สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ - ตอนที่ 4159 : รางวัลมหาศาล
ตอนที่ 4159 : รางวัลมหาศาล
ต้วนหลิงเทียนมิทางเสียโอกาสที่จะได้สำรวจดินแดนลับระดับจักรพรรดิไปเมื่อผู้ท้าชิงของเขาตายไปหมดแล้ว ระหว่างที่เขาเดินทาง เขาได้พบกับการทดสอบหลายอย่าง
เขาผ่านการทดสอบทั้งหมดและได้รางวัลกลับมามิจำเป็นต้องบอกเลยว่ารางวัลพวกนี้มิได้มีค่าเหมือนกับผลเต๋าสวรรค์เลย มันเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อการทดสอบมิได้ยาก รางวัลเองก็มิได้มากมายไปตาม แต่ก็ยังช่วยให้เขาพัฒนาระดับการบ่มเพาะเหมือนกับรางวัลที่เขาได้จากการฆ่าคนที่แกร่งกว่าเขา
ภายใต้สถานการณ์ปกติแล้ว คนส่วนมากกังวลว่ากฎของพวกเขาจะตามระดับการบ่มเพาะมิทัน หากพวกเขาพัฒนาระดับการบ่มเพาะเร็วเกินไป แต่ต้วนหลิงเทียนนั้นมิได้มีข้อกังวลเช่นนั้น ยังไงเสียความเข้าใจกฎมิติของเขาก็ทัดเทียมกับเทพสูงสุด ยิ่งกว่านั้นเขาก็เข้าใจกระบี่เต๋าและกฎเต๋า เพราะแบบนั้นเขาจึงมิต้องกังวลเรื่องความต่างกันระหว่างระดับการบ่มเพาะและความเข้าใจกฎ
ต้วนหลิงเทียนมิต้องกังวลว่าจะควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ของตนมิได้เพราะการพัฒนาเร็วเกินไป เพราะเส้นปราณสวรรค์ 99 เส้นและรากฐานที่มั่นคง รากฐานของเขานั้นมั่นคงจนมิมีจักรพรรดิเทพขั้นต้นในดินแดนพลังงานลึกซึ้งและดินแดนเทพอื่นๆจะทัดเทียมเขาได้ในด้านนี้
….
สำหรับพวกที่รากฐานมิมั่นคง ก็เป็นเรื่องง่ายที่พวกเขาจะควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ตนเองมิได้และเบี่ยงเบ่นเส้นทางหากระดับการบ่มเพาะนั้นเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป ผลกระทบนั้นจะทำให้เส้นปราณสวรรค์ของพวกเขาเสียหายและจะทำลายระดับการบ่มเพาะ ในกรณีที่แย่ที่สุดพวกเขาอาจจะตายได้
ในขณะเดียวกันหลิวอู๋โยวก็ยังตะลึงในความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน
‘ เขาแกร่งจริงๆ ในหมู่ทุกคนที่มาที่นี่ คนที่เขาเอาชนะไปได้เป็นถึงจักรพรรดิเทพขั้นสูงทั้งสาม… ’
หลิวอู๋โยวอดมิได้ที่จะสงสัยว่าหากต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นแค่จักรพรรดิเทพขั้นต้นที่ยังปรับระดับการบ่มเพาะให้เสถียรยังมิได้นั้นจริงหรือไม่ ความแข็งแกร่งของเขาน่ากลัวก่อนที่เขาจะกลายเป็นจักรพรรดิเทพขั้นต้น แต่เมื่อเขาขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพขั้นต้นแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาก็ยิ่งก้าวกระโดดขึ้นไปอีก
‘ เราฆ่าวิญญาณอสูรในดินแดนของจักรพรรดิเทพขั้นกลางไปเยอะ ข้าน่าจะทะลวงผ่านและกลายเป็ จักรพรรดิเทพขั้นกลางหลังจากที่ออกจากดินแดนลับ ’ หลิวอู๋โยวคิดกับตัวเอง ตาของนางเป็นประกายเรื่อยๆตามเวลาที่จะออกจากดินแดนลับระดับจักรพรรดิ
นางมิคิดเลยว่าจะได้ประโยชน์มากมายเช่นนี้กับการเดินทางครั้งนี้ ตอนแรกที่นางเข้ามา นางมิได้คาดหวังอันใดมาก นางตั้งใจแค่มาดูอะไรสนุกๆ
ยังไงเสียมันคงยากที่นางจะได้ประโยชน์ติดมือกลับไปเมื่อนางเข้ามาพร้อมกับกลุ่มจักรพรรดิเทพขั้นกลางและสูง ใครจะไปรู้ว่าต้วนหลิงเทียนนั้นจะพลิกสถานการณ์และถึงกับช่วยนางได้ ?
….
เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว
“ นายท่าน เราจะถูกส่งออกจากดินแดนลับในวันนี้ ” หลิวอู๋โยวพูดขึ้น นางเริ่มเคารพต้วนหลิงเทียนมากกว่าเดิมเมื่อเห็นความแข็งแกร่งและได้รับประโยชน์จากเขาอย่างต่อเนื่อง เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาพบกับวิญญาณอสูรในดินแดนของจักรพรรดิเทพขั้นต้น เขาจะปล่อยให้เธอฆ่านางและเก็บของที่พวกมันมี
ยิ่งกว่านั้นหากพวกเขาพบกับสิ่งที่นางต้องการ เขาจะทำการแลกเปลี่ยนกับนาง มิใช่แค่นั้น เขายังนำสมบัติที่มีค่ามากว่าเพื่อแลกเปลี่ยนกับนางด้วย
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบรับและทำการสำรวจดินแดนลับต่อ ดินแดนลับแห่งนี้ใหญ่โตและคงเป็นไปมิได้ที่เขาจะสำรวจทุกซอกทุกมุมด้วยเวลาที่จำกัด
…
ผ่านไปครึ่งวัน…
ฟรึด ฟรึด…
ต้วนหลิงเทียนและหลิวอู๋โยวรู้สึกได้ว่าพื้นใต้เท้าพวกเขาหายไปก่อนที่ความมืดมิดจะกลืนกินพวกเขา ตอนที่พวกเขากลับมามองเห็น พวกเขาก็พบว่าพวกเขาอยู่ในที่เดิมก่อนที่จะเข้าไปในดินแดนลับระดับจักรพรรดิทางเข้าของดินแดนกลับก็เริ่มหายไปเช่นกัน
อยู่ๆก็มีคนอุทานออกมา “ หลิวอู๋โยวหรือ ? ! ”
ในเวลาเดียวกันก็มีลำแสงส่องประกายลงมาจากท้องฟ้า
“ รางวัลเยอะขนาดนี้เลยหรือ ? ! ” อีกคนอุทานออกมา
หลายคนพากันมองดูลำแสงที่สาดลงมาที่ต้วนหลิงเทียนและหลิวอู๋โยวอย่างต่อเนื่อง พวกนี้เป็นจักรพรรดิเทพขั้นกลางที่ได้รับข่าวเรื่องการปรากฏตัวของดินแดนลับระดับจักรพรรดิ แต่พวกเขามาสายเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะมิอาจเข้าไปในดินแดนลับระดับจักรพรรดิได้
แต่พวกเขาก็มิได้จากไปไหน พวกเขายังรอคนที่ออกมาจากดินแดนลับเพื่อดูว่าพวกเขาจะฆ่าคนเหล่านั้นและแย่งชิงสมบัติมาได้หรือไม่ ทุกคนต่างก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นลำแสงที่สาดลงมาจากท้องฟ้า
มินานหลังจากนั้นหลายคนก็แผ่การรับรู้ออกไปเพื่อยืนยันตัวทั้งสองคน
“ ทั้งสองคนเป็นแค่จักรพรรดิเทพขั้นต้น ! ”
“ จักรพรรดิเทพขั้นต้น ? ! เจ้าล้อเล่นหรือ ? ”
“ ข้าเคยเห็นผู้หญิงคนนี้มาก่อน นางคือหลิวอู๋โยว ผู้ปกครองของเมืองอู๋โยว ”
“ คิดมิถึงเลย เมืองอู๋โยวนั้นค่อนข้างไกล แต่นางกลับมาถึงที่นี่…. ”
“ ดินแดนลับระดับจักรพรรดินั้นจะเปิดได้โดยจักรพรรดิเทพ 20 คน…แล้วคนอื่นล่ะ ? เหตุใดถึงมีพวกเขาแค่สองคน ? คนอื่นตายไปแล้วหรือ ? ”
“ มีแค่จักรพรรดิเทพสองคนที่รอดมาได้หรือ ? เกิดอะไรขึ้นกับจักรพรรดิเทพอีก 18 คนกัน ? ”
“ สองคนนี้โชคดีจริงๆ ! ”
“ บางทีอาจจะมิใช่โชค พวกเขาอาจจะซ่อนตัวและรอให้หมดเวลา ยิ่งกว่านั้นใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ารางวัลนั้นจะแจกเช่นใด ? ”
“ จักรพรรดิเทพอีก 18 คนต้องเสียสละมาเยอะ ผลของความพยายามของพวกเขากลับถูกสองคนนี้ชิงไป ”
“ สองคนนี้ต้องมีสมบัติมากมายเป็นแน่ พวกเจ้าคิดว่าพวกได้แหวนมิติของจักรพรรดิเทพคนอื่นมาหรือไม่ ? ”
“ ข้ามิรู้… ”
บางคนพึมพำออกมา “ เหตุใดเรามิฆ่าสองคนนี้แล้วตรวจสอบเอง ? ”
จักรพรรดิเทพขั้นกลางมองไปที่ต้วนหลิงเทียนและหลิวอู๋โยวด้วยสายตาราวกับนักล่า ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็เริ่มทำการล้อมทั้งสองคนเอาไว้ เมื่อสองคนนี้กำลังรับรางวัล พวกเขาก็มิอาจจะเคลื่อนที่ไปไหนได้ หากพวกเขาถูกโจมตีในตอนนี้ การรับรางวัลก็จะถูกขัด พวกเขาต้องถูกสวรรค์ลงโทษ
แม้ว่าจะรอดจากการลงโทษไปได้ แต่ว่าก็จะพิการ เพราะแบบนั้นพวกเขาก็ต้องรอจนกว่าลำแสงนี้จะหายไปถึงจะเคลื่อนไหวได้
ในเวลาเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็มองไปที่พวกคนที่มาล้อมเขา จากนั้นเขาก็บอกกับหลิวอู๋โยว “ ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะรู้จักเจ้า… ”
“ นายท่าน ข้ามิรู้จักพวกนั้น ” หลิวอู๋โยวพูดขึ้น “ พวกนี้นะเป็นนักล่าจากพื้นที่ใกล้เคียง พวกนี้ต้องมารวมตัวกันตอนที่ได้ข่าวเรื่องดินแดนลับระดับจักรพรรดิปรากฏตัวขึ้นมา
เฮ้อ พวกเขามาช้ากันเกินไป ตอนนี้เมื่อเห็นเราได้รับรางวัลมหาศาล พวกนี้ต้องคิดว่าเราโชคดีและคิดจะฆ่าเราเพื่อชิงของจากเราไป ”
“ เจ้าพูดถูก ” ต้วนหลิงเทียนเดาเรื่องนี้ออก แต่เขามิได้สนใจคนเหล่านี้แม้แต่น้อย เขารู้ว่าพวกนี้จะลงมือก็ต่อเมื่อการให้รางวัลหยุดลง
สำหรับหลิวอู๋โยว แม้ว่านางจะมิมั่นใจในความสามารถของตนเอง แต่นางก็สบายใจเมื่อมีต้วนหลิงเทียนอยู่ข้างกาย นางยังเยือกเย็นและดูดซับรางวัลและทำการบ่มเพาะพยายามที่จะทะลวงผ่านเพื่อขึ้นเป็นจักรพรรดิเทพขั้นกลางให้ได้
ในเวลาเดียวกันพลังของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างมาก ระดับการบ่มเพาะของเขาเริ่มเสถียรขึ้นมาเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของต้วนหลิงเทียนและหลิวอู๋โยว สีหน้าของเหล่าจักรพรรดิเทพขั้นกลางก็เปลี่ยนเป็นเครียด
“ ระดับการบ่มเพาะของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ! ”
“ สำหรับรางวัลมหาศาลเช่นนี้ จักรพรรดิเทพทั้ง 18 คนที่ตายไปต้องเป็นจักรพรรดิเทพขั้นกลางเป็นอย่างน้อย พวกนั้นคงฆ่าวิญญาณอสูรไปเยอะก่อนที่จะตายที่นั่น… ”
“ ดูเหมือนว่าหลิวอู๋โยวจะทะลวงผ่านเป็นจักรพรรดิเทพขั้นกลาง ! ”
“ ชายชุดม่วงเพิ่งจะปรับระดับการบ่มเพาะของตนให้เสถียร หรือว่าเขาคือคนที่ทะลวงผ่านขอบเขตจักรพรรดิเทพและทำให้ดินแดนลับระดับจักรพรรดิปรากฏขึ้นมา ? ”
“ หากเป็นเช่นนั้น เวลาที่เขาใช้ในการปรับระดับการบ่มเพาะให้เสถียรนั้นก็สั้นอย่างน่าเหลือเชื่อ ! ”
“ ข้าละอิจฉารางวัลที่พวกเขาได้รับกันจริงๆ ! ”
จักรพรรดิเทพขั้นกลางพากันมองดูต้วนหลิงเทียนและหลิวอู๋โยวด้วยความอิจฉา พวกเขาเริ่มหมดร้อนใจและรอจนกว่าการให้รางวัลจะจบ
…
ครึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดหลิวอู๋โยวก็หยุดรับรางวัล พลังของนางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นางได้ก้าวเป็นจักรพรรดิเทพขั้นกลาง นางถอนหายใจและคิดกับตัวเอง ‘ แม้ว่าจะยังมีพลังงานเหลืออยู่ค่อนข้างมากหลังจากที่ข้าทะลวงผ่าน แต่ก็ยังมิเพียงพอทำให้ระดับการบ่มเพาะเสถียรได้…. ’
ตอนนั้นหลิวอู๋โยวก็รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของจักรพรรดิเทพขั้นกลาง นางมองไปที่พวกนั้นและพูดขึ้น “ ฟังข้า… พวกเจ้าควรออกไปจากที่นี่เสีย หากยังอยากมีชีวิต มันก็จะสายเกินไปหากเจ้านายของข้าดูดซับพลังงานจากรางวัลเสร็จ… ”
เหล่าจักรพรรดิเทพขั้นกลางต่างก็อึ้งกับคำพูดของหลิวอู๋โยว พวกเขาพากันมองไปที่ต้วนหลิงเทียน
“ หลิวอู๋โยว เจ้าเรียกเขาว่า ‘เจ้านาย’ หรือ ? ”
“ หลิวอู๋โยว เจ้ามิใช่แค่เจ้าเมืองอู๋โยว แต่เจ้ายังเป็นถึงจักรพรรดิเทพขั้นกลาง เจ้าเรียกจักรพรรดิเทพขั้นต้นที่เพิ่งปรับระดับการบ่มเพาะให้เสถียรว่า ‘เจ้านาย’ หรือ ? ”
“ หลิวอู๋โยว เจ้าคิดจะหลอกให้เราออกจากที่นี่หรือ ? บังอาจนัก ! ”
“ ถูกต้อง ! เจ้าคิดว่าเราโง่ที่จะหลงกลเจ้าหรือ ? ”
เหล่าจักรพรรดิเทพขั้นกลางพากันแสดงสีหน้ามิพอใจออกมา
ตอนนั้นเองในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ดูดซับพลังงานที่ได้จากรางวัลเสร็จ เขาลืมตาขึ้นมา สายตาเขาดูหนักแน่น ราวกับว่าเขามองความคิดของทุกคนออก