หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - บทที่ 126 ตระกูลหยู

  1. หน้าแรก
  2. สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
  3. บทที่ 126 ตระกูลหยู
Prev
Next

อรุณรุ่งมาเยือนท้องนภาทอสีทองสวยงาม ต้วนหลิงเทียนพลันออกเดินทางพร้อมกับฉงเฉวียนออกจากตระกูลลี่แห่งเมืองวายุโปรย มุ่งหน้าสู่เมืองออโรร่า และทั้งสองก็บรรลุถึงเมืองออโรร่าในเวลาเที่ยงวัน หลิงเทียนมอบเงินให้ฉงเฉวียนไปหาโรงเตี๊ยมพักผ่อน ก่อนที่เขาจะไปติดต่อธุระปะปังกับถังจิ้ง เมื่อเรื่องราวทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วเขาก็กลับบ้านของเขาทันที

"ลูกเทียน เรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง?" เมื่อต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงบ้าน ลี่หลัวก็ถามออกมาด้วยความใคร่รู้

ตัวนางนั้นย่อมเชื่อมั่นในตัวบุตรชายอย่างดีว่าหากเรื่องราวใดที่เขามั่นใจแล้ว มันย่อมสำเร็จลงได้ด้วยดีเสมอ แต่ที่นางอยากรู้คือเขามีวิธีจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 2 ของตระกูลฟางได้อย่างไร

"ท่านแม่ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างล้วนจบลงอย่างไร้เรื่องราวแล้ว ตอนนี้เมืองวายุโปรยไม่มีตระกูลที่ชื่อว่าตระกูลฟางอีกต่อไป" ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ

อดไม่ได้ที่ลี่หลัวจะชะงักเล็กน้อย

ตระกูลฟางถูกทำลายลงแล้ว?

ตอนนี้นางรู้สึกเหมือนบุตรชายของนางช่างน่าพิศวงมากขึ้นไปทุกที …

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาอย่างอารมณ์ดี ท่านแม่ แล้วเค่อเอ๋อไปไหนแล้วเล่า?"

"นางน่าจะยังบ่มเพาะอยู่ในห้อง มั้งลูก" ลี่หลัวส่ายหัวออกมาพร้อมถอนหายใจ "สาวโง่เค่อเอ๋อนั่นล้วนตั้งใจฝึกฝนบ่มเพาะอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ยามที่เจ้าจากไป ทั้งตอนนี้นางยังฝึกฝนบ่มเพาะจนตัดผ่านไปยังระดับก่อกำเนิดขั้นที่ 5 ได้แล้ว … แต่ดูเหมือนนางจะยังไม่พึงพอใจสักนิด นางยังคงตั้งใจฝึกฝนบ่มเพาะอย่างขยันขันแข็งไม่เกียจคร้านแม้แต่น้อย แม่คิดว่า นางเองก็อยากช่วยเหลืออะไรลูกได้บ้างในอนาคต "

"เค่อเอ๋อ … ." แววตาของหลิงเทียนพลันสะท้อนความอ่อนโยนออกมาทั้งหัวใจของเขาเองก็อบอุ่นขึ้นมาไม่น้อย

เด็กโง่เอ๊ย

"แม่ เดี๋ยวข้าจะออกไปทำธุระข้างนอกสักเล็กน้อย ท่านไม่ต้องเตรียมอาหารให้ข้านะ ข้าจะไปกินกับเหล่าสหาย" ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกลี่หลัว

ตั้งแต่ที่เขาคิดจะออกเดินทางไปจากเมืองออโรร่าแห่งนี้ในตอนเช้า เขาก็คิดที่จะไปร่ำลา สหายของเขาในเมืองนี้สักหน่อย

หลังจากที่ออกจากเขตที่พักของตระกูลลี่ ที่แรกที่หลิงเทียนมุ่งหน้าไปก็คือเขตที่พักของตระกูลเซี่ยว และเมื่อเขาเดินทางมาถึงนั้น ไม่เพียงแต่เขาได้เจอ เซี่ยวหยูและลั่วเฉียน แม้กระทั่งหลินฉวน และหลินฉีจากตระกุลหลินเองก็อยู่ที่นี่กันพร้อมหน้าพร้อมตา …

"เฮ่ต้วนหลิงเทียน อย่างเจ้านี่ยังเรียกว่าสหายได้อยู่รึ เจ้ากลับมาถึงเมืองออโรร่าทั้งที แต่ไม่คิดมาด่งมาดื่มกับสหายเช่นข้าเลยรึไงกัน" หลินฉีกล่าวออกมาอย่างน้อยใจเมื่อเห็นหลิงเทียนเดินเข้ามา

“อะไรกันเล่า ข้าเองก็พึ่งกลับมาเมื่อวานนี้เองนา” ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาก่อนที่จะยิ้มเจื่อนๆ เขาไม่คิดว่าจะได้เจอหลินฉีกับหลินฉวนที่นี่ เช่นนั้นก็ดีเขาจะได้ไม่ต้องเดินทางไปยังตระกูลหลินเพื่อร่ำลาพวกมัน

หลิงเทียนกล่าวต่อออกมาว่า "เฮ่ๆ ข้าเองก็วางแผนที่จะชวนพวกเจ้าสองพี่น้องรวมทั้งเซี่ยวหยูไปหาอะไรกินเสียหน่อย พรุ่งนี้ข้าเองก็จะออกเดินทางแล้ว วันนี้ข้าเลยคิดที่จะเลี้ยงอำลาพวกเจ้าสักมื้อ ดีหรือไม่"

"อะไร ออกเดินทางพรุ่งนี้แล้ว?" หลินฉีและหลินฉวน รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

ส่วนทางด้านเซี่ยวหยูกลับไม่ค่อยแปลกใจสักเท่าไร ตั้งแต่เขารู้ว่าต้วนหลิงเทียนคิดจะนำครอบครัวอกเดินทางไปยังเมืองหลวงด้วยกันกับเขา เช่นนั้นเขาก็ต้องออกเดินทางล่วงหน้าก่อนถึง 6 เดือนเพราะความเร็วของเกวียนนั้นเกรงว่าจะด้อยกว่าม้าอยู่หลายส่วน

"เฮ่ เฉียนน้อยเจ้าก็มากินกับพวกเราด้วยนะ" ต้วนหลิงเทียนหันไปกล่าวกับลั่วเฉียนพร้อมรอยยิ้ม

ลั่วเฉียนพยักหน้าเบาๆ อย่างเชื่อฟัง

"พวกเราไปด้วยนะ" ตอนนี้เองมีร่างบอบบางเล็กๆค่อยๆเดินมา มองไปก็ระบุได้ว่าเป็นเซี่ยวหลันน้องสาวของเซี่ยวหยู ส่วนอีกคนข้างๆนั่นก็น่าจะเป็นเซี่ยวหยุน ลูกสาวของประมุขตระกูลเซี่ยว และคนที่กล่าวออกมาเมื่อครู่ก็เป็นเซี่ยวหยุนนี้เอง

เขาเห็นนางครั้งแรกเมื่อ 2 ปีก่อนตอนนั้นใบหน้าของเซี่ยวหลันยังคงเป็นเด็กอยู่มาก ทว่าตอนนี้นางเติบใหญ่ขึ้นมากแล้ว ความงดงามของนางพลันฉายชัดออกมา แลไปราวกับเป็นเทพธิดาจากสรวงสวรรค์อมตะที่ทอดกายลงมายังแดนดินแห่งนี้ …สำหรับเซี่ยวหยุนแม้นางจะงดงามด้อยกว่าเซี่ยวหลัน แต่จะอย่างไรก็นับได้ว่าเป็นสาวงามคนหนึ่งและตอนนี้นางเองก็เติบโตขึ้นมาแล้ว

"ไอ้หยา ไม่รู้ว่าข้าจะมีเงินมากพอเลี้ยงผู้คนมากมายขนาดนี้หรือไม่!" ต้วนหลิงเทียนกล่าวล้อเล่นออกมาพร้อมรอยยิ้ม

แต่ในความเป็นจริงนั้นหากมองไปถึงความมั่งคั่งที่เขามีอยู่ในแหวนมิติ ถึงแม้เขาจะกินอาหารดีที่สุดในเหลาอาหารที่หรูหราที่สุดของเมืองออโรร่า เกรงว่าเขาคงกินมันได้นานกว่าร้อยปี…

แต่ก่อนนั้นในตอนที่หลิงเทียนจารึกอาคมจันทร์เสี้ยวโลหิตให้แก่ถังจิ้งเขาก็ได้เงินมาหลายล้านเหรียญแล้ว ซ้ำยังมีส่วนแบ่งกำไรจากโอสถน้ำบ่มเพาะร่างกายที่เขาไหว้วานให้เค่อเอ๋อคอยทำส่งขายตลอดทั้งปีที่ผ่านมา นอกจากนั้นก็ยังมีเงินที่ประมุขตระกูลลี่ ลี่อู๋มอบให้อีก 2,000,000 เหรียญ กล่าวได้วาตอนนี้เหรียญเงินในแหวนมิติของหลิงเทียนนั้นทะลุ 9,000,000 เหรียญ และเกือบจะมีถึง 10,000,000 เหรียญอยู่รอมร่อแล้ว

"อะไรกัน มาๆ อย่าได้กังวลข้าจัดการให้เจ้าเอง" หลินฉวนและเซี่ยวหยูกล่าวออกมาอย่างพร้อมเพรียงพร้อมใบหน้าขบขัน

"ฮ่าๆ ข้าล้อเล่น " ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าออกมาก่อนที่จะหัวเราะ "เงินเล็กน้อยเท่านี้ข้าสามารถจ่ายได้อย่างไม่มีปัญหา"

แล้วกลุ่มของต้วนหลิงเทียนก็เดินทางออกจากเขตที่พักของตระกูลเซี่ยวมุ่งหน้าไปยังตลาดกลางเมืองออโรร่า

ในระหว่างทาง ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ว่าเซี่ยวหลันมักจะลอบส่งสายตามองเขาอยู่บ่อยครั้ง และเมื่อเขาหันมาสบสายตากับนาง นางก็มักจะก้มหน้าลงไปและเผยทีท่าเขินอาย … ‘อะไร นี่ไม่ใช่ว่าเซี่ยวหลันนั่นแอบชอบข้าอยู่หรอกนะ?’

‘ข้าอาจจะคิดไปเอง คงไม่ได้เป็นเช่นนั้น’ แม้แต่ตัวต้วนหลิงเทียนเองก็คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาให้แก่ความคิดพิกลนี้ของเขา

เซี่ยวหลัน หลานสาวของผู้อาวุโสหลักประจำตระกูลเซี่ยว นางเป็นสตรีที่มีใบหน้าและรูปร่างงดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์จากดินแดนสวรรค์อมตะ … บุรุษในเมืองออโรร่าจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนนั้นยินดีที่จะพลีกายถวายหวังเพียงได้สยบอยู่ใต้กระโปรงนาง แต่นางก็ไม่แม้แต่จะให้ความสนใจแก่บุรุษผู้ใดทั้งสิ้น

‘สตรีคนหนึ่ง อยู่ๆจะชมชอบบุรุษที่ไม่ค่อยสนิทสนมกันได้อย่างไร?’

ในห้องอาหารส่วนตัว บรรยากาศภายในห้องนับว่ารื่นเริงและสนุกสนานอย่างมาก

หลินฉีอยู่ดีๆ พลันจับจ้องไปยังหลิงเทียนด้วยแววตาลึกซึ้ง "ต้วนหลิงเทียน คำกล่าวของเจ้านับว่าเป็นจริง"

ตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงคำพูดนั้นของหลิงเทียน คำพูดของหลิงเทียนที่กล่าวออกมาอย่างสูงส่งภายในเหลาอาหารแห่งนี้กับเขาในวันนั้น… "เป้าหมายและความฝันของข้าไม่ได้อยู่ภายในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้!"

หากดูจากความสำเร็จในปัจจุบันของหลิงเทียน ที่กำลังจะได้เข้ารับการศึกษาในสถาบันบ่มเพาะขุนพล ซึ่งกล่าวได้ว่ามีสถานะสูงส่งไม่ธรรมดาอย่างยิ่งในอาณาจักรนภาล่องแห่งนี้แล้ว เขาเองก็คาดว่าสถาบันบ่มเพาะขุนพลนี้ก็เป็นเพียงหนทางเส้นหนึ่งที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะก้าวผ่านไปอย่างแน่นอน

และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับ หากวันนั้นหลิงเทียนตกลงที่จะเข้าร่วมกลุ่มการค้าทิวลิปม่วง

"ข้าก็หวังว่าเจ้าจะโชคดีในเส้นทางของเจ้า" ต้วนหลิงเทียนเองก็กล่าวตอบออกมาพร้อมรอยยิ้ม

พวกท่าน สองหนุ่มกล่าวถึงเรื่องอะไรกันหรือ?" คิ้วที่งดงามของเซี่ยวหยุนขมวดเป็นปมเล็กน้อย เพราะนางไม่เข้าใจวาจาของทั้งสองหนุ่มที่อยู่ๆก็กล่าวขึ้นมา

ในความเป็นจริงก็ไม่ได้มีแต่นางที่ไม่เข้าใจ ผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นเซี่ยวหยูและคนอื่นๆเองก็ล้วนไม่เข้าใจ คำกล่าวโต้ตอบเมื่อครู่ของหลิงเทียนและหลินฉี

"ก็ไม่ได้มีอะไรหรอก" หลินฉีเพียงส่ายศีรษะออกมา ทว่าประกายตาของเขาพลันเรืองวูบขึ้นมา ราวกับว่าในใจของเขานั้นบังเกิดความคิดเด็ดขาดประการหนึ่ง

"ฮึ่ม หากพวกท่านไม่อยากกล่าวถึง ก็ไม่เป็นอะไรหรอก" เซี่ยวหยุนแตะริมฝีปากของนางเล็กน้อย ก่อนที่จะเลิกสนใจ เซ้าซี้หาความอีก

กลุ่มชายหนุ่มหญิงสาวล้วนสนทนากันอย่างออกรสและสนุกสนาน ทว่าไม่นานก็วกกลับเข้าเรื่องค่ายบ่มเพาะอัจฉริยะของกองกำลังโลหิตเหล็ก และสุดท้ายมันก็เชื่อมโยงไปยังเมิ่งฉวนและลั่วเฉินจนได้

ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับลั่วเฉียนที่จะระงับความเศร้าโศกได้ยามที่กล่าวถงลั่วเฉิน แต่นางนับว่าโชคดีที่ข้างกายของนางยามนี้มีเซี่ยวหยุนและเซี่ยวหลันคอยปลอบประโลม อีกทั้งสองคนนั้นยังปฏิบัติกับนางราวกับน้องสาวของพวกนางเอง ทำให้ลั่วเฉียนมีความสบายใจขึ้นมาบ้าง…

เมื่อเห็นภาพนี้ แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมเป็นผู้ที่โล่งใจมากที่สุด ตอนนี้ดูเหมือนลั่วเฉียนเองก็ปรับตัวเข้ากับชีวิตความเป็นอยู่ในตระกูลหยู รวมทั้งเข้ากันกับเซี่ยวหยุนและเซี่ยวหลันได้เป็นอย่างดี เมื่อมีทั้ง 2 คนคอยดูแลไม่ห่างเช่นนี้ หลิงเทียนเองก็หมดห่วง ไม่ต้องคอยกังวลว่านางจะพบเจอเรื่องราวไม่เป็นธรรมอะไรในตระกูลเซี่ยว

"เมิ่งฉวน … น่าเสียดายเขานัก" หลินฉวนถอนหายใจออกมาเล็กน้อย เมื่อนึกถึงคืนวันที่แสนสนุกสนานเฮฮากับเมิ่งฉวน ผู้ที่มักจะนำพาเสียงหัวเราะมาอยู่เสมอในยามร่ำสุรา ทว่ตอนนี้เขากลับจากไปเสียแล้ว

"นั่นสิ ผู้ใดจะไปคาดคิดว่าเขากลับต้องพบกับจุดจบเช่นนี้?" เซี่ยวหยูถอนหายใจออกมา “แต่จะอย่างไร อย่างน้อยๆข้าเองก็ทำตามความปรารถนาเรื่องสุดท้ายของเขาจนเสร็จสิ้นไปแล้ว ข้าก็หวังเพียงเขาจะมีความสุขอยู่ในภพภูมิที่ดี”

สายตาของหลิงเทียนเองก็ฉายแววซับซ้อนออกมา

"เรื่องราวผ่านไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ แต่หลิงเทียนกับเจ้าก็ฝ่าฟันความตายมาได้ นี่ก็สมควรเป็นเรื่องยินดีที่น่าฉลอง เอ๊า! ยกจอกขึ้นมาเร็ว" หลินฉีเปลี่ยนหัวข้อก่อนที่จะยกจอกขึ้นมา "ดื่ม!"

"ต้วนหลิงเทียน ข้าขอแสดงความยินดีด้วย" เซี่ยวหลันเองก็ยกจอกของนางขึ้นมาดื่มด้วยเช่นกัน ใบหน้างดงามปราศจากข้อใดให้ตำหนิของนางฉายแววเขินอายออกมาไม่น้อย

ต้วนหลิงเทียนเองอดไม่ได้ที่จะตกใจ ‘เซี่ยวหลันคงไม่ได้ตกหลุมรักข้าจริงๆหรอกนะ?’

เซี่ยวหยูแน่นอนว่าย่อมสังเกตเห็นถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน อีกทั้งเขายังเป็นพี่ชายฝาแฝดของนาง เรื่องราวที่อยู่ในใจน้องสาวของเขา มีหรือที่ตัวเขาเองจะไม่ล่วงรู้ …

‘น้องสาวตัวน้อยของข้า เจ้ายินดีที่จะมีบุรุษร่วมกับผู้อื่นงั้นหรือ ?’ เซี่ยวหยูทำได้เพียงคิดในใจอย่างเหนื่อยหน่าย

สำหรับตัวเขานั้นเมื่อมองไปที่ต้วนหลิงเทียนแล้ว เขาย่อมรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีวันละทิ้งสตรีสองนางข้างกายเขามาเลือกน้องสาวของเขาอย่างแน่นอน อีกทั้งสตรีสองคนของต้วนหลิงเทียนก็หาได้งดงามน้อยกว่าน้องสาวของเขาไม่

"เอาล่ะ มาดื่มกันเถิด!" ต้วนหลิงเทียนยกจอกขึ้นมา แล้วหยุดความคิดวุ่นวายในหัว "แด่โชคชะตานำพา … "

ทั้งกลุ่มกินดื่มอยู่ตลอดทั้งบ่ายก่อนที่จะเดินทางกลับ

ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป ต้วนหลิงเทียนหันกลับไปกล่าวกับเซี่ยวหยูว่า "เซียวหยู ข้าจะไปรอเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง"

“อย่ารีบด่วนสรุปเกินไป ถนนไปยังเมืองหลวงมีเพียงเส้นเดียว ผู้ใดจะรู้กันเล่าว่าเจ้าจะไปถึงก่อน”

ต้วนหลิงเทียนเองก็พลันฉุกคิดขึ้นได้เมื่อลองนึกดู เขานั้นเดินทางไปยังเมืองหลวงด้วยเกวียน ทว่าเซี่ยวหยูควบขี่ม้าไป แน่นอนว่าความเร็วของทั้งสองย่อมเทียบกันไม่ได้

"เช่นนั้นข้าจะรอให้เจ้าตามทันแล้วกัน" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะก่อนที่จะมองส่งทุกคนกลับไป หลังจากนั้นเขาก็แวะเข้าไปในตลาดเพื่อหาซื้อวัตถุดิบสมุนไพร เพื่อหลอมเม็ดยาเร่งกำเนิดเล็กน้อยก่อนที่จะกลับบ้าน

ในระหว่างทางกลับบ้าน หลิงเทียนเองพลันพบหน้าคนคุ้นเคย และใบหน้านั้นก็ฉายแววตกตะลึงออกมาอย่างเห็นได้ชัด

"ต้วน … ต้วนหลิงเทียน" ลี่ฉีฉี มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นตระหนกเล็กน้อย

"เฮ่ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ" ต้วนหลิงเทียนยิ้มให้ลี่ฉีฉี แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจกับการกระทำที่ผ่านมาของลี่ฉีฉีสักเท่าไร แต่ว่าจะอย่างไรเดิมทีแล้วเขาก็ไม่ได้มีอะไรมากมายกับลี่ฉีฉี เช่นนั้นเขาจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรสักนิด

หากไม่มีความรักแล้วจะบังเกิดความเกลียดชังได้อย่างไร?

ลี่ฉีฉีนั้นถูกลิขิตให้เป็นเพียงแค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาเท่านั้น

"ข้าได้ยินมาว่าเจ้าคิดที่จะเดินทางออกจากเมืองนี้ไป พรุ่งนี้ใช่หรือไม่?" ลี่ฉีฉีกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แววตาของนายฉายความซับซ้อนออกมาไม่น้อย เหตุเพราะชายหนุ่มตรงหน้านั้นพึ่งเข้ามายังตระกูลลี่ได้ไม่นาน ทว่ายามนี้เขากลับเติบโตไปไกลเกินกว่าที่นางจะเอื้อมมือไปถึงซะแล้ว ในใจของนางบังเกิดเพียงความเสียใจอย่างไม่อาจประมาณได้

อย่างไรก็ตามนางย่อมสำเหนียกตัวเองดี ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขานั้นล้วนเป็นไปไม่ได้ที่มันจะดีขึ้นอีกแล้ว และนางคงไม่อาจใกล้ชิดเคียงข้างกับเขาดั่งช่วงแรกๆได้อีกครั้ง …และทุกสิ่งทุกอย่างนั้นล้วนเป็นนางที่ทำมันพังลงด้วยมือทั้งสองข้างของนางเองทั้งสิ้น

"ใช่แล้ว ข้าจะออกเดินทางพรุ่งนี้นี่ล่ะ แล้วเจอกันนะ" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ก่อนที่จะกล่าวคำอำลาลี่ฉีฉีแล้วเดินจากไป

ลี่ฉีฉีเพียงถอนหายใจออกมาเบาๆ ในขณะที่เฝ้ามองเงาหลังของต้วนหลิงเทียนค่อยๆหายลับตานางไป นางทำได้เพียงก้มหน้ากัดฟันเอาไว้ ร่างบอบบางของนางสั่นระริกราวกับดอกไม้ที่ถูกลมหนาวพัดผ่าน..เพียงลำพัง …ไร้ผู้ใดให้พึ่งพิง

ในคืนนั้นครอบครัวของลี่เฟยและครอบครัวของหลิงเทียนก็ร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน นี่อาจเรียกได้ว่าเป็นการเลี้ยงอำลาปู่ของลี่เฟย

"ท่านปู่ ท่านมากับพวกเราไม่ดีหรือ?" ลี่เฟยเองก็พยายามรบเร้าปู่ของนางโดยหวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจ

"หลานเฟย เจ้าอย่าได้คาดคั้นปู่แล้ว ปู้เจ้าได้ใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตในตระกูลลี่ กล่าวได้ว่าชีวิตข้านั้นหยั่งรากลึกลง ณ ที่แห่งนี้แล้ว หากเจ้าคิดถึงปู่ในอนาคตเจ้าก็สามารถมาเยี่ยมปู่ได้ตลอดเวลา แล้วเจ้าก็อย่าได้กังวลไป ร่างกายของปู่นั้นยังแข็งแรงนัก ข้ายังสามารถอุ้มหลานของข้า ที่เกิดจากเจ้าและหลิงเทียนได้แน่นอน " เมื่อชายชรากล่าวจบใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าเขาได้เห็นฉากต้วนหลิงเทียนและลี่เฟยที่สร้างครอบครัวอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง

"ท่านปู่ ท่านกล่าวอะไรกัน ผู้ใดจะมีลูกกับเขาเล่า?" ลี่เฟยรู้สึกเขินจนต้องก้มศีรษะลง อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นอย่างนั้น นางยังคงงดงามยิ่ง

ณ เมืองประจำมณฑลผานางแอ่นเหิน

ภายในตระกูลหยู ที่เป็นตระกุลใหญ่ของเมืองประจำมณฑล

นอกเขตที่พักตระกูลหยู มีร่างหนึ่งควบขี่ม้ามาอย่างรีบร้อน ก่อนที่จะโดดลงจากม้าเมื่อถึงที่หมายพร้อมทั้งรีบวิ่งเข้าไปในห้องโถงหลัก

"ท่านพ่อ พี่ใหญ่ตกตายแล้ว!" ร่างที่กลับมานี้แน่นอนว่าเป็นหยูเซี่ยงไม่ผิดเพี้ยน

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนออกเดินทางจากเมืองโลหิตเหล็กไประยะหนึ่ง หยูเซี่ยงพลันรวบรวมความกล้าออกเดินทางจากเมืองโลหิตเหล็กโดยใช้เส้นทางอีกสายที่เรียกได้ว่าอ้อมไกลอย่างมาก แต่เขาก็เดินทางปลอดภัยจนสุดท้ายก็กลับมาถึงตระกูลในลักษณะนี้

"อะไรนะ?!" พ่อของหยูเซี่ยงนั้นเป็นผู้อาวุโสลำดับที่ 2 อีกทั้งยังเป็นน้องชายคนเล็กของประมุขตระกูลหยู

หลังจากที่เขาได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของหยูเซี่ยงใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวด้วยโทสะ เขามีโทสะถึงขั้นกระอักโลหิตออกมา "ลูกเซี่ยง เจ้าตามข้ามาไปหาลุงของเจ้ากัน ข้าต้องการให้ต้วนหลิงเทียนพบกับชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!"

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 126 ตระกูลหยู"

3.7 228 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

The Inverted dragons scale
The Inverted dragons scale
มีนาคม 12, 2022
มหายุทธทลายดารา!
มหายุทธทลายดารา!
มีนาคม 12, 2022
ราชันสามภพ (นิยายแปล)
ราชันสามภพ
กรกฎาคม 6, 2023
ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art
ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art
มีนาคม 12, 2022
davisam
จักรพรรดิเทพมรณะ
มกราคม 14, 2023
ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
มีนาคม 12, 2022
Tags:
#ผจญภัย, กำลังภายใน, ต่อสู่, สงคราม
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz