Mister lucky star ดวงข้าจะครองโลก - ตอนที่ 2 การทดสอบที่เป็นตำนาน
นักศึกษาส่วนใหญ่อธิฐานให้ตัวเองให้ได้ สีแดงหรือเหลือง เพราะเป็นสายที่ทำให้ผู้คนมีชื่อเสียง มีอำนาจ
คนแรกได้เริ่มขึ้น ปากเค้าได้พรึมพรัม 'อย่าสีใส อย่าสีใส' หลังจากจับลูกแก้วไป 10 วินาทีลูกแก้วได้เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสี เหลือง 'เย้ส'
คนที่สองได้เตรียมเดินมาที่ลูกแก้วทุกคนมองไปที่เค้าแล้วตกตะลึงเพราะ ร่างกายเค้าสูงกว่า2เมตรแน่ๆ และยังสามารถเห็นกล้ามเป็นมัดๆทะลุเสื้อผ้า
มาได้เลย ในใจทุกคนคิดเป็นเสียงเดียว 'สีเหลืองแน่ๆ'
กู่เฉินมายืนอยู่ข้างหน้าลูกแก้วทดสอบ แค่เพียงเอามือมาสัมผัส ลูกแก้วทดสอบได้เปลี่ยนจากสีใสเป็นสีเหลืองทองอร่ามอย่างรวดเร็ว
อาจารย์เหาได้ออกมาว่า "ยอดเยี่ยม จะเห็นว่าสีเหลืองนั้นดูสว่างและเข้มมาก แสดงให้เห็นว่าหลังจากปลุกพลังขึ้นมาได้จะเป็นกลุ่มหัวกะทิแน่นอน"
ถังเฟยได้กระซิบคุยกับหวังฉาย "คนนั้นคือ กู่เฉิน เป็นตระกูลที่มีอิทธิพล ในเขตนี้ พ่อแม่ของกู่เฉินได้ส่งตัวเขาเข้าห้องฝึกฝนสายกายาตั้งแต่เด็กและนิสัยของเขาชอบชกต่อยอยู่แล้ว ทางตำรวจก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะพ่อแม่ของกู่เฉินก็ใช้อำนาจกดดัน อีกอย่างคดีของเด็กที่ยังไม่ถึง 18 ปี แล้วยังไม่ได้ใช้พลัง ก็ถือว่าเป็นคดีที่ไม่ใหญ่โตอะไรมากมายอยู่แล้ว"
"นั่นสินะ!!! พอมีผลประโยชน์เข้าหน่อยพวกตำรวจก็ไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว" หวังฉายกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
จำนวนคนทำการทดสอบผ่านมาแล้วครึ่งทาง จะมีสายธรรมชาติที่น้อยที่สุดประมาณ 10%ของผู้ทดสอบและเห็นได้ชัดว่าจำนวนคนของสายพิเศษนั้นมากกว่าสายอื่น ๆ ส่วนสายที่เหลือมีจำนวนคนอยู่ประมาณสายละ 20%ของผู้ทดสอบ
"ถังเฟย" อาจารย์เหา ขานชื่อ
ถังเฟยได้เดินออกไปหน้าลูกแก้วทดสอบอย่างมั่นใจ พร้อมกับเอามือไปวางที่ลูกแก้ว
ลูกแก้วเปลี่ยนสีเป็นสีแดงเข้มตั้งแต่ปลายนิ้วของถังเฟยสัมผัส ทำให้ทุกคนรู้สึกอิจฉากันเป็นอย่างมาก เพราะรู้ได้เลยอนาคตต้องเป็นที่ต้องการ
กู่เฉินเห็นอย่างนั้น จึงพูดออกมาดังจนทุดคนได้ยิน "อย่าตายสะก่อนละ" ก่อนที่กู่เฉินจะขยับคอไปมาเหมือนร่างกายต้องการปะทะ
ถังเฟยที่ได้ยิน หันมามองหน้ากู่เกินแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วเดินกลับที่นั่ง "เป็นไง เท่ไหมล่ะ" ถังเฟยกล่าวแล้วหยอกล้อกับหวังฉาย
เสียงอาจารย์ก็ได้ขานเรียก หวังฉาย ได้เวลาที่หวังฉายจะทำการทดสอบแล้ว
ก่อนจะลุกออกไปทดสอบ หวังฉายได้กล่าวติดตลกกับถังเฟยว่า "รอดูเลยจะให้สว่างจ้าาา กว่านายเลย"
หวังฉายได้ลุกออกจากที่นั่งแล้ว เดินไปอย่างหนุ่มมาดเท่ พร้อมกับการใส่รองเท้าข้างเดียวเจ้าตัวมัวแต่คุยเล่นกับถังเฟยจนลืมไปว่าตัวเองใส่รองเท้าข้างเดียวอยู่
เหตการณ์นี้ทำให้สาวๆในห้องตั้งฉายา หวังฉายเลยว่า 'เทพบุตรข้างเดียว'
หวังฉายจะพยายามถอดรองเท้าอีกข้างแต่ก็โดน อาจารย์เหาเร่งให้ไปทำการทดสอบ จึงจำเป็นต้องเดินออกไปอย่างนั้น
หวังฉายได้เดินมาหยุดที่หน้าลูกแก้วทดสอบ ในตัวหวังฉายรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่เค้าคลุกคลีมากที่สุดคือใบโคลเวอร์ประหลาด ที่แม่ของหวังฉายได้ให้ไว้ก่อนที่แม่ของเค้าจะถูกองค์กรใต้ดินที่มีลอยสักพระจันทร์สีเลือดจับตัวไป หวังฉายตั้งสมาธินึกถึงใบ้โคลเวอร์ แล้วจับไปที่ลูกแก้วทดสอบ
ผ่านไป10วินาที หวังฉายลืมตาจากการใช้สมาธิ ในใจก็หวังว่าอยากให้เป็นสีแดงเพราะจะได้มีพลังและอำนาจในการตามตัวแม่ที่หายไป
ภาพแรกที่เห็น แถบจะไม่เชื่อสายตาเลย เป็นสีใสแสบตามาก ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิมเลย
หวังฉายรีบตั้งสมาธิใหม่เพราะไม่อยากให้เป็นสายพิเศษ
20วินาทีผ่านไป ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไป
30วินาที…40วินาที…50วินาที 1นาที เสียงอาจารย์เหา เปร่งออกมา "พอ!!!"
อาจารย์เหาก็อยากจะให้เวลาหวังฉายมากกว่านี้เพราะรู้ว่าพ่อของหวังฉายอยู่ใน 10 นักรบสายธรรมชาติที่เก่งที่สุดแต่ไม่อยากให้ได้เพราะต้องมีความเท่าเทียมแก่นักศึกษาทุกคน
นักศึกษาสาวที่ตอนแรกหวังจะตีสนิทหวังฉายนั้นเริ่มเปลี่ยนความคิดเพราะผลทดสอบออกมา หล่อแต่ไม่มีอนาคตก็ไม่มีใครอยากได้
หวังฉายนั้นเดินคอตกพร้อมถือรองเท้าที่มีเพียงข้างเดียวกลับมาที่นั่ง
ถังเฟยเห็นสภาพจึงแซวไป "ข้าพเจ้าขอยอมรับความพ่ายแพ้ สีใสของท่านทำให้ข้านั้นแสบตาจนลืมไม่ขึ้นเลย ฮาๆ"
หวังฉายได้ยินแต่ก็ไม่ได้โกรธอะไรเพราะรู้ว่าถังเฟยอยากให้เค้านั้นอารมณ์ดีขึ้น พร้อมกล่าวขึ้น
"งั้นเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นการตอบแทนที่ข้านั้นให้เจ้าได้ดูตำนานของข้า"
หวังฉายได้นั่งลงจากนั้นได้หยิบให้ใบโคลเวอร์ประหลาดที่อยู่ในกล่องสร้อยคอของเค้า
หวังฉายได้มองมันแต่ก็คิดถึงคำพูดของแม่ในอดีตว่า การที่คนใช้พลังของใบโคลเวอร์นี้ได้จะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด
เขานั้นได้ศึกษาใบโคลเวอร์นั้นอย่างละเอียด ใบโคลเวอร์นี้มี แฉกที่หนึ่ง(นับจากด้านซ้าย) และ สอง มีลักษณะปกติ แต่ในแฉกที่สาม และสี่นั้นผิดปกติ
โดยแฉกที่สามนั้นมีบางส่วนติดกับใบที่สี่ อีกทั้งแฉกที่สี่ยาวกว่าหนึ่งเท่า
การทดสอบก็ผ่านไปเรื่อยๆจนถึงคนสุดท้ายนั้นคือ ลู่เหมย
ลู่เหมยเดินไปทดสอบแบบไม่ได้ใส่ใจในการทดสอบนี้ ซึ่งต่างจากคนในห้องที่สนใจการทดสอบนี้ เพราะตัวลู่เหมยเป็นคนที่เรียกได้ สวย เซ็กซี่ หุ่นดี แถมมีภูเขา2ลูกที่เด่นมาก และเธอเป็นถึงทายาทของตระกูลลู่ 6ตระกูลใหญ่ที่ปกคลองในหัวเมืองกั่ว ซึ่งตระกูลถังก็เป็นหนึ่งในนั้น
ลู่เหมยนำมือไปสัมพัสลูกแก้วทดสอบ ผ่านไป 60 วินาทีลูกแก้วไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทุกคนคลาดคิดกับเหตุการณ์นี้ บรรพบุรุษของตระกูลมักจะเตรียมการอย่าง
ดีเพื่อให้ทายาทได้อยู่สายสีแดง เพื่อให้ตระกูลมีอำนาจมากขึ้น
ลู่เหมยเดินกลับเข้าที่นั่งพร้อมพูดเบาๆตอนเดินผ่านหวังฉายว่า "อยู่สายเดียวเลยกันเลยนะ ^^พร้อมกับยิ้มให้"
หวังฉายที่ได้ยินและเห็นที่ลู่เหมยยิ้ม ถึงกับมองตาค้างกันเลย แต่มองได้ไม่นานนัก
กระรอกที่ได้เอารองเท้าเขาไปนั้นได้ไต่ขอบหน้าต่างริมห้องพอดี และได้สะบัดรองเท้าออกเพราะมันคิดว่ามันได้ขโมยลูกวอลนัทได้สำเร็จแล้ว
รองเท้าได้ร่วงลงมาโดนหัวหวังฉายพอดี หวังฉายที่กำลังมองลู่เหมยอยู่นั้นสะดุ้งพร้อมกับใครเอาอะไรมาเขวี้ยงใส่เขา
หวังฉายได้มองเห็นรองเท้าของตัวเองและได้เงยหน้าไปมองข้างบนก็ได้เห็นไอกระรอกเวรที่ขโมยรองเท้าเขาไป ในใจตอนนี้ หวังฉายไม่รู้ว่าเรานั้นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่
อาจารย์เหาได้พูดเก็บลูกแก้วทดสอบเสร็จ "เอาล่ะ เมื่อทุกคนรู้ว่าตัวเองเป็นสายไหนแล้ว แยกย้ายไปลงทะเบียนเรียนวิชาเฉพาะของแต่ละสายนั้นด้วย"
หลังจากพูดจบ ทุกคนก็เรื่มแยกย้ายเป็นกลุ่มๆ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มใหม่ที่มีสายเดียวกัน
กลุ่มของกู่เฉินได้รวมตัวกันหน้าอาคารก่อนที่จะเดินไปเพื่อลงทะเบียน ได้เห็นคนเข้าหาถังเฟยจำนวนมาก เพราะถังเฟยตอนทดสอบสีได้เข้มกว่ากู่เฉิน ทำให้ถังเฟยนั้นเฉิดฉายมากกว่ากู่เฉินนั้นเอง
เมื่อกู่เฉินดังนั้นจึงเกิดความไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ตระกูลถังก็ใหญ่กว่าตระกูลกู่จึงไม่ใช่เรื่องที่ดีที่จะไปหาเรื่องแต่ด้วยกู่เฉินอยากจะหาที่ระบายจึงพูดกลับกลุ่มสายพิเศษที่อยู่ใกล้ๆแทน
"หลีกไปไอพวกสายขยะ"
กลุ่มสายพิเศษที่อยู่ตรงนั้นรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก เพราะพวกเค้ารู้ตัวว่าสายพิเศษนี้อนาคตส่วนใหญ่จะไม่มีความเจริญก้าวหน้าเป็นได้แค่พนักงานทั่วไป
บางคนที่อยากเถียงแต่ก็ไม่กล้าเพราะนั้นเป็นถึงกู่เฉิน จึงได้แค่ก้มหน้ายอมรับไป
"สายขยะแล้วยังไง คิดว่าไม่สามารถสู้ได้เลยหรือไง" เสียงจากด้านหลังดังขึ้น ทุกคนหันไปมองว่าใครถึงกล้าพูด