สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 4160 : ผู้ส่งสารของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ชอบธรรม
ตอนที่ 4160 : ผู้ส่งสารของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ชอบธรรม
ต้วนหลิงเทียนรับรู้ถึงตัวตนจักรพรรดิเทพขั้นกลางทันทีที่เขาออกมาจากดินแดนลับระดับจักรพรรดิ เขารู้ว่าพวกนี้ต้องรอเขาอยู่ เขาวางแผนที่จะมิสนใจพวกนี้ แม้ว่าพวกนี้จะประสงค์ร้ายเพราะเขาอารมณ์ดีอยู่ที่ระดับการบ่มเพาะเขาเพิ่มขึ้นและเสถียร
ต้วนหลิงเทียนหันไปหาหลิวอู๋โยวและถามขึ้น “ เจ้าจะกลับไปเมืองอู๋โยวหรือ ? ”
ในความเห็นของต้วนหลิงเทียน มิมีใครรู้ว่าโม่เหวินเต้า หัวหน้าตระกูลของตระกูลจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นตายยังไง พวกนั้นมิอาจจะปะติดปะต่อการตายของโม่เหวินเต้ากับหลิวอู๋โยวได้ ดังนั้นจึงมิมีปัญหาที่นงจะกลับไปที่เมืองอู๋โยว
..
“ ใช่ ” หลิวอู๋โยวตอบกลับพร้อมกับพยักหน้า นางเติบโตมากับเมืองอู๋โยว นางมิตั้งใจจะออกจากที่นั่นแม้ว่านางจะกลายเป็นจักรพรรดิเทพขั้นกลางก็ตาม นางมิกังวลว่าจะเป็นเกี่ยวพันกับการตายของโม่เหวินเต้า ยังไงเสียนางก็มิได้เกี่ยวข้องอะไรกับการตายของเขา
หลิวอู๋โยวมองไปที่ต้วนหลิงเทียนพร้อมกับคิดกับตัวเอง ‘ มิมีใครสงสัยว่าเขาเกี่ยวข้องกับการตายของหัวหน้าตระกูลโม่ใช่หรือไม่ ?
เขาเพิ่งปรับระดับการบ่มเพาะให้เสถียรหลังจากที่ออกมาจากดินแดนลับ ยังไงเสีย…. ’
ตอนที่หลิวอู๋โยวคิดอยู่นั้น ต้วนหลิงเทียนก็พูดขึ้นมา “ เอาล่ะ หากเป็นเช่นนั้น งั้นก็แยกกันตรงนี้ จนกว่าเราจะพบกันอีก… ”
เขาแค่พูดไปตามมารยาท เขารู้ว่าพวกเขาคงมิได้พบกันอีก ยังไงเสียมิใช่แค่ต้องออกจากการทดสอบเทพใน อนาคต แต่นางยังเป็นแค่ภาพลวงตา หลังจากที่ใช้เวลากับนาง เขาก็ต้องทึ่งกับความสามารถของยอดฝีมือสูงส่งที่มีความสามารถสร้างภาพลวงตาที่มีชีวิตเช่นนี้ได้
เมื่อได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน หลิวอู๋โยวก็มองไปที่เหล่าจักรพรรดิเทพขั้นกลางที่มองมาที่พวกเขาด้วยสายตาอคติ
ตอนที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะออกไป หนึ่งในจักรพรรดิเทพขั้นกลางก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ เจ้าหนู หากเจ้าอยากมีชีวิตต่อ เจ้าอย่าผลีผลามจะดีกว่า ส่งแหวนมิติทั้งหมดที่เจ้ามีมา หากเจ้าอยากจะรอด มิเช่นนั้นแล้วก็อย่าคิดออกจากที่นี่ ”
“ ถูกต้อง ! เราจะไว้ชีวิตเจ้าหากเจ้าส่งแหวนมิติทั้งหมดมา มิเช่นนั้นแล้วเจ้าก็ต้องตาย ! ”
เหล่าจักรพรรดิเทพขั้นกลางมองไปที่ต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาละโมบราวกับฝูงหมาป่าที่จับจ้องแกะ ในความเห็นของพวกเขาแล้ว เขาเป็นแค่จักรพรรดิเทพขั้นต้นที่เพิ่งปรับระดับการบ่มเพาะให้เสถียร เขามิได้เป็นภัยต่อพวกเขาเลย พวกเขามิเห็นสายตาสงสารของหลิวอู๋โยวที่มองมาที่พวกเขาเลย
ต้วนหลิงเทียนมองไปที่เหล่าจักรพรรดิเทพขั้นกลางพวกนั้นก่อนจะยกมือขึ้นแล้วกำมือ
จักรพรรดิเทพขั้นกลางคนหนึ่งอึ้ง เขารับรู้ได้ถึงพลังงานที่มองมิเห็นปกคลุมตัวเขา หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่กดทับเขาราวกับมิติรอบตัวเขากำลังบีบเข้ามา
ตูม…
ก่อนที่คนอื่นๆจะตั้งตัวทัน จักรพรรดิเทพขั้นกลางก็ได้โคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ของตนสร้างกฎออกมาด้วยความสิ้นหวัง แต่ว่ามันไร้ประโยชน์ ในพริบตาเขาก็ถูกบดขยี้โดยกฎมิติของต้วนหลิงเทียนและร่างระเบิดออก
เลือดกระจายไปทั่ว จักรพรรดิเทพขั้นกลางสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆเองตัวชุ่มไปด้วยเลือด
ทุกคนพากันมองไปที่ต้วนหลิงเทียนด้วยความตะลึง, เหลือเชื่อและสับสน แม้ว่าพวกเขาจะยืนยันแล้วว่าเขาเป็นแค่จักรพรรดิเทพขั้นต้น แต่ตอนนั้นพวกเขาคิดจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนมิมีทางเป็นแค่จักรพรรดิเทพขั้นต้นแน่
ตอนที่ทุกคนตะลึงอยู่นั้น ต้วนหลิงเทียนก็ฆ่าจักรพรรดิเทพขั้นกลางอีกคนด้วยวิธีแบบเดียวกัน เพราะแบบนั้นจักรพรรดิเทพขั้นกลางคนอื่นๆจึงพากันได้สติกลับมา
“ หนี ! ” เหล่าจักรพรรดิเทพขั้นกลางคนอื่นๆรู้ว่าพวกเขามิได้ตาฝาด อีกฝ่ายแกร่งกว่าจักรพรรดิเทพขั้นกลาง พวกเขาต้องพากันแยกย้ายกันหนี
ฟรึด…
ต้วนหลิงเทียนใช้การเคลื่อนย้ายสองชั้นและตามพวกนั้นไป ก่อนที่พวกนั้นจะรู้ตัว เขาก็โบกมือและฆ่าพวกั้นทั้งหด หลังจากนั้นเขาก็หันกลับมามองหลิวอู๋โยวที่ยืนอยู่ไกลออกไป เขาพยักหน้าและพูดขึ้น “ ข้าขอตัวก่อน ”
ในเวลาเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็พูดผ่านการส่งโทรจิต “ หากเป็นไปได้ อย่าให้ใครรู้ว่าเจ้าเข้าไปในดินแดนลับระดับจักรพรรดิกับโม่เหวินเต้า แม้ว่าผู้คนจะมิคิดว่าเจ้าเกี่ยวข้องกับการตายของเขา แต่พวกนั้นอาจจะมาหาเรื่องเจ้า ยังไงเสียจักรพรรดิเทพขั้นสูงสามคนและจักรพรรดิเทพขั้นกลางหลายคนก็ตายไปที่นั่น แต่เจ้ารอดมาได้ พวกนั้นจะสงสัยว่าเจ้าเก็บแหวนมิติของพวกนั้นไว้หรือไม่ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ละโมบ ความโลภเหล่านั้นจะนำพาหายนะมาสู่เจ้า ”
จักรพรรดิเทพขั้นกลางได้เตือนต้วนหลิงเทียนเรื่องความโลภของมนุษย์ ดังนั้นเขาจึงออกปากเตือนหลิวอู๋โยวด้วยความหวังดี
สายตาของหลิวอู๋โยวดูซับซ้อน นางมองต้วนหลิงเทียนที่จากไป ยังไงเสียงเขาก็เป็นเจ้าของร่างของโยวเหวินเฟิง คนรับใช้ของนาง ในอดีตนางมิเคยใส่ใจโยวเหวินเฟิง แต่หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนได้ร่างของอีกฝ่ายมา นางก็พบว่านางรู้สึกแปลกๆแบบที่มิเคยรู้สึกมาก่อน
หลังจากนั้นสักพักหลิวอู๋โยวก็ถอนหาใจออกมา แม้ว่านางจะมิรู้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นใคร แต่นางรู้ว่าเขามิได้มาจากโลกนี้ นางคงมิได้เจอเขาอีก
….
ต้วนหลิงเทียนมิรู้ความคิดของหลิวอู๋โยว ตอนนั้นเขาคึกอย่างมากเพราะผลกำไรที่ได้มาจากดินแดนลับระดับจักรพรรดิ
‘ คิดมิถึงจริงๆว่าโลกนี้จะมีของเช่นนี้อยู่ แค่คิดว่าการที่มีคนทะลวงผ่านในดินแดนของจักรพรรดิเทพจะทำให้ดินแดนลับระดับจักรพรรดิปรากฏขึ้นมา ยิ่งกว่านั้นพรสวรรค์ของคนที่มอบรางวัลให้ในดินแดนลับนั้น….’
สมบัติสูงสุดในดินแดนลับที่ต้วนหลิงเทียนได้มาคือผลเต๋าสวรรค์ทั้งสาม ที่สำคัญที่สุดคือเขาได้มันมาสำเร็จ เขาคงมิได้มันมาหากมิใช่เพราะความขัดแย้งระหว่างจักรพรรดิเทพขั้นสูงทั้งสองคน ‘ ก่อนที่ระดับการบ่มเพาะข้าจะเสถียร อย่างมากข้าก็สู้ได้แค่อู๋ปิง….โม่เหวินเต้าและจงไป่หนานนั้นถูกอู๋ปิงฆ่าในพริบตา..หากข้าต้องสู้กับพวกนั้น ข้าอาจจะตาย แต่เมื่อระดับการบ่มเพาะของข้าเสถียรแล้ว ข้าก็รู้สึกว่าความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มขึ้นมาอย่างก้าวกระโด
นี่มิต้องนับอู๋ปิงเลย ข้ามั่นใจว่าจะเอาชนะโม่เหวินเต้าได้หากต้องเผชิญหน้ากับเขา แต่ข้ายังมิแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับคนอย่างจงไป่หนานที่เป็นกึ่งเทพสูงสุด หากข้าเผชิญหน้ากับเขาตอนนี้ ข้าคงตาย ความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวจริงๆ ! ’
นี่เป็นครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนได้เห็นปรากฏการณ์เทพสูงสุดและความแข็งแกร่งของกึ่งเทพสูงสุด
‘ ข้าควรไปที่ไหนต่อ ? หืม ข้าควรไปที่เมืองใกล้ๆและถามทางไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้… ’
ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนวางแผนที่จะใช้เวลาสักพักในเมืองของตระกูลจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เพื่อดูว่าเขาจะหาทางเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเขาอย่างรวดเร็วหรือไม่
แต่หลังจากที่ออกมาจากดินแดนลับระดับจักรพรรดิ ตอนนี้เขาก็ทัดเทียมกับโม่เหวินเต้า หัวหน้าตระกูลจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว เป็นธรรมดาที่เขาจะหมดความสนใจที่จะอยู่ในเมืองของตระกูลจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ต่อ ตอนนี้สิ่งที่เขาสนใจมีแค่เมืองหลวงของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์
เมืองหลวงนั้นคงเป็นที่ที่ดีกว่าในการสำรวจทวีปแดนสวรรค์ใต้นั้นมีอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง ต้วนหลิงเทียนอยู่ในหนึ่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์พวกนั้น
…..ตอนที่ต้วนหลิงเทียนไปถึงเมืองของตระกูลจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เขาก็มิได้แปลกใจที่พบว่ามันใหญ่กว่าเมืองอู๋โยวมาก เมืองเล็กๆอย่างเมืองอู๋โยวจะมาเทียบกับที่นี่ได้เช่นใด ? เขาพบว่าเมืองนี้สงบสุข จากจุดนี้เขาก็รู้ว่าการตายของโม่เหวินเต้านั้นยังมิส่งข่าวมาถึงที่นี่ บางทีคงมิมีใครรู้ว่าโม่เหวินต้านั้นตายไปแล้ว
‘ ไข่มุกวิญญาณมีอยู่ในโลกนี้หรือไม่ ? ถึงจะมิมี แต่ว่าโลกนี้ก็น่าจะมีสิ่งที่คล้ายกันซึ่งบอกได้ว่าคนเรานั้นตายหรือยังมีชีวิตอยู่ ? เป็นไปมิได้เลยที่จะมิมีใครรู้ว่าโม่เหวินเต้าตายไปแล้วมิใช่หรือ ? ’ ต้วนหลิงเทียนคิดในใจ
…
หลายวันผ่านมาต้วนหลิงเทียนได้สำรวจเมืองตระกูลจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และรู้ว่าอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ที่เขาอยู่นั้นชื่อว่าอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ชอบธรรม นอกจากนี้แล้วเขาก็ยังรู้ที่อยู่ของเมืองหลวงของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ชอบธรรม เขายังรู้เกี่ยวกับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์อื่นๆและมีทวีปอื่นนอกจากทวีดแดนสวรรค์ใต้
‘ ข้าสงสัยว่าพี่สี่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้ด้วยหรือไม่ ? ’ ต้วนหลิงเทียนคิดกับตัวเองด้วยความกังวล
แม้ว่าหลางฉุนหยวนจะแกร่งที่สุดในบรรดาทุกคนที่เข้ามาในการทดสอบเทพ แต่ก็มีเทพสูงสุดในโลกนี้ จากนิสัยของนางแล้วคงมิแปลกที่นางจะมีเรื่องกับเทพสูงสุด เพราะแบบนั้นต้วนหลิงเทียนจะมิกังวลได้เช่นใด ?
ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าด้วยท่าทีหมดหนทาง ‘ ข้าเป็นน้องนางแต่ข้ากลับเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของนาง…. ’
..
ตอนที่ต้วนหลิงเทียนออกจากเมืองตระกูลจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์และมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวง มันก็มีคนหลายคนลงมาจากท้องฟ้า
หลังจากนั้นหนึ่งในนั้นก็ประกาศออกมา “ ข้าคือผู้ส่งสารของอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ชอบธรรม ข้ามาที่นี่ตามคำสั่งของนายท่าน ตอนนี้เจ้าเมืองโม่เหวินเต้าตายไปแล้ว เมืองควรมีการคัดเลือกเจ้าเมืองใหม่ เจ้าเมืองใหม่ต้องรายงานตัวที่เมืองหลวงใน 3 วันและติดตามนายท่านของเราไปยังหุบเขาโชคชะตาเพื่อแข่งขันกับอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์อื่นๆและนำพาเกียรติมาสู่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ขอบธรรมของเรา ! ”
ทันทีที่ผู้ส่งสารพูดจบก็เกิดเสียงซุบซิบดังขึ้นมา
“ เจ้าเมืองตายแล้วหรือ ? ! ”
“ คนแกร่งอย่างเจ้าเมืองตายไปได้เช่นใด ? ! ”