Crazy Leveling System - ตอนที่ 154 ลอบโจมตี
ฉิ่ง เทียนซวนมองดูฉี ซู่หยุนที่พุ่งออกมาจากข้างใน ก็ยืนยิ้มอยู่ฝั่งตรงข้าม เขานั้นกลัวว่าฉี ซู่หยุนจะไม่ออกมา !!
" ช่างโง่ซะจริงๆ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะออกมา ไปจับตัวเธอมาให้ข้า จำไว้ ห้ามฆ่าเธอ !! " ฉิ่ง เทียนซวนยิ้มเยาะ
ที่ด้านหน้ากลุ่มของผู้เชี่ยวชาญขั้นแก่นวิญญาณนั้นพร้อมอยู่แล้ว เมื่อฉี ซู่หยุนบุกตะลุยเข้ามาก็โดนล้อมในทันที แต่ละคนก็ระเบิดพลังอันน่าหวาดกลัวจากภายในร่างกายของแต่ละคน พลังของพวกเขาเปลี่ยนเป็นตาข่ายบาง เข้าปกคลุมทั่วดินแดนแห่งนี้
" นี่เป็นกับดัก เจ้าตำหนักกำลังตกอยู่ในอันตราย !! " ผู้อาวุโสสองร้องอย่างกระวนกระวาย เธอต้องการที่จะออกไปช่วยแต่ก็ถูกผู้อาวุโสสามขวางเอาไว้
" อย่าออกไป เจ้าตำหนักได้ย้ำเตือนก่อนหน้านี้เอาไว้แล้ว ท่านจะให้พวกเราคอยปกป้องอยู่ที่นี่ " ผู้อาวุโสสามก็รู้สึกกระวนกระวายภายในใจเช่นเดียวกันแต่เธอเลือกที่จะเชื่อฟังคำสั่งของฉี ซู่หยุน
บรรพบุรุษที่เหลืออยู่ก็ยืนถัดเข้ามาอยู่ด้านหลัง คอยเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ที่นี่ พวกเธอพร้อมแล้วในการเตรียมตัว ที่จะเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง ต่างก็ปะทุพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมา
แต่ท่าว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะปะทุพลังมากขนาดไหนก็ตาม มันก็ไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไร พวกเธอก้าวหน้ามาถึงวันนี้ได้ แต่มันก็ถึงขีดจำกัดโดยสมบูรณ์แล้ว ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญขั้นแก่นวิญญาณเป็นจำนวนมาก พวกเธอก็มิอาจที่จะทำอะไรได้ ทำได้ก็แต่เพียงตั้งรับอยู่ภายในเพียงเท่านั้น
" เธอจะต้องระเบิดพลังแห่งพรสวรรค์เป็นแน่ พวกเราจะต้องเตรียมพร้อมในการโจมตีเพื่อเสียสละ….. " ผู้อาวุโสที่อยู่ใกล้นั้นพูดอย่างเคร่งขรึม
" นี่ เธอกำลังจะลดช่วงชีวิตของตัวเองลง….. "
" แต่มันก็ไม่มีทางเลือกแล้ว….. พวกเราจะต้องรอเวลาอีกซักหน่อย ซากปรักหักพังโบราณสถานสวรรค์จึงจะสามารถฟื้นฟูตัวเองได้หลายส่วน "
" อืม เธอฝืนโปรโมทระดับพลังของตัวเองอย่างเต็มกำลัง ยอมเสียสละแก่นเลือดของตัวเอง แต่ถ้าหากว่าตัวเธอไม่ทำอย่างนั้นแล้ว มันก็คงไม่มีทางที่จะขับเคี่ยวกับพวกเขาได้ "
ฉี ซู่หยุนเธอมิใช่คนโง่ เธอยอมเสี่ยงก็เพื่อจะทำให้ซากปรักหักพังโบราณสถานสวรรค์ได้พัก ถูกรุมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง จะยังไงก็ไม่สามารถที่จะต้านทานได้อยู่แล้ว ดังนั้นแล้วเธอจึงขอซื้อเวลาเพื่อที่มันจะได้มีเวลาในการฟื้นตัวขึ้นมาบ้างจากการถูกโจมตีที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง นี่จึงเป็นการดีในการดึงเวลาเพื่อให้มันได้ฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง
" เจ้าคิดว่าถึงเวลานี้แล้วยังจะสามารถหลบหนีรอดพ้นเงื้อมือของพวกเราไปได้อีกยังงั้นเรอะ !! " ฉิ่ง เทียนซวนสายตาเย็นชา เสียงพูดของเขาดูบิดเบี้ยวนั่นก็เพราะสีหน้าของเขา ณ ตอนนี้มันแฝงไปด้วยความอำมหิต
" จงแพ้ให้กับข้า !! "
สีหน้าของฉี ซู่หยุนกลายเป็นแดงก่ำ ปากของเธอพ่นแก่นเลือดออกมา เลือดสดๆก็ไหลลงสู่คมดาบ นี่เป็นเลือดที่เธอพ่นออกมา อาภรณ์สีขาวของเธอราวกับทิ้งดอกพลัมเอาไว้ (ดอกพลัม/ดอกบ๊วยเป็นดอกไม้ประจำชาติของจีน) หลังจากพ่นแก่นเลือดออกมาแล้ว ออร่าของเธอก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างรุนแรงอีกทั้งยังผนวกกับตัวเธอได้ผสมผสานหลอมรวมกับหยกเย็นจิตวิญญาณน้ำแข็งได้อย่างสมบูรณ์
พละกำลังก็พุ่งสูงขึ้นในทันใด ฐานบ่มเพาะพลังของฉี ซู่หยุนโปรโมทเลื่อนระดับขึ้นสู่มาตรฐานของขั้นแก่นวิญญาณระดับที่ 2 พลังไอเย็นแห่งธาตุน้ำแข็งของเธอเป็นมวลแห่งความเย็นที่เข้าล้อมรอบบริเวณนี้ในทันที ภายใต้การกวัดแกว่งของฉี ซู่หยุน ดาบยาวในมือเธอราวกับเปลี่ยนเป็นดาบน้ำแข็งยักษ์ มันวาดลวดลายอย่างบ้าคลั่ง !!
เมื่อตกอยู่ภายใต้การตวัดดาบอย่างบ้าคลั่งและต่อเนื่องของดาบยักษ์น้ำแข็งเล่มนี้ ตาข่ายบางที่ล้อมรอบตัวเธออยู่ก็ถูกตัดออกอย่างไม่คาดคิด พละกำลังนั้นถึงกระทั่งสะกดผู้อาวุโสเป็นจำนวนมากให้ต้องก้าวถอยหลังออกไป แถมไอเย็นยังลุกลามไปทั่วทั้งตัวของผู้ที่ถูกโจมตีเป็นบางคนในครั้งนี้ จนต้องถูกแช่แข็ง !!
พลังงานที่ราวกับจะทำลายโลก ถึงกับทำให้ฉิ่ง เทียนซวนจำต้องขมวดคิ้ว เขาไม่คิดเลยว่าฉี ซู่หยุนจะมีศักยภาพถึงเพียงนี้
พละกำลังที่ปะทุขึ้นในทันทีนั้นช่างน่าทึ่ง มันเลื่อนขึ้นมาหลายระดับอย่างสมบูรณ์ !! แต่สิ่งนี้ก็จำเป็นที่ผู้ใช้จะต้องจ่ายค่าตอบแทน ฉี ซู่หยุนแสดงแสดงท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งกว่า จำจะต้องเผาผลาญแก่นเลือดที่อยู่ภายในร่างของเธอเป็นจำนวนมาก ทำอย่างนั้นแล้วฐานพลังก็จะต้องร่วงลงไปจวบจนกระทั่งถึงการได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส !!
แต่ถึงมันจะยากลำบากยังไง นัยน์ตาของเธอที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารจึงปราศจากความกลัว หากเพื่อตำหนักหยกสวรรค์แล้ว เธอจึงต้องทำ นัยน์ตาของเธอมิได้มีความท้อแท้สิ้นหวังเลยแม้แต่นิดเดียว มันยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ดูเหมือนว่าเธอยังคงมีความหวังสำหรับอะไรบางอย่าง
เพื่อที่จะรักษาตำหนักหยกสวรรค์เอาไว้ ฉี ซู่หยุนจึงเลือกที่จะฝืนเลื่อนระดับฐานพลัง และนั่นก็เป็นกฏต้องห้ามที่สามารถจะเพิ่มพลังได้ชั่วคราวเท่านั้น และจากนี้เป็นต้นไปตัวเธอก็จะต้องยอมรับกับระดับของฐานพลังที่มันจะต้องร่วงลงมา แต่ถึงมันจะส่งผลกระทบยังไงเธอก็จะต้องทำ หากมิฉะนั้นแล้วมันจะต้องถึงวาระแห่งจุดจบเป็นแน่ !!
ณ เวลานี้ผู้อาวุโสหลายคนมีอันถูกแรงสั่นสะเทือนอัดจนกระเด็นไป นี่จึงเป็นสาเหตุให้ภายในใจของพวกเขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจมากจริงๆ ฐานพลังต่ำกว่าพวกเขาแต่เอาเข้าจริงกลับกดหัวพวกเขาลงได้ !!
เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้คนไปทั่ว ฉี ซู่หยุนชื่อของผู้ที่มีพรสวรรค์มิได้พูดขึ้นมากันอย่างเลื่อนลอย พลังที่ปะทุขึ้นมาภายในระยะเวลาอันจำกัดนั้น ความแข็งแกร่งของมันนำมาซึ่งผลลัพธ์อันน่าทึ่งยิ่งนัก
ถึงแม้ว่าพละกำลังของมันจะน่าสะพรึงกล้วแต่ฉี ซู่หยุนเองก็มาถึงขีดกำจัดแล้ว ร่างกายซึ่งเป็นรากฐานของเธอนั้นเดินทางมาถึงขีดจำกัดแล้ว ด้วยสภาพในปัจจุบันฝืนระเบิดพลังอย่างเต็มกำลังนี่ก็อัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งแล้ว ใบหน้าของฉี ซู่หยุน ณ ตอนนี้ซีดเหมือนกับกระดาษ ใบหน้าไม่มีสีเลือดแม้แต่นิดเดียว ออร่าที่ออกมาราวกับน้ำมันตะเกียงที่จวนเจียนจะแห้งอย่างเต็มทน ในไม่ช้ามันก็ต้องดับลงอย่างสมบูรณ์
" เจ้าตำหนักรีบถอยเร็ว !! " ณ เวลานี้บรรดาผู้อาวุโสต่างก็ส่งเสียงกระตุ้นฉี ซู่หยุ่น พวกเธอพยายามที่จะให้ตัวเธอรีบหลบหนี
ฉี ซู่หยุนกัดฟันขาวแน่น เธอต้องการที่จะเคลื่อนที่ถอยไปด้านหลัง แต่เอาเข้าจริงแล้วค้นพบว่าร่างกายของตัวเองราวกับติดอยู่ในบึง รู้สึกว่ายากที่จะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายได้
แต่เมื่อเธอลดหัวของตัวเองลงมาเพื่อมองดู ก็พบว่าตัวเองกำลังถูกครอบอยู่โดยตาข่ายบาง ติดอยู่ภายในตาข่ายอันเหนียวแน่น !!
" ขาดไปซะ !! "
เธอใช้ดาบยาวในมือ ตัดไปที่ตาข่ายบางปากนี้ แต่พละกำลังของเธอยามนี้ไม่เพียงพอ มันจึงไม่มีผลอะไร ตาข่ายบางปากนี้ได้ขังเธอไว้และมันก็ขังเธอเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ซะด้วย
" ข้าก็พูดเอาไว้แล้วว่า ณ เวลานี้ หากคิดที่จะหลบหนีมันก็ย่อมที่จะเป็นไปไม่ได้ !! " ฉิ่ง เทียนซวนพูดเยาะเย้ย เขายกเท้าขึ้นพุ่งเข้าหาฉี ซู่หยุน ความเร็วนั้นก็มิได้เร็วมากนักแต่ก็มิได้ช้ามากเช่นเดียวกัน การทำเช่นนี้นั้นจะต้องมีการบีบอัดพลังอันยิ่งใหญ่
" น….. นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น !! "
ใครบางคนถึงกับร้องลั่นขึ้นมาในทันที นี่ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้เป็นจำนวนมาก ต่างคนก็ต่างหันกลับมามอง ภาพที่เห็นถึงกับทำให้พวกเขาต่างก็พากันช็อค
ฉิ่ง เทียนซวนก็หันมาพร้อมกับพูดอย่างมิได้แยแสว่า " เป็นบ้ากันหรือยังไง ร้องหาอะไรกัน !! "
แต่เมื่อเขาหันกลับมามองดู ฉิ่ง เทียนซวนก็ตกอยู่ในอาการช็อคเช่นเดียวกัน นักสู้ที่พวกเขานำมา ต่างก็ร่วงหล่นกันอย่างไม่คาดฝันเป็นจำนวนมาก ร่างของพวกเขากลับกลายเป็นไม่มีออร่า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น !!
" นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นถึงได้เป็นเช่นนี้ ศิษย์เป็นจำนวนมากเหล่านี้ล้มตายได้อย่างไร !! " ศิษย์ที่อยู่ในขั้นแก่นวิญญาณต่างก็พากันช็อค ศิษย์ขั้นแก่นการควบแน่นต่างก็ล้มตายลงเป็นจำนวนมาก ทุกอย่างดูเงียบงัน ไม่รู้ว่าที่นี่มันเกิดอะไรกันขึ้น
ขณะที่พวกเขากำลังไขว้เขว้ ว้าวุ่น ทันใดนั้นเองร่างๆหนึ่งก็ได้ผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็วและแผ่วเบา มันเคลื่อนผ่านเข้ามาอย่างเงียบเชียบมาถึงด้านหน้าของฉิ่ง เทียนซวน แล้วดาบก็แทงออกมา
สัมผัสวิกฤตอันแรงกล้าที่เอ่อล้นออกมาจากก้นบึ้งความรู้สึกภายในของฉิ่ง เทียนซวน ส่งปฏิกริยาให้เขาส่งหลังมือออกไป แต่กระบวนการทั้งหมดนี้มันดูราวกับสโสว์โมชั่น กริชที่ร้ายกาจแทรกผ่านเข้ามา ราวกับเจาะกระดาษ ทะลุหลังมือของฉิ่ง เทียนซวนได้อย่างง่ายดาย
ในขณะเดียวกันก็มีคนที่กำลังเตรียมตัวที่จะเข้าไปสมทบ ทันใดนั้นที่หน้าอกของเขาก็พลันเกิดประกายแสงวิบวัม เกราะหนาที่เปรียบเสมือนโล่ปกป้องร่างกายของเขาพลันก็ระเบิดออก โดยฝีมือของใครบางคนที่กำลังลอบโจมตีเขาที่เป็นคนแทง !!
" แปง !! "
ร่างที่ถูกแทงนั้นกระเด็นลอยขึ้นไปแล้วก็ร่วงตกลงมาจากท้องฟ้า ร่างๆนั้นยังคงโถมเข้าหาผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขั้นแก่นวิญญาณที่อยู่ใกล้ กริชในมือของเขาทันใดนั้น มันก็เปลี่ยนไปเป็นดาบยาวที่ฟันลงมา
" ฉัวะ " ร่างของคนๆนั้นถูกตัดออกเป็น 2 ซีกได้อย่างง่ายดาย เหยื่อมิได้ส่งเสียร้องใดๆเลย เขาตายด้วยวิธีการฆ่าอันเด็ดขาด เลือดพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง !!
เมื่อคนที่เกะกะขวางทางต่างก็ตายไปหมดแล้ว เขาจึงเข้ามาอยู่ข้างๆของฉี ซู่หยุน ใช้ดาบตัดตาข่ายบางที่ครอบรัดตัวเธออยู่ออกไป
" ป้า ข้ากลับมาช้า " ร่างที่คุ้นตา เสียงที่คุ้นเคย ก็ปรากฏขึ้นในสายตาของฉี ซู่หยุน
" อืม " ฉี ซู่หยุนพยักหน้า สีหน้าที่ซีดขาวแสดงให้เห็นถึงรอยยิ้มอันสดใส ถึงแม้ว่าจะไม่มีสีเลือดอยู่บนใบหน้าของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว แต่มันก็ยังคงเป็นรอยยิ้มที่สวยงามเฉกเช่นเดียวกับเมื่อก่อนมิเปลี่ยนแปลง