หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Next

The Divine Nine-Dragon Cauldron - DND.1 - ศิษย์ระดับเงิน

  1. หน้าแรก
  2. The Divine Nine-Dragon Cauldron
  3. DND.1 - ศิษย์ระดับเงิน
Next

แสงประกายส่องทะลุฟ้าคราม เผยขอบฟ้าสว่างสดใส

 

อึ่ก-

 

ปั่ก ปั่ก-

 

ในเทือกเขาหลังเขตเซียนหยูเป็นที่ตั้งของสำนักฝึกจอมยุทธ ที่นั่นมีเด็กหนุ่มร่างผอมสวมชุดผู้ฝึกยุทธตัวหลวมโครก เขานั่งสมาธิโดยใช้ลิ้นดันฟันเอาไว้ เขาเพ่งสมาธิทั้งหมดไปยังมือทั้งสองข้างปล่อยเพลงหมัดใส่ต้นไม้ใหญ่

 

เขาใช้วิชาหมัดอย่างเชียวชาญและอ่อนช้อย เขามีพลังใจในการต่อสู้เปรียบดั่งไฟอันลุกโชน วิชาหมัดของเขาได้ไปถึงระดับของชายชาตรีเรียบร้อยแล้ว

 

เด็กหนุ่มมีนามว่าซือหยู เขาอายุสิบสี่ปี แม้ว่าเขาจะตัวสูงและหน้าตาหล่อเหลา แต่เขาก็มีส่วนที่เป็นเด็กอยู่บ้าง

 

เขามีผมดำและดวงตากว้างใหญ่เป็นประกายราวกับดวงดาราเปล่งประกายบนท้องนภา แสดงให้เห็นถึงสติปัญญาที่สูงกว่าวัย

 

ค่อนสองชั่วยาม พระอาทิตย์ก็ขึ้น

 

ซือหยูหยุดฝึกวิชาหมัด เขามองหมัดที่เปรอะเลือดและถอนหายใจ

 

“แม้ข้าจะฝึกหนักกว่าคนอื่นเป็นสองเท่า พัฒนาการข้าก็ยังไม่ถึงครึ่งของพวกศิษย์อัจฉริยะสินะ”

 

“มันเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันที่ข้าได้มายังโลกนี้”

 

สองเดือนก่อน ซือหยูเกิดอุบัติเหตุบนเครื่องบิน เมื่อเขาตื่นมาก็พบว่าเขาถูกส่งมาในโลกที่เรียกว่าทวีปชินหยู

 

จากนั้นเขาก็ได้กลายมาเป็นศิษย์สำนักจอมยุทธของทวีปนี้

 

เขาใช้เวลาสองเดือนเต็มๆ ก่อนที่เขาจะทำความเข้าใจความทรงจำในร่างใหม่ของเขา

 

ในทวีปชินหยู จอมยุทธเท่านั้นที่จะมีชื่อเสียงและเกียรติยศ ยิ่งกว่านั้นผู้ที่อ่อนแอก็จะถูกผู้แข็งแกร่งกลืนกิน มันช่างเป็นความจริงอันโหดร้ายของทวีปชินหยู

 

เหล่ามนุษย์ลับฝีมือของตนเองเพื่อเข้าสู่ขอบเขตที่สูงที่สุด เมื่อทำเช่นนั้นแล้วเขาจะได้ไปยังขอบเขตแห่งพระเจ้า

 

ในเส้นทางจอมยุทธแบ่งระดับพลังเป็นเก้าระดับ ในแต่ละระดับประกอบไปด้วยชั้นต้น ชั้นกลาง และชั้นสูง

 

ว่ากันว่าเมื่อก้าวข้ามระดับทั้งเก้าและเหนือขีดจำกัดแล้วจะได้เป็นพระเจ้าตามที่ตำนานว่าไว้ และจะเป็นที่รู้จักในนามราชันย์ศักดิ์สิทธิ์

 

ขอบเขตของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เป็นความยิ่งใหญ่สูงสุดในเส้นทางยุทธและคนหลายร้อยล้านคนพยายามจะไต่ไปยังระดับนั้น

 

บางคนก็ว่าราชันย์ศักดิ์สิทธิ์มีอำนาจทุกอย่าง ทั้งยกภูเขาและเติมเต็มมหาสมุทร ได้นั่งอยู่บนท้องเมฆและบินไปกับม่านหมอก

 

ตัวตนของราชันย์ศักดิ์สิทธิ์นั้นเทียบเท่าพระเจ้า ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียวก็สามารถเปลี่ยนยุคสมัยได้นับร้อยปี

 

แต่ทำไมการฝึกตนบนโลกนี้มันยากเหลือเกินนะ?

 

ในเขตเซียนหยู ซือหยูเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะของเมืองฉิงซาน เมื่ออายุสิบสี่ปีเขาก็ได้อยู่ในระดับหนึ่งขั้นสูงแล้ว เขาเป็นอัจฉริยะในร้อยปีของฉิงซาน

 

แต่เมื่อซือหยูถูกสำนักในเซียนหยูเรียกตัวไป เขาก็พบว่าเขาไม่รู้อะไรเลยในเส้นทางนี้

 

สำนักเขตเซียนหยูเป็นสำนักที่รับเฉพาะอัจฉริยะและจะเปิดรับศิษย์ใหม่เพียงปีละครั้ง

 

แต่ในบรรดาอัจฉริยะในสำนักนั้น ซือหยูถือเป็นคนที่ระดับต่ำที่สุด ในสำนักนี้ ศิษย์จะแบ่งเป็นสามหมวดหมูตามระดับพลัง

 

มีศิษย์อัจฉริยะที่เป็นแกนหลักและได้ไปถึงระดับอสูร เมื่อเทียบพวกเขากับคนอื่นในดินแดนกว้างใหญ่ของเขตเซียนหยูแล้ว พวกเขาทุกคนคือที่สุดของที่สุดและมีโอกาสมากที่สุดที่จะได้เป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์

 

ศิษย์ระดับทองคำเป็นอัจฉริยะที่ถูกรวบรวมมาจากอัจฉริยะในเมืองต่างๆ การฝึกของสำนักจะให้โอกาสกับพวกที่มีความสามารถสูงก่อนในการเพาะบ่มพลัง

 

ศิษย์ระดับเงินเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถจากเมืองเล็กๆ พวกเขาถือว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์เหนือคนอื่น ถ้าฝึกหนักอีกสักหน่อย พวกเขาก็ยังมีหวัง

 

ซือหยูเป็นหนึ่งในศิษย์ระดับเงิน เขาเข้าใจว่าศิษย์ระดับเงินแท้จริงแล้วไม่มีหวังที่จะได้ไต่ระดับสูงขึ้น แต่มันก็น่าเสียดายที่จะล้มเลิกในเส้นทางยุทธ และแม้ว่าความสามารถพวกเขาจะน้อยหรือไม่มีค่า พวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะเดินออกทางเส้นทางในการฝึกตน

 

ศิษย์ระดับเงินไม่ได้ถูกเหลียวแลมากนัก สิ่งที่สำนักเตรียมให้จึงถูกจำกัดอย่างมาก ดังนั้นแล้วการที่ศิษย์ระดับเงินจะได้บรรลุสิ่งใดก็แทบจะเป็นศูนย์

 

“ซือหยู กลับมาที่สำนักเดี๋ยวนี้ ดยุคฉินอยากพบเจ้า!”

 

เสียงดังทะลุผ่านป่าในเทือกเขาอันเงียบสงบ จากนั้นก็มีชายวัยกลางคนสวมเสื้อสีฟ้าวิ่งขึ้นเขาและแสดงความกังวลบนใบหน้า

 

ดยุคฉิน? ซือหยูหยุดนิ่งไปชั่วครู่ คนธรรมดาอย่างเขาจะมีโอกาสได้พบดยุคฉินได้อย่างไรกัน?

 

ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงภาพคนที่งดงาม จากนั้นเขาก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมดยุคฉินจึงอยากพบเขา เขาแสยะยิ้ม

 

“ทำไมเจ้ายังยืนอยู่ตรงนั้นอีก? เจ้าไม่สนใจที่จะพบดยุคฉินงั้นหรือ? ตามข้ามา!”

 

ชายวัยกลางคนเดินมาหาซือหยู เขาลากไหล่ของซือหยูลงจากเขาโดยไม่สนใจร่างผอมบางของเขา

 

ซือหยูกัดฟันและอดทนความเจ็บปวดที่ไหล่โดยไม่ปริปาก

 

ชายคนนี้คือผู้ฝึกสอนที่รับหน้าที่ดูแลชีวิตประจำวันของศิษย์ในสำนัก ในโลกก่อนหน้าของเขาชายคนนี้ก็คือหัวหน้าฝ่ายกิจการนักเรียนนั่นเอง

 

หลังจิบชาครึ่งถ้วย….

 

ในสำนักมีห้องรับรองที่หรูหราฟู่ฟ่าราวกับอยู่ในฝัน

 

มีเพียงศิษย์แกนหลักและผู้คนระดับสูงเท่านั้นที่จะเข้ามาในห้องรับรองนี้ได้ นอกจากนั้นศิษย์ระดับทองคำและระดับเงินถือว่าไม่คู่ควรที่จะเข้าไป

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ซือหยูได้เข้ามายังห้องรับรองอันหรูหรานี้ มันทำให้เด็กยากจนอย่างเขากังวล ในเบื้องหน้าเขาหากเป็นที่โลกก็นับได้ว่าเป็นโรงแรมหรูห้าดาว ด้านในห้องรับรองมีคนสามคน เด็กหนุ่ม เด็กสาว และชายที่ดูสง่างามที่ให้บรรยากาศของชนชั้นสูง

 

เมื่อซือหยูเห็นเด็กสาวอายุสิบสี่ปีดวงตาเขาก็นิ่งเป็นน้ำแข็ง

 

เธอเป็นเด็กสาวที่น่ารักราวกับนางไม้ที่ใบหน้าถูกสลักอย่างปราณีต รูปร่างอ่อนช้อยของเธอขับส่งผิวขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะที่ตกในฤดูใบไม้ผลิ เธอสวมเสื้อขาวสะอาดทำให้เธอดูเหมือนภูติจิ้งจอกขาว และเธอก็สวยงามมาก

 

เธอมองตาซือหยูด้วยสายตาซับซ้อน

 

ข้างเธอมีชายหนุ่มอายุสิบหกยืนอยู่ เขาหน้าตาดี ผ่าเผยและดูหลักแหลม ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิ้งกับซือหยูที่สวมชุดฝึกยุทธปอนๆ ชายหนุ่มสวมชุดหรูหรา เขามองซือหยูด้วยแววตาชิงชัง สุดท้ายคือชายที่สง่างามและหน้าตาดีที่ตัวสูงใหญ่ เพียงเขายื่นนิ่งๆ ก็ส่งบรรยากาศคุกคามกับคนรอบๆ

 

“เจ้าจะต้องเป็นซือหยู…ใช่ไหม? ข้าคือดยุคฉิน ยินดีที่ได้พบ”

 

ดยุคฉินคือหนึ่งในสามดยุคหลักของแคว้นเฟิงหลิน ในตอนนี้เขาไม่ได้มีท่าทีหยิ่งยโสแต่กลับเชิญซือหยูให้นั่งด้วยรอยยิ้ม

 

ซือหยูส่ายหัวอย่างหมดแรงและไม่ขยับตัวเลย

 

คนตำแหน่งสูงเช่นพวกเขาระวังเรื่องภาพลักษณ์และชื่อเสียงมากเพราะมีสายตาผู้คนหลายล้านจับจ้องอยู่

 

เช่นเดียวกับนักการเมืองบนโลก แม้ว่าพวกเขาจะจับมือและทักทายด้วยรอยยิ้มเมื่อเจอกัน แต่ฉากหลังพวกเขาก็พร้อมที่จะแทงข้างหลังกันและกันตลอดเวลา

 

“ข้าคือพ่อของฉินเฟิงและข้ามาที่นี่เพราะเรื่องของเขากับเจียงซือฉิง”

 

ดยุคฉินยิ้ม

 

“ข้าได้ยินเรื่องจากเฟิงเอ๋อมาแล้ว ข้าที่เป็นพ่อของเฟิงเอ๋อต้องขออภัยด้วย”

 

ความเจ็บปวดที่ซือหยูรู้สึกในหัวใจนั้นเป็นไปตามเศษเสี้ยววิญญาณของซือหยูคนก่อนด้วย

 

เจียงซือฉิงคือเด็กสาวอัจฉริยะที่มาจากฉิงซานกับซือหยู เขาทั้งคู่ได้ถูกรับเข้ามาในสำนักพร้อมๆ กัน

 

พวกเขาเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นทำให้พวกเขามีความรู้สึกต่อกัน พวกเขารักกันดั่งกิ่งทองใบหยก

 

แต่หลังจากที่ได้มายังสำนักนี้แล้ว เจียงซือฉิงที่มาจากชนบทของฉิงซานก็มึนเมาไปกับโลกอันกว้างใหญ่และกลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา

 

ความงามของเธอทำให้ลูกหลานของผู้มีอำนาจอยากจะไล่ตามเธอ

 

ในทีแรกเธอก็อยู่กับซือหยู แต่เมื่อเธอพบความจริงของโลก สุดท้ายเธอก็เปลี่ยนไปไม่เหลือคราบเด็กสาวไร้เดียงสาเช่นแต่ก่อน เธอรู้ว่ามันยากที่ซือหยูจะมีอนาคตที่ดี หากเธอติดตามเขาต่อไป เธอก็คงจะลำบากยากเข็ญหรืออาจจะถูกลดตัวเป็นคนรับใช้

 

…และในที่สุดความอดทนในใจของเธอก็พังทลายลง

 

สองเดือนก่อน เธอตัดการติดต่อทั้งหมดกับซือหยูและได้มาอยู่กับดยุคน้อยฉินเฟิง บุตรแห่งดยุคฉิน

 

แม้ว่าเจียงซือฉิงจะทำหน้าที่และเป็นหญิงที่ดีในตระกูล แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับฉินเฟิงก็ไม่ได้เกินไปกว่าเด็กชายและเด็กสาว แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาทั้งสองได้ไปไหนมาไหนด้วยกันอย่างไม่เคยแยกจาก ในที่สุดพวกเขาก็ได้กลายเป็นคู่รักที่ทุกคนต้องอิจฉา

 

และซือหยูก็ได้กลายเป็นตัวตลกในสำนัก

 

ซือหยูตกใจอยู่ลึกๆ เขาอ้อนวอนเจียงซือฉิงหลายต่อหลายครั้งให้เธอเปลี่ยนใจ เขาถึงกับคุกเข่าอย่างไร้เกียรติแต่ก็ถูกเจียงซือฉิงที่จิตใจด้านชาปฏิเสธ

 

ซือหยูที่มิอาจทนต่อความเสียใจครั้งใหญ่ในชีวิต เขาตัดสินใจทิ้งชีวิตในทะเลสาบ และด้วยความบังเอิญบนโลก เครื่องบินที่ซือหยูบนโลกเจอกับอุบัติเหตุ ทำให้ดวงวิญญาณของเขามาสลับกับดวงวิญญาณอันสิ้นหวังนี้

 

เมื่อดยุคฉินเห็นซือหยูนึกถึงอดีตเขาก็พบว่าซือหยูไม่อาจทิ้งความสัมพันธ์ของเขากับเจียงซือฉิงไปได้ เขาถอนหายใจ

 

“เฟิงเอ๋อยังเด็กไม่รู้อะไร ข้าตั้งใจจะชดใช้ความผิดพลาดของเขาให้ เจ้าขออะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ แต่ในฐานะที่เป็นพ่อของเฟิงเอ๋อ ข้าหวังว่าเจ้าจะอวยพรให้เฟิงเอ๋อนะ เขาจริงจังกับเจียงซือฉิงจริงๆ”

 

เมื่อซือหยูได้ยินถ้อยคำที่ดูเหมือนจะกลั่นออกมาจากหัวใจของดยุคเขาก็สะบั้นความคิดในใจทิ้งเสีย กลเล็กๆ เช่นนี้อาจจะหลอกคนอื่นได้ แต่ไม่ใช่สำหรับเขา

 

ขโมยผู้หญิงของข้าไปแล้ว ยังจะอยากได้คำอวยพรอีกรึ? นี่จะเป็นการขอโทษได้ยังไง นี่มันคือการใช้อำนาจกดขี่ข้าชัดๆ!

 

ดยุคฉินอาจจะดูเป็นชายอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วเขาคือคนที่เหยียดหยามคนรอบตัวได้อย่างรวดเร็ว

 

ซือหยูส่ายหัวเล็กน้อยและคิดอยากจะออกไปจากที่นี่ สำหรับหญิงสาวอย่างเจียงซือฉิงแล้ว เขาไม่คิดจะอยู่ต่อให้นานกว่านี้ แม้ว่าดยุคฉินจะไม่ขู่เขา เขาก็ไม่คิดจะแย่งเธอคืนมา

 

สำหรับการชดเชยของดยุคจากราชวงศ์ฉิน แม้ว่าซือหยูจะไม่ทรัพยากรน้อย แม้ว่าเขาจะยากจน แม้ว่าเขาจะไม่มีสิ่งใด เขาก็ยังคงมีความตั้งใจที่ไม่ย่อท้อ เขาไม่คิดจะหวังกับการเอื้อเฟื้อนี้

 

หากเขารับข้อเสนอของดยุคฉินวันนี้ เขาก็อาจจะหลงทางและมิอาจมองหน้าพวกเขาตรงๆ ได้อีก

 

เจียงซือฉิงรู้ว่าซือหยูมีนิสัยอย่างไร เขาคือคนดื้อรั้นที่ไม่คิดจะยอมแพ้ เมื่อเห็นซือหยูอยากจะจากไปและปฏิเสธที่จะยอมจำนน เธอก็กัดฟันและก้าวออกมาเบาๆ เธอพูดด้วยสายตาราวกับดวงจันทร์แช่แข็ง

 

“ซือหยู! ยอมรับการตัดสินใจของข้าเถอะ!”

“เรื่องของข้ากับเจ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ข้าจะทำให้มันชัดเจนต่อเจ้าและหวังจะให้เจ้ายอมซะเถอะ”

 

ดวงตาของเจียงซือฉิงเต็มไปด้วยความเย็นชา

 

“ฉินเฟิงเป็นดยุคหนุ่มและเขาจะได้ไปช่วยงานจักรพรรดิในภายหน้า ไม่เหมือนกับเด็กจนๆ เช่นเจ้า เขาให้ข้าได้ทั้งความมั่งคั่งและเกียรติ เจ้าให้สิ่งนี้กับข้าได้หรือไงกัน?”

 

“ฉินเฟิงได้ยอมรับเป็นศิษย์แกนหลักเพราะความมุ่งมั่นที่จะเป็นราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ เขาอยู่เหนือคนหลายร้อยล้าน เขาทำให้ข้ารู้สึกมั่นคง ศิษย์ระดับเงินอย่างเจ้าทำได้แบบนี้งั้นหรือ?”

 

“ซือหยู ยอมรับความจริงซะเถอะ ข้าไม่ปฏิเสธเรื่องที่เจ้าเคยเป็นคนรักและแสงพราวของข้าหรอก แต่ตอนนั้นข้ายังเด็กเกินไป โลกความจริงเป็นเช่นนี้ ข้าไม่มีทางเลือก!”

 

นั่นเป็นเยื่อใยสุดท้ายจากสายตาของเจียงซือฉิง สายตาของเธอเริ่มเหินห่างราวกับกำลังมองคนแปลกหน้า เธอถอนหายใจเบาๆ

 

“ฉินเฟิงเป็นคนดี หากเจ้าสัญญาว่าจะไม่มาหาข้าอีก ข้าจะชดเชยให้เจ้าอย่างเต็มที่ ข้าจะให้โอสถวิญญาณเพื่อให้เจ้าพัฒนาร่างกาย เมื่อเจ้าเก่งขึ้นชีวิตในสำนักของเจ้าก็จะดีขึ้นอีกมาก”

 

เมื่อเจียงซือฉิงนึกขึ้นได้ เธอก็หยิบรูปปั้นแก้วสลักรูปผู้หญิงขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากแขนเสื้อ

 

มันเป็นรูปปั้นที่แวววาวเปล่งประกาย มันเป็นรูปปั้นที่สวยงามคล้ายกับนางไม้ ความสวยงามของมันทำให้คนที่พบต้องเพลิดเพลิน

 

มันเหมือนกับผู้หญิงจริงๆ มาก เมื่อเปรียบเทียบกับเจียงซื่อฉิงที่ถือมันก็ราวกับว่ามันเป็นรูปปั้นของตัวเธอ

 

“นี่เป็นของขวัญที่เจ้าให้ข้าในสัญญาความรักระหว่างเรา นับแต่นี้ข้าจะคืนมันให้เจ้า จากวันนี้ไปเราไม่ติดค้างอะไรกันอีกแล้ว”

 

เจียงซื่อฉิงวางมันใส่มือซือหยูอย่างไร้เยื่อใย จากนั้นเธอก็เดินกลับไปหาฉินเฟิง เธอหยุดมองซือหยูและหันไปมองท้องนภาโดยไม่สนใจความรู้สึกของซือหยูอีกแล้ว

Next

ความคิดเห็นสำหรับ "DND.1 - ศิษย์ระดับเงิน"

4.5 2 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

Tales of Herding Gods
Tales of Herding Gods
มีนาคม 12, 2022
รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ( 末世虐杀游戏最新章节 )
รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่ ( 末世虐杀游戏最新章节 )
มีนาคม 12, 2022
ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
ฮูหยินข้าดีเลิศประเสริฐสุด
มีนาคม 12, 2022
The favored son of heaven
The favored son of heaven
มกราคม 31, 2024
วิถีสู่สวรรค์
วิถีสู่สวรรค์
มีนาคม 12, 2022
ราชันสามภพ (นิยายแปล)
ราชันสามภพ
กรกฎาคม 6, 2023
Tags:
กำลังภายใน
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz