Omni genius - ตอนที่ 76 ลูกค้าที่ดึงดูดความสนใจ
ตอนที่ 76 ลูกค้าที่ดึงดูดความสนใจ
ฉินฟางสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วโดยส่วนใหญ่เพราะความสามารถในการเปลี่ยนสิ่งที่เรียนรู้ให้กลายเป็นสกิล แม้ว่าเขาเพิ่งจะเป็นมือใหม่ก็ตาม แต่ภายหลังที่ได้ฝึกเพียงไม่กี่ครั้ง ฉินฟางก็เริ่มคุ้นเคยกับวิชาต่อสู้นี้
การต่อสู้ระหว่างฟางต้าเฉิงและเขาจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของฉินฟาง โชคดีที่นี่ไม่ใช่การต่อสู้ถึงตาย เป็นเพียงการต่อยตีเท่านั้น อีกทั้งไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
การฝึกในยามเช้าจบลงอย่างรวดเร็ว ทั้งสองวิ่งกลับไปยังหอพัก พบว่ามีผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ
“พี่น้อง ตื่นได้แล้ว! ไปทานข้าวเช้ากัน!!”
ขณะนี้เป็นเวลาเพียงหกโมงกว่าๆเท่านั้น สำหรับนักศึกษาเช่นพวกเขานั้น มันคือช่วงเวลาในการนอนหลับที่ดีที่สุด แต่กลับต้องตื่นเพราะฉินฟางและฟางต้าเฉิงเสียอย่างนั้น
“พี่ใหญ่ ฉินฟาง พวกนายนี่มันใจร้ายชะมัด! ฉันกำลังมีช่วงเวลาดีๆกับนางฟ้าในฝันของฉันนะ….”
ทั้งสี่ยังไม่ต้องการตื่น และบ่นงึมงัมที่มารบกวนฝันดีๆของพวกเขา หลังจากบ่นจนจบ พวกเขาก็กอดผ้าห่มและต้องการกลับไปนอนต่อ
“รีบตื่นเร็วเข้า!!! รีบๆตื่นเช้าให้เป็นนิสัย จากแหล่งข่าวของฉัน ถ้าพวกนายไม่ตื่นมาเพื่อฝึกให้ทันเวลา พวกนายจะถูกลงโทษอย่างหนัก!!! ผมกำลังช่วยพวกนายอยู่นะ!! ถ้าอยากอับอายขายหน้าต่อหน้าบรรดาหญิงสาวในมหาวิทยาลัย ก็ตามใจ พี่ใหญ่ พวกเราไปกันเถอะ อย่าไปสนใจพวกนั้นเลย!!”
เมื่อเห็นทั้งสี่คนนั้นกำลังจะกลับไปนอน ฉินฟางและฟางต้าเฉิงต่างมองหน้ากันอย่างไร้คำพูด แต่ฉินฟางก็ยังไม่ละความพยายาม เขาเอ่ยปากชวนฟางต้าเฉิงให้จากไปพร้อมกับทิ้งท้ายด้วยคำพูดเหล่านั้น
*ฟุบ!!!*
พวกเขาอาจจะไม่ได้ยินคำ “ลงโทษอย่างหนัก” แต่เมื่อได้ยินคำ “อับอายขายหน้าต่อหน้าหญิงสาว”พวกเขาล้วนลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก
“อย่าเพิ่ง อย่าเพิ่งไป!! ฉันกำลังลุกแล้ว!!!”
พวกเขาตะโกนร้องเรียก และรีบสลัดฝันหวานเหล่านั้น รีบไปอาบน้ำ แล้วตามฉินฟางไปยังร้านบะหมี่เฟยเสวี่ยอันหอมหวนของฉินฟาง
หลังจากผ่านไปสองถึงสามวัน กิจการร้านบะหมี่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากที่โรงเรียนเปิดเทอมแล้ว ฝูงชนก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามามากขึ้น แทบทุกคนที่ได้ลิ้มลองอาหารของฉินฟางมาก่อน จะต้องทานที่ร้านเฟยเสวี่ยอันหอมหวนทุกครั้งเมื่อมาสวนกล้วยไม้
ที่ฉินฟางพาเหล่าเพื่อนร่วมห้องมายังร้านนี้เพื่อทานอาหารเช้านั้น ไม่ใช่เพราะเป็นคนใจกว้างแม้ไม่มีเงิน แต่เพียงต้องการให้พวกเขารู้ว่าร้านบะหมี่ของเขาอยู่ที่ใด รวมถึงเป็นการประชาสัมพันธ์ร้านให้เป็นที่รู้จักกันอีกด้วย
ระหว่างทางนั้น เขาก็โทรหาถังเฟยเฟยและเซียวมู่เสวี่ย จึงรู้ว่าทั้งคู่มาถึงก่อนเขาแล้ว
“ฉินฟาง นี่คือร้านของนายหรอ เฟยเสวี่ยอันหอมหวน… ช่างเป็นชื่อที่เหมาะกับสตรีเพศจริง!!!”
เมื่อทั้งกลุ่มมาถึงร้านแล้ว คนแรกที่สังเกตชื่อของร้านก็คือ เซี่ยวหนานที่ล้อเลียนชื่อร้านอย่างหยาบคาย ทำให้ที่เหลือส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วย เห็นได้ชัดเจนว่าพวกที่เหลือเองก็คิดเช่นเดียวกับเซี่ยวหนาน ฉินฟางทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นเท่านั้น
“หืมม??? ร้านดูดีอยู่เหมือนกันนะ แถมยังสะอาดมากอีกด้วย ไม่เลว!”
เมื่อทั้งกลุ่มเข้าไปข้างใน พวกเขาก็เริ่มวิจารณ์ร้านอีกครั้ง โชคดีที่พวกเขาไม่ได้กล่าวอะไรให้ฉินฟางอยากหนีไปร้องไห้ในครั้งนี้ ไม่เช่นนั้นละก็ ฉินฟางจะใช้[วิชาต่อสู้ไร้นาม]ที่เพิ่งเรียนมาต่อยตีเซี่ยวหนานให้ฟันหลุดอย่างแน่นอน
“เอาล่ะ หยุดพูด! รีบๆไปนั่ง! ผมจะไปทำบะหมี่มาให้พวกนาย”
ในทันทีที่ฉินฟางมาถึงร้าน ก็มีความหมายว่าร้านเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว เนื่องจากว่าคนทั้งหกคนนี้เป็นกลุ่มที่สังเกตเห็นได้ชัดในยามเช้า ลูกค้าบางคนที่เป็นดังนกในยามอรุณรุ่งก็พลันสังเกตเห็นด้วย จึงก้าวเข้ามาในร้านเช่นกัน
จุดไฟ ต้มน้ำ ทำเส้นบะหมี่ ต้มให้สุก นำมันออกมา แล้วใส่เครื่องปรุง กระบวนการทั้งหมดล้วนไหลลื่นราวกับสายน้ำไหล เพื่อนร่วมห้องทั้งหมดเพิ่งจะนั่งลงได้ไม่นาน ขณะพูดคุยกัน ก็มองเห็นถังเฟยเฟยและเซียวมู่เสวี่ยเสิร์ฟบะหมี่ให้พวกเขาด้วยรอยยิ้ม
“บะหมี่ที่ฉินฟางทำขึ้นมา…ฉันต้องลองชิมดูแล้ว!!!”
เซี่ยวหนานต้องการเอ่ยคำพูดก่อนทาน แต่ก็ตระหนักได้ว่าเหล่าเพื่อนร่วมห้องนั้นต่างตกอยู่ในความเคลิบเคลิ้มต่อกลิ่นหอมและลงมือทานแล้ว
ท่ามกลางคนเหล่านี้ มีอยู่คนหนึ่งที่หิวกระหายราวกับสัตว์ป่าที่ดุร้ายยิ่ง คนคนนั้นเพิ่งออกกำลังกายมา ฟางต้าเฉิง เป็นคนเดียวที่เคยทานบะหมี่ของฉินฟางมาก่อน เขาจึงไม่ได้รั้งรอ และรีบทานมันจนเต็มปาก ดูเหมือนอดอยากไม่ได้ทานข้าวมาหลายวันแล้ว
“พวกนายนี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ…”
เมื่อเซี่ยวหนานเห็นว่าพวกเขาต่างกินกันโดยไม่รอเขา แล้วยังเห็นอีกว่าหลังจากทานไปคำหนึ่ง ล้วนตัวแข็งค้าง ทำให้เซี่ยวหนานกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะหยิบตะเกียบขึ้นมา
“สีหน้าท่าทางเหล่านั้นมันคืออะไร รสชาติบะหมี่มันแย่หรือ?”
เมื่อเขาถามคำถามนั้นออกไป เขาก็มองไปยังฟางต้าเฉิงที่กำลังทานอย่างเอร็ดอร่อยเป็นอย่างมาก ฟางต้าเฉิงทานไปจนหมดครึ่งชามในระยะเวลาอันสั้น!
“มันช่าง….มันช่าง….อร่อยเหลือเกิน!!!”
เฉินหยางใช้เวลาอยู่นานเพื่อเฟ้นหาคำพูด และกล่าวออกมาอย่างยากเย็น ราวกับกำลังสำลักเสียอย่างนั้น ทำให้เซี่ยวหนานอยากจะเข้าไปตบเฉินหยางสักทีสองทีเพื่อช่วยให้หายใจได้ดีขึ้น
หลังจากกล่าวจบ เฉินหยางก็เข้าร่วมสงครามการกินกับฟางต้าเฉิง เขามีรูปร่างสูงใหญ่ เมื่อเทียบกับชามบะหมี่แล้ว ชามนั่นกลายเป็นของเล่นไปเลย ความเร็วในการกินก็เร็วมาก กระทั่งยังเร็วกว่าฟางต้าเฉิงเสียอีก มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก
“มันอร่อยจริงๆหรือ? พวกนายไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม?”
เซี่ยวหนานยังคงระแวงสงสัย แม้ว่าบะหมี่ตรงหน้าจะส่งกลิ่นหอมหวนเป็นอย่างมาก แต่รสชาติกับกลิ่นมันคนละเรื่องกัน
“ช่างเถอะ! มันคือบะหมี่ของฉินฟางเชียวนะ เราต้องสนับสนุนเขาไม่ว่าอย่างไรก็ตาม!!!”
เซี่ยวหนานกัดฟัน และคีบบะหมี่เข้าปากไป ท่าทางของเขาดูไม่เหมือนกำลังทานอยู่แต่เหมือนดื่มยาพิษเข้าไป โชคดีที่ฉินฟางวุ่นวายอยู่ในห้องครัว และไม่ได้ออกมาข้างนอก ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องกระอักเลือดเพราะท่าทางของเซี่ยวหนานก็เป็นได้
ทันทีที่มันเข้าไปในปาก ลิ้นของเขาลิ้มรสน้ำซุป ทำให้เขารู้สึกว่ารสชาติน้ำซุปมันอร่อยมาก ความคาดหวังของเขาพลันยกสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ
หลังจากนั้นก็เคี้ยวเส้นบะหมี่ มันช่างเด้งหยุ่น และดีมาก ส่วนเครื่องปรุงนั้นทำให้เซี่ยวหนานรู้สึกว่าแววตากระจ่างใสมากขึ้น
เขาเคยทานอาหารมาแล้วทั่วโลก แต่เมื่อเทียบบะหมี่ทั้งหมดที่เคยทานมา บะหมี่ของฉินฟางเรียกได้ว่าอร่อยที่สุดที่เคยทานมา เขาไม่ใช่คนใจแคบ แล้วเริ่มเอ่ยชมบะหมี่
“บ้าเอ้ย มันยอดเยี่ยมจริงๆ!!!”
เซี่ยวหนานตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ถึงขั้นสบถด่าด้วยซ้ำ นี่เป็นเหตุให้ลูกค้าที่ยังไม่ได้รับบะหมี่นั้นมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไป เดิมทีพวกเขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับบะหมี่มากนัก แต่เพราะเพื่อนร่วมห้องทั้งหลายของฉินฟางนั้นที่สร้างความหวังให้กับบะหมี่ของฉินฟาง พวกเขากระทั่งเริ่มถามหญิงงามทั้งสองในตอนที่มาเสิร์ฟบะหมี่….