หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

The Beginning After The End ราชาผู้โดดเดี่ยว - บทที่ 45 กล้าดียังไง

  1. หน้าแรก
  2. The Beginning After The End ราชาผู้โดดเดี่ยว
  3. บทที่ 45 กล้าดียังไง
Prev
Next

 

นักเรียนจากทั้งสามเผ่าพันธุ์ที่กำลังส่งเสียงเชียร์สมาชิกของสภานักเรียนเงียบลงเมื่อเทสเดินเข้ามา ผมสีเงินสีเงินของเธอพลิ้วไสวอยู่ข้างหลังขณะที่แต่ละย่างก้าวที่สง่างามของเธอสะท้อนไปทั่วหอประชุมที่เงียบสงัดและเปลียนบรรยากาศภายในอาคารนี้ทั้งหมด

ขณะที่เธอก้มหัวและรวบผมไว้ข้างหู เสียงปรบมือดังกึกก้องขณะที่ทั้งชายและหญิงต่างโห่ร้องด้วยความชื่นชม ฉันคิดว่าเสียงเชียร์จะคงอยู่อีกนานแต่ทันทีที่เทสเริ่มพูดนักเรียนแต่ละคนก็ต่างปิดปากของกันและกันเพื่อให้พวกเขาได้ยินเสียงของเธอ

“ ฉันชื่อเทสเซียเอราลิธและฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มายืนที่นี่ในฐานะประธานสภานักเรียนของสถาบันนี้”

เสียงพึมพำเริ่มขึ้นหลังจากที่ฝูงชนส่งเสียงเชียร์ประธานคนสวยของเราอีกครั้ง ถัดจากฉันเด็กชายรูปร่างผอมแห้งพูดกับเพื่อนข้างๆเขาอย่างตื่นเต้น

“ นั่นคือเจ้าหญิงเอราลิธที่ฉันพูดถึงไงละ พี่ชายของฉันบอกฉันว่าเธออยู่ในมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปีที่แล้วในฐานะศิษย์โดยตรงภายใต้ผู้อำนวยการและจะเริ่มเข้าเรียนอย่างเป็นทางการในปีนี้กับเรา!” เขาโน้มตัวเข้าไปหาเพื่อนของเขาเพื่อให้เขาได้ยินแต่ระดับเสียงที่เขาพูดมันทรยศเขา

“ นั่นหมายความว่าเธอเป็นคนนอกคนแรกที่ก้าวเข้ามาในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เดี๋ยวก่อน…เธออยู่แค่ปีแรกแต่เธอเป็นถึงประธานสภานักเรียนแล้ว? มันเป็นไปได้หรือ?” เพื่อนของเขาที่ฉันมองไม่เห็นหน้าพูดเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นักเรียนที่อยู่ใกล้เคียงได้ยินเช่นกัน

“ ใช่ฉันก็เคยได้ยินเรื่องของเธอมาเช่นกัน! เธอน่าจะเป็นอัจฉริยะขั้นสุดยอดใช่มั้ย?”

“ ทำไมเธอถึงทั้งน่ารักและมีความสามารถเช่นนี่? นี่ไม่ยุติธรรมเลยด้วยซ้ำ…”

“ ฉันสงสัยว่าฉันต้องทำยังไงเพื่อให้เธอมองมาที่ฉัน”

ผู้ชมเอาแต่พูดถึงเทสในหัวข้อที่แตกต่างกัน แต่ในขณะที่สำหรับผู้ชายมันวนเวียนอยู่กับว่าเธอเป็นดาราที่ไม่มีใครอื้มถึงได้ สำหรับผู้หญิงมันเป็นส่วนผสมของความชื่นชมและความอิจฉา ซิลวีที่อยู่บนหัวของฉันแทบจะบ้าเมื่อเธอจำเทสบนเวทีได้

“ คยู ~” ‘ป๊า! นั่นคือมาม่านิ! เธออยู่ตรงนั้นไง! ไปทักทายมาม่ากันเถอะ! ’ซิลวีกระโดดขึ้นลงฉันจึงอุ้มเธอขึ้นมาแล้วโอบแขนเธอไว้

‘แม่ของเธอคือใครกัน!?’ ฉันอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความพ่ายแพ้ในความตื่นเต้นของเธอ เทสเริ่มสนิทกับซิลวีเล็กน้อยหลังจากฟักออกมาดังนั้นฉันจึงได้เห็นว่าทำไมซิลวีถึงชอบเธอมาก … แต่ “มาม่า”?

“ ว้าว…” อาไลจาห์ที่ฉันเลิกสนใจแล้วจับแขนของฉันด้วยมือทั้งสองข้างของเขาแน่นราวกับว่าเขาต้องการให้ฉันพยุงเขาไม่ให้เป็นลม

“ ว้าว” เขาพูดซ้ำ แม้ว่าเขาจะดูฉลาดแค่ไหนเขาก็ทำตัวเหมือนคนงี่เง่าได้ในบางครั้งเช่นนี้

“ นายโอเคไหมอาไลจาห์?” ฉันสะกิดหัวของเขาเบาๆ แต่มันก็เด้งเหมือนกับตุ๊กตาล้มลุก

“ …อาร์ต…ฉันคิดว่าฉันกำลังมีความรัก” ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยมือที่จับแขนของฉันอย่างแน่นเพื่อเชื่อมแขนกับฉันราวกับว่าฉันเป็นเทส

โอเคนี่กำลังจะไปกันใหญ่ละ ฉันปลดปล่อยซิลวีออกจากแขนเพื่อโจมตีเขาและเธอก็งับไปที่ด้านบนของศีรษะของอาไลจาห์ในทันทีทำให้เขาเริ่มกรีดร้องจากความประหลาดใจมากกว่าความเจ็บปวด

“ โอ…ขอโทษ…” ขณะที่ซิลวียังคงห้อยหัวอยู่อาไลจาห์จึงปล่อยแขนของฉันและเริ่มโฟกัสไปที่เวทีด้านล่างอีกครั้ง

ขณะที่ฝูงชนนั่งลงเทสก็เริ่มพูดอีกครั้งและผู้อำนวยการกู๊ดสกี้ก็เงียบไป

เทสพูดอย่างฉะฉานจนทำให้ฉันประหลาดใจ เธออายุแค่สิบสามแต่เธอสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้อย่างเต็มที่ด้วยคำพูดที่ไร้การปรุงแต่งและเต็มไปด้วยวุฒิภาวะ เธอพูดถึงหลักการของสถาบันนี้ว่านี่เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่นักเรียนควรรู้สึกปลอดภัยที่จะเดินไปรอบๆ ได้อย่างอิสระ อย่างไรก็ตามเทสเน้นย้ำถึงระเบียบวินัยที่จะต้องเผชิญหากใครก็ตามได้จงใจทำร้ายนักเรียนคนอื่นนอกการต่อสู้ที่ทั้งสองฝ่ายยินยอม

“ ในขณะที่ฉันอาจจะอยู่ปีแรกเหมือนพวกคุณ แต่การได้รับสิทธิพิเศษให้อยู่ในสถาบันการศึกษานานขึ้นหนึ่งปีทำให้ทุกอย่างชัดเจนเกินไปสำหรับฉันว่ามีการเหยียดกันระหว่างนักเรียนโดยเฉพาะนักเรียนสายต่อสู้ที่มีต่อนักเรียนสายวิชาการ สำหรับเรื่องนี้ฉันจะไม่ยอมให้มีการกลั่นแกล้งใดๆ โดยอาศัยเหตุผลเล็กน้อยที่ว่าเค้าเป็นเพียงนักเรียนสายวิชาการ” เสียงของเทสไม่แม้แต่หวั่นไหวขณะที่เธอยืนอยู่หลังโพเดียม

ฝูงชนส่งเสียงดังขึ้นเล็กน้อยในคำพูดนี้เนื่องจากทุกคนในปัจจุบันเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับความยากลำบากที่อาจต้องเผชิญในฐานะนักเรียนสายวิชาการเวทย์มนตร์

“ ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปในขณะที่เครื่องแบบและหลักสูตรอาจแตกต่างกันในช่วงสองปีแรก การศึกษาทั่วไปจะมีการผสมผสานระหว่างคลาสของนักเวทย์สายวิชาการและคลาสของนักเวทย์สายต่อสู้ ทางสถาบันต้องการให้เกิดการผสมผสานมิตรภาพระหว่างนักเรียนสองสายที่แตกต่างกันได้ดีขึ้น หลังจากปีที่สองทุกๆคนสามารถเลือกที่จะสายที่ต้องการได้โดยการสอบแม้ว่าการสอบผ่านอาจจะยากก็ตาม” คำพูดสุดท้ายนี้ดึงดูดความไม่พอใจจากบรรดานักเรียนในฝูงชน แม้ว่าทั้งอาไลจาห์และฉันจะไม่ต้องเข้ารับการทดสอบเนื่องจากมีความสัมพันธ์พิเศษกับผู้อำนวยการกู๊ดสกี้ แต่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะมีภูมิหลังอย่างไรก็ต้องทดสอบตำแหน่งว่าอีกสองปีหลังเค้าจะเป็นนักเวทย์สายต่อสู้หรือสายวิชาการ

ในการเข้าเรียนในฐานะนักเวทย์วิชาการนักเรียนที่เข้ามานั้นต้องการเพียงแค่พื้นฐานของเวทมนตร์ขั้นพื้นฐานซึ่งก็คือการรวบรวมมานา ในขณะที่พวกเขาต้องสอบข้อเขียนเพื่อทดสอบความเฉียบแหลมทางจิตใจ แต่ข้อสอบภาคปฏิบัตินั้นง่ายกว่ามาก อย่างไรก็ตามนักเรียนสายต่อสู้มีการสอบภาคปฏิบัติที่เข้มงวดกว่ามากและใช้คาถาหรือเทคนิคพื้นฐานจริงๆ ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาเป็นคอนเจอะเรอร์หรือออกเมนเตอร์อาจ ดูเหมือนเป็นทางเดินที่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบสำหรับใครบางคนอย่างอาไลจาห์เทสหรือฉัน แต่ฉันยอมรับว่ามันอาจจะเป็นเรื่องท้าทายสำหรับคนที่เพิ่งตื่นจากพลัง

นักเรียนร่างสูงที่ดูเคร่งขรึมก้าวขึ้นไปข้างหน้าทำให้ฝูงชนเงียบงันด้วยการโบกมือของเขา

“ ฉันชื่อไคลฟ์เกรฟส์และฉันเป็นรองประธานนักเรียนของพวกคุณ ตามที่ประธานได้กล่าวไว้ ปีนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย นอกเหนือจากการผสมผสานและอิสระในการเคลื่อนย้ายระหว่างนักเรียนทั้งสองสายแล้วทางสถาบันจะไม่จำกัดระยะเวลาที่นักเรียนจะสามารถเข้าเรียนในสถาบันนี้ได้ แม้ว่าในอดีตอาจารย์จะผลักดันนักศึกษาสำเร็จการศึกษาหลังจากสี่ปี แต่ก็มีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าความสามารถของนักเวทย์ที่จบการศึกษาจำนวนมากไม่เป็นที่น่าพอใจ ดังนั้นผู้อำนวยการจึงประกาศว่าแทนที่จะจำกัดเวลาในการสำเร็จการศึกษาจากสถาบันไซรัสเราจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและผ่านการสอบสำเร็จการศึกษาให้ครบทุกตัว

“ แม้ว่าเงื่อนไขในการสำเร็จการศึกษาจะยากขึ้นหลายเท่าแต่เวลาที่จำกัดในการสำเร็จการศึกษาก็เพิ่มขึ้นเป็นสิบปี ในเวลานั้นเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะผลิตนักเวทย์ชั้นยอดทั้งในด้านทฤษฎีและด้านการต่อสู้ เรายินดีต้อนรับทุกคนที่นี่ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เอลฟ์และคนแคระ – ให้มาเรียนที่สถาบันแห่งนี้” ไคลฟ์โค้งคำนับสภานักเรียนที่เหลือเดินตามเขาไป

ส่วนสุดท้ายของการประกาศไม่ใช่ข่าวใหม่สำหรับพวกเราทุกคน แม้ว่าจะมีการประกาศเมื่อไม่นานมานี้ซึ่งทำให้ฉันคิดว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องกับทวีปใหม่ สถาบันนี้ถูกใช้เพื่อผลิตนักเวทย์คุณภาพสูงขึ้นในกรณีที่ต้องต่อสู้กับทวีปใหม่ในอนาคตด้วยหรือ?

“ นั่นคือลูกชายคนโตของตระกูลเกรฟส์ที่มีชื่อเสียงนิ! อย่าทำให้ของเขาไม่พอใจละ ” เด็กชายข้างๆฉันกระซิบอีกครั้งด้วยระดับเสียงที่ดังอย่างไม่มีจุดหมาย

หลังจากเสร็จสิ้นพิธี นักเรียนใหม่ทุกคนก็ถูกไล่ให้ไปยังหอพักของพวกเขา เมื่อออกจากหอประชุมสายตาของฉันก็มองหาเทสโดยไม่รู้ตัวแต่ฉันมองหาเธอไม่พบ ด้านนอกมีต้นไม้โค้งเหนือทางเดินหินอ่อนทำให้มีใบไม้หล่นจากกิ้งมาเล็กน้อย นักเรียนทุกคนคุยกันอย่างตื่นเต้นในหมู่เพื่อนๆและทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ เมื่อเดินลึกเข้าไปในมหาวิทยาลัยจนถึงที่อยู่ของหอพักฉันเห็นนักเรียนหญิงสองสามคนเดินผ่านอาไลจาห์กับฉันและกลับมามองเราสองสามครั้งและหัวเราะคิกคักกับเพื่อน ๆ

อาไลจาห์ถอนหายใจ “ ฉันรู้สึกว่าตัวเองดูดีน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ข้างๆนาย” ไหล่ของอาไลจาห์ค่อมขณะที่เราเดินเคียงข้างกัน ซิลวีตบหัวของอาไลจาห์เบาๆอย่างน่าสงสารจากด้านบนหัวของฉัน

“ ถึงแม้ว่าสาวๆส่วนใหญ่จะปิ้งฉัน แต่ก็ต้องมีสาวๆ บางคนที่ปิ้งนายบ้างละใช่มั้ย?” ฉันแซวและขยิบตาอย่างขี้เล่น

“ ไอ้บ้า ” เขาตีฉันที่ท้องขณะที่เราทั้งคู่หัวเราะ

ทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นทำให้เราทั้งคู่และนักเรียนที่เดินไปมาใกล้ๆตกใจ มีบางอย่างเกิดขึ้นที่ปลายของทางเดินหินอ่อน หลังจากสบตากันอย่างรวดเร็วอาไลจาห์กับฉันก็วิ่งออกไป

“ ฉันไม่เห็นว่าไอ้แคระขาสั้นอย่างแกจะเป็นออกเมนเตอร์ได้ยังไง ทำไมแกไม่ไปเรียนการหลอมอาวุธให้สำหรับนักรบตัวจริงอย่างฉันล่ะ?”

“ นายพูดว่าอะไรนะ? นายคิดว่านายเป็นใครกันแน่?”

ฉันหยุดอยู่ในระยะทางที่พอดีและส่ายหัวเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันเป็นเพียงการท้าทายโง่ๆ ระหว่างนักเรียนสองคน การระเบิดเกิดขึ้นโดยเด็กมนุษย์ได้ทุบกำปั้นของเขาบนต้นไม้ใกล้ๆ ด้วยมานา

“ มันจะไม่อันตรายไปหน่อยหรือ?” อาไลจาห์มองไปรอบๆ ที่ซึ่งนักเรียนบางคนต้องเดินไปรอบๆ พวกเขาสองคนเผื่อว่าพวกเขาจะเริ่มต่อสู้กัน พวกเราอยู่ในกลุ่มคนสุดท้ายที่ออกจากหอประชุมดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงอยู่ลึกเข้าไปในมหาวิทยาลัยหรือในหอพักของพวกเขาแล้ว จึงมีคนไม่มากนักแต่ถ้าพวกเขาเริ่มต่อสู้นักเรียนบางคนในบริเวณใกล้เคียงอาจจมอยู่ในวุ่นวาย

“ พวกเขาคงไม่กล้าทำอะไรอย่างเช่นต่อสู้กันในวันแรกใช่ไหม? ไปกันเถอะ” ฉันพยายามเขยิบตาให้เพื่อนเพื่อไปยังเส้นทางวงเวียนเพื่อหลีกเลี่ยงนักเรียนสองคนที่กำลังเถียงกันอยู่

“ เอาเถอะเราไม่มีอะไรทำนอกจากแค่จัดของนิ! มาดูกันว่าพวกเขาเก่งแค่ไหน ดูสิเด็กมนุษย์ดูเหมือนจะเป็นออกเมนเตอร์ระดับที่สอง” เขาชี้ไปที่มนุษย์ที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัด

เมื่อมองไปที่พวกเขาทั้งนักเรียนคนแคระและมนุษย์ต่างก็มีเครื่องแบบของนักเวทย์สายต่อสู้ แต่มนุษย์นั้นมีแถบผูกสองแถบในขณะที่คนแคระมีเพียงอันเดียว

“ ฉันชื่อว่านิโคลัสเดรย์ ! ประกาศการดวลซะที่สิไอ้ตูดหมึก! เราจะได้เริ่มกันได้เสียที! หรือแกเห่าเป็นอย่างเดียว?” เด็กมนุษย์แสยะยิ้มและวางมือขวาลงบนป้ายที่ตรึงไว้ที่หน้าอกซ้ายของเขา

“ เชอะ! แล้วแกจะเสียใจ” คนแคระที่เตี้ยกว่าคู่ต่อสู้ของเขาประมาน1ช่วงหัวมีรูปร่างใหญ่และดูอึดอัดเมื่อสวมเครื่องแบบเบลเซอร์ แต่วิธีที่เขาถือขวานขนาดยักษ์ของเขาบอกฉันว่าเขาเก่งมากกว่าแถบบนเน็คไทของเขาแน่ๆ

ป้ายโลหะของทั้งสองเปล่งประกายเจิดจ้าขณะที่คนแคระวางมือบนตราของเขาและเริ่มประกาศ “ ฉันขอประกาศการดวลระหว่างฉันโบรแซนเนียนบอร์กับนิโคลัสเดรย์!”

“ ฉันยอมรับการดวล!” ป้ายทั้งสองเรืองแสงสีที่ต่างกันจนซิงค์กันและทำให้เกิดเสียง “ปิง” ที่ดังออกมา

ตราบนเครื่องแบบนักเวทย์สายต่อสู้และนาฬิกาพกบนเครื่องแบบของนักเวทย์สายวิชาการทำหน้าที่ในการประกาศการดวลซึ่งมันจะสร้างกำแพงกั้นทั้งสอง เมื่อกำแพงแตกหมายความว่าการดวลได้จบลงและอีกฝ่ายเป็นผู้ชนะ มันใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมงกว่าที่สิ่งประดิษฐ์จะสามารถสร้างโล่ป้องกันได้อีกครั้งและในช่วงเวลานั้นดวลหรือการท้าดวลเป็นสิ่งต้องห้าม นักเวทย์ระดับสูงกว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ดวลกับนักเวทย์ที่อยู่ระดับต่ำกว่าเพื่อให้มันยุติธรรมซึ่งเป็นสาเหตุที่เด็กมนุษย์คนนั้นต้องเหน็บแนมคนแคระเพื่อให้เขาประกาศการดวล

นักเวทย์มนุษย์หยิบดาบคู่ออกมาจากแหวนมิติของเขาและตั้งท่าในขณะที่ผู้คนรอบๆ เริ่มถอยหลังเพื่อหลีกเลี่ยงลูกหลงของการต่อสู้

“ ลุยไปเลยเจ้าคนแคระ!” อาไลจาห์เริ่มเชียร์โบรแซนเนียนโดยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

ฉันศึกษาทั้งสองคนและเห็นว่ามนุษย์อยู่ในระดับสองและมีแกนสีแดงในขณะที่คนแคระยังอยู่ในแกนสีดำ เรื่องนี้น่าสนใจมาก

“ ฮา!” นักเรียนมนุษย์คำรามขณะที่ดาบสองเล่มของเขาเปล่งแสงสีเหลืองสลัวๆและดินรอบๆตัวเขาเริ่มสั่นสะท้าน

“ อ๊าก!” คนแคระกระโดดขึ้นและดีดตัวเองไปข้างหน้าโดยทีบต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ชาร์จขวานของเขาโดยรวมมานาธาตุดินเข้าไป

“ โอ! ทั้งสองเป็นออกเมนเตอร์ธาตุดินนะอาร์ต!” อาไลจาห์รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อเขาเอนตัวเข้าใกล้การต่อสู้ขณะที่ซิลวี่นอนขดตัวหลับอยู่บนหัวของฉัน

“ แทมเมอร์สแมช!” คนแคระตะโกนและวางฝ่ามือซ้ายของเขาไว้ที่หัวขวานและทำให้แสงลางๆควบแน่นขึ้น

ด้วยเสียงดังกึกก้องพลังของการโจมตีจากคนแคระบังคับให้เด็กมนุษย์ไถลถอยหลังแม้ว่าเขาจะปิดกั้นมันด้วยดาบทั้งสองก็ตาม ฉันเห็นแขนของเขาสั่นขณะที่เขาแสยะยิ้ม

เด็กชายมนุษย์ลดดาบสองเล่มของเขาลงและพุ่งเข้าหาคนแคระที่อยู่ในท่าป้องกันแล้ว ดาบคู่ขูดไปตามพื้น เมื่อเขาเข้าสู่ระยะไกลเขาก็หมุนตัวขึ้น ดินที่อยู่รอบๆตัวเขาได้ตามตัวเขามาและได้เปลียนรูปเป็นใบมีดดินคู่อยู่ข้างหลังดาบของเขา

ไม่เลว แม้ว่าจะไม่น่าแปลกใจที่คนแคระสามารถใช้ธาตุธาตุดินได้อยู่แล้ว แต่ก็ทำให้ฉันประหลาดใจที่มนุษย์ที่อยู่ในขั้นสีแดงสามารถเพิ่มคุณสมบัติธาตุดินของเขาให้อยู่ในระดับนั้นได้แล้ว เขามีพรสวรรค์ในแง่นั้น

“แตกเป็นเสี่ยงๆซะ!” ร่างของคนแคระเปล่งแสงสีเหลืองในขณะที่เขาย่ำเท้าขวาลงบนพื้นอย่างแรงทำให้เกิดแรงกระเพื่อมรอบตัวเขาจนทำให้ใบมีดดินที่พุ่งเข้าหาเขากลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย คนแคระคนนี้เอาขวานไปขวางใบมีดของมนุษย์แต่มันโดนแขนของเขาเล็กน้อยจากการแกว่งขึ้นไป

“ เสาดิน!” นิคตะโกน หลังจากการตวัดดาบขึ้นเขาก็กระทืบอย่างหนักด้วยเท้าข้างถนัดของเขาตรงหน้าคนแคระและสร้างเสาหินจากพื้นเพื่อกระแทกไปที่คนแคระอย่างรุนแรงที่ท้องของเขา

“ อุฟ!” ร่างของคนแคระลอยขึ้นไปในอากาศจากแรงกระแทกและกำแพงเวทย์ของเขาก็แตกพร้อมกับเสียงที่ดังซึ่งเป็นสัญญาณว่าการดวลได้จบลงแล้ว

เสียงโห่ร้องออกมาจากกลุ่มมนุษย์ที่กำลังดูอยู่ แต่กลุ่มของคนแคระที่อยู่ในท่ามกลางผู้ชมต่างคร่ำครวญด้วยความลำบากใจ

อาไลจาห์ถอนหายใจและเริ่มเดินจากไป แต่ก่อนที่ฉันจะหันตามเขาไปฉันเห็นใบหน้าของเด็กมนุษย์ยิ้มเยาะเล็กน้อยขณะที่เขาเติมมานาลงในใบมีดทั้งสองของเขาอีกครั้ง

คนโง่คนนั้นไม่ได้วางแผนที่จะจบการดวลเพียงเท่านี้ เขากำลังจะโจมตีอีกครั้งเพื่อจบการต่อสู้

ถ้าฉันจะใช้เทคนิคระยะไกลมันจะยิ่งสร้างปัญหามากขึ้น แต่ถ้าฉันเข้าไปห้ามโดยตรงทุกคนก็จะรู้จักฉัน

ส่วนหนึ่งของฉันรู้สึกหงุดหงิดที่อาไลจาห์มองไม่ออกว่ามนุษย์คนนั้นจะโจมตีต่อ หากอาไลจาห์เป็นคนเข้าไปห้ามด้วยคาถามันจะเป็นธรรมชาติมากขึ้นเนื่องจากเขาเป็นนักร่ายเวทย์

ใช่สิมีอีกวิธีนิ ขอโทษด้วยนะเทส

“ นั่นประธานสภานักเรียนกำลังเดินมาหรือเปล่า?” ฉันจงใจตะโกนให้ดังขึ้นเพื่อให้เด็กผู้ชายที่ชนะการดวลนั้นสะดุ้ง

เช่นเดียวกับที่ฉันคาดไว้เขาเดาะลิ้นของเขาและวางดาบของเขากลับเข้าไปในแหวนมิติของเขาและกระตุกสายตาไปรอบๆ เพื่อหาประธานคนนั้น

ฝูงชนที่กำลังพูดคุยกันในหมู่เพื่อนๆของพวกเขาหรือพวกที่กำลังวิเคราะห์การต่อสู้เริ่มมองหาเทส

“ ประธานสภานักเรียนอยู่ที่ไหน?” อาไลจาห์ยืดคอขึ้นเหนือฝูงชนเพื่อมองหาเธอ

“ อ๊ะ! ฉันต้องเข้าใจผิดไปแน่ๆ!” ฉันแค่ยักไหล่และหันหลังเดินผ่านไปเมื่อมีมือจับมาที่ไหล่ฉันอย่างแน่น

“ แกกำลังจะหาเรื่องฉันหรือ?” เขาคือมนุษย์ที่เพิ่งชนะการต่อสู้ นิค นิโคล หรืออะไรก็ตาม

“โถ่! อะไรว่ะ! ทำให้เราตื่นเต้นแล้วก็จากไป!” ฉันเห็นมนุษย์บางคนรู้สึกผิดหวังอย่างเห็นได้ชัดที่ไม่ได้เห็นไอดอลของพวกเขาด้วยตัวเอง

“ ฉันคิดว่าฉันเห็นเธอกำลังเดินมา ฉันขอโทษละกัน” ฉันใช้มือของฉันจับมือของเขาออกจากไหล่ของฉันและขยิบตาให้เขา

“ ใช่แกมันไม่ดีเอาเสียเลย ” เขาดึงมือออกก่อนที่จะเดินออกไปถุยน้ำลายลงพื้นต่อหน้าเท้าของฉัน

“ นายรู้ไหมฉันจะให้คำแนะนำที่ดีถ้านายต้องการเรียนจบจากที่นี้ ฉันไม่คิดว่าการฆ่าเด็กแคระคนนั้นจะทำให้นายได้ดีอะไร” ฉันยืนนิ่งขณะที่ซิลวี่ถ่มน้ำลายใส่ท้ายทอยของเขา

เขาหมุนตัวกลับไปรอบๆ ทันทีด้วยการจับดาบสองเล่มในมืออีกครั้ง ฉันเกือบจะเห็นเส้นเลือดปูดออกมาจากหน้าผากของเขาเหมือนในการ์ตูน

“ อุฟ555 ” อุ๊บฉันไม่ควรหัวเราะในสถานการณ์นี้ ฉันมองย้อนกลับไปอย่างรวดเร็วและเห็นว่าอาไลจาห์กำลังส่ายหัวเพราะรู้ว่ามันสายไปแล้ว

“ แกกล้าดียังไง -?” เด็กชายอายุสิบสามที่มีดาบขนาดใหญ่เกินไปสำหรับร่างกายที่ยังไม่โตของเขาพุ่งเข้าหาฉันในลักษณะที่ฉันรู้สึกเงอะงะและเตรียมจะสลับไขว้ด้วยดาบสองเล่มนี้พร้อมกับใบหน้าสีแดงสดที่เต็มไปด้วยความโกรธ

ฉันเลิกคิ้วขณะที่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อหยุดการโจมตี ทำไมต้องทำให้ตัวฉันเองดูโง่ด้วยนะ?

ขณะที่ฉันเตรียมที่จะทำลายดาบสองเล่มของเขามีเสียได้หยุดเขาก่อนที่เขาจะได้ทำ มันคือเสียงที่นักเรียนใหม่ทุกคนได้ยินมันเมื่อไม่นานมานี้และเสียงที่ผู้ชายทุกคนอาจจะตกหลุมรัก มันเป็นเสียงของเพื่อนสาวในวัยเด็กของฉันเอง

“ นายกล้าดียังไง?”

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "บทที่ 45 กล้าดียังไง"

4.8 4 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

Running Man’s Hollywood Dominating System
Running Man’s Hollywood Dominating System
มีนาคม 12, 2022
The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์
The First Order ปฐมภาคีมวลมนุษย์
มีนาคม 12, 2022
Physicians Odyssey
Physicians Odyssey
มีนาคม 12, 2022
ระบบสังเคราะห์ซอมบี้
ระบบสังเคราะห์ซอมบี้
พฤษภาคม 17, 2022
Omni genius
Omni genius
มีนาคม 12, 2022
Taming Master
Taming Master
มีนาคม 12, 2022
Tags:
แฟนตาซี
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz