Crazy Leveling System - ตอนที่ 153 กองกำลังที่กดดัน
ยี่ เทียนหยุนมุ่งตรงไปยังประตูทางเข้าของซากปรักหักพังโบราณสถานสวรรค์อย่างรวดเร็ว เขาเลียบเคียงไปตามทางพร้อมกับเข้าใกล้ยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น เขาสามารถสัมผัสได้ถึงออร่าของพลังอันแข็งแกร่งที่อยู่ด้านหน้า
" แปง !! "
เสียงที่ดังสนั่นไหวหวั่นถูกถ่ายทอดออกมา ราวกับการรวมตัวกันของพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ระเบิดพลังขึ้นในทันทีทันใด เสียงนั้นราวกับกึกก้องไปทั่วโลก มันชวนให้ผู้ฟังนั้นหูอื้อ พื้นดินก็มีอาการสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อต้องเจอกับพลังอันน่าทึ่งเป็นอย่างมากเช่นนี้
คิ้วของยี่ เทียนหยุนชันขึ้น เขาก้าวเท้าออกไปเพื่อเข้าใกล้และเข้าใกล้ยิ่งขึ้นไปอีกโดยมุ่งเข้าด้านใน ยิ่งเข้าใกล้เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังงานอันน่าหวาดกลัว ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการที่จะพังประตูหน้าของซากปรักหักพังโบราณสถานแห่งนี้และยังเลือกที่จะใช้วิธีการบางอย่าง
เมื่อยี่ เทียนหยุนเข้าใกล้ เขาก็เห็นกลุ่มคนที่อยู่ตรงบริเวณปากประตูทางเข้าของซากปรักหักพังโบราณสถานสวรรค์ ซึ่งก็มีปริมาณมาก
" มีผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขั้นแก่นวิญญาณเป็นจำนวนมาก….. " เมื่อยี่ เทียนหยุนเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน มีผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขั้นแก่นวิญญาณจำนวน 8 คนที่ยืนอยู่ก่อนถึงประตูหน้าของซากปรักหักพังโบราณสถานสวรรค์ มันเป็นที่ชุมนุมของกลุ่มพลังงานอันน่ากลัวที่เตรียมตัวคอยการ์ดประตูหินใบไม้แห่งนี้เอาไว้
ฐานพลังนั้นอยู่ในขั้นแก่นวิญญาณระดับ 2 ไปจนถึงแก่นวิญญาณระดับ 8 คิดว่าผู้ที่มีฐานพลังแข็งแกร่งที่สุดน่าจะเป็นเจ้าคฤหาสน์ปราณฟ้า
เจ้าคฤหาสน์ปราณฟ้าอุตสาห์มาด้วยตัวเอง การกระทำเช่นนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะบอกว่า พวกเขาเดือดดาลอย่างแท้จริง
ผู้เชี่ยวชาญที่ติดตามอยู่ด้านหลังก็คือขั้นแก่นการควบแน่น กำลังพลที่มีนั้นสูงเป็นอย่างมากถึงจำนวน 30 คน !! ที่เหลือส่วนใหญ่จะอยู่ในชั้นต้นก็คือ นักสู้ที่อยู่ในขั้นแก่นวิญญาณ กำลังคนนั้นสูงถึง 100 คน !!
ผู้เชี่ยวชาญขั้นแก่นวิญญาณมีอยู่หลายคน ขั้นแก่นการควบแน่นก็มีเป็นจำนวนมากถึง 30 คนและผู้บ่มเพาะพลังที่อยู่ในขั้นปรับแต่งวิญญาณก็มีมากกว่า 100 คน ทุกนิกายในปัจจุบันของทวีปพรมแดนปฐพี คิดว่าคงไม่มีนิกายไหนที่จะประสบความสำเร็จถึงขั้นนี้ได้ นี่คือขุมกำลังของคฤหาสน์ปราณฟ้า !!
บุกตำหนักหยกสวรรค์ คิดไม่ถึงเลยว่าถึงกับส่งกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา นี่เป็นเรื่องที่กล่าวเกินจริงมากไปหรือเปล่า ?? นี่เท่ากับว่าฆ่าลูกไก่ด้วยมีดแล่วัว เหมือนกับใช้ให้คนที่มีพรสวรรค์ไปนั่งอยู่ในตำแน่งที่ไม่มีความสลักสำคัญอะไรเลย
" ดูเหมือนว่าอีกไม่นานประตูหน้า บานนี้จะมิอาจต้านทาน….. " ยี่ เทียนหยุนพบว่า ณ ตอนนี้ประตูหน้าของที่นี่นั้นกำลังถูกพลังที่ชวนให้เขย่าขวัญสั่นประสาทรุมโจมตีมันอยู่ แต่ประตูใบไม้บานนี้ก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่เช่นเดิม
เขาไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ประตูหินนี้จะทนได้ แต่มันสามารถที่จะต้านทานการฟาดพลังใส่ของเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขั้นแก่นวิญญาณเป็นจำนวนมากได้ รอยแกะสลักยังชัดเจนเหมือนก่อนไม่เปลี่ยนแปลง แต่เมื่อเห็นสัญลักษณ์ด้านบนก็รู้ได้อย่างชัดเจนทันทีเลย ออร่าแสงสีทองที่เอ่อล้นออกมาจากสัญลักษณ์ที่ทำให้มันดูคลุมเครือไม่ชัดเจนนั้น ยังคงสามารถที่จะป้องกันการรุมสกรัมของการฟาดพลังอันแสนร้ายกาจ เข้าใส่มันได้อย่างมั่นคงแข็งแรงอยู่เลย นี่ทำให้ยี่ เทียนหยุนถึงกับถอนหายใจในการจัดวางอาเรย์อันทรงพลังของซวน เทียน (ความลับสวรรค์) ขั้นกษัตริย์
แต่ถึงแม้ว่ามันจะแข็งแกร่ง มันก็คงไม่สามารถทานทนต่อการระดมยิงในระยะเวลานานได้ ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขั้นแก่นวิญญาณเป็นจำนวนมากล้วนเข้ามาเป็นลำดับ จบลงแล้วก็ต่อด้วยผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขั้นแก่นการควบแน่น พวกเขาไม่เชื่อว่าการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าโจมตีซะขนาดนี้แล้ว จะไม่สามารถทำให้ประตูใบไม้นี้พังลงได้
" เตรียมตัวพุ่งเข้าโจมตีรอบต่อไป !! " สายตาของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งดูเย็นชา ฐานบ่มเพาะพลังของเขา ณ ที่นี้สูงที่สุด แตะระดับขั้นปรับแต่งวิญญาณระดับที่ 8 เขาก็คือเจ้าคฤหาสน์ปราณฟ้า ฉิ่ง เทียนซวน !!
" ข้าไม่เชื่อว่าประตูใบไม้นี้จะสามารถต้านทานได้เป็นระยะเวลานาน !! " ฉิ่ง เทียนซวนพูดเย้ยหยันว่า " ฆ่าผู้อาวุโสของพวกเราแล้วยังจะหลบซ่อนอยู่ในซากปรักหักพังโบราณสถานสวรรค์อีก คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้อย่างงั้นรึ ?? เกิดเรื่องขึ้นที่นี่ ถึงแม้ว่าการจะโจมตีกลุ่มอิทธิพลของทวีปพรมแดนปฐพีจะต้องคอยกังวลเกี่ยวกับธรรมเนียมปฏิบัติ ข้าจึงยังไม่กล้าที่จะทำอะไรตามอำเภอใจนัก แต่อย่างไรก็ตามที ณ ตอนนี้ถือว่าเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยม นั่นก็เพราะพวกเจ้าทำให้ข้านั้นมีข้ออ้างอันเยี่ยมยอด !! "
ในทวีปพรมแดนสวรรค์นั้นมีธรรมเนียมปฏิบัติอยู่ข้อหนึ่ง พวกเขาไม่สามารถที่จะบุกรุกเข้าไปยังดินแดนของทวีปพรมแดนปฐพีได้ตามอำเภอใจ เนื่องมาจากว่าความแตกต่างของระหว่างทั้งสองทวีปนั้นห่างกันราวฟ้ากับเหว ดังนั้นแล้วจึงไม่อนุญาตให้บุกรุกได้ตามอำเภอใจ นี่มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายเป็นอย่างมากในการที่จะคร่าชีวิต ซึ่งพวกเขาก็มิได้ต้องการที่จะเห็นเช่นนั้น
แต่ทว่า….. ก็ยังอนุโลมสามารถส่งผู้เชี่ยวชาญออกไปเพื่อที่จะทำให้กลุ่มอิทธิพล 1-2 กลุ่มเป็นหุ่นเชิดของตัวเองได้ ราวกับว่าเล่นบทบาทของการปกครอง ซึ่งอันที่จริงแล้วกฏระเบียบนี้ก็เป็นแค่เครื่องประดับที่มีเอาไว้เสริมแต่ง เป็นเพียงข้ออ้างที่อนุญาตให้แหกกฏได้นิดๆ
ดังนั้นแล้ว ณ ตอนนี้ พูดได้ว่าการที่ตำหนักหยกสวรรค์ได้ท้าทายศักดิ์ศรีของคฤหาสน์ปราณฟ้า ฆ่าผู้อาวุโสของพวกเขา ด้วยคำกล่าวอ้างนี้พวกเขาก็สามารถที่จะมาเยี่ยมเยียนไล่ล่าสังหารตำหนักหยกสวรรค์ได้แล้ว อีกทั้งยังจะสามารถถือโอกาสนี้บุกเข้าโจมตีกลุ่มอิทธิพลอื่นที่อยู่รายล้อมได้อีกด้วย
กลุ่มอิทธิพลของทวีปพรมแดนสวรรค์ ถึงแม้ว่าใครๆจะรู้ว่าคฤหาสน์ปราณฟ้ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่พวกเขาก็มิได้พูดอะไร ตราบใดสิ่งที่คฤหาสน์ปราณฟ้ากำลังกระทำมิได้เกี่ยวข้องกับพวกเขาแล้ว ใครมันจะเป็นอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใส่ใจ
การตายของผู้อาวุโสในครั้งนี้ ทำให้ทุกคนต่างก็ชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่ง เปรียบเทียบกับการจะหาข้ออ้างในการบุกรุกดินแดนแห่งนี้ได้ตามใจชอบ การตายของผู้อาวุโสเวยจึงนับว่าคุ้มค่าแล้ว
" อี๊ด แอ๊ด !! – เสียงดังก้องกัมปนาทไปทั่ว "
ณ เวลานี้ประตูหินค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ ฉิ่ง เทียนซวนยกมือของเขาขึ้น เป็นการส่งสัญญาณบอกใบ้ให้พวกเขาหยุดโจมตี พวกเขาต่างก็เพ่งมองไปที่ช่องแคบๆของประตูที่กำลังเปิดออกอย่างช้าๆ สายตาที่มองนั้นคล้ายดั่งงูพิษ บานประตูหน้าทั้ง 2 ข้างที่ปิดสนิทก่อนหน้านี้ มาบัดนี้เพิ่งจะปรากฏช่องเปิดออกมา หลายร่างก็พลันเดินออกมาจากด้านใน
" ป้า !! " เมื่อยี่ เทียนหยุนเห็นชัดเจนว่าบุคคลที่เดินนำออกมาคนแรกนั้นเป็นใคร ใจของเขาก็รู้สึกสั่นไหวนิดๆในทันที
ฉี ซู่หยุนที่ในมือกุมดาบยาวก้าวเท้าเดินออกมา เสื้อผ้าสีขาวของเธอมาบัดนี้ต้องแปดเปื้อนไปด้วยคราบเลือด ใบหน้าของเธอดูซีดขาวเป็นอย่างมาก ชัดเจนว่าตัวเธอจะต้องผ่านประสบการณ์ในการสู้รบมา จึงทำให้เธอมิได้รับบาดเจ็บเพียงแค่เล็กน้อย
เมื่อเห็นฉี ซู่หยุนออกมาจากประตูหินด้วยสีหน้าบนใบหน้าอันดูซีดเซียวขนาดนั้นแล้ว มันทำให้ภายในใจของยี่ เทียนหยุนนั้นถึงกับสั่น ไม่คิดเลยว่าฉี ซู่หยุนที่งดงามในอดีตจะตกอยู่สภาพเช่นนี้ได้
ดูจากการผันผวนไปมาของออร่าที่ออกมาจากร่างของเธอแล้ว ยี่ เทียนหยุนรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าออร่าของเธอนั้นอ่อนแอเป็นอย่างมาก เธอจะต้องมิได้รับบาดเจ็บเพียงแค่เล็กน้อยอย่างแน่นอน นี่ทำให้ยี่ เทียนหยุนรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ณ ตอนนี้เขาอยากที่จะสับไอ้พวกสารเลวกลุ่มนี้ ให้ตกตายภายใต้คมดาบซะทันทีเลย !!
" ถอยกันเข้าไปหลบอยู่ด้านใน ในที่สุดก็ยกเลิกแล้วหรือ ?? ข้าหลงคิดไปมาพวกเจ้าจะไม่ออกมาแล้วซะอีก !! " ฉิ่ง เทียนซวนพูดอย่างขึงขัง " เจ้าตำหนักฉี เรื่องที่ท่านได้ฆ่าอาวุโสของพวกเรา ข้าจะไม่สอบสวนหาความเอาผิด แต่ตัวท่านจะต้องส่งมอบฆาตกรให้กับข้าบวกกับตัวท่าน จะต้องแต่งงานกับข้า ดังนั้นแล้วเรื่องของตำหนักหยกสวรรค์ ตัวข้าจะไม่แตะต้องสอบสวนอีกแม้แต่นิดเดียว !! และตำหนักหยกสวรรค์จะต้องกลายมาเป็นนิกายที่ผูกติดกับคฤหาสน์ปราณฟ้าของพวกเรา !! "
ณ ชั่วเวลานี้ ฉิ่ง เทียนซวนระบุที่จะให้ฉี ซู่หยุนแต่งงานกับตัวเขา นัยน์ตาที่เขามองดูฉี ซู่หยุนนั้นมันเต็มไปด้วยความหื่นกระหายที่อยากจะได้ฉี ซู่หยุนมาไว้ในครอบครอง ตราบใดที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นนักสู้ที่มีพรสวรรค์แล้ว เขาจะต้องเก็บเอาไว้ !! และยิ่งเป็นผู้หญิงที่พยศที่ได้มาจากการพิชิตศึกสงครามแล้วละก็ มันก็จะยิ่งออกรสออกชาติน่าพอใจยิ่งขึ้นไปอีก
ฉี ซู่หยุนนิ่งเงียบ เธอหรี่ตาลงข้างนึงกวาดมองดูผู้คนแล้วพูดว่า " ข้าจะติดตามท่าน แต่ท่านจะต้องปล่อยตำหนักหยกสวรรค์ไป "
" ตัวข้าก็ได้พูดออกไปแล้วว่าเจ้าจะต้องทำการส่งมอบตัวฆาตกรมาให้กับข้า นี่ถึงจะบรรลุเงื่อนไขข้อตกลง !! ฉิ่ง เทียนซวนพูดอย่างเย็นชาอีกว่า " ณ ตอนนี้มิใช่ว่าตัวเจ้าจะสามารถถกเงื่อนไขต่อรองกับข้าได้ เจ้าคิดหรือว่าอาศัยซากปรักหักพังโบราณสถานแหงนี้นะ จะสามารถต้านทานการโจมตีของพวกเราเอาไว้ได้อย่างงั้นหรือ ?? มิต้องใช้เวลาถึงหลายวันหรอก ประตูใบไม้ที่อยู่ด้านหน้าบานนี้ก็จะต้องพังทลายลงด้วยฝีมือของพวกเรา ถึงเวลานั้นตำหนักหยกสวรรค์ก็จะต้องถูกแล่ออกมาเป็นชิ้นๆ !! และเมื่อถึงเวลานั้นแล้วมันก็ไม่ง่ายที่จะกลายมาเป็นนิกายที่ผูกติดกับพวกเราง่ายดายเช่นครั้งก่อน ข้าหวังว่าตัวท่านคงจะเข้าใจนะ "
พวกเขามีอำนาจที่เหนือกว่า ใยจะต้องเจรจาตกลงเงื่อนไขอะไรด้วย นั่นมันเป็นพฤติกรรมของคนโง่ เมื่อกุมพลังอำนาจทั้งหมด เงื่อนไขใดๆก็มีแต่จะต้องเป็นอันตกไป จะมาพูดจาไร้สาระถึงข้อบังคับอะไร
" ก็ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว งั้นก็ตายซะ !! " ประกายไอเย็นเรืองแสงเปล่งประกายขึ้นที่นัยน์ตาคู่สวยทั้ง 2 ข้างของฉี ซู่หยุนขึ้นพร้อมกัน เธอจับดาบขึ้นทันทีมุงตรงไปข้างหน้าก็เพื่อหมายที่จะฆ่า ออร่าของเธอนั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรงแทบจะในทันใด ฐานบ่มเพาะพลังที่อยู่ในขั้นแก่นวิญญาณปะทุขึ้น ทุกที่ ณ ตอนนี้ถูกกระแสแห่งไอเย็นเข้าปกคลุมอย่างลุกลาม ราวกับจะแช่แข็งภูมิภาคใหญ่บริเวณนี้เอาไว้ !!
" พวกเจ้าอยู่ที่นี่ห้ามขยับ !! ก่อนที่ฉี ซู่หยุนจะออกไป เธอได้ใช้ลมปราณเสียงส่งผ่านคำสั่งออกไป
" เจ้าตำหนักอย่าออกไป พวกเขาต่างก็แข็งแกร่งเกินไป !! " อาวุโสทั้ง 2 คนที่อยู่ในชุดเมฆยาวต่างก็ร้องตะโกนห้ามปรามเธอเอาไว้
ด้านหน้านั้นมีผู้เชี่ยวชาญอยู่เป็นจำนวนมาก หาก ว่าฉี ซู่หยุนตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูแล้วละก็ ครานั้นเธอคงจะไม่สามารถหนีออกมาได้แน่ แต่ฉี ซู่หยุนผู้อยู่ในชุดขาวที่กำลังปลิวไสวโบกสะบัดอยู่ในขณะนี้กลับทำเป็นหูทวนลมแล้วออกตัวพุ่งไปยังด้านหน้า สีหน้าของเธอนั้นดูเมินเฉยเป็นที่สุด อุณหภูมิโดยรอบ ณ ขณะนี้ตกลงก็เพราะว่าไอเย็นที่เธอปลดปล่อยออกมาเป็นอย่างมากนั่นเอง
พลันสายตาของยี่ เทียนหยุนที่ซ่อนตัวอยู่ ณ สถานที่อันห่างไกลก็ดูวูบวาบ เขาในตอนนี้ตระเตรียมที่จะเข้าช่วยฉี ซู่หยนแล้ว !!