Dragon Kings Son-In-Law - DK : 5 ถึงเวลาหาคู่ครอง !
DK : 5 ถึงเวลาหาคู่ครอง !
วันต่อมาฮ่าวเหรินตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เขาออกกำลังกายเล็กน้อยและทำอาหารเช้าให้คุณย่าทาน จากนั้นก็ออกไปเดินเล่นริมหาดกับเธอในตอนเช้าที่มีแสงแดดอุ่นๆอย่างมีความสุข
"เหริน ช่วงนี้หลานดูกระปรี้กระเปร่ามากกว่าปกตินะ" คุณย่าพูดกับฮ่าวเหรินอย่างใจดีท่ามกลางลมอันสดชื่นจากทะเล
"อาหารก็เยอะกว่าปกติด้วยครับ" ฮ่าวเหรินยิ้ม
"ฮ่าฮ่า ไปเจอใครในมหาวิทยาลัยมาเหรอ?" คุณย่ายิ้มตอบแล้วถามต่อ
"ไม่ครับ…" ฮ่าวเหรินพยายามปิดบัง
"หลานต้องเจอใครมาแน่ๆ ลืมแล้วเหรอว่าย่าก็รู้ศาสตร์หมอดูด้วยน่ะ? ดูเหมือนหลานจะกำลังดวงดีเรื่องผู้หญิงเลยนะช่วงนี้" คุณย่าพูดกลั้วหัวเราะ
"อยู่มหาวิทยาลัย เรื่องเรียนสำคัญที่สุดสำหรับผมครับ ผมจะไปเดทกับใครได้ยังไง?" ฮ่าวเหรินบ่ายเบี่ยง
"นั่นน่ะความคิดของพ่อหลานต่างหาก จริงๆแล้วย่าอยากให้หลานมีแฟนนะ ถ้าเธอเป็นคนน่ารักก็อย่าลืมพามาหาย่าด้วยล่ะ" คุณย่าพูดต่อพร้อมยิ้มราวกับดอกทานตะวันที่แผ่ความอบอุ่นออกมา
"ตกลงครับ ผมจะพามาหาย่าทันทีที่ผมมีแฟนเลยครับ" ฮ่าวเหรินตกลงสัญญาอย่างจริงจัง นั่นยิ่งทำให้ย่าของเขายิ้มกว้างขึ้นไปอีก
ทั้งสองคนยืนมองทะเลอยู่บนโขดหินพักหนึ่งก่อนจะเดินกลับ
ฮ่าวเหรินเก็บเปลือกหอยเล็กๆมากมายตามทางขึ้นมา และเก็บมันลงใส่กระเป๋า
"หลานเก็บเปลือกหอยไว้เยอะแยะตั้งแต่เด็กแล้วใช่มั้ยล่ะ?" คุณย่าพูดขึ้น
"ถือเป็นของที่ระลึกน่ะครับ" ฮ่าวเหรินโยนเปลือกหอยอันหนึ่งขึ้นฟ้าแล้วคว้ามันไว้
"อืม เหริน หลานรักทะเลมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ตอนนี้หัวใจหลานคงกว้างใหญ่เท่ามหาสมุทรแล้วล่ะ" คุณย่าชื่นชมหลานตัวเองพลางก้าวเท้าลงบนทรายนุ่ม เธอพึมพำกับตัวเอง "หลานทั้งน่ารักทั้งใจดี ทำไมไม่มีผู้หญิงมาชอบบ้างนะ? อา! แล้วเมื่อไหร่ย่าจะได้เห็นหน้าเหลนล่ะเนี่ย…?"
แต่ฮ่าวเหรินไม่ได้ยินความคิดที่คุณย่าพึมพำออกมา เขาเพียงแค่คิดว่าย่าคงคิดถึงลูกชายของเธอเท่านั้น ฮ่าวเหรินอยู่กับย่าสักพักหลังจากที่ทั้งคู่เดินกลับมาบ้านแล้ว จากนั้นเขาจึงเริ่มเก็บของเตรียมตัวกลับมหาวิทยาลัย
คุณย่าช่วยเขาแพ็คกระเป๋าพร้อมด้วยขนมและผลิตภัณฑ์พื้นเมือง ทำให้กระเป๋าของฮ่าวเหรินแน่นกว่าตอนแรกมากพอสมควร
"เอาขนมพวกนี้ไปที่มหาวิทยาลัยแล้วก็แบ่งกับเพื่อนๆสิ ย่าชอบฉ่าวเจียยี่กับเด็กๆพวกนั้นนะ" คุณย่าพูดพลางเดินไปส่งฮ่าวเหรินที่ประตู
"โอเคครับ ดูแลตัวเองด้วยนะครับย่า" ฮ่าวเหรินแบกกระเป๋าอันหนักอึ้งขึ้นหลังแล้วเริ่มออกเดิน
ผู้คนที่นี่เดินทางด้วยพาหนะส่วนตัวกันทั้งนั้นแต่เนื่องด้วยจำนวนประชากรที่มีน้อย ที่นี่จึงไม่มีป้ายรถบัสให้บริการแต่จุดที่ใกล้ที่สุดก็อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว ฮ่าวเหรินจึงต้องเดินเท้าไปกว่าครึ่งชั่วโมงจึงจะถึงป้ายรถบัส ซึ่งมันเหมือนกับการออกกำลังกายคาร์ดิโอแบบฟูลคอร์สสำหรับเขาเลย
ฮ่าวเหรินคิดในใจระหว่างนั่งอยู่บนรถบัส "เป็นสุดสัปดาห์ที่ดีจริงๆ" ปล่อยให้รถบัสเคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้าเมืองท่ามกลางลมทะเลรสเค็มที่พัดมาเรื่อยๆ
ฮ่าวเหรินเริ่มแจกจ่ายขนมให้เพื่อนๆทันทีที่มาถึงมหาวิทยาลัยเพราะเขามั่นใจว่าถ้าเขากินเองคนเดียวคงต้องใช้เวลากว่า 2 อาทิตย์แน่ๆขนมพวกนี้ถึงจะหมด ซึ่งเหตุผลที่ย่าของเขาแพ็คขนมมาให้เยอะแบบนี้ทุกครั้ง นั่นเพราะเธออยากให้ฮ่าวเหรินแบ่งกินกับเพื่อนๆนั่นเอง
"คุณย่าเจ๋งที่สุด เราควรหาแฟนสักคนให้ย่าดีใจมั้ยนะ?" ฮ่าวเหรินคิดในใจพลางหยิบขนมออกมาจากกระเป๋า
สิ่งที่แปลกก็คือ มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ฮ่าวเหรินไม่รู้สึกเหนื่อยหลังจากแบกของหนักพวกนี้มากว่าครึ่งชั่วโมง เขาทดลองความแข็งแรงของข้อมือตัวเองเงียบๆ และพบว่าเขาสามารถยกโต๊ะให้สูงขึ้นประมาณ 2-3 เซนติเมตรจากพื้นได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
แต่ฮ่าวเหรินยังคงเคลือบแคลงใจอยู่ "ซู่ลี่เหริน ตอนนั้นนายบอกว่าอยากลองงัดข้อกับผมใช่มั้ย?"
ซู่ลี่เหรินที่กำลังเปิดถุงขนมด้วยความตื่นเต้น ต้องหันกลับมามองเขาทันที "ทำไม นายอยากงัดข้อกับผมเหรอ?"
"มาลองหน่อยแล้วกัน" ฮ่าวเหรินนั่งลงที่โต๊ะ
"ให้ตายสิ ครั้งที่แล้วนายยังแพ้ราบคาบไม่พออีกเหรอ? ผมจะใช้ความแข็งแรงของผมเพียงครึ่งเดียวแลกกับขนมทั้งหมดที่นายเอามาเลยนะ" ซู่ลี่เหรินวางถุงขนมลงแล้วมานั่งฝั่งตรงข้ามกับรูมเมท
อันที่จริงความแข็งแรงของร่างกายฮ่าวเหรินนั้นไม่ได้แย่เลย สองขาของเขาแข็งแรงมากเพราะการวิ่งออกกำลังที่สม่ำเสมอ นั่นจึงทำให้เขาสามารถรับเด็กสาวที่ร่วงลงมาจากฟ้าโดยไม่ล้มลงไปทั้งคู่ได้
แต่ถึงอย่างนั้น ฮ่าวเหรินก็ไม่ได้ออกกำลังร่างกายช่วงบนมากนัก เขาเลยแพ้งัดข้อซู่ลี่เหรินผู้สูง 180 เซนติเมตรทุกครั้งไป
ตอนนี้ทั้งสองคนมานั่งในตำแหน่งของตัวเองและจับมือกันและกัน เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ นักเรียนจากห้องพักห้องอื่นๆในหอก็เริ่มมามุงดูเพื่อดูการงัดข้อและเพื่อขนมด้วย
"เดี๋ยวจะโชว์การฆ่าจริงๆให้ดูเอง!" ซู่ลี่เหรินม้วนแขนเสื้อขึ้นด้วยความมั่นใจเต็มร้อย
ฝ่ายฮ่าวเหรินเมื่อนึกถึง "รอยสีเขียว" บนแขนแล้ว เขาก็เลือกที่จะไม่ม้วนแขนเสื้อขึ้นตาม
"สาม สอง หนี่ง!" ฉ่าวเจียยี่ในฐานะกรรมการปล่อยมือที่จับแน่นของผู้เข้าแข่งขันทั้งสองเป็นสัญญาณ “ เริ่ม ”
"ย้ากก!" ซู่ลี่เหรินร้องออกมาระหว่างรวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มี
ปึง! แขนซู่ลี่เหรินก็พลันถูกกดลงบนโต๊ะทันที
ผลการแข่งขันทำเอาทุกคนทึ่งไปตามๆกัน
"นี่ไม่นับนะ ไม่นับๆ ผมยังไม่พร้อม!" ซู่ลี่เหรินโบกมือไปมาพร้อมพูดไปด้วย "นายเริ่มก่อนผมจะนั่งนิ่งๆซะอีก นี่โกงกันชัดๆเลย"
ท่าทีฝ่ายฮ่าวเหรินยังคงนิ่งสงบ แม้จะรู้สึกแปลกใจก็ตามแต่ก็มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น
"อีกรอบ!" ซู่ลี่เหรินจับฝ่ามือฮ่าวเหรินอีกครั้ง เพราะเขาไม่ยอมรับความพ่ายแพ้นี้แน่ๆ
"สาม สอง หนึ่ง!" ฉ่าวเจียยี่พูดแล้วปล่อยมือทั้งสองคน
ครั้งนี้เป็นแมชท์ที่ดุเดือดมาก ซู่ลี่เหรินรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีมาใช้ ใบหน้าเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ในขณะที่เส้นเลือดดำปูดโปนขึ้นมาตามแขนและหน้าผาก มือของเขาค่อยๆขึ้นมาเป็นมือที่อยู่ด้านบนช้าๆ
ปึง! ครั้งนี้ ฮ่าวเหรินแพ้
ซู่ลี่เหรินกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจพร้อมกับบีบนวดแขนที่ปวดจี๊ดของตัวเองไปด้วย "แขนนายแข็งแรงขึ้นแล้วนี่ เพื่อน!"
"แต่ก็ยังแพ้นายอยู่ดี" ฮ่าวเหรินแค่นยิ้ม "เอาล่ะ เอาล่ะ มาแบ่งขนมกันดีกว่า"
"ขนม! ขนม! นายเอาขนมผมไป กู่เจี๋ยดง!" ซู่ลี่เหรินผู้ชนะเด้งตัวไปมาแล้วจับหมับเข้าที่ตัวกู่เจี๋ยดงด้วยความตื่นเต้น
ฮ่าวเหรินเหลือบมองพวกเขาแล้วเดินเลี่ยงออกมาที่ระเบียงเงียบๆ
"เรายังไม่ได้ออกแรงเต็มที่เลย อีกอย่างคือเราเอาชนะซู่ลี่เหรินได้ด้วย ตอนนั้นเราตั้งใจลดแรงลงเพื่อให้เขาชนะแมทช์นั้นไป ถ้าเทียบกับแมทช์งัดข้ออาทิตย์ที่แล้ว กำลังเราเพิ่มขึ้นมากจนน่ากลัวเลย…" ฮ่าวเหรินเงยหน้ามองพระจันทร์บนฟ้า พลางนวดข้อมือตัวเองด้วยความไม่สบายใจไปด้วย
ติดตามตอนต่อไป………….