INVINCIBLE โลกอมตะ - บทที่ 101: นักรบระดับเก้า
จอมพลฮ่าวเทียนรายงานเสร็จสิ้น และใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความกังวล "กรุณาลงโทษผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ด้วย!" ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเขาไม่สามารถหาข่าวหรือที่อยู่ของอาจารย์ของเขาได้ และสิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกละอายที่ต้องเผชิญกับหวงเซี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงส่ายหัว "เรื่องนี้ไม่สามารถตำหนิเจ้าได้ยืนขึ้นเถอะ"
จอมพลฮ่าวเทียน กล่าวว่า "ขอขอบคุณท่านจักพรรดิ!
หวงเสี่ยวหลงตกอยู่ในความครุ่นคิด
ถ้าไม่มีอุบัติเหตุสองปีก็เพียงพอแล้วที่หยูหมิงจะไปถึงที่ตั้งของนิกายประตูเทพอสูร ภายในทวีปเมฆดารา และเดินทางกลับมา อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้หยูหมิงไม่ได้กลับมา และนั่นอาจหมายถึงสิ่งเดียวเท่านั้นหยูหมิงต้องพบเจอกับปัญหาบางอย่าง
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถยืนยันได้ว่าการหายตัวไปของหยูหมิงจะเกี่ยวข้องกับศิษย์พี่หัวหน้าของ นิกายประตูเทพอสูร เฉินเทียนฉี แต่สิ่งที่เขามั่นใจก็คือในขณะนี้ เฉินเทียนฉียังคงไม่รู้ถึงเรื่องที่เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของเขา มิฉะนั้นเฉินเทียนฉีจะส่งคนมาที่นี่เพื่อฆ่าเขา และชิงแหวนเทพอสูรไป
อย่างไรก็ตามในไม่ช้าก็เร็ว เฉินเทียนฉีจะต้องรู้ถึงเรื่องของเขา ดังนั้นหวงเสี่ยวหลงต้องเตรียมตัวล่วงหน้าให้พร้อม
ความแข็งแกร่ง!! เขาต้องการความแข็งแกร่งมากขึ้น
แม้จะมีความสามารถพิเศษในการต่อสู้ด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้มังกรคู่ และเทพสมบัติล้ำค่าอันดับ 9 เจดีย์หลิงหลงซึ่งมีส่วนช่วยให้ความเร็วในการบ่มเพาะที่ไม่น่าเชื่อของเขาเร็วกว่าคนปกติราวสิบถึงยี่สิบเท่าหวงเสี่ยวหลงก็ยังคงรู้สึกว่ามันช้าเกินไป
อย่างน้อยในความคิดของหวงเสี่ยวหลง เขาต้องการฝึกให้ไปถึงขั้นนักรบศักดิ์สิทธิ์เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเฉินเทียนฉีจึงจะสามารถที่จะป้องกันตัวเองได้
นักรบศักดิ์สิทธิ์!
ไม่ต้องกล่าวถึงอาณาจักรหลัวถง แม้แต่อาณาจักรเพื่อนบ้านก็ไม่มีผู้เชี่ยวชาญขั้นนักรบศักดิ์สิทธิ์ การเจาะผ่านไปให้ถึงขั้นนักรบศักดิ์สิทธิ์มีเพียงแค่อดินแดนที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือจักรวรรดิต้วนเริน จักรวรรดิต้วนเรินมีผู้ครอบครองจิตวิญญาณการต่อสู้ระดับสิบสาม เมื่อหนึ่งร้อยยี่สิบสามปีก่อนขาได้ก้าวเข้าสู่ขั้นระดับนักรบศักดิ์สิทธิ์
คิดถึงเรื่องนี้ หวงเสี่ยวหลงถึงกับต้องขมวดคิ้ว
เมื่อถึงเวลานี้เขาต้องการที่จะเพิ่มพลังให้เร็วขึ้น และวิธีเดียวคือการครอบครองเหล่าสมบัติล้ำค่าของสวรรค์ให้มากขึ้น ในตอนนี้สถานที่แห่งเดียวที่มีสมบัติสวรรค์ที่เขารู้จักคือสถาบันต้วนเรินที่มีสมบัติอันดับสี่ มุกวิญญาณสัมบูรณ์
ในเวลานี้เขาจำเป็นต้องเร่งก้าวไปสู่นักรบระดับสิบ; ตราบเท่าที่เขาสามารถก้าวขึ้นสู่นักรบระดับสิบ เขามีความมั่นใจว่าเขาสามารถได้รับตำแหน่งอันดับหนึ่งของสถาบัน และดำเนินการเพื่อเข้าร่วมในการต่อสู้ของเมืองจักรพรรดิ
ในเวลานั้นเขามีโอกาสที่จะค้นหา และพิชิตมุกวิญญาณสัมบูรณ์
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการเป็นศิษย์ของสถาบันต้วนเริน เขาจะได้รับอนุญาตให้ซื้อคฤหาสน์ภายในเมืองจักรพรรดิ ดังนั้นการโยกย้ายบิดามารดา และพี่น้องของเขาจึงไม่เป็นปัญหา และมันจะปลอดภัยกว่าการที่ปล่อยให้พวกเขาอยู่ในอาณาจักรหลัวถง
เมื่อเห็นหวงเสี่ยวหลงตกอยู่ในช่วงเวลาของการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง จอมพลฮ่าวเทียน และเฟยฮาวไม่กล้าขัดจังหวะ
ครู่ต่อมาหวงเสี่ยวหลงออกจากห้วงเวลาแห่งการครุ่นคิด และถามจอมพลฮ่าวเทียน และเฟยฮาวเกี่ยวกับข้อมูลเรื่องของนิกายดาบใหญ่แห่งอาณาจักรเป่าหลง และเรื่องของนักสู้ตระกูลหนิง
ทั้งสองคนรายงานสิ่งที่พวกเขารู้
ในปีที่ผ่านมานิกายดาบใหญ่ได้ส่งผู้คนมาฆ่าพ่อแม่ของหวงเสี่ยวหลงหลายครั้ง แต่ทั้งคู่ยังปลอดภัยภายใต้การคุ้มครองของทหารของจวนจอมพล และตั้งแต่ปีนั้นหวงเสี่ยวหลงได้ฆ่าหนิงเฟยน้องชายของหนิงหวังที่เป็นผู้นำตระกูลหนิงในระหว่างการทดสอบความก้าวหน้าในชั้นเรียนของเขาที่ชายแดนของอาณาจักรหลัวถง หนิงหวังได้ส่งคนมาสังหารหวงเสี่ยวหลงและครอบครัวของเขาหลายครั้งแล้วเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อไรที่หวงเซี่ยวหลงบุกไปยังขั้นนักรบเหนือธรรมชาติได้สำเร็จ สิ่งแรกที่เขาจะทำคือทำลายนิกายดาบใหญ่ และนักสู้ตระกูลหนิง
หลังจากที่ถามเกี่ยวกับเรื่องของนิกายดาบใหญ่ และนักสู้ตระกูลหนิงแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็ถามเกี่ยวกับเรื่องภายในของคฤหาสน์เทียนซวน
ตั้งแต่ปีแรกที่เขามาถึงเมืองหลวง หวงเสี่ยวหลงได้สั่งให้เฟยฮาวจัดหาทาสบางส่วนเพื่อปลูกฝังกองทัพของเขาเอง และในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาจำนวน และความแข็งแกร่งของข้ารับใช้ของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และภายใต้การสนับสนุนของหวงเสี่ยวหลง พวกเขาได้ก่อตั้งเก้าสมาพันธ์การค้าขึ้นมา การค้าส่วนใหญ่จัดทำข่าวสารออกขายไปทั่วทวีป
ถึงแม้จะมีการจัดตั้งเก้าสมาพันธ์การค้าขึ้นมาได้เพียงสองปี แต่การดำเนินงาน และการบริหารจัดการก็ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจโดยสามารถเปิดสาขาภายในอาณาจักรหลัวถงได้อีกหลายสาขา
สิ่งพิมพ์ประจำวันถูกขายได้เกินหมื่น และมีกำไรหลายพันเหรียญทอง
ตอนนี้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของคฤหาสน์เทียนซวนมาจากผลกำไรจากเก้าสมาพันธ์การค้า
"เฟยฮาว, ปีหน้าทำการขยายกิจการของเก้าสมาพันธ์การค้าออกไป ต้องมีสาขาในทุกมณฑล เจ้าจัดการกับรายละเอียดต่าง ๆ ให้เรียบร้อย " หวงเสี่ยวหลงกล่าว
"ขอรับท่านจักรพรรดิ!" เฟยฮาวตอบรับอย่างสุภาพ
"มีอีกสิ่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้การดูแลของเก้าสมาพันธ์การค้า ก็คือองค์กรมือสังหาร เจ้าสามารถเลือกรับสมัครคนได้ " หวงเสี่ยวหลงกล่าวต่อ เมื่อถึงเวลาแล้วเขาจะไปยังนิกายดาบใหญ่ และนักสู้ตระกูลหนิงแล้วเขาจะลงมือด้วยตนเอง
เฟยฮาวตอบรับเขาอย่างสุภาพอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นานจอมพลฮ่าวเทียน และเฟยฮาวก็ออกจากห้องโถงใหญ่ไป
เพียงไม่กี่อึดใจหลังจากทั้งคู่ออกไป น้องสาวของเขา หวงหมิ่น และหลี่ลู่ก็เข้ามา หวงหมิ่นดึงและจับแขนของหวงเสี่ยวหลง เรียกร้องให้เขาพาพวกนางไปซื้อของ
เขาไม่สามารถหลบหนีไปได้
ทั้งเวลาช่วงบ่ายเขาใช้เวลาเดินเล่นไปรอบ ๆ เมือง และเมื่อเขากลับมาที่บ้านพักของเขา หวงเสี่ยวหลงเริ่มฝึกฝนทักษะเทพอสูรทันที
ทักษะเทพอสูรของหวงเสี่ยวหลงได้มาถึงระดับที่สาม และสามารถย่อขยายปีกของเทพอสูร ได้ เมื่อเขาเข้าไปถึงในระดับที่สี่ ดวงตาแห่งนรกจะเปิดที่หน้าผากของเขา ข้อดีของดวงตาแห่งนรกนี้คือสามารถมองเห็นสิ่งที่ซ่อนเร้นของสิ่งต่าง ๆ ได้แม้จะผ่านการปกปิด และสามารถโจมตีทางวิญญาณได้ เมื่อถึงขั้นที่สี่ ร่างเทพอสูรของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าเดิม
แต่ตามการคาดการณ์ของหวงเสี่ยวหลง เขาจะต้องก้าวไปให้ถึงขั้นนักรบเหนือธรรมชาติเสียก่อน ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าสู่ทักษะเทพอสูรในขั้นที่สี่
สิบวันผ่านไป
ในบ้านพัก หวงเสี่ยวหลงใช้เวลาฝึกทักษะดาบเทพอสูร และในตอนกลางคืนเขามุ่งเน้นในการฝึกฝนทักษะเทพอสูร และคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ส่วนทักษะร่างทองหลิงหลงเขาฝึกได้ถึงขั้นที่สอง นั่นหมายความว่าเขาสามารถดูดซับปราณมังกรไฟจากเจดีย์ได้มากขึ้น
หลังจากสิบวันผ่านไปปีใหม่เข้ามาใกล้
ทุกมุมของคฤหาสน์เทียนซวนได้รับการตกแต่งอย่างสดใสสร้างบรรยากาศที่ดูรื่นเริง
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลง คฤหาสน์เทียนซวนในช่วงสี่ปีที่ผ่านมามีการขยายตัว และพื้นที่ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เพียงแค่องครักษ์มีจำนวนมากกว่าหกร้อยคน ในขณะที่ข้ารับใช้ และสาวใช้มีเกือบร้อยคน
วันปีใหม่กำลังจะมาถึง หวงเผิง และซูเย่วกำลังยุ่งอยู่กับการซื้อของ และเตรียมพร้อมที่จะต้อนรับวันปีใหม่
ในวันส่งท้ายปีเก่า หวงเสี่ยวหลงได้ละทิ้งกิจวัตรประจำวันของเขาเพื่อมาอยู่กับครอบครัว และ หลี่ลู่พวกเขาได้ร่วมพูดคุย และหัวเราะอย่างสนุกสนาน ในวันแรกของปีใหม่ทั้งครอบครัวไปที่จุดชมวิวที่มีชื่อเสียงบางแห่งภายในเมืองหลวง
ปีใหม่ได้มาถึงแล้ว
และหวงเซี่ยวหลงยังคงฝึกฝนอย่างหนัก
ครึ่งเดือนหลังจากนั้น ในเวลาตอนกลางคืน
แสงจันทร์สาดส่องลงมาเหมือนสายน้ำ
หวงเสี่ยวหลงนั่งอยู่ภายในพื้นที่ของเจดีย์หลิงหลง และฝึกฝนทักษะเทพอสูรอย่างต่อเนื่อง และปราณฉีจากโลกเบื้องล่างได้เข้าสู่ทำภายในเส้นลมปราณ และทะเลฉีอย่างต่อเนื่อง
หวงเสี่ยวหลง มีความรู้สึกว่าคืนนี้เขาจะผ่านเข้าไปยังขั้นนักรบระดับเก้า
มังกรคู่สีดำและสีฟ้าโผล่ออกมาจากเบื้องหลังของหวงเสี่ยวหลง ม้วนตัวไปมาอยู่ในอากาศ แนวรัศมีของมังกรจากนักรบระดับสี่ นับตั้งแต่ที่เขาก้าวเข้าสู่นักรบระดับเจ็ด มังกรคู่ของได้เติบโตขึ้น
เกิดความปั่นป่วนภายในเส้นลมปราณ และทะเลฉีของเขา อุปสรรคที่ขวางทางไปสู่นักรบระดับเก้า ค่อย ๆ บางมากขึ้น และทุกครั้งที่ปราณฉีของเขาพุ่งชนกำแพงคลื่นแห่งความเจ็บปวดได้เดินทางมาจากเส้นลมปราณของเขามันเจ็บปวดมากยิ่งกว่า เวลาอื่น ๆ ที่เขาได้ตัดผ่านมาอย่างน้อยก็มากกว่าความเจ็ดปวดครั้งก่อนถึงสิบเท่า
หวงเสี่ยวหลงทนทุกข์ทรมานในขณะที่พยายามผลักดันปราณฉีออกไปอย่างฉับพลัน
รู้สึกราวกับว่าเป็นเวลานานหลายศตวรรษที่ผ่านมาก่อนที่ร่างของหวงเสี่ยวหลงจะสั่นไหวอย่างฉับพลัน และมีเสียงแหวกออกมาจากภายในร่างกายของเขา
ปราณฉีรีบวิ่งเข้าไปในเส้นลมปราณของนักรบระดับเก้า และในเวลาเดียวกันปราณฉีภายในทะเลฉีของเขาได้ถูกบีบอัดลงในขณะที่มันรวมตัวกันมากขึ้นเนื่องจากการขยายตัวของทะเลฉี
ในที่สุดก็ทะลวงผ่านเข้าสู่ขั้นนักรบระดับเก้า!
มังกรสีดำและสีฟ้าเบื้องหลังของหวงเสี่ยวหลง คำรามขึ้นไปสู่ท้องฟ้า เกล็ดมังกรตามร่างกายของพวกมันกลายเป็นหนาแน่นขึ้น และเจดีย์หลิงหลงสั่นสะเทือน ในขณะที่มันโผล่ออกมาด้วยแสงอันสุกใส