Epoch of Twilight จบแล้วอ่านฟรี - ตอนที่ 574: ความจริงที่โหดร้าย
ตอนที่ 574: ความจริงที่โหดร้าย
ก่อนที่เฉินหงเซี่ยจะเริ่มงานของเธอ เธอต้องผ่านการฝึกฝนอย่างเชี่ยวชาญ ในระหว่างสถานการณ์เช่นนี้เธอจะหลีกเลี่ยงการเอะอะโวยวายในระหว่างทำภารกิจด้วยการตั้งสติตัวเอง
แต่ถึงกระนั้นเธอก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เธอแทบอยากจะหากระจกเพื่อพยายามมองดูให้เข้าใจว่าส่วนใดของภาพลักษณ์ของเธอที่ทำให้เธอแตกต่างจากต้นแบบมนุษย์ อาจเป็นได้ว่ากลุ่มผู้รอดชีวิตมีปัญหากับการมองเห็น เธอแอบหยิกตัวเองเบา ๆ ด้วยนิ้วของเธอ และรอยยิ้มที่สดใสก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“แน่นอนฉันเป็นมนุษย์ ฉันเป็นหนึ่งในพวกคุณ ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว”
แม้ว่าคำพูดของเธอจะเบา แต่ราวกับถูกสายฟ้าฟาดทำให้ทุกคนที่อยู่ใกล้ ๆ ต้องนิ่งเงียบ ทุกคนต่างมองสบตากันด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
ไม่มีทั้งความดีใจหรือความตื่นเต้นเหมือนที่พวกเขาจินตนาการไว้ มีเพียงไม่กี่คนที่ยอมรับความจริงนี้และมีบางคนที่รู้สึกสับสน
ถึงตอนนี้มนุษย์วิวัฒนาการคนหนึ่งที่ตัวผอมบางก็กระโดดออกมาและกระซิบที่หูของหลิงฉงอัน “หัวหน้า นี่มันเป็นไปไม่ได้ อย่าไปเชื่อนะ เธอต้องแกล้งทำ มันต้องเป็นเรื่องโกหก พวกมันกำลังวางแผนบางอย่างอยู่แน่ ๆ "
“โดยเฉพาะแผนการอะไรที่มนุษย์ต่างดาวมี ? อะไรคือจุดประสงค์ของพวกมัน ? ” เขาอาจจะไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็มีความจริงบางอย่างในคำพูดเหล่านั้น เธอต้องไม่ใช่มนุษย์ ท้ายที่สุดแล้วอารยธรรมมนุษย์ได้ถูกทำลายไปนานแล้ว แน่นอนนี่เป็นการจินตนาการ
ทุกคนแอบเห็นด้วย มนุษย์วิวัฒนาการบางคนก็ถูกปลุกปั่นได้ง่าย พลันบางคนก็นิ่งเงียบและสงบใจลงเมื่อพวกเขาได้ยินข่าวนี้ พวกเขาล้อมวงเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว และราวกับว่าพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่น่ากลัว และพวกเขาก็ล้อมสัตว์นั้นไว้เหมือนฝูงแกะ
ความคิดของพวกเขาได้ถูกกำหนดไว้แล้ว และพวกเขาเชื่อมานานแล้วว่ายานอวกาศนั้นเป็นของมนุษย์ต่างดาว การจะเปลี่ยนความคิดของพวกเขาง่าย ๆ มันจะเป็นไปได้อย่างไร ?
"คุณ…มีอะไรพิสูจน์ว่าคุณเป็นมนุษย์ ? หรือคุณจะพิสูจน์ได้ยังไงว่ามนุษย์ต่างดาวไม่ได้ส่งคุณมา ? " หลิงฉงอันตอบกลับอย่างหนักแน่น เขาเพิ่งจะค้นพบความจริงที่น่าตกใจนี้ มนุษย์ต่างดาวหรือสิ่งมีชีวิตที่เหมือนมนุษย์นี้มีพลังที่น่ากลัวจริง ๆ เขาค้นพบสิ่งนี้เมื่อเธอบีบนิ้วของเธอโดยไม่รู้ตัว ทำให้อากาศกระจายออกอย่างนุ่มนวลโดยไม่คาดคิด
เขาสามารถทำบางอย่างเช่นนี้ได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทำมันได้เหมือนเธอ ที่ทำโดยไม่รู้ตัวและเป็นธรรมชาติ
เนื่องจากรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เผยออกมานั้น ทุกคนจึงสามารถเข้าใจได้อย่างง่ายดายว่าสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอันตรายนั้นมีความแข็งแกร่งทางกายภาพที่น่ากลัวจริง ๆ
เฉินหงเซี่ยไม่ทราบว่าการกระทำอย่างไม่ตั้งใจของเธอได้จุดประกายความกังวลอย่างมากในหลิงฉงอัน เธอเป็นมนุษย์วิวัฒนาการและนอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้ที่ทรงพลังมาก เฉินหงเซี่ยเป็นเพียงชื่อปกปิดของเธอและลู่อวี้คือชื่อจริงของเธอ
แซ่ลู่เป็นของคนกลุ่มน้อยเท่านั้น และบรรดาคนที่มีแซ่นี้สามารถนับนิ้วได้ สำหรับผู้ที่มีแซ่นี้ผู้คนมักจะนึกถึงพ่อที่เป็นเหมือนพระเจ้าของพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลที่เพียงพอสำหรับเธอที่จะใช้ชื่อปกปิดนี้เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนี้กระทบต่อการทำงานและการเรียนของเธอ
ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของเธอ เบื้องบนก็คงไม่คิดที่จะส่งเธอไปทำภารกิจที่อันตรายเช่นนี้
ผู้รอดชีวิตไม่ใช่คนที่เป็นมิตร หากสถานการณ์ไม่ได้ยุติลงอย่างสมบูรณ์ ก็จะมีอันตราย หากทุกอย่างเป็นไปตามแนวทางความปลอดภัย บุคลากรทุกคนจะต้องสวมชุดต่อสู้พลังงานนิวเคลียร์ที่มีน้ำหนักเบาและแขนของพวกเขาเองต้องติดอาวุธพลังงานจลน์ก่อนที่จะลงจอด
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ย่อมไร้ประโยชน์สำหรับเธอ ในฐานะที่เป็นโคลนนิ่งของลู่หยวนและยังเป็นมนุษย์วิวัฒนาการที่หาได้ยากซึ่งมีความสามารถ 3 อย่าง ไม่มีใครสามารถคุกคามเธอได้ภายใต้สถานการณ์ปกติ ต่อให้เธอเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ระดับ 9 เธอก็สามารถหลบหนีได้โดยการหายตัวไป
เฉินหงเซี่ยหรือลู่อวี้เป็นทั้งคนสนุกสนานและมีความเห็นอกเห็นใจ เมื่อเห็นการทนทุกข์ของพวกเขา เธอก็สามารถเข้าใจความสับสนของอารมณ์ที่เข้ามาในหัวพวกเขา ไม่ว่าใครหรืออะไรก็ตามที่พวกเขาต้องประสบในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมา ณ สถานที่แห่งนี้นี่อาจไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมากนัก
เธอเคยเห็นลักษณะของขอทานมามากมายจากวรรณกรรมต่าง ๆ เพราะมันบอกถึงลักษณะเสื้อผ้าที่ขาดกะรุ่งกะริ่งของพวกเขา, ความสกปรก, เช่นเดียวกับกลิ่นเหม็นและความว่างเปล่าในสายตาของพวกเขา นอกเหนือจากมีหนังสัตว์แทนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นแล้ว รูปพรรณที่เหลือก็ตรงมาก เธอพูดขึ้นทันทีและอย่างใจเย็นว่า "จากบันทึกประวัติศาสตร์กลุ่มมนุษย์ของเราได้หลบหนีออกจากโลกตั้งแต่ปี 2015 และหลังจาก 5 ปีในยานอวกาศตลอดจนออกจากระบบสุริยะ ตอนนี้เราได้กลับมาแล้ว สำหรับหลักฐานที่เป็นรูปธรรม รอจนกว่าคุณไปถึงเมืองในอวกาศ แล้วคุณก็จะเข้าใจ ! "
เพียงเท่านี้ข้อสงสัยของทุกคนก็เคลียร์ ในขณะที่พวกเขาเริ่มรู้สึกตื่นเต้น ใครจะนึกว่ามนุษย์วิวัฒนาการที่ตัวผอมบางคนนั้นก็เตือนพวกเขาด้วยเสียงต่ำ ๆ อีกครั้ง “หัวหน้า อย่าไปเชื่อเธอ พวกเขาจะสร้างยานอวกาศด้วยความสามารถทางเทคโนโลยีที่เหนือกว่าของมนุษย์ในเวลานั้นได้อย่างไร นอกจากนั้นมันเป็นสิ่งที่สามารถใช้หลบหนีจากระบบสุริยจักรวาลได้ ! แม้ว่าจะผ่านไปหลายร้อยปี มันก็คงเป็นไปไม่ได้"
การเตือนของมนุษย์วิวัฒนาการคนนี้เป็นเหมือนน้ำเย็นที่สาดดับเปลวไฟแห่งความตื่นเต้นที่เริ่มเกิดขึ้นภายในทุกคนลงอีกครั้ง
"คุณพูดถูก … ยานอวกาศ ! พวกคุณสร้างยานอวกาศเมื่อไหร่ ? " หลิงฉงอันถามทันทีหลังจากที่เขาหายสับสน ในฐานะที่เป็นรองผู้อำนวยการของแผนกอาวุธปืนโดยตรง ข้อมูลลับบางอย่างเขาก็สามารถหาได้เช่นกันแม้ว่าตำแหน่งของเขาจะเป็นเพียงหนึ่งเดียวจากพื้นที่ฟื้นฟู สำหรับข่าวใหญ่โตอย่างยานอวกาศ เขาจะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ได้อย่างไร?
"เราไม่ได้สร้างเลย เราโจมตีพวก Glassians แล้วยึดยานอวกาศของพวกมันมา เราจัดการยึดยานที่ไม่สามารถหนีได้เมื่อพวกมันดำเนินแผนการของพวกมันเพื่อทำลายมนุษย์" หลังจากพยายามที่จะพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เธอก็เริ่มหมดความอดทน "อีกอย่างหนึ่งคนที่สามารถยึดยานได้ก็คือลู่หยวน ฉันเชื่อว่าคุณเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อน"
หลังจากระบุชื่อนั้น สีหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ มันเป็นชื่อพ่อของเธอ
"หัวหน้า อย่าไปเชื่อเธอ ! พวกมันต้องสร้างเรื่องขึ้นมา…ลู่หยวน, ฉันไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อนเลย" มนุษย์วิวัฒนาการที่ตัวผอมบางเตือนเขาอีกครั้ง
"แม่ง หุบปากไปเลย ! " หลิงฉงอันพูดขึ้นด้วยความโกรธว่า "คุณนี่มันน่ารำคาญมาก รู้ตัวบ้างไหม ? "
อันที่จริงเขาเชื่อเธอแล้ว สิ่งเดียวคือเหตุการณ์ที่นำมาสู่เรื่องนี้มันเหมือนฝันเกินไปและมันก็ยากที่จะเชื่อ เมื่อลองนึกย้อนกลับไป ถ้ามันเป็นมนุษย์ต่างดาวจริง ๆ ทำไมพวกมันจะต้องพยายามโกหกพวกเขา ทุกคนมีจุดมุ่งหมาย ดังนั้นพวกเขาอาจจะไม่จำเป็นต้องพยายามอธิบาย
สำหรับลู่หยวน ชื่อนี้ทำให้เขายืนยันความเชื่อของเขาในที่สุด
เขาจำชื่อนี้ได้และครั้งหนึ่งเคยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเขา เขามีความเร็วในการตอบสนองที่น่าทึ่งและยอดเยี่ยมมากเมื่อพูดถึงเทคนิคการต่อสู้ของเขา ในระหว่างการแลกเปลี่ยนกับเขา มีความหดหู่สิ้นหวังในอากาศ ซึ่งได้ทิ้งความประทับใจอย่างลึกซึ้งไว้กับเขา เขาไม่เคยคิดเลยว่าชายผู้นี้จะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากในที่สุด
ถึงตอนนี้เขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างและรีบถามขึ้นว่า “คุณกำลังจะบอกว่าไม่นานหลังจากการทำลายพื้นที่ฟื้นฟู ลู่หยวนก็สามารถยึดยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวได้รึ ? ”
"ถูกต้อง ตามบันทึกประวัติศาสตร์นายกเทศมนตรีลู่ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติได้กลับมาที่เมืองแห่งความหวังหลังจากผ่านไป 1 วัน ด้วยการสนับสนุนจากผู้คน เขาได้ปรับโครงสร้างสังคมมนุษย์และค่อย ๆ รวบรวมผู้ลี้ภัยจากเขตเมืองรอบ ๆ ครึ่งปี ต่อมาเขาก็ย้ายทุกคนไปที่ยานอวกาศ"
เมื่อได้ฟังทุกคนรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาด หลังจากนั้นสักครู่หลิงฉงอันก็อ้าปากพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า "ถ้านั่นเป็นความจริงก็หมายความว่าเราได้คลาดกับยานของมนุษย์มาหลายปีแล้วเหรอ ? "
ถ้ำที่พวกเขาอาศัยอยู่นั้นอยู่ใกล้กับเมืองแห่งความหวังมาก และระยะทางก็ห่างกันไม่ถึงร้อยกิโลเมตร ตอนแรกพวกเขาเห็นยานอวกาศจอดอยู่บนโลกตลอด เมื่อเห็นสิ่งที่เขาเหล่านั้นทำ พวกเขาก็ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำอย่างสิ้นหวังเพื่อรักษาชีวิตของพวกเขาไว้ก่อน พวกเขาต้องเจอกับฝันร้ายแม้กระทั่งในขณะหลับ บ้าเอ้ย ใครจะรู้ว่ายานเหล่านั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของมนุษย์ !