Epoch of Twilight จบแล้วอ่านฟรี - ตอนที่ 557: ออกนอกบ้าน
ตอนที่ 557: ออกนอกบ้าน
ในช่วงเช้าที่ผืนป่า อากาศชื้นเนื่องจากมีน้ำค้างสะสมในค่ำคืนที่มีคุณค่า มันใสราวกับผลึก มันเกาะอยู่บนยอดพืชพรรณที่มีใบกว้าง ถ้าคุณเดินผ่านป่านั้นมันจะปรากฏราวกับว่าฝนกำลังตก
ลู่หยวนเช็ดหยดน้ำบนใบหน้าของเขา เสื้อผ้าของเขาเปียกโชกจนผ้าแนบติดร่างกายทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัว อย่างไรก็ตามคนอื่นๆ เช่น หวังซิชีและหวงเจียฮุยรู้สึกเบิกบานใจราวกับว่าพวกเขากำลังกระโดดแทนที่จะเดิน
หญิงกลายพันธุ์เป็นคนที่กระตือรือร้นที่สุดในบรรดาพวกเขา เมื่อเธอมาถึงที่นั่นก็เหมือนกับว่าในที่สุดเธอได้กลับบ้าน เธอตื่นเต้นมากจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และเริ่มปีนต้นไม้ วิ่งและกระโดดไปรอบ ๆ บริเวณนั้น และบางครั้งก็ถูกดึงดูดจากการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของพุ่มไม้ใกล้ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเธอจึงวิ่งไปยังทิศทางของการเคลื่อนไหวเพื่อตรวจสอบพุ่มไม้นั้น
เนื่องจากมันเป็นระบบนิเวศที่สมบูรณ์แบบของธรรมชาติ จึงมีสัตว์ป่ามากมายที่ซุ่มซ่อนอยู่ในบริเวณนั้น สัตว์ป่าส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายเพราะส่วนมากเป็นสัตว์กินพืชขนาดเล็กถึงขนาดกลาง แน่นอนว่ามีสัตว์กินเนื้ออยู่บ้างเป็นธรรมดา แต่ในสายตาของหญิงกลายพันธุ์พวกมันไม่ได้เป็นภัยคุกคาม
เมื่อเธอวิ่งพล่านเข้าไปในป่าจึงทำให้เกิดความตื่นตระหนกอย่างมากกับบรรดาสัตว์ในพื้นที่ตลอดเส้นทาง เสื้อผ้าของหญิงกลายพันธุ์นั้นเปื้อนเปรอะและเลอะไปด้วยโคลน แต่เธอกำลังเพลิดเพลินกับทุกช่วงเวลาและดูเหมือนว่าจะไม่เหนื่อยเลย
หญิงกลายพันธุ์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงปีสั้น ๆ เหล่านี้ เกล็ดของเธอไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาอีกต่อไป และผิวสีฟ้าของเธอก็ค่อย ๆ กลับมาเป็นสีผิวปกติที่เป็นโทนผิวขาว ณ ตอนนี้รูปร่างหน้าตาของเธอก็ใกล้เคียงกับมนุษย์ ถ้าไม่มีใครช่างสังเกตก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าเธอเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ จากภาพรวมนี่อาจเป็นผลมาจากสิ่งมีชีวิตปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของพวกเขา ซึ่งเป็นจำพวกที่มีความสามารถในการพรางตัว
"น้ำค้างเยอะมาก ! " ลู่หยวนกล่าวในขณะเตรียมที่จะขจัดหยดน้ำค้างในป่า
ใครจะรู้ว่าหวังซิชีใช้กระแสจิตหยุดลู่หยวนอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า "อย่าขยับพี่ลู่ ขณะนี้เรากำลังประสบกับชีวิตที่ทำให้หวนนึกถึงความขมขื่นในสังคมเก่าและมันตรงกันข้ามกับความสุขในที่ใหม่นี้!"
เขาหยุดทันทีและมองไปรอบ ๆ บริเวณนี้ เขาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสภาพแวดล้อมที่มืดมิดกับต้นไม้สูงที่ดูราวกับว่าพวกมันกำลังสูงตระหง่านอยู่ในหมู่เมฆ และใบของมันคล้ายกับตาข่ายที่ครอบคลุมด้านบนเหมือนกับร่ม ป่าทั้งผืนมีร่องรอยของชีวิตและการเคลื่อนไหวในธรรมชาติ นอกเหนือจากสัตว์กลายพันธุ์ที่ไม่เป็นอันตรายแล้ว ทิวทัศน์ก็ดูเหมือนโลกหลังเกิดวันสิ้นโลก
"สถานที่นี้ดูเหมือนโลก ! " ลู่หยวนกระซิบเบาๆ จากนั้นในที่สุดก็เลิกล้มความคิดของเขา
คนอื่น ๆ ในกลุ่มก็มีความคิดเช่นเดียวกันกับลู่หยวนและทุกคนก็อดมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ ไม่ได้
ปีที่แล้วลู่หยวนเป็นคนที่ดูไม่ออก แม้ว่าเขาจะดูเหมือนคนเดียวกันกับเมื่อก่อน แต่ความจริงแล้วเขาไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นได้ หลังจากได้เห็น "พฤติกรรมที่แท้จริง" ที่น่ากลัวของลู่หยวน ไม่มีใครเลยที่สภาพจิตใจของพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบหลังจากได้เห็นสิ่งดังกล่าว
ยิ่งไปกว่านั้นอารมณ์ของเขาก็กลับเย็นลงและแปลกแยก แม้ว่ามันจะดีกว่าในช่วงเวลาที่ไร้ความรู้สึก แต่เมื่อเทียบกับอดีตเขาเป็นคนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงเท่านั้นความปรารถนาของเขาที่มีต่อผู้หญิงก็กลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อและเขาไม่มีความต้องการทางเพศอีกต่อไป ราวกับว่าเขาเป็นคนละคนกัน
นอกจากหวังซิชีและหญิงกลายพันธุ์ที่ยังคงไร้ความรู้สึกต่อลู่หยวนแล้ว ความรู้สึกของคนอื่น ๆ ที่มีต่อลู่หยวนนั้นปนเปกันระหว่างความหวาดกลัวและการระมัดระวังที่มีต่อคนแปลกหน้า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายอยู่ในสภาพกึ่งเย็นชา
อย่างไรก็ดีถึงตอนนี้เมื่อพวกเขาได้เห็นทิวทัศน์ที่คล้ายโลกหลังเกิดวันสิ้นโลก พวกเขานึกถึงความยากลำบากที่พวกเขาทั้งหมดผ่านมาด้วยกัน ถ้าลู่หยวนไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งของเขาในการช่วยหาที่พักพิงที่ปลอดภัยจากอันตรายหลังวันสิ้นโลกที่โหดร้าย พวกเขาจะสามารถอยู่ที่นี่เพื่อร้องไห้และแค้นใจต่อทุกอย่างได้อย่างไร ?
เมื่อพวกเขาคิดถึงสิ่งเหล่านี้ ตาของพวกเขาก็เปล่งประกายขึ้น
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความจริง แต่เป็นโลกเสมือนจริงที่จำลองขึ้นมา นับตั้งแต่เมืองในอวกาศได้ถูกสร้างขึ้น ก็ตามมาด้วยความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของการคำนวณควอนตัม การสร้างโลกเสมือนจริงก็ไม่เคยหยุดนิ่ง แต่ได้เพิ่มความพิถีพิถันและสมจริงมากขึ้น
ทุกวันนี้โลกเสมือนจริงทั้งหมดได้ขยายไปเกินกว่าสิบล้านเฮกตาร์ พื้นที่นั้นใหญ่พอ ๆ กับมณฑลเจียงหนานและวงแหวนรอบนอกของพื้นที่ก็ขยายไปถึงระยะทางประมาณ 100 ล้านกิโลเมตร และยิ่งไปกว่านั้นแม้กระทั่งท้องฟ้าก็ยังถูกจำลองอย่างคร่าว ๆ
เมื่อคุณอยู่ในที่จำลอง มันเป็นเรื่องยากสำหรับผู้คนที่จะแยกความแตกต่างของโลกจำลองจากความเป็นจริงและทันทีนั้นคุณก็จะรู้สึกราวกับว่าคุณกำลังอยู่บนโลก
ความจริงก็คือว่าโลกเสมือนจริงได้เลียนแบบโลกแห่งความเป็นจริงได้ในระดับที่ใกล้เคียงกันจนมันเองไม่มีความแตกต่างจากโลกที่แท้จริง
เนื่องจากอุปสรรคของปัจจัยต่าง ๆ เฉพาะในโลกเสมือนจริงเท่านั้นที่ลู่หยวนและพวกเขาสามารถสัมผัสกันได้ การรวมตัวกันในครั้งนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมนอกสถานที่ที่หาได้ยากที่พวกเขามีร่วมกัน
ครึ่งชั่วโมงต่อมาทุกคนก็ขึ้นไปบนเนินเขา
ด้านล่างพวกเขาเป็นป่าทึบและที่ด้านบนภูเขาเป็นพื้นหินที่เรียบ สิ่งนี้เป็นผลมาจากการออกแบบที่ตั้งใจไว้ในโลกเสมือนจริง มองลงมาจากด้านบนและเมืองที่อยู่ห่างไกลออกไปก็ยังอยู่ในมุมมองจากภูเขานั้น
"ในที่สุดเราก็สามารถพูดได้ว่าเรามาถึงจุดหมายปลายทางของเราแล้ว ! " จ้าวหยาหลี่ทุบบนหน้าอกของเธอในขณะที่หายใจเหนื่อยหอบ ผิวที่เนียนนุ่มของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อหลังจากปีนเขาในช่วงสองสามชั่วโมงที่ผ่านมา สำหรับร่างกายลักษณะกลาง ๆ นี้ในโลกเสมือนจริงถือว่านี่ไม่ใช่ความสำเร็จที่ง่ายเลย
สายตาของเธอจ้องมองไปที่ลู่หยวน และพบว่าเขาไม่มีเหงื่อออกเลยและอัตราการหายใจของเขาก็ช้าและมั่นคง ราวกับว่าเขาไม่เหน็ดเหนื่อยจากการออกกำลังอย่างหนักหน่วงที่พวกเขาทุกคนผ่านมาจนถึงตอนนี้
คุณต้องรู้ว่าลักษณะของร่างกายในโลกเสมือนจริงจะยังคงเหมือนเดิมไม่มีทางที่จะปรับมันได้
"ยู… ..หยวน ทำไมคุณถึงเหงื่อไม่ออกเลย?" เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่จากนั้นก็เรียกลู่หยวนด้วยชื่อเล่นเก่าของเขา
"การควบคุมร่างกายโดยรวมของฉันไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับคุณ" ลู่หยวนพูดขึ้นหนึ่งประโยค แม้ว่าเมื่อเทียบความคิดที่แปลกแยกและจำนวนครั้งทั้งหมดที่แอบเข้าไปในโลกเสมือนจริงมันเป็นส่วนที่ไม่มีความหมายอะไร การควบคุมกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของคุณเป็นงานที่ค่อนข้างง่ายสำหรับเขา
แต่เมื่อเขาพูดจบถึงตอนนั้นเขาก็ตระหนักว่าจ้าวหยาหลี่ไม่ได้สนใจทฤษฎีที่อยู่เบื้องหลังว่าเขาสามารถควบคุมร่างกายของเขาได้อย่างไร เธอแค่พยายามเริ่มการสนทนา จากนั้นเขาก็ยิ้มทันทีและพูดขึ้นว่า "พี่หยาหลี่ พวกเราทุกคนเหนื่อย ตอนนี้พักกันสักหน่อยเถอะ"
"แล้วลู่หลานล่ะ?" ถึงตอนนี้หวงเจียฮุยก็ถามขึ้น
ลู่หลาน (Luo Lan) เป็นชื่อของหญิงกลายพันธุ์ ชื่อนั้นตั้งตามแซ่ของลู่หยวน เดิมทีพวกเขาพยายามตั้งชื่อให้เธอตอนที่ลู่หยวนยังไม่ได้เปลี่ยนร่างเป็นครั้งที่สอง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงตั้งชื่อให้เธอตามแซ่ของลู่หยวนซึ่งมีสองความหมายในการเตือนคนที่เหลืออยู่ ซึ่งเตือนพวกเขาให้ระลึกถึงสถานการณ์ที่ยุ่งยาก
“ฉันเดาว่าเธอยังอยู่ข้างหลังเรา เธอวิ่งพล่านไปทั่ว แม้แต่ตอนที่ฉันเอ็ดเธอ เธอก็ไม่ยอมฟัง” หวังซิชีบ่น
เมื่อคุณคิดถึงเรื่องนี้ หวังซิชีก็ไม่ใช่เด็กเลย เพราะด้วยความจริงที่ว่าเธอกินแกนของผลึกพลังงาน เธอจึงยังดูเหมือนหญิงสาวในวัย 20 แต่จริงๆ แล้วเธออายุใกล้จะ 40 แล้ว ถึงแม้บุคลิกของเธอจะยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยที่ไร้หัวใจ
ราวกับว่าเธอถูกเรียกหา หญิงกลายพันธุ์เผ่นออกมาจากต้นไม้อย่างตื่นตระหนก มีความหวาดกลัวอยู่ในสายตาของเธอ เธอเปล่งเสียงบางอย่างในขณะที่วิ่งหนี จากนั้นข้างหลังเธอก็มีฝูงตัวต่อโผล่ออกมาไล่ตามเธออย่างรวดเร็ว
เมื่อเธอเห็นลู่หยวนเธอก็วิ่งตรงไปที่เขา ราวกับว่าเธอถูกรังแกและกำลังมองหาพ่อแม่ของเธอ ในใจเธอลู่หยวนเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่ม
เมื่อทุกคนเห็นว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรพวกเขาก็เริ่มหัวเราะ กระทั่งลู่หยวนก็เริ่มแสยะยิ้ม แม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ลู่หยวนโบกมือของเขาเล็กน้อย ตัวต่อทั้งหมดที่ไล่ตามหญิงกลายพันธุ์มาก็หายไปในอากาศราวกับว่าพวกมันไม่เคยปรากฏตัว
หลังจากเหตุการณ์นี้แม้ว่าจะมีความอึดอัดใจอยู่บ้างก็ตาม มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขานั่งลงที่ด้านหนึ่ง มองไปที่ทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาและเล่าเรื่องตลก ๆ กัน ลู่หยวนเข้าร่วมการสนทนาเป็นครั้งคราว แต่ไม่ค่อยมีใครพูดกับเขา เขาเป็นคนนอกมากกว่าผู้มีส่วนร่วมการสนทนา ความต่างในมุมมองของชีวิตทำให้เกิดความแตกต่างที่ชัดเจน มันเป็นไปไม่ได้แล้วที่เขาจะคลุกคลีกับกลุ่มภายใต้บรรยากาศแบบนี้ ทุกหัวข้อที่พวกเขาพูดคุยกันไม่ได้จุดประกายความสนใจของลู่หยวนเลย เขาชอบนั่งอยู่ข้าง ๆ มองทุกอย่างอย่างเงียบ ๆ และเพลิดเพลินไปกับทุกช่วงเวลาของมัน