Epoch of Twilight จบแล้วอ่านฟรี - ตอนที่ 546: ความรู้สึก
ตอนที่ 546: ความรู้สึก
ในโรงงานผลิตยานอวกาศขนาดใหญ่ที่ชายแดนของเมืองในอวกาศ ลานอวกาศ 6 ลานมีการจัดเรียงกันเป็นแถว ที่โครงเหล็กขนาดใหญ่แขนหุ่นยนต์จำนวนมากกำลังขยับไปมา มันคล้ายกับยักษ์ที่แข็งแรงแต่มีความละเอียดอ่อน ซึ่งกำลังประกอบยานอวกาศได้อย่างรวดเร็ว
เปลวไฟสีฟ้าถูกพ่นออกมาอย่างต่อเนื่องจากหนึ่งในลานอวกาศ ในไม่ช้ายานอวกาศขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ ออกมาจากลานอวกาศนั้นและบินสู่อวกาศ การทดสอบบินครั้งแรกได้เริ่มขึ้น
…
ในระยะทางที่มากกว่าหนึ่งร้อยล้านกิโลเมตร ประตูห้องของยานบรรทุกสินค้าระยะไกลได้เปิดออก หุ่นยนต์ก่อสร้างที่มีความสูงมากกว่า 10 เมตรกำลังดันยานอาวุธไปข้างหน้าและออกจากยานบินสู่อวกาศ
ไม่กี่วันต่อมาฐานยิงอาวุธที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 200 เมตรก็ปรากฏขึ้นในอวกาศ
ฐานยิงอาวุธดังกล่าวปรากฏขึ้นเกือบทุก 100,000 กิโลเมตร พวกมันหนาแน่นเหมือนเครือข่ายสามมิติขนาดใหญ่ ลำแสงที่เจิดจ้ายิงผ่านอวกาศเป็นครั้งคราวและหายไปไกล
…
ในชั่วพริบตา สามปีกำลังจะผ่านไป
พื้นที่ทำเหมืองของดาวเคราะห์หมายเลข 4 ได้ขยายใหญ่ขึ้นเป็นร้อยเท่าเมื่อเทียบกับสามปีที่ผ่านมา พื้นที่โดยรอบหลายพันกิโลเมตรนั้นถูกครอบครองโดยเครื่องจักรสำหรับขุดนับร้อยล้าน มองลงไปจากอวกาศทั้งดาวเคราะห์นั้นก็กลายเป็นแอ่ง มันสูญเสียวัสดุไปเป็นจำนวนมาก ความเงียบสงบเหมือนคนตายที่อยู่เหนือดาวเคราะห์หมายเลข 4 ได้หายไปเมื่อดาวเคราะห์นั้นเริ่มสั่นสะเทือน
สงครามกำลังจะมาถึง ก่อให้เกิดบรรยากาศที่หนักอึ้งและเป็นทุกข์ใจในเมืองอวกาศ
…
ที่ศูนย์บัญชาการสงคราม
"คุณตรวจพบตำแหน่งที่แน่นอนแล้วหรือยัง?"
บีเจี้ยนผิงเดินเข้าไปในศูนย์บัญชาการสงครามและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง ตลอดสองปีที่ผ่านมาเขาเครียดและร่างกายของเขาเริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ดูเหมือนว่าเทคนิคการยืดอายุขัยนั้นไม่มีผลกับเขา ในเวลาเพียง 3 ปีดูเหมือนเขาแก่ขึ้น 10 ปี ตอนนี้เขาดูเหมือนชายแก่ที่อายุประมาณ 70 ปี
"พวกมันไม่ได้ลดความเร็วลงและกำลังเดินทางด้วยความเร็วเหนือแสง ระบบปัญญาประดิษฐ์ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่นอนของมันได้" พลเรือตรีซึ่งเป็นชายวัยกลางคนกล่าวขึ้นในขณะที่สีหน้าของเขาดูหวาดหวั่น
เนื่องจากกองกำลังติดอาวุธเพิ่งจัดตั้งขึ้น จึงยังไม่มีความสำเร็จหรือคุณสมบัติ ยศทางทหารของทหารจึงไม่สูง และพลเรือตรีเป็นตำแหน่งสูงสุดท่ามกลางมนุษย์
เมื่อกลุ่มคนเข้ามาในห้องบัญชาการ เจ้าหน้าที่หลายคนก็เห็นถึงความรีบเร่งและความวุ่นวาย เนื่องจากกำลังเร่งที่จะเปิดตัวระบบป้องกันอวกาศ พวกเขาจึงวุ่นมากเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทดสอบเบื้องต้น
บีเจี้ยนผิงมองไปที่หน้าจอขนาดใหญ่ตรงกลาง จุดกำเนิดแสงที่ดูเหมือนเคอร์เซอร์กำลังกะพริบและเคลื่อนที่ไปทางดาวบาร์นาร์ด
"มันห่างจากเราแค่ไหน ? "
พันเอกเงียบไปชั่วขณะแล้วก็พูดขึ้น "มันอยู่ห่างออกไปประมาณ 0.3 ปีแสง ! "
หัวใจของบีเจี้ยนผิงจมดิ่งลง หากฝ่ายตรงข้ามยังคงรักษาความเร็วในระดับดังกล่าว มนุษย์ก็อยู่ห่างจากสงครามเพียง 1 เดือน
"เราเหลือเวลาไม่มากแล้ว ! " บีเจี้ยนผิงถอนหายใจ
บรรยากาศเต็มไปด้วยการข่มอารมณ์ซึ่งเกินกว่าจะบรรยายได้
การบินด้วยความเร็วเหนือแสงนั้นเกินความเข้าใจ มันเร็วกว่าความเร็วของแสง ซึ่งบ่งบอกว่าก่อนที่คุณจะมองเห็นมัน มันก็ปรากฏต่อหน้าคุณแล้ว วิธีเดียวที่จะประมาณตำแหน่งที่ใกล้เคียงของมันก็คือการรับค่าของคลื่นอวกาศหลาย ๆ ค่าแล้วประเมินตำแหน่งโดยประมาณของแหล่งที่มาของคลื่นนั้น
อย่างไรก็ตามจะมีข้อผิดพลาดร้ายแรงในการคำนวณ เพราะจะมีการรบกวนจากดาวในกาแล็กซีและคลื่นอวกาศอื่น ๆ ในจักรวาล การเบี่ยงเบนเล็กน้อยของมุมมองจะนำไปสู่ความแตกต่างของระยะทางมากกว่า 10,000 กิโลเมตรหรือมากกว่า 10 ล้านกิโลเมตร เพื่อที่จะโจมตีตามตำแหน่งของคลื่นอวกาศความน่าจะเป็นของการโดนเป้าหมายนั้นจะน้อยกว่าความน่าจะเป็นในการถูกลอตเตอรี่นับร้อยล้านเท่า
นี่เป็นวิธีเดียวที่มนุษย์สามารถตรวจจับศัตรูของพวกเขา พวกเขาทำได้เพียงภาวนาให้ Glassian หยุดบินโดยการใช้วาร์ป และหยุดการต่อสู้ที่หนักหนาสาหัสกับพวกเขา อย่างไรก็ตามความหวังนั้นช่างริบหรี่
เครื่องยนต์ขับเคลื่อนการวาร์ปของมนุษย์ยังอยู่ภายใต้การทดลองทั้ง ๆ ที่ทฤษฎีและข้อมูลใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบ ยานอวกาศลำแรกได้เดินทางระยะสั้น ๆ มาหลายครั้งแล้ว ตามแรงโน้มถ่วงของกาแล็กซี นอกเสียจากว่ามันจะเข้าใกล้กาแล็กซีมากไป ไม่เช่นนั้นโดยทั่วไปมันก็จะไม่ถูกรบกวน
พวกมันอาจจะมาถึงหน้าเมืองในอวกาศ ระบบการป้องกันอวกาศทั้งหมดอาจจะไร้ประโยชน์ในตอนนั้น
"แผนอพยพควรเริ่มได้แล้ว ! " บีเจี้ยนผิงคิดกับตัวเอง
…
"คุณผู้หญิง เราจะต้องไปกันแล้ว" เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่คฤหาสน์ซึ่งอยู่ข้าง ๆ ยานรับส่งที่หรูหราได้กล่าวขึ้นอย่างสุภาพ
"ไปกันเถอะ ! " หวงเจียฮุยชำเลืองมองที่คฤหาสน์ในขณะที่เธอลังเลที่จะจากไป เธอไม่รู้ว่าเธอจะได้กลับมาหรือไม่หลังจากที่เธอจากไป
ตอนนั้นมีเพียงไม่กี่คนที่นั่งอยู่บนยานรับส่งและในไม่ช้ามันก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าและจากไป
หวังซิชีเอนกายพิงหน้าต่างมองไปที่ทิวทัศน์ด้านนอก ยานรับส่งนับไม่ถ้วนกำลังบินผ่านท้องฟ้าเหมือนฝูงปลา บางทีมนุษย์อาจจะออกจากเมืองในอวกาศและเข้าสู่จักรวาลย่อส่วน
ตลอดสามปีที่ผ่านมาเมืองในอวกาศแห่งใหม่ได้ถูกสร้างขึ้นที่นั่น
อันที่จริงเมื่อปีครึ่งที่ผ่านมามนุษย์ได้เริ่มงานก่อสร้างในจักรวาลย่อส่วนและเริ่มเคลื่อนไหวเรื่องนี้ ตอนนี้มนุษย์ประสบความสำเร็จในการพึ่งพาตนเองได้แล้ว ความพร้อมของทรัพยากรจำนวนมากมีเพียงพอสำหรับการพัฒนาและการอยู่รอดของมนุษย์เป็นเวลา 100 ปี
"เดี๋ยวก่อน ฉันจะลงจากยานรับส่ง" หวังซิชีตะโกน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูลำบากใจ "แต่อีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเที่ยวบินถัดไป"
"ทำตามที่เธอบอกเถอะ" หวงเจียฮุยมองดูคฤหาสน์จากระยะไกลแล้วก็ถอนหายใจ มันเป็นคฤหาสน์ของลู่หยวนที่กว้างขวางและเงียบสงบ
ในไม่ช้ายานรับส่งก็ร่อนลงที่หน้าคฤหาสน์ของลู่หยวนและหยุดลง จากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็เปิดประตู
“ฉันจะไปเยี่ยมพี่ลู่ พวกคุณจะไปกับฉันไหม ? ” หวังซิชีหันกลับมาและถามพวกเขาขณะที่เธอลงจากยานรับส่ง
"ไม่ล่ะ เจ้าไปเถอะแล้วรีบกลับมา" หวงเจียฮุยส่ายหน้าและกล่าวพร้อมกับมองดูด้วยใจที่หนักอึ้ง
“ฉันก็ไม่ไปเหมือนกัน เขาไม่ใช่คนที่เขาเคยเป็น” ตาของจ้าวหยาหลี่เริ่มแดง เธอพยายามเช็ดน้ำตาของเธอ
หวังเชียกวงหันหน้าหนีโดยไม่พูดอะไรเลย
"ฉัน … ฉันก็ไม่ไปเหมือนกัน" เฉินเจี๋ยกล่าว ตอนนี้เธอกลัวลู่หยวนและเขาไม่ได้เป็นสมาชิกในครอบครัวของเธออีกต่อไป เธอไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะไปเลย
หวังซิชีอารมณ์เสียและรู้สึกเศร้าใจเมื่อเห็นว่าไม่มีใครที่อยากจะไปเยี่ยมเขา
"งั้นฉันไปก่อนนะ" เธอร้องไห้ในขณะที่หันหลังกลับ
เธอวิ่งตรงไปที่คฤหาสน์ ทันทีที่ไปถึงห้องนั่งเล่นก็ชะลอตัวลง เธอไม่ได้อยู่ที่นั่นเกือบปี แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างยังคงดูเยือกเย็นและไร้ชีวิตชีวา เธอเช็ดน้ำตาก่อนจะเดินเข้าไป
อย่างไรก็ตามลู่หยวนสังเกตเห็นตั้งแต่แวบแรกแล้ว "เจ้าร้องไห้รึ ? "
"เปล่า ลมพัดทรายเข้าตาฉันน่ะ"
"อากาศในเมืองอวกาศเล็กประมาณ 100 นาโนเมตร คนทั่วไปจะไม่รู้สึกอึดอัดสำหรับเรื่องนั้น ! " ลู่หยวนกล่าว "เป็นเพราะเจ้าโกหก ! "
หวังซิชีตะลึงขณะมองดูลู่หยวน เธอไม่รู้ว่าเขากลายเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง บางทีความรักก็อาจลืมได้ง่าย ๆ
"ฉันขอโทษ ! " ต้องขอบคุณความทรงจำของมนุษย์ ไม่นานลู่หยวนก็สามารถตอบสนองต่อมันได้ เขายังคงรักษาน้ำเสียงที่เป็นกลาง ๆ ซึ่งไม่มีใครสามารถรู้สึกได้ว่าเขาขอโทษอย่างจริงใจ "ฉันไม่ควรพูดแบบนั้น เจ้ามาหาฉันทำไมรึ ? "
ตอนนั้นหวังซิชีก็ฟื้นจากความคิดของเธอ เธออารมณ์เสีย อย่างที่พี่จ้าวพูด ลู่หยวนไม่ใช่คนที่พวกเขาเคยรู้จักอีกต่อไป เธอกลั้นน้ำตาไว้และพูดว่า "พี่ลู่ เราจะไปแล้ว เรากำลังจะไปที่จักรวาลย่อส่วน"
"ฉันรู้แล้ว เจ้ามีเวลาอีก 14 นาที 35 วินาทีกว่าจะถึงกำหนดเที่ยวบินถัดไป เจ้าไม่ควรมาหาฉัน ตอนนี้เจ้าต้องรอเที่ยวบินถัดไป" ลู่หยวนไม่แสดงออกถึงความร้อนใจและพูดโดยไม่มีการแสดงสีหน้าใด ๆ
"พี่ลู่ คุณยังจำฉันได้ไหม ? " หวังซิชีมองดูเขาและถามด้วยความผิดหวัง
"ได้ ฉันจำได้อย่างชัดเจนทุกวินาทีกับเจ้านับตั้งแต่เราพบกัน" ลู่หยวนตอบทันที ถึงกระนั้นสีหน้าของเขาก็ไม่แสดงออกและพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกลาง ๆ
“ทำไมคุณถึงเย็นชากับเรา ? คุณไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับเราแล้วหรือ ? ถ้าฉันตายที่นี่คุณคงจะไม่รู้สึกอะไรเลยใช่ไหม ?” หวังซิชีไม่สามารถกลั้นน้ำตาของเธอไว้ได้อีกต่อไป เธอพอแล้วกับทุกปีที่ผ่านมานี้ เธอพยายามอย่างหนักเพื่อยื้อความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่เขาก็เย็นชากับเธอ ในที่สุดเธอก็ร้องไห้ออกมาเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ลู่หยวนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงหยดน้ำตาที่ไหลลงมาบนใบหน้าของเธออย่างไม่สามารถควบคุมได้ ลู่หยวนอึ้งและรู้สึกแปลก ๆ เขาไม่ตอบในทันที
ความรู้สึก ! นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่หยวนคิดถึงสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็ตระหนักว่าเขาไม่คุ้นเคยกับคำนี้ ราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ฟังคำนี้