุ่นแล้วป้อนใส่ปากหลิงเทียนทีเละเม็ดๆ อย่างช้าๆ

ในหัวใจของนางไม่มีอะไรที่นายน้อยที่นางรัก ไม่สามารถกระทำได้!

"มิน่าล่ะ ข้าก็ว่าแล้วเชียว หากเป็นเช่นนี้ก็ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าเหตุใดเจ้าถึงจัดการเรื่องราวตระกูลฟางแห่งเมืองวายุโปรยได้รวดเร็วนัก" ในที่สุดคำถามที่ค้างคาใจมานานของลี่หลัวก็ได้รับคำตอบเสียที

"ข้ายังไม่อยากจะเชื่อว่าฉงเฉวียนจะเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง" ลี่เฟยเองก็พึ่งหายจากอาการตกตะลึง

"อะไรกันเสี่ยวเฟย นี่มันก็แค่ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งเท่านั้นเองไม่ใช่หรือไง เหตุใดเจ้าถึงต้องประหลาดใจนักเล่า?" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังลี่เฟยก่อนที่จะค่อยๆกล่าวออกมา "เสี่ยวเฟย ตราบใดที่เจ้ายังฝึกฝนบ่มเพาะตามเคล็ดวิชา เอกะดาราสะท้าน ที่ข้ามอบให้อย่างตั้งใจ เจ้าจะตัดผ่านไปยังระดับวิญญาณแรกก่อตั้งนี่ ด้วยเวลาไม่ถึง 5 ปีด้วยซ้ำ"

และมาตอนนี้เองที่ลี่เฟยพลันได้สติ และนึกขึ้นได้ว่าเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังงานต้นกำเนิดของนางนั้น ยอดเยี่ยมถึงเพียงไหน มันสามารถบ่มเพาะได้ถึงระดับจักรพรรดิ!! … อีกทั้งยังเพิ่มความมั่นใจให้นางได้อีกมากมายจากการที่ได้รับโอสถบ่มเพาะทั้งหลายจากต้วนหลิงเทียน..โอสถของเขามีความบริสุทธิ์เหนือล้ำไปจินตนาการไปไกลโข!

"ลูกเทียน พวกเราไม่ต้องกังวลกับฉงเฉวียน และพึ่งพาเขาได้จริงๆหรือ?" เมื่อเทียบกับลี่เฟยแล้ว ลี่หลัวค่อนข้างคิดอะไรละเอียดกว่า และตอนนี้นางก็มีเรื่องกังวลใจ จนใบหน้างดงามฉายแววจริงจังและกังวลออกมาไม่น้อย

เท่าที่นางคิด การมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้งอยู่ข้างๆเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับ ดาบ 2 คม

"ท่านแม่ไม่ต้องกังวล ข้ามีวิธีที่จะควบคุมเขาได้อย่างแน่นอน" ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มออกมาบางๆ เขาย่อมรู้ดีว่าแม่ของเขาเป็นกังวลเรื่องอะไร แต่เรื่องที่นางห่วงว่าฉงเฉวียนจะหันมาต่อต้านและทำร้ายเขานั้น ไม่มีทางเกิดขึ้นได้…

เพราะว่าตอนนี้ฉงเฉวียนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา โดยการใช้พิษร้ายชนิดหนึ่งกุมชะตาชีวิตของฉงเฉวียนเอาไว้ และพิษนี้ทั้งโลกใบนี้ก็มีแต่เขาที่สามารถรักษามันได้ เพราะพิษชนิดนี้เป็นสูตรพิเศษเฉพาะตัวของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ที่เป็นถึงผู้หลอมโอสถระดับ ราชวงศ์ ในเวลานั้น!

เมื่อกลุ่มของต้วนหลิงเทียนจากไปแล้ว ตัดมาทางด้านบรรยากาศภายในตระกูลเถียนบ้างนั้น นับว่ามันตกอยู่ในภาวะหดหู่ไม่น้อย … นี่เพราะประมุขตระกูลของพวกมันเสียชีวิต!!

"ท่านพ่อ!" ในตอนแรกเมื่อเถียนกวงตื่นขึ้นมาและพบว่า น้องชาย ที่อยู่คู่กายของเขาไม่อยู่แล้ว เขาก็ฟูมฟายออกมาอย่างหนัก มาตอนนี้ยังได้รับข่าวที่บิดาของเขาถูกสังหารลงอีกทำให้เขาเปล่งเสียงร้องไห้ออกมาจนน้ำตาเป็นสายเลือด มันยากเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการที่จะให้เขาทำใจรับเรื่องสะเทือนขวัญ 2 เรื่องนี้ได้ในเวลาเดียวกัน และมันก็ยากเย็นเป็นอย่างยิ่งที่กว่าจะทำใจรับผลกระทบจากเรื่องราวในครั้งนี้ได้ เขาเองก็เข้าใจดีว่าจากการตายของบิดาเขามันจะก่อให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง…และต่อไปนี้ตระกูลเถียนจะถดถอยลงไปมากมายขนาดไหน!

และหลังจากไม่กี่วันที่เถียนกวงเริ่มหายจากอาการฟูมฟายเศร้าโศก เขาก็ถูกนำตัวไปยังลานลงทัณฑ์ประจำตระกูลเถียน และถูกฟาดโบยถึง 100 ที ท่ามกลางสายตาของคนตระกูลเถียนทั้งหมด

ในขณะที่เขาถูกความเจ็บปวดครอบงำจนแทบสิ้นสติ เขาก็ได้ยินเสียงผู้อาวุโสหลักกล่าวแจ้งความผิด " เถียนกวงได้นำหายนะมาสู่ตระกูลเถียนของเราอย่างใหญ่หลวง ด้วยคำสั่งของผู้อาวุโสทั้ง 2 เขาจะได้รับการลงทัณฑ์สถานเบาเป็นกรณีพิเศษเนื่องจากเป็นครั้งแรก ต่อไปในอนาคตหากผู้ใดกระทำความผิดในลักษณะนี้อีกครั้ง พวกเขาจะถูกลงทัณฑ์ตามกฎที่ถูกระบุขึ้นมาใหม่ นั่นคือประหารชีวิตสถานเดียว … "

และในยามที่เขาฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง เถียนกวงก็ใจสลาย เขาท้อแท้และเต็มไปด้วยความเสียใจ

เขาไม่เคยคิดเลยว่าการตัดสินใจชั่ววูบในคืนนั้น จะทำให้เขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หากสวรรค์ให้โอกาสเขาย้อนเรื่องราวกลับไปแก้ไขได้อีกสักครั้ง ต่อให้ในคืนนั้นเขาจะต้องละทิ้งศักดิศรีความภาคภูมิใจทั้งหมด และลงไปเห่าเยี่ยงสุนัข ให้แก่ชายหนุ่มที่สวมชุดสีม่วงนั้น 10 รอบ เขาก็ยินดีที่จะกระทำมันเพื่อเป็นการอ้อนวอนขอขมาให้ชายหนุ่มชุดสีม่วงนั่นล่ะเว้นความผิดของเขา

ตอนนี้ทั้งชีวิตเขาได้สูญเสียทุกสิ่งสูญสิ้นทุกอย่าง ไม่หลงเหลืออะไรให้เขาภาคภูมิใจอีกต่อไป

"เถียนกวง, ท่านผู้อาวุโสหลักเรียกให้เจ้าไปยังหองโถงหลัก เดี๋ยวนี้" ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นจากภายนอก และทำให้เถียนกวงถึงกับหน้าเปลี่ยนสี

หลังจากที่เดินทางมาถึงห้องโถงหลัก เถียนกวงได้คุกเข่าลงตรงหน้าผู้อาวุโสหลัก และทำการร้องไห้ฟูมฟายพร้อมกอดขาของผู้อาวุโสหลักเอาไว้ "ท่านผู้อาวุโสหลัก ข้ารู้ความผิดที่ข้าได้ก่อไว้แล้ว ข้าสำนึกผิดแล้ว อย่าได้ลงโทษข้าอีกเลย … อย่าทุบตีข้าอีกเลยได้โปรดเถอะ!"

อาวุโสหลักของตระกูลเถียนนั้นขมวดคิ้วออกมาด้วยความอับอายเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหันไปมองชายทั้ง 3 ร่างที่ยืนอยู่ในห้องแล้วกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกขายหน้า "ท่านผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 3 ข้าต้องขออภัยที่ต้องให้พวกท่านเห็นภาพน่าสมเพชเช่นนี้!"

หลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็หมองคล้ำลง ก่อนที่จะเตะเถียนกวงกระเด็นออกไป "เถียนกวงข้าไม่ได้เรียกตัวเจ้ามาที่นี่ เพื่อทำโทษอะไรเจ้าทั้งสิ้น นอกจากผู้อาวุโส 2 คนนั้นแล้ว ก็มีแต่เจ้าที่คุ้นเคยกับรูปร่างของชายหนุ่มในชุดสีม่วงนั่น ตอนนี้เจ้ารีบอธิบายลักษณะของชายหนุ่มในชุดสีม่วงให้แก่ แขกที่น่านับถือทั้ง 3 ท่านนี้ฟังเสีย "

เมื่อเถียนกวงรับรู้ว่าเขาไม่ได้ถูกเรียกตัวมาเพื่อลงโทษ เขาก็รู้สึกดีขึ้น และตอนนี้เองที่เขาเห็นว่าภายในห้องโถง นอกจากผู้อาวุโสหลักแล้ว ยังมีร่างของบุรุษ 3 คนยืนอยู่ด้วย …มีชายชราหนึ่งคน ชายวัยกลางคนหนึ่งคน ส่วนคนสุดท้ายเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ 20 ปี

"พวกท่าน… พวกท่านมีความสัมพันธ์อันใดกับชายหนุ่มในชุดสีม่วงนั่นหรือ?" เถียนกวงกล่าวถามออกมาด้วยท่าทางหวาดกลัว เขากลัวว่าทั้ง 3 คนนี้จะมีความสัมพันธ์อันดีกับชายหนุ่มในชุดสีม่วงนั่น เขาคิดว่าชายทั้ง 3 คนนี้มาตามจัดการเรื่องราวที่สร้างปัญหาให้แก่ชายหนุ่มในชุดสีม่วงนั่น และถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงเกรงว่าเขาต้องอับโชคถึงขีดสุดแล้ว!

"มันเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้ของพวกข้า และเหตุผลเดียวที่พวกข้าดั้นด้นมาตามหามันถึงที่นี่ เพราะพวกข้าต้องการฆ่ามันให้ตาย!" ชายหนุ่มอายุ 20 ปีเป็นผู้กล่าวตอบออกมา น้ำเสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และความอำมหิต

เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวออกมา เถียนกวงพลันตื่นเต้นดีใจขึ้นครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกลับมาเศร้าสลดลงอีกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่บิดาของเขาเสียชีวิต แววตาของเขาหมองหม่นลง "ไม่มีประโยชน์หรอก มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ปกป้องมันอยู่ ขนาดบิดาของข้ายังเสียชีวิตด้วยมือของคนคุ้มกันของมัน … "

"ระดับกำเนิดแก่นแท้?" ชายหนุ่มพลันหัวเราะออกมาอย่างน่าเกลียด “ผู้ที่อยู่ข้างกายข้ายามนี้ คือผู้อาวุโสหลักแห่งตระกูลหยู ท่านเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง อาศัยเพียงแค่การสะบัดมือของท่านผู้อาวุโสหลัก ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้อะไรนั่นก็ตกตายลงอย่างไม่อาจต่อต้าน ง่ายดายไม่ต่างอะไรไปจากการบี้มด!”

"ระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง?" เถียนกวงตกตะลึงอย่างมาก

อาวุโสหลักของตระกูลเถียนเองที่ฟังอยู่ก็รู้สึกเหมือนกับลำคอถูกบีบ เขากล่าวออกมาอย่างยากลำบาก “ตระกูลหยู? และมีระดับบ่มเพาะวิญญาณแรกก่อตั้ง …นี่พวกท่านทั้งหมด คงไม่ใช่ตระกูลหยูแห่งเมืองประจำมณฑลผานางแอ่นเหินที่ยิ่งใหญ่นั่นหรอกนะ?"

ยามนี้สายตาของเถียนกวงเบิกกว้างออกมา ซ้ำยังส่องสว่างขึ้นมาอีกครั้งราวกับดาวกลางฟ้าในยามราตรี ในขณะนี้เขามองไปยังชายหนุ่มอายุ 20 ปี ราวกับมองหาฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตเขาได้

"ถูกแล้ว พวกเรามาจากตระกูลหยู นี่คือผู้อาวุโสหลักของตระกูลหยู ส่วนคนผู้นี้คือบิดาของข้าเอง และท่านก็เป็นน้องชายของประมุขตระกูลหยู" ชายหนุ่มคนนั้นพลันเงยหน้าขึ้นมากล่าวด้วยความยโส สีหน้าของมันแลดูภาคภูมิใจอย่างมาก ในขณะที่จับจ้องมายังคนตระกูลเถียนที่ทำท่าทางตกตะลึง

"เช่นนั้นก็เป็นท่านผู้อาวุโสหลักของตระกูลหยู และก็รองประมุข ทั้งยังเป็นนายน้อยของตระกูลหยูนี่เอง ต้องขออภัยอย่างยิ่ง ที่เถียนหลินผู้นี้ ไม่ได้รับรองพวกท่านให้ดีกว่านี้ … เถียนกวงรีบไปแจ้งที่ครัวให้จัดเตรียมอาหารเร็วเข้า! พวกเราจะรับรองแขกให้ดีที่สุด!" อาวุโสหลักของตระกูลเถียนหันไปสั่งงานเถียนกวงทันที ทางด้านเถียนกวงก็รีบรับคำ

"ถูกแล้วขอรับ!" ในขณะที่เถียนกวงลุกขึ้น ประกายตาของเขาก็ส่องสว่างขึ้นด้วยความคาดหวัง …

"ท่านพ่อ มีคนที่กำลังจะแก้แค้นให้ท่านเร็วๆนี้แล้วขอรับ เหอะผู้คุ้มกันไอบัดซบนั่นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้แล้วจะอย่างไร? ผู้ฝึกยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ระดับวิญญาณแรกก่อตั้ง จากตระกูลหยูลงมือเองเช่นนี้ ซ้ำยังมี รองประมุขตระกูลหยูมาด้วยตัวเองอีก ไอสารเลวนั่นต้องตกตายอย่างแน่นอน ท่านพ่อ! ท่านจะได้พักผ่อนอย่างสงบในสวรรค์แล้วขอรับ … "

"เดี๋ยว! " กลับเป็นหยูหุ่ย ผู้อาวุโสหลักของตระกูลหยูกล่าวคำหยุดเถียนกวงเอาไว้ และกล่าวออกมาอย่างไม่แยแสว่า “เหตุผลที่ข้ามายังตระกูลเถียนไม่ได้มาเพื่อดื่มกินอันใด เจ้ารีบอธิบายลักษณะของชายหนุ่มชุดสีม่วงนั่นมาเสียตอนนี้”

เถียนกวงเองก็ไม่คิดรีรออะไรเขารีบพยักหน้า และนึกถึงภาพเหตุการณ์ในคืนนั้น ภาพของชายหนุ่มในชุดสีม่วง เขาบรรยายลักษณะของชายหนุ่มชุดสีม่วงนั่นออกมาอย่างละเอียด ต่อชายจากตระกูลหยูทั้ง 3 คน…

"ไม่ผิดแน่ มันเป็นเขาอย่างแน่นอนขอรับท่านผู้อาวุโสหลัก!" ชายหนุ่มที่กล่าวออกมาอย่างดีใจแน่นอนว่าย่อมเป็น หยูเซี่ยง จากตระกูลหยู

"เอาล่ะเช่นนั้นมันก็เป็นเขา …นั่นย่อมหมายความว่าเขาได้ออกเดินทางไปจากที่นี่ ตั้งแต่ 7 วันที่แล้ว" หยูหุ่ยพยักหน้าครั้งหนึ่ง "เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ"

"ท่านผู้อาวุโส" "ท่านทั้ง 3 เดินทางมาไกลคงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย ท่านสมควรหิวอยู่ไม่น้อย เหตุใดท่านไม่พักที่ตระกูลเถียนของข้าและอยู่รับประทานอาหารเสียก่อนเล่า? นับว่าเป็นเกียรติของตระกูลเถียนอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับพวกท่านในวันนี้ ข้าหวังว่าท่านจะให้โอกาสข้าต้อนรับพวกท่าน "

หยูหุ่ยนั่นไม่ค่อยเห้นด้วยสักเท่าไร แต่เขาก็หันไปถามหยูหลี่และหยูเซี่ยง "พวกเจ้าคิดอย่างไร?"

"ท่านผู้อาวุโสหลักจะอย่างไรต้วนหลิงเทียนมันก็จากไปตั้งแต่ 7 วันที่แล้ว พวกเราก็ไม่ต้องรีบร้อนอะไร เราพักผ่อนรับประทานอาหารกันก่อนค่อยออกไปก็ไม่เลวเหมือนกัน" หยูเซี่ยงกล่าวเสนอออกมา

"พวกเรากำลังติดตามมันไปด้วยการเดินทางโดยใช้อาชาเหงื่อโลหิต เราสามารถติดตามพวกมันได้ทันภายใน 2 วันหลังจากนี้ แม้ว่าเราจะเสียเวลากินอาหารมื้อนี้ก็ตาม" หยูหลี่พยักหน้าออกมาเล็กน้อยในขณะที่ประกายตาของเขาแฝงความเย็นชาออกมา

หยูหุ่ยพยักหน้าก่อนหันไปหาเถียนหลิน "เช่นนั้นข้าต้องขอรบกวนผู้อาวุโสหลักตระกูลเถียนแล้ว"

"ไม่รบกวน ไม่ได้รบกวนอันใดแม้แต่น้อย" เถียนหลินตอนนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มมากมายบนใบหน้า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้หลังจากที่ตระกูลเถียนสิ้นประมุขไป รวมทั้งยังถูกปล้นเหรียญเงินไปมากมายถึง 1,000,000 เหรียญ ตระกูลใหญ่อีก 2 ตระกูลในเมืองพิรุณโปรยแห่งนี้ก็เริ่มมีทีท่ากำแหงขึ้นมา แล้วดูเหมือนพวกมันคิดที่จะยึดครองกิจการของตระกูลเถียนทั้งหมด

สำหรับตอนนี้ขอเพียงตระกูลเถียนมีความสัมพันธ์สักเล็กน้อยจากตระกูลที่มาจากเมืองประจำมณฑลแล้วล่ะก็ พวกเขาก็สามารถมั่นใจได้เลยว่าจะปลอดภัยไปช่วงหนึ่ง

"เช่นนั้นข้าน้อยจะไปสั่งให้ห้องครัวเตรียมอาหาร" เถียนกวงกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นในขณะที่วิ่งออกจากห้องโถงไปยังห้องครัว

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 130 เถียนกวงอัปโชค"

3.7 228 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ!
ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ!
มีนาคม 12, 2022
ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
มีนาคม 12, 2022
อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
เมษายน 24, 2023
รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ( 末世虐杀游戏最新章节 )
รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ( 末世虐杀游戏最新章节 )
มีนาคม 12, 2022
Gate of God
Gate of God
พฤษภาคม 17, 2022
Tales of Herding Gods
Tales of Herding Gods
มีนาคม 12, 2022
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz