หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

Tales of Herding Gods - Chapter 8: ผิวหนังของย่าซี

  1. หน้าแรก
  2. Tales of Herding Gods
  3. Chapter 8: ผิวหนังของย่าซี
Prev
Next

Chapter 8: ผิวหนังของย่าซี

 

“ ย่าเคยบอกว่าถ้าข้าหลงในดินแดนนี้และกลับหมู่บ้านไม่ได้ ข้าไม่ควรตื่นตระหนก ” ฉินมู่คิดกับตัวเอง “ มีที่พักที่รกร้างในดินแดนแห่งนี้อยู่  ถ้าข้าหาที่นั่นเจอแล้วไปซ่อนตัว ข้าอาจจะรอดไปได้  สองเงื่อนไขที่ข้าต้องมีเพื่อให้หาที่เหล่านั้นเจอโดยคิดถึงความปลอดภัยนั้น อย่างแรกคือมันต้องมีรูปปั้นหินที่คล้ายกับของหมู่บ้าน  อย่างที่สองข้าจำเป็นต้องตรวจสอบว่าที่นั่นมีสัตว์อสูรตัวใหญ่ ๆ อยู่หรือไม่  ยิ่งมันฉลาดมากเท่าไหร่ มันยิ่งรู้ว่าควรจะหนีจากความมืดมิดยังไง….”

มีซากที่พักอยู่หลายที่ในดินแดนแห่งนี้  ฉินมู่ มันเคยผ่านซากเมืองเหล่านั้นก่อนหน้านี้มาแล้ว  คิดจากรั้วที่พังและกำแพงที่ทลายลงมาแล้ว พวกมันเป็นที่ที่เก่าอย่างมาก  แต่เขานั้นไม่ได้มีเวลาหยุดเพื่อตรวจสอบว่าที่นั่นมีรูปปั้นหินหรือไม่

อยู่ ๆ ทั้งโลกก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด เงียบซะจนอาจทำให้คนกลายเป็นบ้าได้

พระอาทิตย์เริ่มตกดินที่เส้นขอบฟ้า มันฉายแสงแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

หลังจากที่พระอาทิตย์ตกดินลงไป ความเงียบก็ครอบคลุมเข้ามาทันที  มีเสียงกระพือปีกดังขึ้นมา เมื่อมองขึ้นไปด้านบน ฉินมู่เห็นนกยักษ์กำลังบินอยู่เหนือหัวของเขาสร้างแรงลมมหาศาลซะจนพื้นดินสั่นสะเทือน และต้นไม้รอบ ๆ เขาก็เริ่มที่จะล้มลงไป  เริ่มมีสัตว์อสูรดิ้นออกมาจากหลุมที่พวกนั้นขุดเอาไว้และเริ่มกรีดร้องออกมาด้วยความหงุดหงิด

ฉินมู่ยังได้ยินเสียงน้ำกระเซ็นจากบ่อ เมื่อมองไปเขาก็พบกับปลาตัวใหญ่ที่กระโดดขึ้นมาจากผิวน้ำและใช้ครีบของมันตีไปที่พื้นอย่างกับมันมีขา !

สิ่งที่เห็นนั้นทำให้ฉินมู่สับสน  ปลาพวกนี้จะถือว่าเป็นปลาอยู่หรือถ้าพวกมันวิ่งบนดินได้ ?

“ สัตว์อสูรพวกนี้กำลังมุ่งหน้าไปทิศทางเดียวกัน  แน่นอนว่าข้าคงสามารถหลบความมืดได้  ถ้าไปที่นั่นด้วย ! “

เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉินมู่จึงรีบวิ่งตามสัตว์อสูรไปทันที

เพราะท้องฟ้าเริ่มหม่นลงเรื่อย ๆ  ความมืดมิดก็เริ่มแห่ทะลักเข้ามาอย่างกับคลื่น  มันเหมือนกับคลื่นยักษ์ที่ท่วมท้นเข้ามาที่ภูเขา, หุบเขาและทุกอย่างที่ขวางกั้นมันอยู่  แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นความมืดมิดที่แห่งเข้ามา แต่ฉินมู่ก็ยังถือว่ามันเป็นสิ่งที่ทำให้เขาตะลึงอยู่ดี

ความมืดมิดนั้นไหลมาหาฉินมู่และกลุ่มของสัตว์อสูรเหมือนกระแสน้ำที่เชี่ยวกราด แต่สัตว์ทุกตัวก็ยังคงวิ่งไปยังทิศทางเดิมอยู่

ฉินมู่ลังเลไปสักพัก

มันมีที่ปลอดภัยจริง ๆ หรือ ที่ซึ่งเขาสามารถใช้เป็นที่หลบซ่อนจากความมืดได้

ไม่ใช่ว่าเขาจะตกอยู่ในอันตรายหรอกหรือถ้ามันไม่ใช่ที่แบบที่เขาคิด ?

“ ความมืดนั้นเข้ามาอย่างรวดเร็ว แม้ว่าข้าจะหันหลังกลับตอนนี้ ข้าคงไม่สามารถกลับหมู่บ้านได้  ข้าไม่มีทางที่จะหนีความมืดมิดได้แน่ “

เขากัดฟันแน่นแล้ววิ่งไปข้างหน้าต่อ

“ ไม่จำเป็นต้องกังวล  ข้าทำได้แค่วิ่งตามสัตว์พวกนี้ไปเท่านั้น ! “

3 ไมล์ขนาบแม่น้ำข้าง ๆ หมู่บ้าน การต่อสู้ระหว่างย่าซีกับผู้อาวุโสทั้งห้านั้นได้มาถึงจุดแตกหัก  ตอนแรกมีผู้อาวุโสเพียงสี่คนเท่านั้นที่เข้าโจมตีย่าซี แต่เนื่องจากพวกนั้นยังไม่สามารถเอาชนะเธอได้ ผู้อาวุโสที่ห้าที่ยืนดูการต่อสู้อยู่บนผา ฉีหยานบิงก็เข้ามาร่วมการต่อสู้ด้วย  เมื่อมีเขาเพิ่มเข้ามา พวกเขาจึงจัดรูปแบบการยืนเป็นรูปแบบหยินหยาง

เมื่อมาถึงตอนนี้ ย่าซีทำได้แค่พอรับมือจากการโจมตีของผู้อาวุโสทั้งสี่  แต่ความแข็งแกร่งของเธอกลับเพิ่มขึ้นอย่างน่าแปลกใจเมื่อฉีหยานบิงเข้ามาต่อสู้ด้วย  แม้แต่รูปแบบหยินหยางเองก็ทำอะไรหญิงแก่คนนี้ไม่ได้

สิ่งนี้ทำให้ผู้อาวุโสทั้งห้าตะลึงและไม่นานพวกนั้นก็เริ่มหงุดหงิด  ตอนนั้นเองพวกเขาก็รู้ว่าหญิงแก่คนนี้ต้องการจัดการพวกเขาในครั้งเดียว  เพื่อให้จบการต่อสู้ เธอตั้งใจแสดงท่าทีว่าอ่อนแอเพื่อล่อให้ฉีหยานบิง เข้ามาต่อสู้ด้วยเพื่อกันไม่ให้เขาหลบหนีไป

มีแสงส่องออกมาจากเท้าของเธอ  ย่าซีกระดิกเท้าตัวเองผ่านพื้นที่ตรงนั้นอย่างกับเงา  เข็มเงินจากตะกร้าของเธอนั้นเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วราวกับมันมีความคิดเป็นของตัวเองและได้แทงเข้าไปที่บาดแผลของผู้อาวุโสทั้งห้า   ด้ายนั้นถูกร้อยไว้ที่เข็มแล้วและพุ่งผ่านผู้อาวุโสทั้งห้าไปผูกมัดวิญญาณและร่างกายของพวกเขาไม่ให้พวกเขาขยับได้

ย่าซีเดินไปหาพวกนั้นพร้อมกับกรรไกรและรอยยิ้มอันสดใส  “ ย่าคนนี้ไม่ได้จัดการกับผิวหนังของมนุษย์มานาน…ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าจะหลงลืมทักษะนี้ไปแล้วรึยัง..”

ทันทีที่เธอมายืนอยู่ต่อหน้าฉีหยานบิง เขาก็อ้าปากออกมา  มีลูกปรายเงินพุ่งออกมาจากปากของเข้า พุ่งเข้าใส่หน้าของย่าซี

ในตอนที่ลูกปรายเงินนั้นพุ่งชนอากาศ มันก็ขยายขนาดขึ้น  ลูกปรายนั้นใหญ่กว่าเดิมเป็นร้อยเท่าขยายตัวเป็นก้อนที่สร้างขึ้นจากดาบแสงนับหมื่น !

การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นตอนที่ย่าซีไม่ทันได้ระวังตัวและเธอได้ถอยกลับออกมาทันที  ร่างกายของเธอนั้นดูแปลกไปคล้ายกับหนอนดินที่ดิ้นไปมา  เธอหลบดาบแสงเหล่านั้น  ในเวลาเดียวกันเธอก็ได้โยนกรรไกรในมือออกมา กรรไกรซึ่งคล้ายกับมังกรเงินสองตัวพุ่งผ่านอากาศ ตัดเข้าไปที่ดาบแสงเหล่านั้น

แม้ว่าเธอจะรวดเร็วแต่เธอก็ยังคงทำการป้องกันไว้อยู่

หนึ่งในดาบแสงนั้นได้เข้าแทงเธอที่ด้านหลังและเนื่องจากเธอนั้นหลังค่อม ทำให้ดาบนั้นแทงเข้าไปที่จุดบอดของเธอ

ไม่นานดาบแสงที่บินว่อนอยู่ทั่วท้องฟ้าก็ได้หายเป็นแตกออกเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะร่วงมาที่พื้น

ดาบนั้นได้เปลี่ยนเป็นลูกปลายตามเดิมและหดตัวจนมีขนาดเท่ากับตอนที่มันออกมาพร้อมกับร่วงลงไปที่พื้นพร้อมกับรอยแตก

ย่าซีเองก็กลับลงมาที่พื้นด้วย  เธอดึงดาบที่ปักอยู่ที่หลังพร้อมกับคิ้วขมวด

“ เจ้ายังคงหลบมันได้ … ” ฉีหยานบิน ผู้นำของผู้อาวุโสทั้งห้าพูดขึ้นมา  สีหน้าของเขาแสดงความสิ้นหวังออกมาพร้อมกับร้องขึ้น “ ดาบ 6,840 เล่มที่ซ่อนอยู่ในลูกปลายเงินนั้น  แต่…ใกล้ขนาดนี้…แต่เจ้าก็ยังคงหลบมันได้ ! เจ้าไม่ใช่ปีศาจธรรมดาแล้ว..แต่หญิงแก่อย่างเจ้าเป็นตัวตนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  เจ้าเป็นใครกันแน่… ? ”

ในตอนที่เขาถามคำถามนั้นเขาก็เห็นว่ามีบางอย่างแปลกไปที่หลังของย่าซี   แม้ว่าหลังค่อมของเธอนั้นจะมีบาดแผลที่เกิดจากดาบ แต่มันไม่ได้มีเลือดไหลออกมา แต่กลับกัน มันมีแสงส่องออกมาเผยให้เห็นว่าข้างในนั้นว่างเปล่า

“ นี่ไม่ใช่รูปลักษณ์ที่แท้จริงของเจ้า ” เมื่อตระหนักได้ดังนั้น ทำให้ฉีหยินบิงขนลุก “ เจ้า….เจ้าใส่ผิวหนังของคนอื่นอยู่ .. ”

“ เจ้าทำผิวหนังข้าขาด ” ย่าซีขมวดคิ้ว

เสียงที่เธอพูดออกมานั้นไม่เหมือนเสียงของคนแก่ แต่กลับเป็นเสียงหวาน ๆ และนุ่มนวล  ใครก็ตามที่ได้ยินเสียงนี้คงคิดว่าเจ้าของเสียงคงเป็นหญิงสาวที่งามสง่าไม่ใช่คนที่ใกล้ตายแบบนี้

“ อ่า อากาศกำลังเข้ามาแล้ว ” ย่าซีพึมพำพร้อมกับถอนหายใจและเอามือกดที่ลำคอของตัวเอง

เธอหยิบเอาเข็มและด้ายออกมาจากตะกร้าและเย็บไปที่หลังของเธอพร้อมกับทดสอบน้ำเสียงซึ่งกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

แต่เสียงแปลก ๆ ที่พูดออกมาตะกี้ได้ทำให้ฉีหยานบิงตกใจ  เขาแสดงสีหน้าราวกับเห็นผี

“ ข้าเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน… ”  เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว  “ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร ! เจ้าคือผู้หญิงคนนั้น..ลัทธิปีศาจสวรรค์  ”

ในตอนที่ฉีหยานบิงพูดขึ้นมา สีหน้าของย่าซีก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย   เธอเย็บด้ายที่มัดทุกคนเข้าด้วยกันและก่อนที่เขาจะพูดจบ ผู้อาวุโสทั้งห้าก็ถูกสับเป็นชิ้น ๆ พร้อมกับเลือดที่กระเซ็นไปทั่วพื้น

น่าแปลกใจที่ด้ายนั้นไม่ได้มีเลือดเปรอะอยู่เลย  จากนั้นมันก็ได้ขดตัวกลับเข้ามาเป็นลูกบอลราวกับมีชีวิตและกลับเข้าไปตะกร้าด้วยตัวเอง

ย่าซึฮึดฮัดออกมาด้วยความพอใจและหัวเราะกับตัวเอง

“ นานแค่ไหนแล้วที่เจ้ามาที่นี่ ไอ้ด้วน ? “

ไม่ไกลจากด้านหลังของเธอ ปู่ด้วนได้กระเผลกออกมาโดยใช้ไม้เท้าพยุง  เขายิ้มกว้างออกมา  “ ข้าเพิ่งมาถึง น้องสาวของข้า  ข้าไม่เห็นรึไม่ได้ยินอะไรเลยสักอย่าง ”

ย่าซีหันกลับไปมองจากนั้นก็ยิ้มออกมา – “ ตราบใดที่เจ้านั้นไม่ได้ยินอะไรรึเห็นอะไรก็ดีแล้ว กลับหมู่บ้านกันเถอะ “

แทนที่จะเห็นด้วยแต่ปู่ด้วนกลับลังเล

“ ตลอดชีวิตข้านั้น  เจ้าสำนักหลี่เทียนซิงของลัทธิปีศาจสวรรค์นั้นฉลาดและทรงพลัง แต่ในช่วงสิบปีต่อมาเขากลับทำเรื่องผิดพลาดโง่ ๆ  เขาไปหลงใหลปีศาจที่สวยที่สุดซึ่งอายุน้อยกว่าเขา  เขาทิ้งเมียคนเดิมและเอานางคนนั้นมาเป็นเมียใหม่และนั่นทำให้ลัทธิตกอยู่ในความโกลาหล ”  ปู่ด้วนพูดขึ้นแล้วนึกถึงเรื่องในอดีต “ แต่ระหว่างคืนแรกของการเป็นสามีภรรยา  ในตอนที่พวกเขากำลังจะดื่มด่ำชีวิตคู่  เมียคนใหม่ของเขาก็ฆ่าเขาและขโมยคัมภีร์ปีศาจของลัทธิไป  ผู้อาวุโสทุกคนในลัทธิได้ออกมาจากการเก็บตัวเพื่อไล่ตามนางแต่นางก็ยังคงหลบหนีไปได้ ”

“ เกิดเรื่องแบบนั้นด้วยหรือ ? ”  ย่าซีถามด้วยท่าทีใสซื่อ

“ แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววของนาง ” ปู่ด้วนตอบกลับ

“ ในอดีตนั้น หญิงแก่ผู้นี้ได้ยินเรื่องชายที่ฝึกทักษะขาตัวเองจนถึงขั้นระดับพระเจ้า   เขามาถึงระดับที่ผู้คนเรียกขาของเขาว่าขาสวรรค์   ไม่มีใครในโลกเทียบความเร็วกับเขาได้ ”  ย่าซีพูดพร้อมกับหัวเราะ “ แต่ชายคนนั้นตระหนักได้ว่าเขาสามารถใช้ความเร็วของเขาเพื่อทำการขโมยได้  การกระทำนั้นทำให้เขาตื่นเต้นและเขาก็เริ่มชอบมัน จนในที่สุดเขาก็สร้างชื่อขึ้นมาว่าคือโจรเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ซึ่งไม่มีใครจับเขาได้   เนื่องจากเขาไม่ใช่เทพจริง ๆ ฉายาของเขาที่มีคำว่า ‘ เทพ ‘ นั้นทำให้ใครบางคนที่เป็นเทพจริง ๆ นั้นโกรธ  ราวกับว่าเขาได้คำประกาศิตจากเหล่าทวยเทพ ในตอนที่เขาเข้าไปยังอาณาจักรนิรันดร์เพื่อขโมยแผ่นบันทึกของจักรพรรดิ  เขาถูกผู้คุ้มกฎเจอตัว  แม้ว่าเขาจะเสียขาข้างหนึ่งไปในการต่อสู้ แต่ชายคนนั้นก็ยังหนีมาได้ เขาเอาแผ่นบันทึกออกมาและได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย…แม้ว่าชื่อเสียงของเขานั้นของเขาจะต่ำกว่าเทพ  แต่ผู้คุ้มกฎก็ยังไม่อาจจะแย่งชิงของที่เขานำมาได้ อันที่จริง….เขายังมีขาสวรรค์เหลืออีกขาหนึ่งและยังคงรอคอยโอกาสที่จะกลับไปเอาสิทธิเดิมของตน ”

ย่าซีมองไปที่ปู่ด้วนด้วยท่าทีขบคิดและทั้งสองคนก็ได้หัวเราะออกมา

“ ย่า เราน่ะล้วนแต่เป็นคนพิการจากหมู่บ้านเดียวกัน ” ปู่ด้วนพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างขึ้นเรื่อย ๆ  “ เราก็ล้วนแต่มีความลับของตัวเองและสัญญากันกว่าจะไม่ถามความลับคนอื่น ”

“ จากนี้เป็นต้นไป….ข้าคงหูหนวกตาบอด ”  เขาสาบาน  “ ข้าจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น ”

ย่าซีฮึดฮัดออกมาอีกรอบ จากนั้นก็เดินไปทางหมู่บ้านพร้อมกับตะกร้า “ มู่เอ๋อ ไปบอกเจ้าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและขอให้เจ้ามาที่นี่อย่างนั้นหรือ ? ”

ปู่ด้วนส่ายหน้า  “ เจ้าและผู้อาวุโสห้าคนนั้นเกิดการต่อสู้กัน  พวกเราทุกคนในหมู่บ้านนั้นรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานจากการต่อสู้ของเจ้า ผู้ใหญ่บ้านจึงของให้ข้ามาตรวจสอบดู ”

สีหน้าของย่าซีเปลี่ยนไปและเธอได้ถามออกมาด้วยความกังวล  “ มู่เอ๋อ กลับไปที่หมู่บ้านรึยัง ? ”

“ ข้ายังไม่เห็นเขาเลย…”

“ แย่แล้ว  ! ”

ทั้งสองคนรีบกลับไปที่หมู่บ้านและก่อนที่พวกเขาจะไปถึงที่นั่น พระอาทิตย์ก็ได้ตกดินไปแล้วและความมืดก็ได้ทะลักเข้ามา  ความมืดนั้นค่อย ๆ แผ่จากท้องฟ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ จนครอบคลุมทุกอย่างบนเส้นทาง !

 ย่าซีวิ่งกลับไปที่หมู่บ้านพร้อมกับออกตามหาฉินมู่

“ มู่เอ๋อ ยังไม่กลับมารึ ? ”  เธอถามออกมาด้วยความหงุดหงิด

จากนั้นความมืดก็เริ่มเข้าครอบคลุมหมู่บ้านนี้ด้วย

“ ไม่จำเป็นต้องกังวล ”

ผู้ใหญ่บ้านที่ปู่ด้วนและปู่หมอแบกออกมาพูดขึ้นเพื่อหยุดไม่ให้ย่าซีเอารูปปั้นหินออกไปตามหาฉินมู่   เขาพูดขึ้นมา “ เราสอนเขาทุกอย่างที่เขาจำเป็นต้องรู้แล้ว ตราบใดที่เขาเรียนรู้มัน  ฉินมู่น่าจะรอดในดินแดนแห่งนี้ได้  ท้องฟ้าตอนนี้มืดแล้ว ดังนั้นมันจึงไร้ประโยชน์ที่เจ้าจะออกไปตอนนี้ ”

คำพูดของผู้ใหญ่บ้านนั้นทำให้ย่าซีเสียใจ แต่เธอรู้ว่าสิ่งที่เขาบอกนั้นเป็นความจริง   ความมืดนี้ได้ครอบคลุมดินแดนแห่งนี้หมดแล้ว  ตราบใดที่ฉินมู่ยังคงมีชีวิตอยู่ เขาก็จะไม่ให้เธออกไปช่วยฉินมู่   ฉินมู่นั้นคงสามารถรอดค่ำคืนนี้ไปได้   ถ้าเขาตายมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เธอจะแบกรูปปั้นหินนี่ออกไปตามหาเขา

“ เขายังมีจี้หยกนั่นอยู่กับตัว … ” ย่าซีคิดกับตัวเอง

แต่แม้ว่าจะคิดถึงจี้หยก แต่เธอก็รู้ว่ามันมีระยะป้องกันที่จำกัดซึ่งทำได้แค่ปกป้องทารกตัวน้อย ๆ  ตอนนี้ ฉินมู่โตแล้ว แสงปกป้องจากหยกนั้นใหญ่พอแค่ครอบคลุมช่วงอกเขาเท่านั้น

“ ทำตัวให้ฉลาด ๆ มู่เอ๋อ  ”  ย่าซีพึมพำกับตัวเอง  “ เจ้าต้องรอดมาได้แน่นอน ”

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "Chapter 8: ผิวหนังของย่าซี"

0 0 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art
ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art
มีนาคม 12, 2022
ตำนานเทพปีศาจอมตะ (Immortal Devil Transformation)
ตำนานเทพปีศาจอมตะ (Immortal Devil Transformation)
มีนาคม 12, 2022
War Sovereign Soaring The Heavens
สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์
มิถุนายน 13, 2025
Divine Beast Adventures
Divine Beast Adventures
มีนาคม 12, 2022
อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
เมษายน 24, 2023
นักล่าปีศาจ
นักล่าปีศาจ
พฤศจิกายน 12, 2023
Tags:
กำลังภายใน
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz