Dragon Kings Son-In-Law - DK 17 : เหล่าผู้คนอันตราย
DK 17 : เหล่าผู้คนอันตราย
เขาวางโทรศัพท์ลงและอ่านหนังสือข้อสอบภาษาอังกฤษของนักเรียนมัธยม
พวกเขาเรียนภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัย แต่ขณะนี้ ฮ่าวเหรินกลับกำลังทำข้อสอบภาษาอังกฤษของเด็กมัธยมอยู่ได้เนื่องจากคลาสนี้เป็นคลาสที่มีขนาดเล็ก
กำหนดการของชั้นปีที่สองของพวกเขาแน่นเอี๊ยด ฮ่าวเหรินเก็บของใส่กระเป๋าของเขาเพื่อไปที่บ้านของฉ่าวเหยียนจื่อตอน 5 โมงเย็น
ฮ่าวเหรินกังวลมากกว่าวันก่อนที่เคยเข้ามาที่บ้านหลังนี้ เขาเดินไปกดกริ่งที่หน้าประตูบ้านเมื่อถึงหน้าบ้านของเธอ
ฉ่าวหงหยู่ที่กำลังใส่ผ้ากันเปื้อนเป็นคนออกมาเปิดประตูให้เขา เธอมัดผมไว้และมือของเธอเปียกอยู่สังเกตได้จากหยดน้ำที่เกาะอยู่ที่มือของเธอ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังทำอะไรซักอย่างอยู่ในครัว
“มาไวจังเลยนะ?” ฉ่าวหงหยู่พูดและยิ้มให้ฮ่าวเหริน
“จื่อยังไม่กลับมาหรอครับ?” ฮ่าวเหรินเข้าไปในบ้านและถามขึ้น เขารู้สึกอึดอัดที่มาถึงก่อนเวลา เขายังขาดประสบการณ์ในการเป็นครูสอนพิเศษเพราะนี่เป็นการสอนพิเศษครั้งแรกของเขา
“ยังเลย น้าที่สามของเธอกำลังไปรับเธออยู่ เพราะวันนี้พ่อของเธอทำงานเสร็จช้ากว่าปกติ” เธอตอบราวกับว่าฮ่าวเหรินเป็นสมาชิกในครอบครัว “นั่งรอบนโซฟาแล้วเปิดทีวีหาอะไรดูไปก่อนนะ”
ฮ่าวเหรินนำอุปกรณ์ที่เขาเตรียมมาวางลงบนโต๊ะกาแฟและคิดกับตัวเองราวสองถึงสามวินาทีก่อนจะถามว่า “มีอะไรในครัวให้ผมช่วยไหมครับ?”
ฉ่าวหงหยู่มองที่ฮ่าวเหรินด้วยความประหลาดใจและยิ้มให้ฮ่าวเหริน ก่อนจะตอบตกลงในไม่กี่วินาทีต่อมา
ฮ่าวเหรินพับแขนเสื้อของเขาและเดินเข้าไปในครัวกับเธอ เขาคงรู้สึกแย่หากกินอาหารโดยไม่ได้ช่วยอะไรเลย
มีเครื่องปรุงและส่วนผสมทุกประเภทอยู่ในครัวจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ ดูเหมือนว่าฮ่าวเหรินจะมาเร็วเกินไปเนื่องจากฉ่าวหงหยู่ยังไม่ได้เริ่มปรุงอาหารเลย เพียงแต่เริ่มทำการเตรียมวัตถุดิบเพื่อทำอาหารเท่านั้น
ฮ่าวเหรินสามารถรู้ได้จากส่วนผสมว่าฉ่าวหงหยู่จะทำเมนูอะไร เขาเดินผ่านฉ่าวหงหยู่ไปอย่างรวดเร็วเพื่อเริ่มล้างผักและหั่นเนื้อโดยไม่มีคำแนะนำของฉ่าวหงหยู่เลย เขาดูเหมือนพ่อครัวที่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง
“เหริน ปกติเธอทำอาหารเองตลอดเลยหรอ?” ฉ่าวหงหยู่ที่กำลังหั่นเนื้ออยู่ข้างๆเขาถามขึ้น
“เอ่ออ ไม่ทุกครั้งหรอกครับ แค่บางครั้งที่ผมเข้าไปช่วยคุณยายในครัว” ฮ่าวเหรินตอบ
“เธอเป็นเด็กดีนะ ถ้าจื่อเป็นเด็กดีได้ครึ่งนึงของเธอก็คงดีไม่น้อยเลย” ฉ่าวหงหยู่พูดขึ้นและถอนหายใจ
“เธอยังเด็กอยู่ ผมตอนที่ยังเป็นเด็กก็สนใจแต่เรื่องเกมส์เหมือนกันครับ” ฮ่าวเหรินตอบในทันทีโดยไม่ต้องคิด
“พ่อแม่ของเธอล่ะ? เขาอยู่ไหนหรอ?” ฉ่าวหงหยู่ถามต่อ
ฮ่าวเหรินตอบด้วยความใสซื่อ “พวกเขาสองคนยุ่งมาก ส่วนใหญ่ผมจะอยู่กับคุณยายมากกว่าพวกเขา ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กแล้ว”
ฉ่าวหงหยู่ ครุ่นคิดและถามว่า “ยายของเธอคงจะเหงามากแน่ๆ ตอนที่เธออยู่ที่มหาลัย ใช่ไหม?”
“ผมจะกลับบ้านไปหาเธอในช่วงสุดสัปดาห์…” ฮ่าวเหรินรู้สึกถึงเจตนาแฝงของ ฉ่าวหงหยู่ ในคำถามนี้ เขามองไปที่เธออย่างสับสน
“เมื่อเธอกับจื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว ฉันจะเชิญยายของเธอมาอยู่กับครอบครัวของเรา” ฉ่าวหงหยู่ กล่าวหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“มัน… อาจจะเร็วเกินไป” ฮ่าวเหรินยิ้มเขินๆ “เธอยังไม่รู้เรื่องของจื่อเลย”
“เดี๋ยวเธอก็จะรู้ในเร็วๆนี้ ฉันรู้จักความคิดของคนที่มีอายุดีกว่าเธอ อื้มม..เดี๋ยวฉันจะหาโอกาสบอกกับยายของเธอให้เอง”
“อ่า…” ฮ่าวเหรินพยักหน้าในขณะสไลด์มันฝรั่งเป็นแผ่นบางๆ
“เอิ่ม.. ผู้ตรวจการคืออะไรหรอครับ?” ฮ่าวเหรินนึกถึงเรื่องของฉู่ฮั่นขึ้นมาได้และถามขึ้น
ฮ่าวเหรินไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกสบายใจกับฉ่าวหงหยู่ บางทีอาจเป็นเพราะ “เธออยู่ในฐานะแม่” และเธอดูใจดีมากๆ
“โอ้ เธอเจอผู้ตรวจการหรอ?” ฉ่าวหงหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“เธอเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยของผม เธอชื่อฉู่ฮั่น” ฮ่าวเหรินพูดขึ้น
“อ่อ เธอนี่เอง…” ฉ่าวหงหยู่พูดขึ้น
“คุณรู้จักฉู่ฮั่นหรอ?” ฮ่าวเหรินถามอย่างรอบคอบ
“พวกเขาไม่ใช่กลุ่มคนที่สามารถต่อกรได้ง่ายๆเลยนะ แต่ฉู่ฮั่นมีความสัมพันธ์กับพวกเราเมืองครามบูรพา ดังนั้นฉู่ฮั่นไม่น่าจะสร้างปัญหาอะไรให้เธอได้นะ” ฉ่าวหงหยู่กล่าว
“พวกเขาหรอ? รู้สึกเหมือนว่ามีผู้ตรวจการมากกว่าหนึ่งคน และดูเหมือนว่าพวกเขามีความสำคัญมากด้วย” ฮ่าวเหรินรู้สึกสับสนกับความคิดของตัวเอง
ฉ่าวหงหยู่ พูดต่อเมื่อเห็นใบหน้าที่สับสนของฮ่าวเหริน “กลุ่มผู้ตรวจการเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่ได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษจากกลุ่มสมาพันธ์มังกร เป็นผู้ที่จะรับหน้าที่ดูแลเหตุการณ์ภายในของสมาพันธ์มังกร พวกเขามีสิทธิ์ที่จะแทรกแซงสิ่งใดก็ตามที่ขัดต่อกฎ เช่น การติดสินบนและการฆาตกรรม พวกเขามีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจและจัดการกับเรื่องราวต่างๆก่อนจะรายงานให้เบื้องบนได้ ตราบเท่าที่พวกเขามีหลักฐานของการทำผิดต่อกฎต่างๆ”
“อำนาจของพวกเขามีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับยามรักษาพระองค์ของจักรวรรดิ์” ฮ่าวเหรินคิดว่า กองกำลังจักรพรรดิเป็นกลุ่มคนที่ฟังจักพรรดิของราชวงศ์หมิงเท่านั้น พวกเขาเหมือนกับข้าราชการพิเศษที่มีอำนาจมากกว่าคนส่วนใหญ่
“อย่าประมาทพวกเขามากนัก หลายคนอยู่เหนือการฝึกระดับสวรรค์ ขนาดอาวุโสลู่ที่เป็นหัวหน้าของพื้นที่เมืองครามบูรพาก็ไม่สามรถสู้ฉู่ฮั่นได้” ฉ่าวหงหยู่พูดต่อ
ฮ่าวเหรินไม่มั่นใจว่าอำนาจที่พูดถึงนี้หมายถึงอะไร เขาไม่รู้ว่าการต่อสู้ที่ฉ่าวหงหยู่พูดถึงเป็นอย่างไร แต่พลังของฉู่ฮั่นอาจจะแข็งแกร่งเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้
“ฉู่ฮั่นรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นผู้ที่มีลูกแก้วมังกร?” ฮ่าวเหรินถามต่อ
“ความจริงพวกเราทุกคนมีการแผ่กระจายออร่าออกมา แต่เธอยังอยู่ในระดับต่ำ ที่ไม่สามารถมองเห็นออร่านั่นได้ ฉู่ฮั่นเป็นผู้ตรวจการพิเศษของเผ่ามังกร ฉู่ฮั่นสามารถมองเห็นออร่าของเธอได้” ฉ่าวหงหยู่อธิบายอย่างละเอียด
“ผมไม่สามารถซ่อนออร่าได้หรอ?” ฮ่าวเหรินถามในทันที
“เธอทำได้ แต่ถ้าคนนั้นแข็งแกร่งกว่าเธอมากพวกเขาก็ยังจะสามารถมองเห็นมันได้” ฉ่าวหงหยู่ กล่าวราวกับว่าเธอรู้ว่าฮ่าวเหรินคิดอะไรอยู่ “แต่ไม่เป็นไรหรอก พวกเราเผ่ามังกรไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่ากันเองภายในสมาพันธ์มังกร ฉู่ฮั่นจะไม่ทำร้ายเธอตราบเท่าที่ฉู่ฮั่นรู้จักตัวตนตามกฎหมายของเธอ และฉู่ฮั่นจะสามารถปกป้องเธอได้”
“ตัวตนทางกฎหมาย …นี่เราเป็นตัวตนที่ผิดกฎหมายในสายตาของฉู่ฮั่นหรอ?” ฮ่าวเหรินคิดกับตัวเอง
“แถมพวกเรายังเป็นสมาชิกของสมาคมเมืองครามบูรพา จะไม่ปล่อยให้ใครทำร้ายเธอได้ง่ายๆหรอก!” ฉ่าวหงหยู่ หันหลังมาและพูดเพื่อเสริมความมั่นใจให้กับฮ่าวเหริน
ฮ่าวเหรินมองไปที่ฉ่าวหงหยู่ คำพูดของเธอสัมผัสมาที่เขา ดูเหมือนว่าเธอจะมั่นใจว่าฮ่าวเหรินนี่แหละคือลูกเขยของเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุนี้ทำไมเธอถึงปล่อยให้เขาช่วยเธอในครัวและลุกขึ้นสู้เพื่อเขา?
สมาคมเมืองครามบูรพา… ดูเหมือนจะมีอำนาจมาก ฉู่ฮั่นคงจะให้ความเคารพพวกเขาแม้ว่าเธอจะเป็นตัวตนที่แสนพิเศษก็ตาม
“พ่อของจื่อมีสถานะสูงในสมาพันธ์มังกรใช่ไหมครับ” ฮ่าวเหรินถามคำถามที่รบกวนใจเขามาเสมอ เขาคิดว่านี่แหละเป็นโอกาสดีที่จะถาม
“เขาเป็นกษัตริย์ของครามบูรพา เขาเป็นผู้นำของเมืองครามบูรพาซึ่งปกครองพื้นที่ทั้งหมด 3000 ตารางเมตร” ฉ่าวหงหยู่ กล่าวเบาๆ
ติดตามตอนต่อไป……….