Crazy Leveling System - ตอนที่ 124 เมืองใหม่แดนสวรรค์
ยี่ เทียนหยุนขี่มังกรดำ เขาบินไม่หยุดมุ่งตรงไปยังทวีปพรมแดนสวรรค์ ด้วยความไวในการบินที่เร็วที่สุด ในที่สุดหลังจากที่บินติดต่อกันมาเป็นระยะเวลาหลายวัน ก็ปรากฏภาพวิวทิวทัศน์ขึ้นมาในสายตาของยี่ เทียนหยุน นั่นก็คือ พื้นที่ทะเล ฝั่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับพื้นที่ทะเลในแถบนี้ก็คือ ผืนแผ่นดินใหญ่ อันใหม่เอี่ยมถอดด้าม
ฝั่งโน้นก็คือ ทวีปพรมแดนสวรรค์ ซึ่งมันก็สมกับชื่อของมันจริงๆ มันให้ความรู้สึกที่เป็นเขตแดนเฉพาะ บนท้องฟ้าปรากฏรัศมีปกคลุมไปทั่วทั้งดินแดนแห่งนี้ รัศมีแสงนั้นอาบไปทั่วทั้งผืนแผ่นดินใหญ่อย่างพอดิบพอดี ยิ่งพิศยิ่งมองดูก็คล้ายกับเรื่องราวอันน่ามหัศจรรย์ แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถจะบอกถึงเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็รู้ว่าสิ่งแวดล้อมของที่นี่นั้นเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งในการบ่มเพาะพลัง มากกว่าเป็นอย่างมากหากจะให้เปรียบเทียบกับทวีปแดนมนุษย์ จึงย่อมที่จะแข็งแกร่งกว่า
หากต้องการที่จะเข้าสู่ทวีปพรมแดนสวรรค์ ก็จะต้องผ่านพ้นพื้นที่ทะเลแถบนี้ไปให้ได้ซะก่อน จริงๆมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร แค่จะต้องใช้เรือ ในการที่จะก้าวข้ามไป หากจะไปยังฝั่งนั้น สภาพแวดล้อมที่จะต้องดิ้นรนนั้น มีลักษณะที่เลวร้าย ดังนั้นหลายนิกายจึงมิอาจที่จะทนอยู่ได้ ท้ายที่สุดก็จะต้องอพยพเข้าสู่ทวีปแดนมนุษย์
และตำหนักหยกสวรรค์ก็ดูเหมือนว่าจะอพยพมาจากทวีปพรมแดนสวรรค์ นี่จึงดูราวกับสูญเสียผลประโยชน์ แต่มันก็เป็นเสมือนสนามรบโลก หากไม่มีพลังวัดอันแข็งแกร่งแล้วละก็ ก็ย่อมที่จะไม่สามารถต่อต้านได้
ดังนั้นแล้วโดยพื้นฐาน ทวีปพรมแดนสวรรค์จึงไม่มีกลุ่มอิทธิพลเกรด 1 ดำรงอยู่เลย อย่างต่ำๆก็จะเป็นกลุ่มอิทธิพลเกรด 2 และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็จะต้องเป็นกลุ่มอิทธิพลเกรด 2 ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากอีกด้วย จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขั้นแก่นวิญญาณ หากไม่เช่นนั้นแล้วละก็ จะไม่สามารถดิ้นรนมีชีวิตรอดอยู่ ณ ที่แห่งนี้ได้
เหตุผลที่ยี่ เทียนหยุนนั้นมีมังกรดำ ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เรือแต่อย่างใด ก็สามารถที่จะก้าวผ่านพื้นที่ทะเลแถบนี้ได้อย่างง่ายดาย ยามที่เจ้ามังกรดำตัวนี้บินอยู่บนท้องฟ้า มันช่างน่าอัศจรรย์ซะจริงๆ
" มองดูเร็ว นั่นมังกรดำ !! "
" ใช่จริงๆด้วย ใช่มังกรดำจริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะมีใครบางคนที่จะสามารถนำเผ่าพันธ์ุมังกรมาเป็นพาหนะได้ !! "
" นี่มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ เขาทำได้ยังไงกัน ?? สามารถที่จะขี่มังกรอยู่เหนือผู้คนแถมเขายังดูเด็กมากอยู่เลย ?? "
บรรดาผู้ที่ใช้เรือขนาดใหญ่เป็นยานพาหนะเพื่อที่จะแล่นผ่านทะเลตรงไปยังทวีปพรมแดนสวรรค์แห่งผู้บ่มเพาะ เมื่อพบเห็นมังกรดำบนท้องฟ้า แต่ละคนต่างก็ช็อคกันไป นี่เป็นฉากที่หาได้ยาก โดยสถานการณ์ปกติแล้วจะไม่มีทางพบเห็นอะไรแบบนี้อย่างแน่นอน
ยี่ เทียนหยุนขี่มังกรดำอยู่ด้านบน เขาไม่ได้สนใจสายตาที่อยู่รอบข้าง เขารู้แต่เพียงว่าต้องการที่จะข้ามผ่านท้องทะเลแถบนี้ แน่นอนว่าก็จะต้องบินหรือไม่ก็ใช้เรือ แต่ถ้าใช้เรือในการเดินทางก็จะต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน อย่างน้อยๆก็กินระยะเวลาหลายวัน เขาต้องการใช้ระยะเวลาที่สั้นที่สุด ในการตัดข้ามพื้นที่ทะเลทั้งหมดแถบนี้ !!
นี่นับว่าเป็นความโชคดีที่ความเร็วในการบินของมังกรดำนั้นน่าทึ่ง หากจะให้เปรียบเทียบกับพญาเหยี่ยวแล้วละก็เร็วกว่าเป็นอย่างมาก ยี่ เทียนหยุนไม่ต้องการที่จะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ เขาคาดเดาว่าเวลาที่คฤหาสน์ปราณฟ้าจะเข้าโจมตีอย่างคร่าวๆก็คงจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือนเพียงแค่นั้น
นั่นหมายความว่า เขามีเวลาเพียงแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น เทียบเคียงแล้วก็จะมีระยะเวลาจำกัดอยู่ที่ 3 เดือน เมื่อยามที่พวกเขาเริ่มที่จะตระหนักถึงความผิดปกติไม่เหมาะสม เวลามันก็คงจะล่วงเลยมานานแล้ว และเมื่อได้พิจารณา คฤหาสน์ปราณฟ้าที่อยู่ในทวีปพรมแดนสวรรค์ ระยะทางที่จะมุ่งหน้าสู่ตำหนักหยกสวรรค์นั้นก็ไกลเป็นอย่างมาก ต่อให้พวกเขาจะใช้พญาเหยี่ยวเป็นยานพาหนะ อาจจะต้องใช้เวลาถึง 1 สัปดาห์ ระยะเวลายาวนานแค่ไหนที่จะต้องใช้ในการเดินทางกลับไป-กลับมา ไม่มีผู้ใดที่จะรู้ได้
อีกอย่างก็คือพวกเขาซ่อนตัวอยู่ด้านในของซากปรักหักพังโบราณสถานสวรรค์ ไม่มีทางที่พวกเขาจะรู้ได้ในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นแล้วยี่ เทียนหยุนจึงมีเวลา อย่างน้อยๆก็ประมาณ 2-3 เดือน แต่ตัวเขาก็ได้ตั้งลิมิตของตัวเขาเองขึ้นมา นั่นก็คือภายใน 3 เดือน เขาจะไม่คำนึงถึงฐานพลังได้อย่างไร แล้วจึงค่อยย้อนกลับไปยังตำหนักหยกสวรรค์โดยรวดเร็วอย่างแน่นอน
ซากปรักหักพังโบราณสถานสวรรค์ก็กำลังชำรุดทรุดโทรม หากจะต้องตกอยู่ภายใต้พายุคลั่งที่โหมกระหน่ำ ก็อาจที่จะพังทลายลงได้
เพราะว่ายี่ เทียนหยุนนั้นสวมใส่หน้ากากแปลงเปลี่ยน 100 หน้าอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องเป็นกังวลว่าผู้ใดจะจดจำตัวเขาได้ ด้วยเหตุผลนี้ เขาจึงขี่มังกรดำมุ่งไปข้างหน้าได้อย่างเบิกบานใจ ภายใต้สปีดอันรวดเร็ว ยี่ เทียนหยุนก็มาถึงทวีปพรมแดนสวรรค์ เพิ่งจะผ่านน่านฟ้าเข้าสู่พรมแดน เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันมั่งคั่งเมื่อยามที่เขาพุ่งผ่านไปข้างหน้า
ที่นี่พลังวิญญาณค่อนข้างที่จะอุดมสมบูรณ์ อย่างน้อยมันก็มากกว่าทวีปแดนมนุษย์ถึง 3 เท่า นี่เพียงพอที่จะทำให้ยี่ เทียนหยุนถึงกับช็อค ไม่สงสัยเลยว่าทำไมที่นี่ถึงได้มีผู้เชี่ยวชาญอยู่เป็นจำนวนมาก ดูเผินๆก็คงจะมีเพียงที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ความเร็วในการบ่มเพาะนั้นแน่นอนว่าย่อมจะต้องแข็งแกร่งกว่าทวีปแดนมนุษย์อยู่หลายเท่า นับเป็นเหตุผลที่เรียบง่ายธรรมดาสามัญที่สุด มันนับเป็นจุดแห่งสถานที่ที่ดี ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมจะต้องน่าทึ่งอย่างแน่นอน
" ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเมื่อก่อน ผู้คนเป็นจำนวนมากถึงได้หลั่งไหลตามกันมาที่ทวีปพรมแดนสวรรค์แห่งนี้ ที่นี่นั้นสภาวะแวดล้อมจัดว่าดีจริงๆ "
ยี่ เทียนหยุนพยักหน้า เขาคิดว่าที่นี่นั้นเหมาะสมเป็นอย่างมากในการบ่มเพาะ หากจะให้เปรียบเทียบกับซากปรักหักพังโบราณสถานสวรรค์ที่ใช้อาเรย์ในการรวบรวมพลังวิญญาณแล้วละก็ ก็จัดได้ว่าอิทธิพลนั้นใกล้เคียงกันมาก อย่างน้อยมันก็คือหลักธรรมดาๆของผู้ฝึกยุทธ์
ดังนั้นแล้วบรรดาเหล่าผู้คนเป็นจำนวนมากถึงได้ข้ามทะเลข้ามมหาสมุทรมาจากทวีปแดนมนุษย์ เพื่อจะมาถึง ณ ทวีปพรมแดนสวรรค์แห่งนี้
ด้วยเหตุผลที่ว่ามีผู้ฝึกยุทธ์อยู่เป็นจำนวนมาก ณ สถานที่แห่งนี้ ดังนั้นแล้วการขัดแย้งก็ย่อมจะมีมาก สถานที่แห่งนี้นับว่าเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ ถึงแม้ว่าทวีปแดนมนุษย์จะค่อนข้างอบอุ่นแต่การบ่มเพาะก็เป็นไปได้อย่างเชื่องช้ามาก
ทันใดนั้นยี่ เทียนหยุนก็สังเกตเห็นถึงสถานการณ์ด้านล่าง เขามองเห็นเมืองที่ตั้งอยู่ ณ สถานที่อันห่างไกล ดังนั้นเขาจึงมุ่งไปที่นั่นในทันใด เขาจัดแต่งใบหน้า จากนั้นก็เดินโยกซ้ายที ขวาทีดูสบายอุรามุ่งหน้าเข้าสู่เมืองใหม่ ในตอนนี้ไม่มีใครที่สามารถจะจำเขาได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร ณ ที่แห่งนี้
ก็เพราะว่ายี่ เทียนหยุนนั้นมายังภูมิภาคดินแดนแถบนี้ ที่นี่เป็นครั้งแรก ดังนั้นตัวเขาจึงไม่ค่อยที่จะแน่ชัดนักว่าที่แห่งไหน ที่มีสัตว์อสูรเป็นจำนวนมาก เขาจึงต้องมาที่นี่เพื่อที่จะสอบถามข่าวเป็นลำดับแรก เพื่อที่จะสืบค้นข้อมูลดูว่าที่ไหนถึงจะเป็นที่ที่อันตรายที่สุดและมีสัตว์อสูรเป็นจำนวนมาก เขาจึงจะมุ่งไป ณ ที่สถานที่แห่งนั้น มิฉะนั้นแล้วหากเป็นสถานที่อื่นแล้วการยกระดับจะทำได้ช้าเป็นอย่างมาก คงจะมีแต่เพียงล่าสังหารหมู่อย่างบ้าคลั่ง ณ ที่แห่งนี้เพียงเท่านั้น ถึงแม้ว่าการเข่นฆ่าผู้คนจะมีความก้าวหน้าที่พุ่งทะยานเช่นเดียวกัน
แต่ยี่ เทียนหยุนก็จะไม่ทำเช่นนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่บุคคลที่ดีอะไรแต่เขาก็ไม่ใช่ปีศาจที่คลั่งไคล้ในการฆ่าคนอย่างแน่นอนและมันก็ไม่ได้สอดคล้องกับอารมณ์ของเขาเป็นอย่างมาก
ยี่ เทียนหยุนเดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว ด้านนอกของประตูหน้ามีการ์ดยืนอยู่เป็นจำนวนหลายคน ฐานพลังนั้นอยู่ในขั้นปรับแต่งวิญญาณระดับ 4 ตราบใดที่มีผู้ฝึกยุทธ์เดินเข้ามา พวกเขาก็จะต้องรวบรวมเหรียญเงินในทันที
" เมืองใหม่แดนสวรรค์….. " ยี่ เทียนหยุนแหงนมองประตูเมืองขนาดมหึมานี้ มันถูกจารึกด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่ 3 พยางค์ มองดูทรงพลัง หากสามารถที่จะจารึกตัวอักษรนี้ได้ย่อมจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแน่นอน ฐานพลังอย่างน้อยจะต้องอยู่ในขั้นแก่นวิญญาณ
" เจ้ารอก่อน มาใหม่ใช่ไหม ?? จะต้องจ่าย 12 เหรียญทองถึงจะเข้าไปได้ !! " การ์ดจ้องมองผู้ฝึกยุทธ์ที่มาใหม่ เขาชี้ไปที่รูปสัญลักษณ์แล้ววนรอบ กล่าว่า " เจ้ามองไม่เห็นรูปสัญลักษณ์นี้หรืออย่างไร หากต้องการที่จะเข้าเมืองก็จะต้องจ่าย 12 เหรียญทอง !! "
ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น ฐานพลังอยู่ในขั้นปรับแต่งกายา เงินทองที่เพียรพยายามหามาได้ก็ไม่ได้มากมายอะไร 12 เหรียญทองย่อมไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย แต่หากต้องการที่จะเข้าเมือง เขาก็จะต้องจ่ายเท่านั้น
อย่างรวดเร็วก็คือคนที่บรรทุกสิ่งของสัมภาระมาเป็นจำนวนมาก เขาควัก 12 เหรียญทองออกมาจ่ายให้กับการ์ดที่ยืนอยู่ด้านข้างในทันที ดังนั้นเขาสามารถที่จะผ่านเข้าไปและออกจากเมืองได้ตามใจของเขา แต่ตราบใดที่เขาออกจากเมืองไปแล้ว หากเขาคิดที่จะกลับเข้ามา เขาก็จะต้องจ่าย 12 เหรียญทอง !! นี่เท่ากับเป็นการจ่ายค่าคุ้มครอง หลังจากที่เข้าเมืองมาแล้วก็ย่อมที่จะได้รับการปกป้องจากเมืองเมืองนี้
หลังจากที่เข้ามาแล้ว ไม่สามารถที่จะต่อสู้กันได้ ห้ามที่จะปล้นชิงทรัพย์ได้ ต่างๆนาๆทั้งหลายเหล่านี้ล้วนที่จะต้องได้รับโทษทั้งหมด นี่ก็เพื่อกฏ จะไม่มีการสุ่ม ดังนั้นแล้วที่นี่จึงเปรียบเสมือนกับเมืองใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมา พวกเขาจะปกป้องบรรดาผู้คนหน้าใหม่ทั้งหลายเหล่านี้ผู้มาเยือน
ที่นี่นั้นอยู่ติดกับทะเล นั่นหมายความว่าบรรดาเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ผู้มาเยือนทั้งหลายนั้นย่อมที่จะมาจากทวีปแดนมนุษย์ โดยพื้นฐานแล้วฐานพลังไม่ค่อยจะสูงมากนัก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเมืองใหม่แดนสวรรค์แห่งนี้เป็นทางเลือกที่ดีเป็นอย่างมาก สามารถที่จะทำการบ่มเพาะพลังอยู่ที่นี่ สามารถที่จะมองหางานทำอยู่ที่นี่