Dragon Kings Son-In-Law - DK 18 : ไม่เห็นด้วย !!
DK 18 : ไม่เห็นด้วย !!
ก๊อก แก๊ก… ฮ่าวเหรินกำลังคุยกับฉ่าวหงหยู่ เสียงก๊อกแก๊กก็ดังขึ้นเหมือนกับมีคนกำลังจับลูกบิดประตู
“จื่อและน้าที่สามของเธอกลับมาแล้ว ทำไมไม่ลองไปคุยกับพวกเขาล่ะ? เดี๋ยวฉันจัดการในครัวต่อเอง” ฉ่าวหงหยู่ยิ้มเล็กน้อย และพูดเบาๆกับฮ่าวเหริน
“ครับ” ฮ่าวเหรินยิ้มและตอบอย่างสุภาพ
เขาเดินออกจากครัวไปและเห็นจื่อที่ใส่ชุดนักเรียนสีฟ้าอ่อนมาพร้อมกับชายชราที่มีคิ้วหนาและดวงตากลมโต
“สวัสดีครับคุณลุง” ฮ่าวเหรินลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดกับชายคนนั้น
“ฮะ!” ชายคนนั้นไม่เพียงแต่ไม่ตอบกลับฮ่าวเหริน แถมใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจในตัวฮ่าวเหริน
ฉ่าวเหยียนจื่อถอดหูกระต่ายและเข็มขัด ก่อนที่เธอจะโยนกระเป๋าสะพายลงบนโซฟาและวิ่งเข้าไปในห้องครัวเพื่อคุยกับแม่ของเธอ
ฮ่าวเหรินรู้สึกโกรธเล็กน้อยหลังจากที่เขาโดนเมิน อย่างไรก็ตาม ชายแก่คนนี้แก่กว่าเขาและเป็นน้าของฉ่าวเหยียนจื่อ ดังนั้นฮ่าวเหรินจึงข่มความโกรธและนั่งลงบนโซฟา เพื่อที่จะเริ่มเตรียมการสอนให้กับฉ่าวเหยียนจื่อ
“เธอคือฮ่าวเหริน?” หลังจากที่ฮ่าวเหรินเริ่มทำอะไรเรื่อยเปื่อยและไม่สนใจเขา คนที่มีคิ้วหนาและตากลมโตก็ถามขึ้น
ในตอนแรกฮ่าวเหรินต้องการจะเพิกเฉยต่อเขา อย่างไรก็ตามฮ่าวเหรินคิดว่าคนนี้อาจจะไม่ได้ยินคำทักทายของเขาในตอนแรก
“ใช่ครับ” ฮ่าวเหรินตอบ
น้าที่สามคนนี้ไม่ได้พูดอะไรต่อและเริ่มสังเกตฮ่าวเหรินด้วยการกรอกตาขึ้นลง ฮ่าวเหรินไม่ได้คิดอะไรมากในตอนแรก อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าน้าที่สามกำลังเฝ้าสังเกตความคืบหน้าในการถ่ายทอดพลังจากลูกแก้วมังกรของเขา ทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“ใช้ไม่ได้ กลืนลูกแก้วมังกรของจื่อไปและใช้เวลานานในการฝึกฝนแล้วแต่ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” ชายคนนี้พูดขึ้นไม่กี่วิหลังจากสังเกต
คำพูดของเขาช่างรุนแรง แม้ว่าฮ่าวเหรินจะมีบุคลิกที่อ่อนโยน แต่เขาก็ไม่สามารถข่มความโกรธได้
ในขณะที่ ฮ่าวเหรินและชายคนนั้นกำลังจ้องมองกันตาเป็นมัน ฉ่าวเหยียนจื่อก็ออกมาจากในครัวและพูดว่า “อย่าไปสนใจเขาเลย แม่ให้มาถามว่าน้าจะกินอะไรเป็นมื้อเย็น?”
“ฮ่าๆ อะไรก็ได้น้าไม่เรื่องมากหรอก” ชายที่คิ้วหนาและตากลมโต ตอบเหมือนลูกแกะตัวน้อยๆเมื่อได้ยินคำถามของฉ่าวเหยียนจื่อ
“โอเค… ” ฉ่าวเหยียนจื่อกล่าว ขณะที่เธอหันหลังกลับไปในครัว “แม่ น้าบอกว่าอะไรก็ได้”
ดวงตาของน้าที่สามเต็มไปด้วยความสุขเมื่อมองไปที่ฉ่าวเหยียนจื่อ เห็นได้ชัดว่าเขารักหลานสาวของเขาเป็นอย่างมาก
ฉ่าวเหยียนจื่อวิ่งไปที่น้าที่สามของเธออย่างมีความสุขและพูดว่า “น้าจำได้ไหมว่าน้าสัญญาอะไรกับหนูในรถ?”
“จำได้สิ จำได้ น้าจะลืมมันได้ยังไงล่ะ?” ชายคนนั้นหยิบกระเป๋าตังขึ้น แล้วก็หยิบธนบัตร 100 เหรียญให้ฉ่าวเหยียนจื่อและพูดว่า “อย่าให้พ่อรู้เรื่องนี้นะ!”
ฉ่าวเหยียนจื่อกำลังยิ้มแย้มแจ่มใส ขณะที่เธอเอาเงินที่ได้มานั้นเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์สีชมพูเล็กๆของเธอ จากนั้นเธอก็กอดน้าของเธอและพูดว่า “น้าที่สามใจดีที่สุดเลย”
“เด็กคนนี้หนิ” น้าของเธอลูบหัวเธอด้วยความเอ็นดู ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรัก
ทั้งผู้ใหญ่และเด็กน้อยไม่สนใจฮ่าวเหรินที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา ราวกับเขาไม่มีตัวตน
ฮ่าวเหรินรู้ว่าเขาเข้าหาน้าที่สามผิดวิธีและเห็นได้ชัดว่าฉ่าวเหยียนจื่อทำตัวเย็นชากับเขา เพื่อที่จะทำให้เขารู้สึกโกรธ
ฮ่าวเหรินยังคงมองไปที่อุปกรณ์ที่เขานำมาและทำท่าทีที่ไม่สนใจทั้งคู่
ความอึดอัดก็หายไปเมื่อฉ่าวหงหยู่เดินออกมาจากห้องครัว พร้อมกับอาหารที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ
“จื่อ!ลูก ไปกวนน้าอีกแล้วหรอ?” ฉ่าวหงหยู่พูดตำหนิฉ่าวเหยียนจื่อ
ฉ่าวเหยียนจื่อหัวเราะคิกคักและหยุดเล่นกรรไกรตัดกระดาษกับน้าที่สามของเธอ
“มาทานข้าวกับพวกเราเถอะ” ฉ่าวหงหยู่ชักชวนอย่างสุภาพ
เพราะทัศนคติของฉ่าวเหยียนจื่อและน้าของเธอ ฮ่าวเหรินจึงไม่อยากทานอาหารเย็นร่วมกับพวกเขา แต่อย่างไรก็ตามฉ่าวหงหยู่ก็ปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี เขาไม่ต้องการให้เธอรู้สึกไม่ดี ฮ่าวเหรินจึงต้องไปร่วมโต๊ะอาหารกับพวกเขา
ทั้งสี่คนเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารตามลำดับ ฉ่าวเหยียนจื่อนั่งตรงข้ามกับฮ่าวเหริน น้าที่สามนั่งข้างฉ่าวเหยียนจื่อและฉ่าวหงหยู่นั่งข้างฮ่าวเหริน
“นี่คือน้าของจื่อ เขาชื่อฉ่าวกู๋ เธอเรียกเขาว่าน้าที่สามเหมือนกับจื่อก็ได้ เช่นเดียวกับอาวุโสลู่ เขาเป็นหนึ่งในอาวุโสของเมืองครามบูรพา ไว้ให้จื่ออธิบายให้เธอฟังภายหลังก็ได้” ฉ่าวหงหยู่แนะนำให้ฮ่าวเหรินรู้จักกับน้าที่สามหลังจากที่เธอได้นั่งลงบนเก้าอี้
“สวัสดีครับน้าที่สาม” ฮ่าวเหรินพูดขึ้น ฉ่าวหงหยู่พิจารณาและรู้ว่าฮ่าวเหรินทักทายด้วยความไม่เต็มใจ
“ฮืม” ฉ่าวกู๋ตอบกลับอย่างไม่เต็มใจเช่นกัน
ฉ่าวหงหยู่สังเกตเห็นกลิ่นอายที่ไม่ค่อยดี ดังนั้นเธอจึงกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “เอาล่ะ เริ่มกินกันเถอะ” เธอยื่นตะเกียบให้ฮ่าวเหริน
ฉ่าวหงหยู่อ่อนโยนกับฮ่าวเหรินเหมือนน้ำ ในขณะที่ฉ่าวกู๋ก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ “พี่สะใภ้ พวกคุณคิดยังไงกัน? คนธรรมดาสามัญจะมีค่าคู่ควรกับผู้หญิงที่ดีอย่างจื่อได้อย่างไร?”
“ฮ่าวเหรินเป็นเด็กที่ดีจริงๆ ฉันชอบเขา คุณพอใจกับเหตุผลนี้หรือไม่?” ฉ่าวหงหยู่มองไปที่เขาและพูดเบาๆ
“เรื่องนี้… ” ฉ่าวกู๋พูดไม่ออก เหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอของเขา
ตอนนี้ฮ่าวเหรินตระหนักว่า ฉ่าวหงหยู่ไม่ได้นุ่มนวลเหมือนลักษณะภายนอก เธอมีบุคลิกที่เหมือนกับว่าอย่าให้เธอพูดอะไรซ้ำสอง เธอดูน่าประทับใจยิ่งกว่าครั้งแรกซะอีก
“คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ฉันรู้ ถ้าเขาส่งลูกแก้วมังกรคืนให้แก่จื่อ ตัวของจื่อจะไม่มีอันตรายใดๆ” ฉ่าวกู๋พูดขึ้น
“แต่ฮ่าวเหรินจะได้รับอันตรายเป็นอย่างมาก” ฉ่าวหงหยู่ตอบกลับ
“เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ทำไมเราต้องสนใจเขาด้วย… ”
“หยุด!” ฉ่าวหงหยู่ลุกขึ้นพูด “พี่ชายของคุณไม่ได้อยู่ที่นี่และตอนนี้คุณกล้าเถียงฉัน การตัดสินใจนี้ได้รับการยอมรับจากสภาอาวุโสของเมืองครามบูรพา อย่าพูดเรื่องนี้อีก!”
การต่อล้อต่อเถียงกันทำให้ฮ่าวเหรินรู้สึกอึดอัด อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าฉ่าวหงหยู่กำลังปกป้องเขาอยู่
“แต่ …” ฉ่าวกู๋ยังไม่พอใจอยู่และเขาอยากจะเถียงต่อ
“เกี่ยวกับปัญหาของจื่อ เรามีคำตัดสินของเราเอง เธอต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เธอทำ ฉันรู้ว่าคุณรักจื่อ แต่อย่าทำให้เธอเสียนิสัย! คุณต้องเลิกจัดการทุกอย่างให้เธอในทุกๆครั้งที่เธอสร้างปัญหา”
คำพูดของฉ่าวหงหยู่ กลายเป็นเรื่องที่จริงจังขึ้นและฉ่าวกู๋ก็หยุดพูด อย่างไรก็ตามใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยความรังเกียจในตัวของฮ่าวเหริน ใบหน้าของฉ่าวเหยียนจื่อเปลี่ยนเป็นสีแดงและสีซีดกลับไปกลับมา แต่เธอก็นิ่งเงียบเพราะเธอไม่กล้าพูดอะไรขึ้นมา
“ถึงเวลาแล้วที่คุณควรจะเปลี่ยนตัวเอง อารมณ์ของคุณที่โกรธได้ง่าย อารมณ์รุนแรง ฉันอยากรู้เหมือนกันว่า คุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้อย่างไร” ฉ่าวหงหยู่ลดเสียงและพูด
“อย่างไรก็ตาม ผมยังไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจที่ให้จื่อแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้” ฉ่าวกู๋พึมพำขึ้นเงียบๆ
หลังจากถอนหายใจยาวๆ ฉ่าวหงหยู่ไม่ต้องการจะโต้เถียงต่อ เธอมองไปที่ฮ่าวเหรินและพูดอย่างนุ่มนวลว่า “เอาล่ะ กินอาหารกันเถอะ”
โปรดติดตามตอนต่อไป………