หน้าแรก Amnovel
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
ค้นหา
ค้นหาขั้นสูง
เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
  • หน้าแรก
  • นิยายทั้งหมด
  • เติมเงิน
  • ติดต่อเรา
  • เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบ
Prev
Next

Dragon Kings Son-In-Law - DK 14 : สถานะ+

  1. หน้าแรก
  2. Dragon Kings Son-In-Law
  3. DK 14 : สถานะ+
Prev
Next

DK 14 : สถานะ+

 

         หลังการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันจบลง สถานการณ์ดูชัดเจนยิ่งขึ้น  บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ไม่กระอักกระอ่วนเท่าช่วงก่อนหน้านี้อีกแล้ว

 

         ระหว่างบทสนทนา ฮ่าวเหรินก็ได้รู้ว่าการออกแบบภายในของบ้านหลังนี้เป็นฝีมือของฉ่าวหงหยู่นี่เอง ตัวตนแบบธรรมดาของเธอคือดีไซเนอร์ ซึ่งโด่งดังในแวดวงของดีไซน์เนอร์ด้วยกันอีกด้วย

 

         คุยกันไปพอสมควร ฮ่าวเหรินก็รู้สึกทึ่งเมื่อพบว่าสถานที่สำคัญ 1 ใน 10 อันดับต้นๆของเมืองครามบูรพาเป็นผลงานชิ้นเอกของฉ่าวหงหยู่ด้วยเช่นกัน  คือสนามกีฬาในใบโบรชัวร์โปรโมทการแอดมิชชั่นเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยครามบูรพา ซึ่งเพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จไปเมื่อปีก่อนนี้เอง

 

         "พ่อของฉ่าวเหยียนจื่อเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง แม่ของเธอก็ยังเป็นดีไซเนอร์ที่โดดเด่นและโด่งดัง ครอบครัวแบบนี้มันยิ่งกว่าคำว่าครอบครัวกินดีอยู่ดีซะอีก  ต่อให้พวกเขาไม่มีตัวตนลับอย่างการเป็นมังกร เด็กน้อยอย่างฉ่าวเหยียนจื่อก็ยังมีอะไรให้ภูมิใจอีกตั้งมากมายเลย" ฮ่าวเหรินคิดในใจระหว่างกินมื้อเย็นไปด้วย

 

         ระหว่างมื้อเย็น ฉ่าวหงหยู่คือคนที่คุยกับฮ่าวเหรินเป็นหลัก  ส่วนฉ่าวกวงจะเน้นกินอยู่ข้างๆเธอ และมีพูดขึ้นบ้างเป็นบางครั้ง  ต่างจากฉ่าวเหยียนจื่อที่ก้มหน้าก้มตากินและเคี้ยวอาหารอย่างหนักหน่วงราวกับว่าสิ่งที่เธอเคี้ยวอยู่ไม่ใช่ข้าว แต่เป็นฮ่าวเหรินแทน

 

         "การนัดพบพูดคุยกับลูกเขยเป็นแบบนี้เองสินะ" ฮ่าวเหรินคุยกับพวกเขาพลางคิดในใจ

 

         "แล้วพ่อแม่ของนายอยู่ต่างประเทศเหรอจ๊ะ?" ฉ่าวหงหยู่ถามฮ่าวเหริน

 

         "ใช่ครับ คงกลับมาเดือนหน้านี้แล้วล่ะครับ" เขาตอบ

 

         ฉ่าวหงหยู่นิ่งคิด แล้วจึงพูดต่อ "งั้นหากพ่อแม่ของนายกลับมาแล้ว เราสองครอบครัวมาเจอกันหน่อยเป็นไงล่ะ?"

 

         ฮ่าวเหรินใจกระตุกวูบ  เขายอมรับความจริงที่ว่าเขาจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับฉ่าวเหยียนจื่อไปอีกนานได้แล้ว  แต่คำขอใหม่ของฉ่าวหงหยู่ทำเอาฮ่าวเหรินรู้สึกลำบากใจอีกครั้ง

 

         "ถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าเราได้เด็กมัธยมเป็นคู่หมั้นตอนพวกเขาไม่อยู่  เรานึกภาพไม่ออกเลยว่าปฏิกิริยาของพ่อกับแม่จะเป็นยังไงบ้าง…" ฮ่าวเหรินคิด

 

         "ในเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นแล้ว มันก็ถือเป็นเรื่องปกตินะถ้าสองครอบครัวจะมาเจอกัน" ฉ่าวหงหยู่พูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางลังเลของฮ่าวเหริน

 

         ฮ่าวเหรินมองท่าทางอ่อนโยนของฉ่าวหงหยู่และรับรู้ได้จากสายตากระตือรือร้นของเธอว่าเธออยากให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ   ที่สำคัญ ในมุมมองของเธอก็คงคิดว่าพ่อแม่ย่อมมีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องทำนองนี้อยู่แล้ว

 

         "หนูยังไม่ได้พูดเลยนะคะว่าจะแต่งงานกับเขา!" ในที่สุดฉ่าวเหยียนจื่อก็เงยหน้าขึ้นและพูดออกมา

         "ลูกต้องรับผิดชอบความผิดของตัวเองสิ  ถ้าลูกไม่วิ่งออกไป เรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นใช่มั้ย? หรือว่าลูกอยากให้คนอื่นรับผิดชอบผลของความผิดตัวเองแทนล่ะ?" สีหน้าท่าทางของฉ่าวหงหยู่ยังคงดูอ่อนโยน แต่น้ำเสียงแข็งขึ้น

 

         ฉ่าวเหยียนจื่อไม่พูดอะไรต่อเพราะเธอรู้ดีว่านั่นคือความผิดของเธอจริง แต่เธอก็ไม่อยากแต่งงานกับ "ลุง" คนนี้เพียงเพราะความผิดพลาดแบบนั้นเช่นกัน

 

         "ฮ่าวเหรินเป็นคนรอบคอบดี และแม่ก็โอเคกับเขาด้วย" ฉ่าวหงหยู่มองลูกสาวตัวเอง "ลูกก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะ ลูกจะมาอารมณ์เสียเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆไม่ได้แล้ว ลูกต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ พ่อกับแม่จะอยู่ปกป้องลูกได้อีกนานแค่ไหนกันเชียว?  พวกเราก็อยากให้ลูกเรียนรู้และเติบโตจากเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น ลูกจะทำตัวเป็นเด็กที่ถูกตามใจตลอดไม่ได้แล้วนะ"

 

         เมื่อฟังจบ ฉ่าวเหยียนจื่อมองคนเป็นแม่ด้วยสีหน้าเศร้าๆ เธออยากจะร้องไห้ออกมาให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ไม่อยากอับอายต่อหน้าฮ่าวเหริน สิ่งที่เธอทำได้จึงมีแค่กัดริมฝีปากและอดทนต่อไปเท่านั้น

 

         แม้เห็นฉ่าวหงหยู่สอนฉ่าวเหยียนจื่อแบบนั้น แต่ฉ่าวกวงก็ยังคงเงียบอยู่อย่างเดิม เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ภรรยาพูดเหมือนกัน

 

         ฮ่าวเหรินรู้สึกได้ว่ามันมีอีกความหมายหนึ่งที่ซ่อนอยู่ใต้การรับมือเรื่องนี้ของพ่อแม่ของฉ่าวเหยียนจื่อ  เพียงแต่เธอยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจมัน

 

         "นี่พวกเขากำลังพยายามใช้โอกาสนี้ทำให้จื่อเชื่อใจเรารึเปล่านะ? เป็นไปได้มั้ยว่า ต่อให้พวกเขามีความสามารถและตัวตนยิ่งใหญ่ขนาดนั้นแล้ว มันก็ยังมีอันตรายบางอย่างที่ทั้งสองคนยังคงพูดถึงไม่ได้อยู่?" ฮ่าวเหรินคิด

 

         "เหริน" ฉ่าวหงหยู่หันกลับมาหาฮ่าวเหริน "จื่อยังเจ้าอารมณ์แบบเด็กๆอยู่ ในอนาคตก็ฝากนายรับมือเธอด้วยนะ"

 

         "ครับ ทราบแล้วครับ"  แต่ตอนนี้ ฮ่าวเหรินก็ทำได้เพียงแค่เห็นด้วยเท่านั้น

 

         เมื่อเห็นตาแดงๆของฉ่าวเหยียนจื่อที่กำลังจะร้องไห้ คนเป็นพ่ออย่างฉ่าวกวงก็รู้สึกแย่ไปด้วย  แม้ว่าสีหน้าของเขาจะยังเรียบนิ่งอยู่ก็ตาม  ฉ่าวกวงพูดขึ้น "ไปพักผ่อนเลยได้นะถ้าลูกอิ่มแล้ว"

 

         ฉ่าวเหยียนจื่อพยักหน้ารับแล้ววิ่งขึ้นบันไดไป  เธอลงฝีเท้าหนักจนเสียงดัง "ตึง ตึง ตึง" ตามมาชุดใหญ่

 

         ฮ่าวเหรินมองร่างเล็กแล้วหันกลับมายังพ่อแม่ของเธอตรงหน้า

 

         "ให้เธออยู่คนเดียวสักพักนะ" ฉ่าวหงหยู่กล่าว

 

         ฮ่าวเหรินแค่นยิ้มพร้อมกับก้มหน้าลง

 

         "พูดกันตรงๆเลยนะ นายคิดยังไงกับจื่อ?" ฉ่าวหงหยู่ถามต่อ

 

         ฝ่ายฮ่าวเหรินก็ไม่ได้มีความประทับใจใดๆจากเด็กน้อยอารมณ์บูดคนนี้เลย  แต่จะให้เขาพูดถึงข้อเสียของเด็กคนนั้นต่อหน้าพ่อแม่ของเธอก็คงจะไม่ได้ ดังนั้น เขาจึงพยายามอย่างหนักเพื่อเค้นความคิด นึกถึงความดีของฉ่าวเหยียนจื่อให้ได้

 

         "เธอค่อนข้างสวยเลยทีเดียว ถึงจะเจ้าอารมณ์ไปหน่อย แต่ก็ยังน่ารักมากอยู่ดีครับ" ฮ่าวเหรินคิดอยู่ชั่วครู่แล้วตอบออกมา ความสวยและน่ารักเป็นข้อดีอย่างเดียวของเธอที่เขาคิดออก

 

         "นายโตกว่าเธอ เพราะฉะนั้นก็ช่วยดูแลเธอแทนเราด้วยนะ  พ่อของเธอกับฉันค่อนข้างยุ่งกับอะไรหลายอย่าง และเพราะแบบนั้นเราเลยไม่ค่อยมีเวลามาดูแลเธอเท่าไหร่ จื่อเลยกลายเป็นเด็กดื้อและก้าวร้าวแบบนี้" ฉ่าวหงหยู่พูดกับฮ่าวเหรินอย่างจริงใจ

 

         "ครับ" ฮ่าวเหรินพยักหน้า  แม้ว่าเขาจะไม่ได้ชอบเด็กตัวเล็กพริกขี้หนูอย่างฉ่าวเหยียนจื่อ แต่เขาก็รู้สึกประทับใจในความใส่ใจของพ่อแม่เธอมากๆ

 

 

         จริงๆฮ่าวเหรินเข้าใจดีว่าฉ่าวเหยียนจื่อรู้สึกยังไง ตอนที่เขายังเด็ก พ่อแม่ของเขาเองก็ยุ่งกับงานมากจนไม่ค่อยมีเวลาดูแลเขาเช่นกัน ฮ่าวเหรินจึงกลายเป็นคนรักอิสระและค่อนข้างยึดตัวเองเป็นหลัก  แต่โชคดีที่เขามีคุณย่าที่ใส่ใจและคอยดูแลเขาเสมอ นั่นจึงทำให้เขายังพอมีความทรงจำดีๆในวัยเด็กอยู่บ้าง

 

         "ขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนเธอข้างบนหน่อยสิ" ฉ่าวหงหยู่บุ้ยปากไปทางบันได

 

         "ครับ" ฮ่าวเหรินวางตะเกียบลงทันที และเดินต่อไปยังบันไดไม้เพื่อขึ้นไปที่ชั้นสอง

 

         ภาพวาดแนวนามธรรมสองสามรูปแขวนอยู่บนผนังตามทางบันได  ฮ่าวเหรินเดินไปอย่างช้าๆ เขาเริ่มรู้สึกราวกับว่ากำลังเดินอยู่ในอาร์ตแกลลอรี่ก็ไม่ปาน   เมื่อมองผ่านหน้าต่างบานเล็กบนชั้นสองออกไปก็จะเห็นสวนหลังบ้านที่ร่มรื่นและสวยงามได้  ฮ่าวเหรินรู้สึกชื่นชมความสามารถในการออกแบบของฉ่าวหงหยู่จริงๆ

 

         ห้องนอนของฉ่าวเหยียนจื่อคือห้องแรกที่อยู่ติดมุมบนชั้นสอง ฮ่าวเหรินมั่นใจแบบนั้นเพราะเห็นได้ชัดจากแมวดำของเล่นที่ห้อยอยู่บนประตูบานนั้น

 

         เขาหยุดยืนหน้าประตูแล้วเริ่มเคาะ

 

         แต่ไม่มีเสียงใดๆตอบรับ

 

         "หวัดดี จะไม่ให้เข้าไปจริงๆเหรอ?" ฮ่าวเหรินยืนนิ่งรออยู่ครู่หนึ่งแล้วถามขึ้น

 

         "จะไปฟ้องพ่อแม่ฉันเลยก็ได้นะถ้าอยากฟ้องน่ะ" เสียงฉ่าวเหยียนจื่อดังตอบออกมาด้วยความไม่พอใจ

 

         ฮ่าวเหรินยกยิ้ม แล้วตั้งใจทำเสียงเดิน 2-3 ก้าวเพื่อหลอกคนในห้องว่าเขากำลังเดินลงบันไดกลับไปแล้ว

 

         ตึก ตึก ตึก… เสียงวิ่งอย่างรวดเร็วดังออกมาจากในห้อง ฉ่าวเหยียนจื่อคิดว่าฮ่าวเหรินจะไปฟ้องพ่อแม่จริงๆ เธอจึงรีบวิ่งมาเปิดประตูทันที

 

         เด็กน้อยวิ่งออกมาจากห้อง ตั้งใจจะรั้งฮ่าวเหรินไม่ให้ลงบันไดไป แต่ไม่ได้คิดว่าเขาจะยังยืนอยู่หน้าห้อง ฉ่าวเหยียนจื่อจึงวิ่งมาชนเข้าที่อกฮ่าวเหรินเต็มๆ

 

         ร่างเล็กนุ่มนิ่มไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บแต่อย่างใด เพียงแค่จั๊กจี้ที่ท้องเท่านั้น

 

         ฮ่าวเหรินจับไหล่เด็กน้อยที่หลงกลเขาแล้วก้มหน้าลงมองเธอ "ผมเหมือนคนขี้ฟ้องรึไง?"

 

         ฉ่าวเหยียนจื่อเงยหน้ามอง ก่อนจะหน้าขึ้นสีระเรื่อ  แม้ว่าเธอจะเป็นคนหลงกลเอง แต่ก็ยังคงความดื้อรั้นไว้อยู่ดี   "ก็เหมือนน่ะสิ!"

 

         ฮ่าวเหรินยิ้มแต่ไม่ได้เถียงอะไรต่อ เขาผลักเธอเบาๆแล้วเดินเข้าไปในห้อง

 

         "เฮ้! มีมารยาทหน่อยมั้ย? อย่าเข้าห้องฉันตามใจชอบสิ" ฉ่าวเหยียนจื่อยืนมองแขกอยู่ที่ประตูด้วยสายตาไม่ชอบใจ

 

         "เธอมีปัญหาเพราะฉันเดินเข้าห้องนอนคู่หมั้นตัวเองน่ะเหรอ?" ฮ่าวเหรินพูดพลางหันกลับมามองเจ้าของห้อง

 

         "นาย…" ฉ่าวเหยียนจื่อจ้องฮ่าวเหรินเขม็ง  เธอเดือดจัดแต่ก็ระบายความโกรธออกมาไม่ได้

 

         ดวงตาเธอแดง เห็นได้ชัดว่าฉ่าวเหยียนจื่อร้องไห้มาจริงๆ  เมื่อฮ่าวเหรินเห็นแบบนั้นแล้วก็ไม่อยากจะแกล้งอะไรเธออีก เขาหลบสายตาโกรธเคืองของเด็กน้อยแล้วทำเป็นมองไปรอบๆห้องอย่างจงใจ

 

         มองออกไปผ่านบานหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ห้องนอนเล็กๆห้องนี้สามารถเพลิดเพลินกับวิวดอกไม้และต้นไม้รูปแบบโบราณด้านนอกได้สบายๆ  แสงอาทิตย์สาดเข้ามาในห้องและกระทบวูบวาบบนกระจกใส  มันเป็นความสวยงามที่ทำคนเห็นแทบตาบอดได้เลย

 

         ตู้ปลาสีเขียวอ่อนถูกวางอยู่บนขอบหน้าต่างพร้อมกับปลาทอง 2-3 ตัวแหวกว่ายอยู่ในนั้น  เหนือหัวเตียงมีภาพอักษรวิจิตรกรอบใหญ่แขวนเอาไว้ สร้างบรรยากาศที่ดูมีเอกลักษณ์และเป็นศิลปะให้กับห้อง

 

         รวมถึงผนังสีกากีอ่อนที่ทำให้รู้สึกอุ่นสบายเมื่ออยู่ในห้อง  ส่วนตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์ก็ช่วยยืนยันว่าเจ้าของห้องยังคงเป็นเด็กน้อยที่ต้องการความสนใจและต้องการการดูแลได้อย่างดี

 

โปรดติดตามตอนต่อไป…………….

 

Prev
Next

ความคิดเห็นสำหรับ "DK 14 : สถานะ+"

0 0 โหวต
คุณชอบเรื่องนี้ไหม?
ติดตาม
เข้าสู่ระบบ
แจ้งเตือนของ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ

Eternal martial sorvereign
Eternal martial sorvereign
มีนาคม 12, 2022
Crazy  Leveling  System
Crazy Leveling System
พฤษภาคม 17, 2022
วิถีสู่สวรรค์
วิถีสู่สวรรค์
มีนาคม 12, 2022
อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
อัจฉริยะข้ามยุทธภพออนไลน์ (Cultivation Online)
เมษายน 24, 2023
Godly Empress Doctor
Godly Empress Doctor
มีนาคม 12, 2022
มหายุทธทลายดารา!
มหายุทธทลายดารา!
มีนาคม 12, 2022
Tags:
กำลังภายใน
ประวัติการเข้าชม
You don't have anything in histories
หมวดหมู่นิยาย
  • sci-fi (24)
  • Video Games (11)
  • กำลังภายใน (36)
  • จีนกำลังภายใน (1)
  • ดราม่า (3)
  • ตลก (3)
  • นิยายลิขสิทธิ์ (18)
  • นิยายแต่ง (3)
  • ย้อนยุค อนาคต (7)
  • สยองขวัญ (2)
  • เกมส์ออนไลน์ (5)
  • แฟนตาซี (161)

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Premium Chapter

คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อน

wpDiscuz