Crazy Leveling System - ตอนที่ 133 พบกันอีกครั้งหนึ่ง
" ฉือน้อย โปรดช้าลงหน่อย " เขาเดินถือร่มเข้ามาใกล้กับยานพาหนะขนนกอีกคันหนึ่ง แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจใดๆต่อตัวของชายหนุ่มเลยแม้แต่นิดเดียว เธอกลับเดินออกไปในทันที
ที่เดินอยู่ก็คือ หญิงสาวที่ดูสละสวย แต่ใบหน้าของเธอนั้นดูเย็นชา เธอไม่ยอมที่จะยืนอยู่ที่เดียวกับฉิ่ง หลิวหยุน แต่เลือกที่จะหยุดยืนอยู่อีกที่หนึ่ง เธอโคจรพลังวิญญาณเพื่อต่อต้านเม็ดฝนที่ดูจะไม่เป็นไปตามธรรมชาติ มันดูผิดธรรมชาติซะมากกว่า
" ไม่จำเป็น ข้ายืนเองได้ " ยู่ ฉือเชียนพูดพร้อมกับสีหน้าที่ดูไม่แยแสอะไร เธอเลือกที่จะยืนอยู่ด้านข้างของฝั่งตรงข้ามที่ไกลออกไปเป็นอย่างมาก
ผู้ที่เดินมาด้วยกันกับเธอ เป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่ง มองดูไม่ได้สละสวยเหมือนกับยู่ ฉือเชียน เธอมองไปที่ฉิ่ง หลิวหยุน สีหน้าบ่งบอกถึงความรังเกียจ ชิงชังที่มีต่อฝั่งตรงข้าม " ฉิ่ง หลิวหยุน เจ้าตามพวกเรามาด้วย เราสองคนพี่น้องออกมาด้านนอกก็เพื่อหาประสบการณ์ แล้วตัวเจ้าแกล้งทำเป็นตาบอดตามพวกเรามาทำอะไร ?? "
" ข้าในเวลานี้ รู้สึกเป็นกังวลต่อพวกท่านทั้งสอง พวกท่านไม่เคยได้ยินหรือว่าที่นี่นั้นมีสัตว์อสูรอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ฉือน้อยกับยู่น้อย หากพวกเจ้าทั้งสองเกิดได้รับบาดเจ็บขึ้นมาแล้วจะทำยัง ?? " ฉิ่ง หลิวหยุนสีหน้ายิ้มแย้ม เขาไม่ได้โกรธแต่อย่างใด
" ที่นี่มีสัตว์อสูรอย่างงั้นหรือ เจ้าลองจ้องมองดูซิว่า สัตว์อสูรที่ไหนจะมาที่นี่….. หือ นี่มีใครที่มาที่นี่ก่อนพวกเราหรือนี่ ?? " เมื่อเจ้า ยู่พลันเห็นยี่ เทียนหยุนที่อยู่ใกล้ ภายในใจของเธอก็รู้สึกประหลาดใจอยู่หลายส่วน สถานที่แห่งนี้นั้นอันตรายเป็นอย่างมาก มันติดโผอยู่รายชื่อที่เป็น 1 ใน 5 ของโซนอันตรายขนาดใหญ่ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีใครบางคนที่มาก่อนพวกเธอเช่นนี้
ฉิ่ง หลิวหยุนมองตรงมาที่นี่ ก่อนหน้านี้ตัวเขาเองก็ได้มองเห็นยี่ เทียนหยุนแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร นั่นก็เพราะว่าในความคิดของเขา คิดว่าฝ่ายยี่ เทียนหยุนคงจะคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ ก็เลยมิได้สนใจที่จะมองมายังตัวของเขาเลย
" เฮ้ ฝั่งนั้นนะ ท่านมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไรอย่างนั้นหรือ ?? " ฉิ่ง หลิวหยุนตะโกนถามยี่ เทียนหยุน
แต่ยี่ เทียนหยุนไม่ได้แยแสแต่อย่างใด กระทั่งชายตามองเขาก็ยังไม่ทำเลย
" พี่ใหญ่ฉิ่ง หลิวหยุนถามคำถามกับตัวเจ้า แล้วทำไมเจ้าถึงยังไม่พูด เงียบอยู่ทำไมเล่า !! " ณ เวลานี้ บุคคลอีกผู้หนึ่งที่ก้าวออกมาจากยานพาหนะ เขาสวมใส่เสื้อผ้าของคฤหาสน์ปราณฟ้าเช่นเดียวกัน ฐานพลังก็ไม่เลว ฐานพลังของเขานั้นอยู่ในขั้นของแก่นการควบแน่นระดับที่ 7
หากมองดูพวกเขาเหล่านี้ที่ยังดูไม่แก่แล้ว แต่ฐานพลังกลับมาถึงขั้นนี้ได้ นี่ย่อมจะเป็นบรรดารุ่นเยาว์ของคฤหาสน์ปราณฟ้าที่มีพรสวรรค์อย่างแน่นอน สามารถที่จะพูดได้เลยว่าคุณสมบัติของคฤหาสน์ปราณฟ้านั้นใหญ่โตเป็นอย่างมาก หาไม่มิฉะนั้นแล้วก็คงจะไม่สามารถรักษาตัวยืนหยัดอยู่ในทวีปพรมแดนสวรรค์ได้เป็นแน่
ยี่ เทียนหยุนมองดูเขาอย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าถึงแม้ว่าตัวเขาจะอยู่เฉยๆ แต่ฝั่งตรงข้ามก็เกลียดเขาเข้าให้ซะแล้ว จากสายตาของการดูหมิ่นเหยียดหยามและไม่ได้สนใจที่จะมองดูตัวของเขาเลย
" ผู้เยาว์ผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ ดูเหมือนว่าท่านจะมาที่นี่ก่อนพวกเรา ไม่ทราบว่าเมื่อท่านมาถึงที่นี่ ตัวท่านได้พบเห็นสัตว์อสูรตัวใดบ้างหรือไม่ ?? " ยู่ ฉือเชียนเธอเดินเข้ามาสอบถาม บุคลิกลักษณะนั้นดูสุภาพนิ่มนวล เธอไม่มีการชักสีหน้า
" ที่นี่นั้นมีสัตว์อสูรอยู่จริง แต่ก็ถูกฆ่าตายด้วยฝีมือของข้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว " เมื่อนั้นยี่ เทียนหยุนจึงได้พูดตอบกลับมา
" ฮ่าๆๆ ถูกฆ่าโดยเจ้า ?? " เสี่ยว เจียนเหรินถึงกับหัวเราะ " ถ้าหากว่าพวกมันถูกฆ่าโดยเจ้าแล้วละก็ แล้วไหนละศพ ?? ที่นี่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ยังจะมีหน้ามาบอกข้าอีกเรอะว่าถูกฆ่าไปหมดแล้วนะ ?? ใครกันแน่ที่โกหก !! อีกด้านหนึ่งทางฝั่งของหอแห่งดวงดาว คำพูดของชายชราดูจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลซักเท่าไรเลย ตามที่ตกลงกันไว้ ก็ไหนว่าที่นี่มีสัตว์อสูรอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย !! "
เสี่ยว เจียนเหรินไม่เชื่อในคำพูดของยี่ เทียนหยุน แต่ตัวของยี่ เทียนหยุนนั้นไม่อยากที่จะอธิบายอะไรมากนัก เขาก็เลยพูดสวนออกไปตรงๆว่า
" จะเชื่อหรือไม่เชื่อ นี่มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวข้า " พูดแล้วยี่ เทียนหยุนก็หันหลังเดินจากไป เขาไม่อยากที่จะหยุดอยู่ที่นี่ เขาวางแผนที่จะลงไปสำรวจด้านล่างตรงกลางของเกาะกลุ่มปีศาจ เพื่อที่จะมองดูว่า ณ ที่แห่งนั้นมันจะมีอะไรอยู่บ้าง
ก็ในเมื่อพฤติกรรมของบรรดาสัตว์อสูรเหล่านี้ดูแปลกๆ ที่นี่จะต้องมีอะไรบางอย่างอยู่อย่างแน่นอน มิฉะนั้นแล้วย่อมจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ เกี่ยวกับบุคคลของคฤหาสน์ปราณฟ้า 2 คนนี้ หากว่ายี่ เทียนหยุนลงมือ ทางด้านของคฤหาสน์ปราณฟ้าที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเป็นการชั่วคราว หากเกิดปัญหาฆาตกรรมเกิดขึ้นที่นี่แล้วมีการแพร่งพรายออกไป มันก็ย่อมที่จะไม่ดีแน่ มันง่ายที่จะนำปัญหาให้ตามมา
" เจ้า !! " เสี่ยว เจียนเหรินเมื่อเห็นว่ายี่ เทียนหยุนนั้นไม่ได้ให้ความสนใจต่อตัวเขาเลย เมื่อนั้นเขาจึงหมายที่จะหยุดยี่ เทียนหยุนด้วยการเรียก แต่ทว่าฉิ่ง หลิวหยุนก็นำมือออกมาหยุดเขาเอาไว้ พร้อมกับพูดอย่างไม่แยแสว่า " ห้ามหุนหันพลันแล่น ที่นี่ยังมีฉือน้อยอยู่ ให้คราบเลือดเลอะเทอะที่นี่ มันคงจะไม่น่ามองซักเท่าไรนัก "
" อืม ถ้ายังงั้นก็ได้ ไว้ชีวิตของมันไปก่อนก็แล้วกัน !! " เสี่ยว เจียนเหรินถอนหายใจอย่างเย็นชา แต่ก็เสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก
" ฉือน้อย พวกเราลองวนเวียนดูแถวนี้ซักรอบเป็นอย่างไร เผื่อจะมีสัตว์อสูรอยู่ที่ใดที่หนึ่ง ณ บริเวณนี้ ข้ายังได้ยินมาอีกว่า ที่นี่นั้นมีปรากฏการณ์แปลกๆเกิดขึ้น แล้วอย่างนี้มันจะไม่มีสมบัติที่มีค่า ณ ที่แห่งนี่อย่างนั้นหรือ " ฉิ่ง หลิวหยุนพูดยิ้มแย้ม
" ปรมาจารย์หนุ่มแห่งปราณฟ้าได้โปรดอย่าได้เป็นตัวถ่วงพวกข้าเลย และได้โปรดอย่าตะโกนเหมือนพวกท่านเป็นเพื่อนสนิทกับเขาซะขนาดนั้นอีกเลย " ยู่ ฉือเชี่ยนพูดออกอย่างมิได้ใส่ใจ
พูดแล้วตัวเธอก็เดินนำหน้าออกไป เจ้า ยู่ก็เดินตามไปอย่างรวดเร็ว ความโกรธนั้นเคลื่อนผ่านนัยน์ตาของฉิ่ง หลิวหยุน (เมฆที่ล่องลอยอยู่ในนภากาศสีฟ้า) อย่างนิ่มนวลและรวดเร็ว แต่เขายังคงข่มมันเอาไว้อยู่ภายใน ตัวเขาต่างก็มองหน้ากันไปมากับเสี่ยว เจียนเหริน แล้วก็ออกติดตามไปอย่างรวดเร็ว
ยี่ เทียนหยุนที่ออกมาก่อนหน้านั้น เขาเดินวนเป็นวงกลมอยู่ ณ ตอนนี้ เขาไม่ได้พบเจอเข้ากับสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย จะเห็นก็แต่บุคคลทั้งสี่ที่ออกมาจากด้านข้างของภูเขาฝั่งตรงกันข้าม พวกเขาอยู่ต่อหน้าของแผ่นศิลาจารึกหิน
ศิลาจารึกหินที่ยี่ เทียนหยุนเห็นอยู่นี้ มันดูราวกับภูเขาลูกเล็กๆลูกหนึ่งที่สูงถึง 10 จิ้ง (33.3 ม.) เหนือตราสัญลักษณ์ขึ้นไปมีตัวหนังสือที่ถูกแกะสลักเอาไว้อยู่เป็นจำนวนมาก มันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินเข้าใกล้เพื่อมองดู สามารถที่จะมองเห็นเนื้อหาได้อย่างชัดเจน
ศิลาจารึกหินนี้สูงเป็นอย่างมาก จึงสามารถที่จะมองเห็นได้ชัดเจนเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามเมื่อยี่ เทียนหยุนเดินลงมาจากภูเขา พอเริ่มที่จะเข้าใกล้ ความรู้สึกที่ได้มองจากระยะใกล้นั้น มันกลับเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งเป็นอย่างมาก
ในขณะที่เขาเดินลงมา ก็ได้พบกับบุคคลทั้งสี่ ที่เขาได้พบก่อนหน้านี้
" เป็นเจ้า ?? " เมื่อเสี่ยว เจียนเหรินเห็นยี่ เทียนหยุนเดินมา ความโกรธของเขาก็พุ่งผ่านนัยน์ตาทั้งสองข้างของเขาอย่างแผ่วเบาและรวดเร็ว ดีที่ฉิ่ง หลิวหยุนตรงเข้าบล็อคตัวเขาก่อนหน้านี้ ไม่อย่างงั้นเกรงว่าเขาคงจะต่อยหมัดเข้าใส่ยี่ เทียนหยุนไปเรียบร้อยแล้ว
" มีปัญหาอะไรอย่างงั้นรึ ?? " ยี่ เทียนหยุนเหลือบตามองดูเสี่ยว เจียนเหริน
" คำถามที่ข้าถามเจ้าเมื่อครั้งก่อน เจ้ายังไม่ได้ตอบข้าเลย !! " เสี่ยว เจียนเหรินพูดอย่างโมโห
" ข้าได้ตอบเจ้าไปแล้ว ก็ในเมื่อเจ้าเชื่อมั่นในตัวเอง นี่ก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับตัวข้า " ยี่ เทียนหยุนเองมิได้มีความชื่นชอบใดๆต่อคฤหาสน์ปราณฟ้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อผนวกเข้ากับบุคลิกลักษณะในปัจจุบันที่ค่อนข้างจะต่ำทรามเข้าไปอีก เขาจึงไม่ค่อยที่จะสบอารมณ์ซักเท่าใดนัก
หากไม่ติดใครบางคน ณ ที่นี่ เขาคงจะลงมือใช้พัดด้ามยาวสังหารพวกเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
" เจ้าคิดว่าเจ้าแน่มากหรือยังไง ?? " เสี่ยว เจียนเหรินหมายที่จะพุ่งไปข้างหน้าแต่ฉิ่ง หลิวหยุนนั้นดึงเขาไว้จากทางด้านหลัง
" ปล่อยเขาไปเถอะ พวกเราจะต้องสังเกตศิลาจารึกหินเป็นลำดับแรก หลังจากนั้นเราก็ค่อยย้อนกลับมาคิดบัญชีปัญหานี้กับเขาอีกครั้งหนึ่ง " ฉิ่ง หลิวหยุนถ่ายทอดลมปราณเสียง
เสี่ยว เจียนเหรินข่มความโกรธของตัวเองลง หันหลังจากไปโดยที่ไม่ได้สนใจในตัวของยี่ เทียนหยุนอีก
ยี่ เทียนหยุนก็ไม่อยากที่จะสนใจเสี่ยว เจียนเหรินเหมือนกัน สายตาของเขานั้นจดจ้องอยู่ที่ศิลาจารึกหินลูกนี้ ว่าจริงๆแล้วด้านบนนั้นมันได้เขียนตัวอักษรอะไรเอาไว้บ้าง
" เจ้าก็มาดูศิลาจารึกหินนี้ด้วยอย่างงั้นรึ " ปากของเสียว เจียนเหรินยังคงไม่หยุดพูด เมื่อเขาเห็นยี่ เทียนหยุนนั้นจ้องไปที่ศิลาจารึกหินอย่างไม่วางตา มันก็ทำให้ตัวเขานี้ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
" มีปัญหารึ ?? " ยี่ เทียนหยุนมองอย่างเผินๆ
" จริงๆแล้วตัวข้าก็มิได้มีปัญหาอะไรหรอกนะ แต่บางสิ่งบางอย่างมันก็ต้องใช้พรสวรรค์ที่ค่อนข้างจะพิถีพิถันซักหน่อย " เสี่ยว เจียนเหรินเสียดสี
" อย่างนั้น เจ้าสัมผัสรู้ทำความเข้าใจอะไรที่ได้จากศิลาจารึกหินนี้อย่างงั้นรึ ?? " ยี่ เทียนหยุนพูดอย่างไม่แยแส
" จริงๆแล้วข้าก็ยังไม่ได้ที่จะสัมผัสรู้ทำความเข้าใจอะไรหรอก แต่พี่ใหญ่ของข้าเขาสามารถที่จะทำได้ !! " เสี่ยว เจียนเหรินมองตรงไปที่ฉิ่ง หลิวหยุนที่ยืนอยู่ฝั่งโน้น พร้อมบอกใบ้เป็นนัย
ในครานี้หญิงสาวทั้งสองต่างก็มองหน้ากัน ดวงตาคู่สวยต่างก็ประหลาดใจอยู่หลายส่วน ศิลาจารึกหินนี้คืออะไรพวกเธอก็ยังไม่เข้าใจเลย แล้วจะนับประสาอะไรกับการสัมผัสทำความเข้าใจ หากว่าฉิ่ง หลิวหยุนสามารถที่จะตระหนักรู้ทำความเข้าใจถึงหลักการอันนี้ได้จริงแล้วละก็ นี่อาจจะเรียกว่าเป็น พรสวรรค์อันสูงส่ง !!
" ถึงแม้ว่าเนื้อหาของศิลาจารึกหินนี้จะยังคลุมเครือ ไม่ชัดเจนอยู่ หากทว่าการรับรู้ผ่านการทำสมาธิแม้เพียงเล็กน้อย แต่สำหรับข้าแล้วล้วนได้ประโยชน์อย่างมหาศาล " ฉิ่ง หลิวหยุนยังคงดื้อดึงที่จะปากแข็งโต้แย้งว่าตนเองนั้นสามารถ คำพูดของเขาล้วนทำให้ผู้คนต่างก็หันมามองเขา แน่นอนว่าโดยธรรมชาติแล้วเขาจะไม่พูดว่า ตัวเองนั้นไม่สามารถที่จะรับรู้อะไรผ่านการทำสมาธิได้
สีหน้าของฉิ่ง หลิวหยุนดูอิ่มอกอิ่มใจ ในมือถือพัดค่อยๆโบกสะพัดไปมา เพื่อโบกกระแสลมเย็นๆ นัยน์ตาแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจที่ส่งรอยยิ้มออกมาทางใบหน้า ณ ตอนนี้ฝนได้หยุดตกลงมาแล้ว ร่มที่อยู่ในมือของเขาก็เลยเปลี่ยนมาเป็นพัด นี่ดูประดิษฐ์ยิ่งขึ้นไปอีก
ด้านของยี่ เทียนหยุนเองก็ยิ้มแย้มอยู่ในทีเช่นกัน เขานั้นเพิ่งจะเข้าใจถึงบรรดาเหล่าตัวอักษรที่อยู่ด้านบน และที่มันยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ มันมิใช่เนื้อหาที่ยากจะเข้าใจอะไรเลย แต่ไอ้เจ้าสิ่งนี้ มันก็คือ ศิลาหน้าหลุมฝังศพนี่เอง !!