Epoch of Twilight จบแล้วอ่านฟรี - ตอนที่ 560: ศึกสงครามครั้งแรก
ตอนที่ 560: ศึกสงครามครั้งแรก
ครึ่งเดือนต่อมาเรดาร์ความยาวคลื่นอวกาศก็ทำงานตามที่ได้ออกแบบไว้ในตอนแรก ภารกิจแรกของมันคือการดำเนินการค้นหาอย่างเต็มรูปแบบและครอบคลุมต่ออารยธรรม Glassian ผ่านการยิงคลื่นอวกาศหลายร้อยหลายพันไปที่พวกเขา วันต่อมาในที่สุดมนุษย์ก็ได้รับข้อมูลที่มีค่าครั้งแรกเกี่ยวกับอารยธรรม Glassian
ในที่สุดก็ได้รับความรู้ที่กว้างขวางมากขึ้นเกี่ยวกับอารยธรรมต่างดาว
แม้ว่าจะเป็นภาพที่เก่ามากซึ่งสร้างขึ้นจากเรดาร์ความยาวคลื่นอวกาศและไม่มีอะไรที่สามารถเข้าใจได้จากภาพนั้น แต่มันก็ช่วยอนุมานน้ำหนักของวัตถุได้ทางอ้อมและตำแหน่งที่แม่นยำของมัน
จากการตรวจสอบแสงภาพของ Glassians และการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบก็ได้ขจัดวัตถุท้องฟ้าทุกประเภทออกไป มันเป็นไปได้ที่จะประเมินว่า Glassian ได้ขยายอารยธรรมของพวกเขาภายในระบบดาวปัจจุบันในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา พวก Glassians ได้ขยายอารยธรรมออกไปถึงระยะทาง 31 ปีแสงจากระบบดาวบาร์นาร์ด หากการตรวจสอบยังคงดำเนินต่อไปเป็นระยะเวลานาน ตอนนั้นมนุษย์ก็จะสามารถเข้าใจขอบเขตการป้องกันที่แน่นอนของศัตรูและความเคลื่อนไหวทั่วไปของกองทัพของพวกเขาได้อย่างสบาย
อาจกล่าวได้ว่าหลังจากที่มีเรดาร์ความยาวคลื่นอวกาศ มนุษย์ก็ได้ศึกษา Glassian อย่างละเอียดยิบและค่อย ๆ อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่า
การตรวจสอบระบบของ Glassians ผ่านเรดาร์ความยาวคลื่นอวกาศได้ดำเนินต่อไปเป็นเวลาเกือบปี และมนุษย์ก็ค่อย ๆ ค้นพบข่าวที่น่าประหลาดใจซึ่งมาพร้อมกับความจริงที่น่าสงสัย Glassian ไม่เคยเข้าสู่สภาวะสงครามเลย ทั้งอารยธรรมยังคงอยู่ในสภาวะการสิ้นเปลืองต่ำ
ตลอดทั้งปีวัตถุที่สร้างขึ้นมาซึ่งตั้งอยู่ในอวกาศไม่มีการพัฒนาที่สำคัญใด ๆ เป็นที่รู้กันดีว่าในฐานะอารยธรรมระหว่างดวงดาวที่มีอัตราความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใกล้เคียงกับมนุษย์ เมื่อพวกเขาเข้าสู่สภาวะสงคราม ระบบดาวทั้งหมดของพวกเขาก็จะกำลังถูกขุดหาทรัพยากรในลักษณะทำลายล้าง ความสามารถในการผลิตของพวกเขาอาจกล่าวได้ว่าเป็นการขยายตัวที่เฟื่องฟู แต่การเปลี่ยนแปลงภายในหนึ่งปีกำลังหยุดชะงักเพราะไม่มีสัญญาณดังกล่าวจาก Glassian
แม้ในทางเทคนิควัตถุที่พวกเขาสร้างขึ้นนั้นจะกระจายอยู่ทั่วทุกมุมของระบบดาว พวกเขาก็ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับการคุกคามจากมนุษย์ ปฏิกิริยานี้ทำให้เกิดความสับสนอย่างมากสำหรับนักวิเคราะห์ข้อมูลของมนุษย์
Glassian ผ่อนคลายเกินไปหลังจากเซ็นสนธิสัญญาสันติภาพหรือว่าพวกเขามีความมั่นใจในความสามารถของตนเองมากเกินไป?
พฤติกรรมดังกล่าวมันเป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงสำหรับมนุษย์ที่ยังอยู่ในช่วงกลางของการเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงคราม เผ่าพันธุ์ที่เป็นปึกแผ่นโดยปราศจากภัยคุกคามใด ๆ ที่กระชั้นเข้ามา มีจิตใจที่เต็มไปด้วยความรู้จากอารยธรรมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งความสงบสุขอันยาวนานกว่า 500 ปี
สำหรับชาว Glassian ที่สุขสบายมานานเกินไป พวกเขาไม่คุ้นเคยกับสงครามอีกต่อไปและได้สูญเสียการตอบสนองที่ไวต่อการรุกรานและความรู้สึกถึงอันตรายเบื้องต้นทั้งหมด
แต่จากด้านของมนุษย์มันเป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัย
การเตรียมพร้อมสำหรับทำสงครามนั้นมีมากเกินพอ มนุษย์ได้ปรับวันเดินทางใหม่ โดยเลื่อนวันไปอีก 2 ปี
….
หลังสงครามในวันที่ 21 พฤศจิกายนของปีที่ 13 ไฮเปอร์มอลล์ (hyper–mall) ที่อยู่ใกล้ย่านที่อยู่อาศัยของเมืองในอวกาศก็ได้กลายเป็นที่ผู้คนแออัดซึ่งกำลังมองหน้าจอที่อยู่ตรงกลางของมอลล์ซึ่งแสดงให้เห็นภาพของกองยานเริ่มปล่อยเปลวไฟแล่นออกไปอย่างช้า ๆ
เสียงไชโยโห่ร้องของฝูงชนดังขึ้นราวกับเป็นสึนามิ ผู้เข้าร่วมทุกคนต่างก็ตื่นเต้นและยังคงส่งเสียงโห่ร้อง เสียงบรรยากาศที่บ้าคลั่งดังขึ้นไปในอากาศราวกับว่าทั้งเมืองในอวกาศกำลังจะพังทลายลงมา มันเหมือนกับว่ามนุษย์ไม่ได้ไปทำสงคราม แต่มีงานรื่นเริงอื่น ๆ มากกว่า
ยานรบขนาดมหึมาจำนวน 32 ลำนั้นค่อย ๆ จากไปและเริ่มเร่งความเร็ว
ยานขับเคลื่อนแบบไร้ปฏิกิริยาสะท้อนนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยโครงสร้างรูปสามเหลี่ยมที่แหลมและมีพื้นผิวที่เรียบมากซึ่งกำลังสะท้อนรังสีของดาวแคระแดง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเทคโนโลยี มันเหมือนคมดาบที่ตัดผ่านความมืดมิดของอวกาศและในพริบตาพวกมันก็หายไปจากสายตาของผู้คน
ตลอด 10 วันที่ยาวนานเครื่องยนต์ได้ขับเคลื่อนไปในแบบธรรมดา กองยานนี้ก็ได้ไปถึงชายขอบของเมืองในอวกาศและเปิดใช้งานเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเป็นเส้นโค้ง (Curvature Engine) ของพวกเขา
เมื่อประกอบไปด้วยเตาหลอมปฏิสสารปฏิกิริยาสะท้อนที่เอาท์พุตพลังงานอย่างเต็มกำลัง พลังอันทรงอานุภาพจึงก่อตัวขึ้นที่ด้านหน้าสุดของยาน พื้นที่ด้านหน้าสุดเริ่มบีบอัดและเมื่อเทียบกับพื้นที่ด้านหลังสุดของยานที่กำลังขยายตัว ฟองแนวโค้ง (curvature bubble) ก็ได้ก่อตัวขึ้นรอบ ๆ ยาน !
หลังจากค่อย ๆ เร่งความเร็ว กองทัพยานก็เริ่มได้รับโมเมนตัมอย่างช้า ๆ และหลังจากผ่านไป 3 ชั่วโมงก็ไปถึงความเร็วสูงสุดของพวกมัน
ตอนนี้ความเร็วของกองยานรบนั้นมากกว่าความเร็วแสงแค่ 6 เท่าและลำตัวยานทั้งหมดก็เรืองแสงราวกับดวงดาว ดูคล้ายกับดวงไฟที่ส่องประกายระยิบระยับ 32 ดวงซึ่งกำลังนำพลังการทำลายล้างและสงครามของมนุษย์ไปสู่ Glassian อย่างรวดเร็ว
…
แม้ในขณะที่กองทัพยานรบของกองทหารจะเริ่มออกเดินทาง แต่โรงงานสร้างกองทัพยานทางทหารราว ๆ 10 แห่งหรือมากกว่านั้นก็ยังคงดำเนินการผลิตทั้งกลางวันและกลางคืน หลังจากเกือบ 1 หรือ 2 เดือน ยานลำใหม่ก็ออกจากอ่าวของเมืองในอวกาศและเริ่มเดินทาง ในขณะเดียวกันโรงงานก็ยังคงขยายการดำเนินงานโดยไม่หยุดชะงัก
ในปีที่ 2 ยานรบอีก 12 ลำก็ได้เริ่มเดินทางไปยังดาวของ Glassian
และเมื่อถึงปีที่ 3 ก็เป็นปีที่มียานทั้งหมด 20 ลำออกเดินทางไปยังดาวของ Glassian
…
เมื่อถึงปีที่ 5 ก็มีจำนวนยานทั้งหมดถึง 98 ลำ
หลังจากที่แต่ละปีก็จะมีกองยานใหม่เริ่มต้นการเดินทางของพวกมันและจำนวนรวมของพวกมันก็เพิ่มขึ้นทุกครั้งโดยที่ยานใหม่แต่ละลำที่ถูกสร้างขึ้นก็จะดีกว่าลำเดิมที่สร้างก่อนหน้านี้
และในขณะนี้กองทัพยานทหารชุดแรกซึ่งเป็นกองยานนำหน้า หลังจากการเดินทางมา 5 ปีในที่สุดก็ใกล้เข้าสู่ระบบของ Glassian
การบินแบบโค้งนั้นมีเสียงที่เคลื่อนไหวไปมาอย่างมหาศาล มันเหมือนไฟฉายในที่มืด พวก Glassian ย่อมไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่เมื่อสองปีก่อนพวก Glassian ก็ตรวจพบว่ามีวัตถุที่กำลังเข้ามาใกล้ซึ่งก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของความยาวคลื่นอวกาศที่ผิดปกติ พวกเขาระบุว่ามันเป็นภัยคุกคามต่อเผ่าพันธุ์ Glassian อย่างแน่นอน ในที่สุดก็ทำให้อารยธรรมขนาดใหญ่นี้กลับมากระตือรือร้นอีกครั้ง
ก่อนที่ยานรบจะมาถึงระบบของ Glassian มนุษย์ได้คาดการณ์ไว้แล้วว่า Glassian จะเตรียมการโจมตีจากชายขอบของระบบดาวนั้น
พวกเขารีบเร่งสร้างฐานที่มั่นในอวกาศและแม้กระทั่งยานรบที่มีอยู่ไม่มากก็เริ่มยิงรังสีพลังงานสูงเป็นระลอกราวกับฝนตก, แสงที่ผิดสังเกตก็สว่างขึ้น อวกาศดูเหมือนต้นคริสต์มาส อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับมนุษย์ที่เผชิญกับยานขับเคลื่อนแบบไร้ปฏิกิริยาสะท้อนของ Glassian เป็นครั้งแรก พวก Glassian ก็ทำอะไรไม่ถูกเมื่อในที่สุดต้องเผชิญหน้ากับยานขับเคลื่อนแบบไร้ปฏิกิริยาสะท้อนของมนุษย์
กองทัพยานเดินทางด้วยความเร็ว 2 ล้านกิโลเมตรต่อวินาที ได้ทำการทดสอบระบบอาวุธและระบบตรวจจับของ Glassians อย่างหนักหน่วง หลังจากที่ยานของมนุษย์ผ่านไปพื้นที่ก็เกิดการบิดเบือนแปลก ๆ ป้อมส่วนใหญ่ของ Glassian ก็ระเบิดขึ้นตามมาด้วยแสงที่สว่างจ้าก่อตัวเป็นรูปดอกไม้ไฟในจักรวาล
น่าเสียดายที่ป้อมปราการเหล่านี้เป็นป้อมปราการชั้นนอกที่สร้างขึ้นโดย Glassian ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เมื่อกองยานทหารเดินทางเข้ามาในเขตป้องกันที่อ่อนแอและเข้าสู่ระบบดาว Glassian อาวุธสกัดกั้นได้ถูกรวบรวมทันทีทันใด เนื่องจากเขตดาวเหล่านี้ได้รับการเสริมอย่างแน่นหนาโดย Glassian ราวกับว่าพวกมันเป็นห่าฝน
หากแนวป้องกันด้านนอกเปรียบเสมือนลมที่สงบและฝนตกพรำ ๆ ดังนั้นการป้องกันระบบข้างในอาจกล่าวได้ว่าเป็นพายุที่มีฝนตกหนักมาก
อย่าได้ประมาทอารยธรรมที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องมากว่าร้อยปี นี่คืออารยธรรมที่แยกกันอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์ 3 ดวง โดยมีประชากรกว่าแสนล้านคนและทำเลที่ตั้งของพวกเขาอยู่ในระบบดาวไดสัน (Stellar system, Daison Planet) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่หนึ่งในสามของระบบดาวนั้น
พลังงานที่ Glassian เก็บเกี่ยวมาทุก ๆ ปีจะเทียบเท่ากับที่มนุษย์เก็บเกี่ยวมานานกว่าร้อยปี
ซึ่งก็หมายความว่าพลังงานที่พวกเขากำลังใช้อยู่นั้นอาจเป็นล้านเท่าของมนุษย์
เมื่อสงครามปะทุขึ้น แม้ว่ามันจะแค่ 2 ปีเท่านั้น แต่พลังระเบิดที่มันมีอยู่ทั้งหมดนั้นก็น่ากลัวสำหรับทุกคน
ภายในระบบดาวทั้งหมดในระยะ ๆ เกือบทุกสองสามพันกิโลเมตรจะมีป้อมปราการป้องกันอยู่ที่นั่นซึ่งปิดเส้นทางระบบดาวทั้งหมด
รังสีที่จับตัวกัน ณ จุดหนึ่งก็สว่างขึ้นทั่วทั้งระบบดาว และในที่สุดยานรบของมนุษย์ก็เริ่มปรากฏความเสียหาย รังสีพลังงานสูงที่ถูกยิงออกไปจากที่ใดไม่ทราบได้ก็ได้โดนยานลำหนึ่งจากกองยานทหารที่กำลังบินเป็นแนวโค้งและยานลำนั้นก็ถูกยิงด้วยลำแสงพลังงานสูงโดยตรง ไม่ได้มีข้อสงสัยว่าตัวยานนั้นบอบบาง แม้ว่าลำแสงโฟตอนของมนุษย์จะไม่ทรงพลัง แต่กระนั้นก็ยังทำให้เกิดรูขนาดใหญ่ภายในยาน ทำให้เตาหลอมปฏิสสารปฏิกิริยาสะท้อนแตกและแสงก็สว่างขึ้นทั่วทั้งลำยาน และในช่วงเวลาหนึ่งในความมืดมิดของอวกาศมันทำเกิดแสงที่เจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์