Dragon Kings Son-In-Law - DK 6: เตรียมรับมือความโกรธของพ่อฉันได้เลย!
DK 6: เตรียมรับมือความโกรธของพ่อฉันได้เลย!
ภายใต้แสงจันทร์ยามค่ำคืน รอยสีเขียวรูปมังกรบนแขนของฮ่าวเหรินเริ่มจางลง เรื่อยๆหลังจากที่เขาพยายามขัดถูมันออกมานับครั้งไม่ถ้วน แต่มันกลับส่องแสงวิบวับราวกับมีพลังลึกลับบางอย่างอยู่ในนั้น
"ตำนานเกี่ยวกับมังกรที่ย่าเล่าให้ฟัง มันคงไม่ใช่เรื่องจริงหรอกใช่มั้ย?"
"เหริน! มาเล่นไพ่กัน!" ฉ่าวเจียยี่ตะโกนเรียก ดึงฮ่าวเหรินให้ออกมาจากภวังค์ของเขา
หลังจากเล่นไพ่กันจนเกือบทั้งคืน วันสุดสัปดาห์ก็ได้ผ่านพ้นไปถ้าพวกเขาลืมตาขึ้นมาอีกทีก็คงเป็นวันจันทร์แล้ว
"เหริน ผมได้ยินว่านายกำลังจีบสาวน้อยคนหนึ่งอยู่ แล้วตอนนี้เธอก็กำลังตามล่าหานายเลยนี่นา"
"ผมได้ยินมาว่าเธอน่ะบ้าสุดๆไปเลย เธอเล่นแปะป้ายต้องการตัวนายซะทั่วมหาวิทยาลัยเชียวนะ อา…แย่จัง เมื่อวันเสาร์ผมกลับบ้านซะด้วยสิ…"
"ผมอยู่ในคาเฟ่ เด็กคนนั้นน่ารักมากเลย เธอยังจับท้องเหรินด้วยนะ!"
"เฮ้ เหริน นายไปทำอะไรกับเด็กคนนั้นกันแน่น่ะ?"
"เลิกกล่าวหาเหรินได้แล้วน่า เขาเป็นคนดีนะ…"
"แน่นอน ฮ่าวเหรินเป็นคนดี! เทอมนี้มีผู้หญิงเปิดการ์ดเพื่อนที่ดี (เฟรนด์โซน) กับเขาตั้ง 6 ครั้งแล้วนะ!"
เหล่านักศึกษาในห้องเรียนเริ่มพูดคุยกันระหว่างการสอน ทุกคนต่างพูดถึงเด็กผู้หญิงที่มาประกาศตามหาฮ่าวเหรินอย่างใหญ่โตในมหาวิทยาลัย เรื่องนี้จึงกลายเป็นประเด็นร้อนของสัปดาห์นี้ไปในทันที
แต่ฮ่าวเหรินไม่ได้สนใจอยากเข้าร่วมการสนทนานั่นด้วยเลย ความอุ่นสบายของแสงแดดเริ่มทำให้เขาง่วงเสียแล้ว
ฮ่าวเหรินเงยหน้ามองเซี่ยหยู่เจียหัวหน้าห้องที่นั่งอยู่ด้านหน้าบ้างเป็นครั้งคราว ดูเหมือนเธอจะใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่าคนอื่นเล็กน้อยแต่ถึงอย่างนั้น เธอก็มักจะหลบเลี่ยงการสบตาทันทีที่รู้ตัวว่าฮ่าวเหรินมองเธอ
ฮ่าวเหรินอยากอธิบายเธอว่าเขาไม่ใช่คนน่ากลัวอะไรเลยแต่มันเป็นเพราะเพื่อนของเขาต่างหาก ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ฮ่าวเหรินบอกเพื่อนๆว่าเขาเจอผู้หญิงน่ารักสักคน เพื่อนของเขาก็เป็นต้องไปสารภาพความ 'ชื่นชอบ' แทนเขาทุกที ซึ่งนั่นก็ทำให้สถิติการได้การ์ดเพื่อนที่ดีหรือการติดเฟรนด์โซนของฮ่าวเหรินสูงขึ้นเรื่อยๆ
เห็นได้ชัดว่าเซี่ยหยู่เจียก็คงกันฮ่าวเหรินเอาไว้ในเฟรนด์โซนด้วยอีกคน
"หรือเราควรชวนเธอไปทะเลด้วยกันดี? คุณย่าต้องชอบคนสวยแบบเธอแน่ๆ"
"แต่ครั้งล่าสุดที่ซู่ลี่เหรินคอยมาก่อกวน เธอก็บอกว่าเธอไม่ได้ชอบเรานี่…" เมื่อคิดถึงดอกไม้ที่ไม่อาจเอื้อมถึงนั้น ฮ่าวเหรินก็ถอนหายใจออกมาแล้วนอนฟุบลงกับโต๊ะต่อ
แล้วคลาสบ่ายอันแสนน่าเบื่อก็ผ่านไป ฮ่าวเหรินตื่นขึ้นมาด้วยความเบลอและความรู้สึกชาที่แขนขวาของเขา
ในขณะที่เขากำลังพยายามขยับแขนไล่ความชาอยู่นั้น ฮ่าวเหรินก็รู้สึกได้ทันทีว่าแขนขวาของเขากำลังบวม!
แต่เพราะแขนเสื้อที่ยาวคลุมมิดชิด ฉ่าวเจียยี่และคนอื่นๆจึงไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงบนแขนเขาต่างจากเจ้าของแขนอย่างฮ่าวเหรินที่รู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าแขนขวาของเขากำลังบวมขึ้นเรื่อยๆ!
หลังจากนึกถึงรอยสักประหลาด เด็กสาวเย่อหยิ่งและความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของตัวเองแล้ว ฮ่าวเหรินก็พบความเชื่อมโยงบางอย่างของเรื่องพวกนี้เข้า เขายืนขึ้นทันที ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพรวดพราดออกจากห้องไป
"เฮ้…" ซู่ลี่เหรินและอีกสองคนที่กำลังเก็บของลงกระเป๋าและกำลังจะไปหาข้าวเย็นกินด้วยกัน เมื่อเห็นฮ่าวเหรินวิ่งออกไปก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงต่อ
ฮ่าวเหรินที่พุ่งออกมาจากห้องรีบเดินต่อไปโดยไม่ลดความเร็วฝีเท้า จนกระทั่งเขาโบกรถแท็กซี่นอกโรงเรียนได้คันหนึ่งแล้ว
"ไปโรงเรียนหลิงฉ่าวครับ รีบเลยนะครับ!" ฮ่าวเหรินกระโดดขึ้นรถแล้วพูดด้วยความกระวนกระวาย
"ได้เลย!" คนขับแท็กซี่ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว เพียง 10 นาทีต่อมาเหรินก็มาถึงหน้าประตูทางเข้าของโรงเรียนมัธยมหลิงฉ่าวแล้ว
ตอนเขามาถึงที่โรงเรียน เด็กๆก็กำลังทยอยออกจากโรงเรียนพอดี สายตาของนักเรียนในเครื่องแบบมัธยมต่างจ้องมองเขามาอย่างไม่ขาดสาย
เพราะฮ่าวเหรินกำลังยืนเขย่งตัวบนรั้วสูงเพื่อมองหาร่องรอยของเด็กผู้หญิงปริศนาคนนั้นอยู่
แต่นักเรียนทุกคนล้วนใส่เครื่องแบบสีฟ้าอ่อนเหมือนกันไปหมดแถมอายุก็ไล่เลี่ยกันมากอีก จนสายตาฮ่าวเหรินเริ่มล้าและในหัวเขาก็เริ่มมึนเต็มทีแต่เขายังไม่เจอคนที่ตามหาเลย
"ลุง ตามหาฉันอยู่เหรอ?" ทันใดนั้นเสียงใสก็ดังขึ้นด้านหลังฮ่าวเหริน
เขาหันกลับมาและพบกับเด็กสาวที่กำลังมองหาอยู่พอดี
เธอเองก็ใส่เครื่องแบบสีฟ้าอ่อนอยู่เช่นกัน ผูกผมหางม้าและติดป้ายโรงเรียนมัธยมหลิงฉ่าวเหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆจะต่างกันก็แค่ป้ายชื่อบนชุดเธอเท่านั้น – ม.2 ห้อง 2 ฉ่าวเหยียนจื่อ
มีเด็กผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ข้างเธอด้วยถึงจะไม่ได้น่ารักเท่าแต่ก็มาจากชั้นและห้องเดียวกันกับเธอ
ฮ่าวเหรินที่อายหน่อยๆกระโดดลงมาจากรั้วและตอบรับ "อืม…"
"ฉันบอกแล้วว่านายต้องมาหาฉัน" เด็กสาวที่ชื่อฉ่าวเหยียนจื่อพูดด้วยท่าทีมั่นใจและภูมิใจมาก
"จื่อ นี่ใครเหรอ?" เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างๆฉ่าวเหยียนจื่อกระซิบถามพลางมองฮ่าวเหรินด้วยสายตาระแวง
"คุณลุงจากมหาวิทยาลัยครามบรูพาน่ะ เขาติดค้างอะไรฉันบางอย่าง" ฉ่าวเหยียนจื่อตอบ
ลุง… ฮ่าวเหรินรู้สึกราวกับว่าสมองเขาฉีกเป็นสองส่วนเมื่อได้ยินเธอเรียกเขาแบบนั้น
หลังจากได้ยินคำตอบ เด็กผู้หญิงข้างๆฉ่าวเหยียนจื่อก็ยังคงมองฮ่าวเหรินอย่างหวาดระแวงเหมือนเดิมอยู่ดี
"ไม่เอาน่า ผมดูเหมือนคนไม่ดีเหรอ? ผมว่าหน้าผมดูใจดีไม่มีพิษมีภัยออกนะ…" ฮ่าวเหรินมองเด็กคนนั้นด้วยความรู้สึกสงสารตัวเอง
"เธอชื่อ จื่อ?" ฮ่าวเหรินพยายามถามฉ่าวเหยียนจื่อต่อ เพื่อทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้ลง
ฉ่าวเหยียนจื่อชี้ไปที่ป้ายชื่อตัวเองแทนการตอบ
"ลุง ชื่ออะไร?" เธอถามกลับ
"ผมชื่อฮ่าวเหริน" เขาตอบ
"โดยทั่วไปแล้วคนที่บอกว่าตัวเองเป็นคนดีน่ะไม่ใช่คนดีเท่าไหร่หรอกนะ" เด็กผู้หญิงอีกคนพูดต่อ
"หลิง เธอกลับบ้านก่อนเลยก็ได้นะ ฉันมีเรื่องต้องเคลียร์กับลุงคนนี้หน่อย วันนี้คงกลับบ้านกับเธอไม่ได้แล้วล่ะ" ฉ่าวเหยียนจื่อพูดกับคนข้างๆ
"โอเค… ระวังตัวด้วยนะ…" เด็กคนนั้นมองฮ่าวเหรินด้วยสายตาระแวงอีกครั้งและเตือนจื่อด้วยความเป็นห่วง
"ลุง มาหาฉันตอนนี้มันไม่ช้าไปหน่อยเหรอ?" เมื่อเห็นหลิงเดินออกไปไกลแล้ว ฉ่าวเหยียนจื่อก็หันกลับมามองฮ่าวเหรินแล้วเข้าประเด็นทันที
"อย่าเรียกผมว่าลุงสิ เรียกว่าเหรินเถอะ" ตอนนี้ฮ่าวเหรินหัวหมุนจนแทบจะระเบิด
"ได้เลย ลุง"
ฮ่าวเหรินนิ่งอึ้งและพูดไม่ออก
"มันก็ดีนะที่นายมาหาฉันแต่เสียใจด้วยตอนนี้มันสายเกินไปแล้วล่ะ พ่อแม่ฉันรู้แล้วว่าฉันทำของหายเตรียมรับมือความโกรธของพ่อฉันได้เลย"
ฮ่าวเหรินเริ่มหงุดหงิดกับความเย่อหยิ่งของเด็กจิ๋วคนนี้เต็มที แต่เขาก็ยังคงทนต่อไป
"เตรียมตัวรอได้เลย พรุ่งนี้พ่อแม่ฉันมาหานายแน่" หลังจากพูดจบฉ่าวเหยียนจื่อก็หยิบกระเป๋าสีชมพูของเธอขึ้นมาแล้ววิ่งหนีไป ไม่รอให้ฮ่าวเหรินตอบอะไรทั้งสิ้น
ฝ่ายฮ่าวเหรินก็ได้แต่ยืนพูดไม่ออกอยู่ที่เดิม "แน่นอน" เหรินคิด "บอกให้พ่อแม่มา ดูดีๆสิว่าใครจะต้องกลัวใครกันแน่!" ฮ่าวเหรินกัดฟันแล้วตัดสินใจกลับไปที่มหาวิทยาลัย เขามุ่งหน้าตรงกลับหอเพื่อนอนพักผ่อน ในตอนนี้เนื่องจากเขาไม่มีอารมณ์แม้แต่จะกินข้าวเย็นเลยสักนิด
"เหรินดูอารมณ์อ่อนไหวนะ อย่างกับวัยรุ่นวุ่นรักแหน่ะ"
"เพราะเด็กน่ารักคนนั้นรึเปล่านะ?"
"ไม่มีทาง เหรินชอบเด็กคนนั้นเหรอ?"
"หรือเพราะเซี่ยหยู่เจียนะ?"
"เหรินชอบหัวหน้าห้องจริงดิ?"
"มันชัดเจนมากเลยไม่ใช่รึไง?"
"เราควรช่วยเขามั้ย?"
รูมเมทของฮ่าวเหรินเริ่มปรึกษากันทันทีที่กลับมาและเห็นเขานอนอยู่บนเตียง
วันต่อมา ฮ่าวเหรินพยายามทำตัวร่าเริงเมื่อเดินเข้ามาในห้องเรียน รอยสักบนแขนหายไปหมดแล้วแต่ก็บวมไปทั้งแขนเลยเช่นกัน เส้นเลือดเขาปูดออกมาราวกับว่ามันเต็มไปด้วยพลังแต่ระบายออกมาไม่ได้ ซึ่งมันผิดปกติมากๆ
แต่รูมเมททั้งสามสังเกตเห็นท่าทางไม่สบายใจของเขาและคิดว่าเขาคงผิดหวังมาจากผู้หญิง นั่นทำให้ทั้งสามคนใช้เวลาครึ่งวันไปกับการพยายามให้กำลังใจฮ่าวเหริน เพื่อนของพวกเขา
ต่างจากฝ่ายฮ่าวเหรินที่อารมณ์บูดทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องพ่อแม่ของฉ่าวเหยียนจื่อ บางทีพวกเขาอาจจะมาทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปถึงสํานักงานอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเลยก็ได้
ระหว่างคาบเรียน ฉ่าวเจียยี่เดินไปหาซู่ลี่เหรินและช่าวหลงฮวาง "พวกนาย เหรินเคยอกหักก็จริงแต่เขาไม่เคยเงียบขนาดนี้มาก่อนเลยนะ"
"นั่นสิ วันนี้เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างแล้วนะนั่น บางทีเราน่าจะพาเขาไปกินข้าวเที่ยงแล้วให้กำลังใจเขากันนะ" ช่าวหลงฮวางพูดเมื่อกริ่งหมดคาบเรียนดังขึ้น
ช่าวหลงฮวางและซู่ลี่เหรินจึงทำหน้าที่ไปหิ้วปีกฮ่าวเหรินมา "ไปกันเถอะ! เหริน! เราจะเลี้ยงข้าวเที่ยงนายเอง!"
"ผมไม่รู้สึกอยากกินเท่าไหร่เลย…" ฮ่าวเหรินตอบระหว่างถูกลากตัวออกจากห้องเรียน ในหัวก็พลางคิดไปด้วยว่าสำนักงานอธิการบดีจะเรียกตัวเขาไปเมื่อไหร่ แต่จู่ๆวัตถุสีดำบางอย่างก็ปรากฏแก่สายตา
สิ่งที่เขาเห็นคือรถ Mercedes Benz S-Class Sedan จอดอยู่ที่ประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยพร้อมชายวัยกลางคน 2 คนในชุดสูทสีดำและถุงมือสีขาวยืนอยู่ข้างรถ
นักศึกษาหลายคนเริ่มรวมตัวกันที่ประตูนั่นด้วยความอยากรู้ว่าเด็กรวยๆคนไหนที่ชายทั้งสองคนนี้รออยู่เพราะที่นี่ส่วนใหญ่แล้วจะมีแต่คนธรรมดาทั่วไป อาจจะมีคนรวยปนอยู่บ้างประปรายแต่มหาวิทยาลัยครามบูรพาแห่งนี้ก็คงไม่ใช่สถานที่ของพวกชนชั้นสูงแน่นอน
ช่าวหลงฮวางและคนอื่นๆพาฮ่าวเหรินออกมาดูด้วยกันว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วจู่ๆชายสูทดำทั้งสองคนก็ตรงปรี่เข้ามาหาฮ่าวเหรินก่อนจะพูดขึ้น "ในที่สุดคุณก็เลิกเรียน หัวหน้า ของเรากำลังรอคุณอยู่ครับ"
ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนกะทันหัน ช่าวหลงฮวางและซู่ลี่เหรินต่างช็อคไปตามๆกัน พวกเขาปล่อยฮ่าวเหรินไปเมื่อเข้าใจสถานการณ์แล้วว่าฮ่าวเหรินคือคนที่ผู้ชายสองคนนั้นตามหาอยู่
นักศึกษาที่รายล้อมอยู่ต่างก็เริ่มซุบซิบกัน ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นในคาเฟ่เมื่อวันเสาร์นั้นเป็น "ข่าวใหญ่" แล้วชายสองคนที่มาหาฮ่าวเหรินด้วย S-Class Mercedes Benz ก็คงเป็น "ข่าวล่ามาแรง" ที่ยิ่งกว่า "ข่าวใหญ่" เสียอีก
"งั้นบ้านฮ่าวเหรินก็รวยน่ะสิ…"
"หรืออาจจะไม่ใช่ครอบครัวฮ่าวเหรินก็ได้นะ ดูปฏิกิริยาเขาสิ เขาดูช็อคมากเลยนะ"
เหล่าคนที่รู้จักฮ่าวเหรินแต่ไม่ได้สนิทกับเขามากต่างพากันซุบซิบคุยกันเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"พวกคุณคือ…" ฮ่าวเหรินมองชายสูทดำทั้งสองด้วยความงุนงง
"หัวหน้าของพวกเราซึ่งก็คือคุณพ่อของคุณจื่อ ส่งพวกเรามารับตัวคุณไปครับ เราจะไปกันบ่ายนี้ กรุณาขึ้นรถด้วยครับ" ชายปริศนาทั้งสองโค้งให้ฮ่าวเหรินอย่างอ่อนน้อมและพูดกับเขาอย่างสุภาพพร้อมกับเปิดประตูรถให้เขา
ฮ่าวเหรินไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ไปได้ เขาคิดว่าฉ่าวเหยียนจื่อกับพ่อแม่ของเธอจะตรงดิ่งไปที่สำนักงานอธิการบดีแต่กลายเป็นว่ามีรถซีดานมารับเขาไปแทน
"หรือนี่จะเป็นการเชิญไปงานศพตัวเราเองกันนะ หรือจริงๆแล้วเป็นการลักพาตัวกันแน่?"
"จะอะไรก็ช่าง พวกเขาคงไม่ทำอะไรเราหรอก" หลังจากยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ฮ่าวเหรินก็ก้าวขึ้นรถไป
โปรดติดตามตอนต่อไป………..