The Inverted dragons scale - 070 - เด็กปีศาจหัวม่วง !
ในขณะที่ชุยเสี่ยวซินกำลังครุ่นคิดอย่างหนักใจและเยี่ยนเซี่ยงหม่านั้นกำลังชี้นิ้วไปมาติชมดอกไม้ในสวนบวกกับทำท่าทีราวกับว่าเป็นยอดนักพฤกษศาสตร์นั้น, เสียงของคุณแม่กำลังพูดคุยกับใครซักคนก็ดังมาจากภายนอก.
"เสี่ยวซินน่ะเป็นเด็กชอบความเงียบสงบ, มีห้องตั้งมากมายก่ายกองในคฤหาสน์แต่ก็ยังดื้อด้านมาอยู่ในที่ไกลๆ แบบนี้. เด็กผู้หญิงอะไรไม่ชอบสถานที่ที่มีชีวิตชีวา, น้าล่ะกังวลจริงๆ ว่าหากอยู่แบบนี้ไปนานๆ จะกลายเป็นพวกแอนตี้โซเชียลไปในที่สุด"
"หนูก็ชอบที่เงียบๆ เหมือนกันค่ะ" เสียงเด็กสาวพูด. แม้ว่าจะอยู่ไกล แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นและทะนงตนได้อย่างชัดเจน. มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับว่าคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นไม่ได้ใส่อารมณ์อะไรลงไปเลย.
ชุยเสี่ยวซินหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างช่วยไม่ได้.
ตระกูลหลิวส่งเด็กสาวหยิ่งยโสผู้ซึ่งไม่รู้จักแม้แต่วิธีการพูดมาหาเธอแบบนี้ มันทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงในการเยี่ยมครั้งนี้คืออะไร?
มันเห็นได้อย่างชัดเจนมากๆ ว่าแม่ของเธอนั้นไม่คุ้นเคยกับการรับมือกับเด็กประเภทนี้เลยซักนิดเดียว.
หลังจากผ่านความเงียบไปครู่นึง, เสียงหัวเราะแบบเล่นใหญ่เกินเบอร์ก็ดังขึ้น: "ฮ่าๆๆ, น้าไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าเด็กๆ สมัยนี้ชอบความเงียบกัน, นี่มันช่างแตกต่างจากยุคของน้าสิ้นเชิงเลย ตอนนี้เสี่ยวซินก็กลับมาแล้ว, ในเมื่อพวกหนูต่างก็เป็นเด็กวัยเดียวกันแถมยังเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเวสต์วินด์เหมือนกันอีก ในอนาคตพวกหนูควรจะมาเจอกันบ่อยๆ นะ หนูทั้งสองคนจะได้ไม่เหงา"
"หนูมีเพื่อนเยอะแยะเลยค่ะ" หลิวฉีจี้พูด.
"…"
"แต่หนูดีใจมากๆ ที่จะได้เป็นเพื่อนกับพี่เสี่ยวซิน." หลิวฉีจี้พูดอย่างจัดเจน.
แม่ของชุยเสี่ยวซินนั้นไม่เข้าใจสไตล์การพูดแบบนี้เลย, ทั้งเย็นชาและแข็งกระด้าง.
ทุกๆ คำพูดที่พูดออกมานั้นเหมือนกำลังชักดาบออกจากฝักยังไงยังงั้น.
ในฐานะชนชั้นสูงของเมืองเทียนดู, เราควรจะชื่นชมและเยินยอกันและกัน แม้ว่าจะมีการแทงข้างหลังกันบ้าง แต่ภายนอกเราก็ต้องยิ้มแย้มไว้ไม่ใช่หรือไง?
เด็กสาวจากตระกูลหลิวคนนี้ไม่ได้หงายการ์ดเหมือนคนอื่นๆ ทำให้หญิงชนชั้นสูงผู้เป็นถึงบุคคลตัวอย่างของคนระดับนี้ถึงกับรับมืออย่างยากลำบาก.
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าแม่ของชุยเสี่ยวซินนั้นรีบเดินจ้ำก้าวใหญ่เพื่อส่งหลิวฉีจี้ที่ประตูสวนที่ชุยเสี่ยวซินอยู่, จากนั้นเธอก็ตะโกนขึ้นว่า: "เสี่ยวซิน, เสี่ยวซินลูก.. สาวน้อยจากตระกูลหลิวมาหา.."
ชุยเสี่ยวซินเองนั้นเตรียมตัวรออยู่แล้ว, เมื่อได้ยินเสียงแม่เรียก เธอก็รีบมาที่ประตูทางเข้าทันที. จากนั้นก็กวาดสายตาไปมอง 'เด็กปีศาจหัวม่วง' หรือหลิวฉีจี้ผู้ซึ่งรู้จักกันในนามหนึ่งในสามจันทราแห่งราชอาณาจักร จากนั้นบรรยากาศชวนอึดอัดก็เข้ามาแทรกทันที.
แม้ว่าเธอจะเคยเจอหลิวฉีจี้มาก่อนแต่นั่นมันก็เมื่อตอนเด็กๆ, ตอนนั้นหน้าตาและร่างกายของพวกเธอยังไม่โตเท่าไร. เธอคิดว่าตอนนั้นตัวเธอเองน่าตาน่ารักและโตมาจะต้องกลายเป็นคนสวยมากแน่ๆ
แต่ตอนนี้ หลังจากได้เห็นหลิวฉีจี้เธอก็เริ่มไม่แน่ใจกับคำว่า 'สวย' ที่เธอเคยคิดว่าตัวเองเป็นอีกเลย.. หลิวฉีจี้นั้นมีใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติมากๆ
ชุยเสี่ยวซินมักจะคิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าคนอื่นๆ เสมอ, แม้ว่าเธอกับหลิวฉีจี้แห่งตระกูลหลิวและซ่องเฉินซื่อแห่งตระกูลซ่องจะเป็นหนึ่งในเหล่าจันทราแห่งราชอาณาจักรเหมือนกัน, แต่เธอก็มักจะหัวเราะออกมาเสมอเมื่อมีคนพูดถึงเหล่าจันทรา เพราะว่าเธอนั้นรู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่น นั่นก็คือลึกๆ ในใจแล้วเธอคิดว่าตัวเองนั้นมีความสามารถมากกว่า, สวยกว่าและฉลาดกว่าคนเหล่านี้.
แต่ตอนนี้หลังจากได้เห็นสาวน้อยที่งดงามและน่ารักสวมชุดคลุมสีขาวยืนอยู่ตรงหน้า, ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ มีเพียงแต่ความละอายใจเท่านั้น.
สาวน้อยผู้งดงามคนนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่จันทราเท่านั้น, เธอเป็นดวงอาทิตย์ที่สดใสและร้อนแรงในเวลาเดียวกันชัดๆ.
หลิวฉีจี้ยืนรออย่างเงียบๆ ชุยเสี่ยวซินเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา.
สิ่งเดียวที่ชุยเสี่ยวซินทำในตอนนี้ก็คือจ้องมองเธอด้วยความประหลาดใจ ราวกับว่านี่คือครั้งแรกที่ชุยเสี่ยวซินได้มีโอกาสเห็นสมบัติล้ำค่าที่สวยงามมากๆ.
การยืนพิจารณาของชุยเสี่ยวซินทำให้เธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก, เธอขมวดคิ้วแล้วก็ทำลายบรรยากาศเงียบๆ นี้โดยพูดขึ้นมาว่า: "หนูได้ยินมาว่าพี่เสี่ยวซินถูกลอบทำร้ายที่เมืองเจียงนาน, พวกเราเองก็กังวลกันอย่างไม่หยุดหย่อนที่เทียนดู. พอรู้ว่าพี่กลับมาที่นี่เมื่อสองสามวันก่อน หนูก็เลยอยากจะมาเยี่ยมซักหน่อย. หนูเอาของเล็กๆ น้อยๆ มาฝากด้วย หวังว่าพี่เสี่ยวซินจะชอบ"
สาวใช้ที่เดินตามหลังหลิวฉีจี้ เดินก้าวออกมาข้างหน้า จากนั้นก็ยื่นกล่องของขวัญให้ชุยเสี่ยวซิน.
"ขอบคุณนะน้องฉีจี้, พี่ชอบมากๆ เลยล่ะ" ชุยเสี่ยวซินเองก็รู้ว่าความเงียบเมื่อซักครู่มันเป็นการกระทำที่หยาบคายมาก, มีใครที่ไหนบ้างที่รับแขกโดยการจ้องมองแล้วไม่พูดไม่จาอะไรออกมาเลย? เธอไม่ได้เปิดกล่องของขวัญออก, สิ่งที่เธอทำคือเรียกคนใช้มารับของขวัญไปเก็บที่ห้องของเธอ. "น้องฉีจี้อุตส่าต์มาเยี่ยมก็ดีแค่ไหนแล้ว ไม่ต้องเอาของอะไรมาฝากหรอกจ้ะ"
"มันเป็นเพียงแค่ของเล็กๆ น้อยๆ น่ะค่ะ, เห็นพี่ชอบหนูก็ดีใจด้วย." หลิวฉีจี้พูดด้วยท่าทีเฉยๆ. เธอเองก็พิจารณาชุยเสี่ยวซินเหมือนกัน; สาวสวย, มารยาทก็ดีมาก เป็นคนสุภาพและฉลาด. ที่ว่ามาทั้งหมดนั้นแตกต่างจากสไตล์ของเธอสิ้นเชิง.
เยี่ยนเซี่ยงหม่าปาดน้ำลายของเขา, กางพัดออกแล้วสะบัดไปมาอย่างช้าๆ ตรงระดับหน้าอกของเขา, พยายามทำท่าทีให้ดูเหมือนลูกชายของพวกชนชั้นสูง จากนั้นก็พูดด้วยท่าทีร่าเริงและสดใสว่า: "น้องสาวของชั้นพูดถูก, เธอแค่มาเยี่ยมก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาของขวัญมาหรอก. ใช่มั้ยล่ะ เสี่ยวซิน?"
"นี่คือ..?" หลิวฉีจี้มองเยี่ยนเซี่ยงหม่าด้วยสีหน้ารำคาญและถามขึ้น. ไอเบื้อกนี้จ้องเธออย่างตั้งอกตั้งใจตั้งแต่เข้ามาด้วยใบหน้าแดงๆ พร้อมกับน้ำลายหกไปด้วย. ถ้าที่นี่เป็นบ้านของเธอเอง เธอก็คงจะเตะไอโง่นี่กระเด็นออกไปแล้ว.
ก่อนหน้าที่ชุยเสี่ยวซินจะพูดอะไรออกมา, เยี่ยนเซี่ยงหม่าก็พุ่งตรงดิ่งไปตรงหน้าของหลิวฉีจี้เรียบร้อย, เขาโค้งตัวเคารพพร้อมกับประสานมือแล้วพูดว่า: "ชั้นชื่อเยี่ยนเซี่ยงหม่า เป็นลูกพี่ลูกน้องของชุยเสี่ยวซิน. แน่นอนว่าชั้นเอ็นดูเธอเหมือนกับน้องสาวของตัวเอง, และเธอเองก็ปฏิบัติตัวกับชั้นเหมือนเป็นพี่ชายของเธอ – เธอคือหลิวฉีจี้สินะสาวน้อย, นางฟ้าแห่งเทียนดูใช่มั้ยเนี่ย? หลังจากได้พบเธอวันนี้, ชั้นก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงลือกันเกี่ยวกับความงามของเธอ, เป็นไปตามข่าวเลย เธอคือผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่ชั้นเคยเจอมาเลยจริงๆ นะ. ราวกับดวงจันทร์บนนภา, ราวกับแสงอาทิตย์อรุณ. เธอเจิดจ้าและสว่างมากๆ เลย ทุกๆ สิ่งบนโลกใบนี้ต่างก็ต้องสูญเสียเงาของตัวเองไปเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ. แน่นอนว่าตาของชั้นก็เหมือนกับ เธอเจิดจ้ามากซะจนชั้นแทบจะมองอะไรไม่เห็นเลยล่ะ."
หลิวฉีจี้กวาดตามองข้ามเขาไปหาชุยเสี่ยวซินแล้วถามว่า: "เขาเป็นบ้าเหรอ?"
"ไม่ได้บ้าหรอก" ชุยเสี่ยวซินหัวเราะพลางเอามือปิดปาก: "แค่พวกน้ำเน่าน่ะ"
ชุยเสี่ยวซินทำท่าต้อนรับแล้วพูดว่า: "เข้ามาคุยกันข้างในสิน้องฉีจี้"
"คุยกันตามสบายเลยนะเด็กๆ , ผู้ใหญ่คนนี้ขอตัวไปก่อน" หลังจากพูดจบ, แม่ของชุยเสี่ยวซินก็รีบเดินออกไปพร้อมกับคนใช้ทันที. ขืนอยู่ต่อไปนานกว่านี้เธอจะต้องช็อคตายเพราะคำพูดของคุณหนูแห่งตระกูลหลิวแน่ๆ
พวกเขานั่งลงบนโต๊ะ, จากนั้นคนใช้ก็นำชามาเสิร์ฟพร้อมกับเค้ก.
สองสาวนั่งคุยกันเหมือนผู้ใหญ่, แลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ และพูดกันโดยที่ไม่ปล่อยให้บรรยากาศเงียบเลย.
หลิวฉีจี้หยิบถ้วยชาขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง; ชุยเสี่ยวซินเองก็ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรต่อแล้ว.
เยี่ยนเซี่ยงหม่าผู้ซึ่งกำลังนั่งเหวอเพราะโดนแทงด้วยคำพูดก่อนหน้านี้รับถ้วยชาจากคนใช้แล้วพูดทำลายบรรยากาศเงียบๆ ว่า: "น้องฉีจี้ชอบดื่มชาใช่มั้ย? นี่เป็นชาแจกโซลสดใหม่จากเขาหลงฟู่, แม้ว่าสัมผัสแรกจะเบาบางและมีกลิ่นหอมเล็กน้อย. แต่เมื่อชานี้ไหลลงคอเข้าไปในร่างกายแล้ว มันจะส่งกลิ่นหอมอ่อนโยนออกมาฟุ้งกระจายไปทั่วร่างเลยล่ะ"
"นายน้อยเซี่ยงหม่าคะ, นี่คือชาเข็มเงินค่ะ ไม่ใช่ชาแจกโซล" สาวใช้ข้างๆ เขาพูดขึ้น
"……"
ชุยเสี่ยวซินไม่สามารถทนรับมือกับความเอ๋อเหรอของพี่ชายของเธอได้อีกต่อไป, เธอรีบช่วยเขาแก้เขินโดยเปลี่ยนเรื่องว่า: "พี่ชอบดื่มชาหลงจิ่ง, น้องฉีจี้ล่ะ?"
"มันก็แล้วแต่น่ะค่ะ" หลิวฉีจี้พูด. แต่เธอก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าคำตอบของเธอนั้นดูเย็นชาและแข็งกระด้างไปหน่อย เธอเลยพูดต่อว่า: "ตราบใดที่มันเป็นชา, หนูก็ดื่มได้หมดเลยค่ะ"
"โอ้ว" ชุยเสี่ยวซินรู้สึกเพลียกับการคุยกับแม่สาวคนนี้เหลือเกิน: "น้องฉีจี้ก็จะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเวสต์วินด์เหมือนกันใช่มั้ย? เดี๋ยวเราคงได้อยู่ในรั้วมหาลัยเดียวกัน"
"ยังไม่ได้ตัดสินใจเลยค่ะ" หลิวฉีจี้พูดพลางยิ้มอ่อนไปด้วย. "พอพูดถึงเรื่องนี้, หนูก็นึกถึงเรื่องนึงขึ้นมาเลย. พี่เสี่ยวซินเพิ่งกลับมาจากเมืองเจียงนาน พี่จะต้องรู้จัก 'ม้ามืดแห่งเมืองเจียงนาน' ที่ชื่อว่าหลี่มู่หยาง ใช่มั้ยคะ? พักนี้ผู้คนต่างก็กำลังพูดถึงเขา, หลายๆ คนพยายามเสาะหาตัวเขา. หนูอยากรู้จังเลยค่ะว่ารูปลักษณ์แล้วก็สไตล์ของเขาเป็นแบบไหนกัน?
"เรื่องนี้อะนะ.."
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ" เยี่ยนเซี่ยงหม่าหัวเราะออกมาเสียงดัง. : "รูปลักษณ์กับสไตล์ของเขาน่ะเหรอ? เขาเป็นถ่านก้อนเบิ้มดีๆ นี่เอง. ถ้าน้องฉีจี้อยากจะเจอเขาล่ะก็ เดี๋ยวพี่เซี่ยงหม่าคนนี้จะจัดให้, เขาเป็นน้องรักของพี่ตอนที่พี่อยู่ที่เจียงนานน่ะ. แม้ว่าเขาจะอัปลักษณ์ไปซักนิดแต่นิสัยใจคอของเขานี่เชื่อถือได้เลยล่ะ. ไม่งั้นพี่คงไม่ลดตัวลงไปทำความรู้จักกับเขาหรอก."
"อัปลักษณ์ก็แรงไปหน่อยนะคะหนูว่า" ชุยเสี่ยวซินแก้คำพูดที่หลุดออกมาจากนิสัยชอบพลั้งปากของเยี่ยนเซี่ยงหม่า: "เขามีความพยายามและความภาคภูมิใจในตัวเอง. ข่าวลือที่ได้ยินมาคือเรื่องจริงน่ะแหละ. หากเขามาเทียนดูเมื่อไหร่ เดี๋ยวน้องฉีจี้ก็จะเข้าใจเอง"
"หนูล่ะสงสัยจริงๆ" ดวงตาของหลิวฉีจี้กระพริบเปล่งประกาย, เธอพูดด้วยรอยยิ้มต่อว่า: "เขากลายมาเป็นที่หนึ่งของราชอาณาจักร, ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่. เมื่อเขาก้าวเข้ามาสู่เมืองเทียนดูเขาจะต้องเจอกับความท้าทายและคำวิพากษ์วิจารณ์ถูกมั้ยคะ?"
"พี่เชื่อว่าเหล่าผู้คนในเทียนดูไม่จิตใจโหดร้ายขนาดนั้นหรอก" ชุยเสี่ยวซินตอบกลับอย่างเฉยชา.
"ดูเหมือนว่า… พี่เสี่ยวซินกำลังพยายามปกป้องเขาอยู่เลยนะคะ?" หลิวฉีจี้กระพริบตาปริบๆ อีกครั้ง; ใบหน้าที่สมบูรณ์แบบที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของเธอนั้นแฝงไปด้วยความกดดันที่ทำให้ผู้คนรอบๆ หายใจลำบาก.
เยี่ยนเซี่ยงหม่ารีบเอามือมาบีบจมูกทันที, เขากลัวว่าบรรยากาศแบบนี้จะทำให้เลือดกำเดาเขาไหลออกมา.
"งั้นเหรอจ้ะ?" ชุยเสี่ยวซินยิ้ม: "เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของพี่น่ะ, พี่ควรจะช่วยเหลือเขา. หากพี่เห็นเพื่อนร่วมชั้นโดนรังแกขึ้นมา, พี่คงจะไม่ยอมยืนอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลยหรอก. เพราะว่าถ้าทำแบบนั้นมันก็คงจะใจร้ายเกินไป.
"พี่เสี่ยวซินนี่เป็นคนดีจังเลยนะคะ, ควรเอาเป็นแบบอย่างจริงๆ" หลิวฉีจี้ยิ้ม. "หนูไม่กวนเวลาพักผ่อนของพี่แล้ว ไว้หนูจะกลับมาเยี่ยมใหม่คราวหน้านะคะ"
หลังจากพูดจบ, หลิวฉีจี้ก็ยืนขึ้นแล้วเดินออกไป.
ชุยเสี่ยวซินเองก็ยืนขึ้นเพื่อส่งเธอเดินกลับ, จนกระทั่งบรรยากาศกดดันและเด็กปีศาจหัวม่วงเดินลับไปจากสวน.
"ปีศาจสาวแห่งเมืองเทียนดูนี่หยิ่งยโสและไม่สนโลกเลยจริงๆ. หึ มันจะอะไรกันนักหนา? หน้าตาท่าทางของแม่นั่นไม่ได้แม้แต่เสี้ยวหนึ่งในพันของน้องเสี่ยวซินด้วยซ้ำ"
เยี่ยนเซี่ยงหม่าบ่นพลางทำหน้าตาเคลิบเคลิ้มมองตามหลังหลิวฉีจี้.
ชุยเสี่ยวซินกระซิบด้วยสีหน้าที่กำลังคิดอะไรซักอย่างอยู่ว่า: "เธอมาเพื่อเรื่องหลี่มู่หยางโดยเฉพาะสินะ"
"อะไรนะ?" เยี่ยนเซี่ยงหม่าหันหลังกลับแล้วถามขึ้น.
"พี่ไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ? หลังจากเข้ามาเจอหนู เธอพูดเกี่ยวกับหนูไม่ถึงสิบคำ, ที่เหลือเป็นเรื่องของหลี่มู่หยางล้วนๆ – พี่คิดว่าเขารู้จักกันมั้ย?"
—————————————————————————————————————————————————————-