Crazy Leveling System - ตอนที่ 79 ด่านทดสอบของแผ่นจารึกหิน
" เจ้าเมื่อก่อนก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไรมากนัก ได้ยินมาว่าเจ้าตัวคนเดียวก็ฆ่าล้างทั่วทั้งตึกกระแสลมแห่งสวรรค์ ปัจจุบันคำกล่าวแค่ 2 ประโยคเจ้าก็เดินหนีแล้วเรอะ !! ขี้ขลาด !! " เหลียง เฝิงพูดอย่างเย็นชา
" เจ้านะซิขี้ขลาด !! " ฉินเสี่ยตะโกนใส่เขา " ทั้งหมดนั่นก็เพราะฝีมือของตึกกระแสลมแห่งสวรรค์เป็นคนทำ เจ้าไม่รู้อะไรก็อย่ามาพูดจาเลื่อนลอยไร้ซึ่งความรับผิดชอบแบบนี้ !! "
" รึว่าเจ้าก็คือคนขี้ขลาด !! ข้าไม่อนุญาตให้พูดว่าคนของเราขี้ขลาดนะ เรื่องราวทั้งหมดตึกกระแสลมแห่งสวรรค์ล้วนเป็นผู้ก่อ !! "
เหล่าศิษย์คนอื่นๆต่างก็พากันมองไปที่เหลียง เฝิงด้วยความโกรธแค้นในลักษณะที่คล้ายกัน ต่างก็คิดว่าเขานั้นพูดจาเกินเลยไปมาก ต้องการที่จะเริ่มลงมือ
" พวกเจ้าหุบปากไปซะ !! เหลียง เฝิงแผดเสียงใส่พวกเธอ เขาปลดปล่อยกลิ่นอายออกมากดดันใส่ เป็นเหตุให้พวกเธอนั้นต้องก้าวถอยหลังไปหลายสเต็ป " ข้าไม่ได้ถามพวกเจ้า แต่ถามเขา !! ถ้ามีฝีมือก็มาดวลกับข้า ตัดสินความเป็นและความตายโดยที่ไม่คำนึงถึงอะไรทั้งหมด !! ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะไม่เกี่ยวข้องกับนิกายของตัวเอง "
เหลียง เฝิงไม่ต้องการที่จะไปยั่วยุอะไรต่อตำหนักหยกสวรรค์ ซึ่งอิทธิพลในตอนนี้นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่หากไม่ได้ช่วยเหลียง เทียนเฉิงแก้แค้นแล้วละก็ หัวใจของเขาคงจะไม่สงบสุขอยู่เป็นแน่ ดังนั้นแล้วเขาจึงเริ่มต้นท้าทายยี่ เทียนหยุนในทันที
ยี่ เทียนหยุนพลันขมวดคิ้ว เหลียง เฝิงผู้นี้ต้องการที่จะหาเรื่องเขาอย่างแท้จริง มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
" ข้าได้พูดไปแล้วว่า ข้านั้นไม่มีความสนใจในตัวเจ้า " ยี่ เทียนหยุนไม่ต้องการที่จะสนใจต่อการการะทำของเหลียง เฝิง เขานั้นหมุนตัวแล้วก็แยกจากไป
" ข้าพูดว่าเจ้านั้นขี้ขลาดก็คือขี้ขลาด !! ผู้คนต่างก็พูดกันอย่างไม่มีข้อสงสัยว่าเจ้านั้นฆ่าล้างทั่วทั้งตึกกระแสลมแห่งสวรรค์ แต่ตัวข้านั้นมองดูว่าเจ้า อาศัยพลังอำนาจของตำหนักหยกสวรรค์จึงแข็งแกร่งขึ้นมาได้ เจ้ามันก็แค่ไอ้ขี้ขลาดที่ยืนอยู่ในกลุ่มของอิสตรี เป็นผู้ชายผู้ซึ่งไม่มีอนาคต !! เป็นดั่งที่ข่าวลือได้ว่าเอาไว้จริงๆ เจ้านั้นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฉี ซู่หยุนจึงสามารถที่จะมายังที่แห่งนี้ได้ !! ความแข็งแกร่งที่คนพูดถึงเกี่ยวกับตัวเจ้านั้น แท้จริงแล้วมันก็ไม่ต่างไปจากผายลม ไม่ได้มีอะไร เจ้ามันก็แค่เด็กผู้ชายน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม !! " เหลียง เฝิงโกรธแค้นอย่างบ้าคลั่ง เขายังคงพ่นคำพูดออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อหมายที่จะยั่วยุต่อยี่ เทียนหยุน
ใกล้กันนั้นบรรดาเหล่าผู้คนจากต่างนิกายต่างก็มองดูอย่างมีความหมาย นี่มันช่างน่าสนใจจริงๆ ยี่ เทียนหยุนจะดวลกับเหลียง เฝิงยังไง ฐานบ่มเพาะพลังของ เหลียง เฝิงเองนั้นมิใช่อ่อนแอ สามารถที่จะกล่าวได้ว่าเขานั้นติด 1 ใน 3 ณ สถานที่แห่งนี้ สำหรับสถานที่แห่งนี้แล้วเขาเดินเหลือบตามองก็ยังได้
" เยี่ยม มันช่างดีจริงๆ ตัวเจ้าประสบความสำเร็จในการทำให้ข้าโกรธจัดในตอนนี้แล้ว เจ้าอยากจะดวลเป็น-ตายกับข้าใช่ไหม ดี งั้นก็มาเริ่มกันเลย !! " ยี่ เทียนหยุน กล่าวอย่างเฉยชา
นี่เป็นการสบประมาทแดกดันเย้ยหยันต่อตัวเขา ถ้าหากว่าเขาไม่ได้ตอบโต้กลับไปแล้ว เกรงว่าเขาจะกลายเป็นคนขี้ขลาดจริงๆ
" ดี !! ไม่มีปัญหา เรามาเริ่มกันเลย !! " ในใจของเหลียง เฝิงนั้นดีอกดีใจจนออกนอกหน้า เขาชักดาบออกมาอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาเผยให้เห็นถึงจิตสังหาร " สงครามเป็น-ตาย การต่อสู้ของเราไม่มีอะไรที่จะเกี่ยวข้องกับนิกายแม้แต่นิดเดียว….. ฆ่า !! "
เหลียง เฝิงนั้นดูราวกับประกายแสงสีแดงอันเฉียบคมที่พุ่งทะลุผ่านสิ่งต่างๆมุ่งตรงเข้าหายี่ เทียนหยุน ไม่คิดว่าด่านทดสอบยังไม่ทันที่จะเริ่ม สถานการณ์ก็พัฒนาไปสู่การต่อสู้เป็น-ตายซะแล้ว
" ไปให้พ้นซะ !! " ยี่ เทียนหยุนสายตาเย็นชา เขาตอบโต้ด้วยการถีบ สปีดนั้นเร็วเป็นอย่างมาก มันดูราวกับสายฟ้าที่ถีบตรงไปยังเหลียง เฝิงอย่างประสงค์ร้าย
" แปง " เหลียง เฝิงนั้นถูกถีบจนกระเด็นลอยไป เขาลอยจนไปติดกับฝาผนัง กำแพงก็เกิดการสั่นสะเทือนจนฝุ่นหนาๆยังต้องตกลงมาจากด้านบน มันดูคล้ายกับลูกบอลยางที่เด้งกระดอนลอยไปติดกับกำแพง เขาหล่นลงจากกำแพง เสียงแม้แต่นิดเดียวก็ไม่มีอีกเลย นี่คือการดับซ่าส์เหลียง เฝิงของยี่ เทียนหยุน
" ตึง!! ประสบความสำเร็จในการฆ่าเหลียง เฝิงได้รับค่าประสบการณ์ 9,000 แต้ม ดาบหยกสวรรค์ (อุปกรณ์วิญญาณระดับต่ำ) แต้มคลั่ง 900 แต้ม "
ผู้คนต่างก็พากันมองดูเหลียง เฝิงที่นอนกองอยู่กับพื้นอย่างโง่งม เหล่าศิษย์ของนิกายสวรรค์อันสูงศักดิ์ต่างก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำการตรวจสอบ เขาก็ร้องอุทานออกมาว่า " ต….. ตาย พี่ใหญ่เหลียง เฝิง เขาตายแล้ว !! "
คนอื่นๆต่างก็พากันหวาดกลัว พวกเขาต่างก็ไม่คิดว่าเพียงแค่เท้า จะสามารถทำให้ถึงกับตายได้ !! ฐานบ่มเพาะพลังของเหลียง เฝิงนั้นแข็งแกร่ง เขาอยู่ในขั้นปรับแต่งวิญญาณระดับสูงสุด ตัวเขาตายสนิท เพียงแค่เท้าเท่านั้นอีกด้วย !!
" จ….. เจ้า เจ้าฆ่าพี่ใหญ่เหลียง เฝิง นิกายของพวกเราจะไม่มีทางปล่อยเจ้าเอาไว้แน่ !! " ศิษย์ของนิกายสวรรค์อันสูงศักดิ์มองดูยี่ เทียนหยุนอย่างโกรธเกรี้ยว
" เจ้าก็เห็นเมื่อช่วงเวลาก่อน ตัวเขากล่าวว่าต้องการต่อสู้เป็น-ตายกับข้า เจ้ากล้าที่จะทำสัญญาล้างแค้นให้กับศิษย์พี่ของเจ้าไหมเล่า ?? " ยี่ เทียนหยุนเหลือบมองดูพวกเขาอย่างเย็นชา " ถ้าพวกเจ้าทุกคนต้องการที่จะท้าทายข้าหรือกล่าววาจาสบประมาทแก่ตำหนักหยกสวรรค์ ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะประลองเป็น-ตายกับพวกเจ้า !! "
หลังจากที่พูด ยี่ เทียนหยุนก็หันหลังแล้วก็เดินมุ่งตรงไปยังด้านในพร้อมกับหันศีรษะมาพูดกับฉินเสี่ยว่า " พวกเราไป เราเสียเวลาอยู่กับที่นี่เป็นเวลานานแล้ว "
ดวงตาของฉินเสี่ยและพวกนั้นต่างก็เต็มไปด้วยประกายระยิบระยับและความเคารพเทิดทูน นี่คือพละกำลังของยี่ เทียนหยุน นี่คือความแข็งแกร่งของผู้อาวุโสของพวกเขา !!
สถานที่แห่งนี้นั้นมีการจำกัดระยะเวลาที่แน่นอน หากประตูหน้าปิดลงแล้ว จะสามารถออกจากที่นี่ได้จะต้องรอเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี
บรรดาผู้คนต่างก็มองหน้าซึ่งกันและกันด้วยความเศร้าสลดหดหู่ ความรู้สึกภายในนั้นต่างก็สั่นเทาด้วยความกลัวอย่างรุนแรง นี่คือพละกำลังของยี่ เทียนหยุนอย่างนั้นหรือ ??
ใครกันที่พูดว่ายี่ เทียนหยุนนั้นขี้ขลาด เป็นไอ้ตัวอ่อนแอ หรือได้รับความช่วยเหลือจากตำหนักหยกสวรรค์ ?? เพียงแค่เท้าเตะก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นปรับแต่งวิญญาณถึงแก่ความตายได้แล้ว นั่นไม่ใช่ความแข็งแกร่งของตัวเขาเองมิใช่หรือ ?? พลังนั่นไม่ใช่ว่าอยู่ในขั้นแก่นการควบแน่นหรอกหรือ ??
มันไม่น่าจะเป็นไปได้แต่มันก็เป็นไปแล้ว ฐานพลังที่เหนือกว่าขั้นปรับแต่งวิญญาณไม่สามารถที่จะเข้ามา ณ สถานที่แห่งนี้ได้ แต่ถ้าขั้นปรับแต่งวิญญาณระดับสูงสุดถูกเท้าฆ่าตายในทันทีล่ะ ?? นี่มันทำให้พวกเขาต่างก็คิดไม่ตก แต่ที่แน่ๆสิ่งที่พวกเขาคิดได้เพียงเล็กน้อยในตอนนี้ก็คือ ยี่ เทียนหยุนนั้นจริงๆแล้วเป็นผู้มีฝีมือ ไม่ใช่ใช้ชีวิตอย่างแมงดาที่แฝงอยู่ในกลุ่มของอิสตรี…..
เมื่อยี่ เทียนหยุนต้องการที่จะแสวงหาโชค ณ สถานที่อื่นดูบ้าง ฉินเสี่ยก็พูดขึ้นในทันทีว่า " ผู้อาวุโสยี่ ตัวท่านวางแผนว่าอย่างไร ?? "
" พวกเราไปเดินเล่นค้นหายังบริเวณรอบๆกัน " ยี่ เทียนหยุนกล่าว
" นี่….. ในซากปรัหหักพังโบราณแห่งสวรรค์ไม่มีอะไรให้ท่านค้นหาหรอก ตรงหน้าของเรานั้นมีเพียงด่านทดสอบจากแผ่นจารึกหิน นอกจากนี้แล้วมิมีสิ่งใดที่จะให้เราค้นหาหรอก " ฉินเสี่ยกล่าวอย่างอึดอัดใจ
แน่นอนว่ายี่ เทียนหยุนนั้นรู้ว่าที่นี่นั้นไม่มีอะไรจะให้ค้นหาแล้ว แม้กระทั่งเศษเสี้ยวของก้อนหินอันล้ำค่า มันประมาณว่าที่นี่นั้นถูกรุกล้ำทุกหย่อมหญ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยี่ เทียนหยุนเพียงแค่ต้องการที่จะออกสำรวจพื้นที่บริเวณโดยรอบว่ามีสถานที่ใดที่ผิดปกติหลงเหลืออยู่บ้าง ก็เพื่อที่เขาจะได้ทำภารกิจให้ลุล่วงเสร็จสมบูรณ์และได้เข้าควบคุมสถานที่แห่งนี้
" ข้ารู้ แต่ข้าก็อยากจะนำพวกเจ้าลองค้นหาดู "
ยี่ เทียนหยุนนำพวกเธอเดินตรงไปข้างหน้า พวกเขาสาวเท้าก้าวยาวๆดูห้องโถงในบริเวณอื่นกัน พวกเขาเห็นแผ่นศิลาจารึกหินขนาดใหญ่ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงกลาง คาดว่ามันคงจะตั้งอยู่ที่นี่มาเป็นระยะเวลานานมากแล้ว รอบๆพื้นผิวภายนอกของแผ่นจารึกนั้นแลดูมันเงา มีใครบางคนนั่งทำการบ่มเพาะพลังอยู่ด้านข้างของมัน ลำแสงบางเบาจากแผ่นศิลานั้นได้ปกคลุมคนผู้นั้นเอาไว้ มันดูราวกับว่าเขานั้นจะสัมผัสกับอะไรบางสิ่งบางอย่างได้
ณ ด่านทดสอบแผ่นศิลาจารึกหินนี้ต่างก็กล่าวเอาไว้ว่า เหล่าศิษย์ผู้ซึ่งเข้ามายังสถานที่แห่งนี้นั้นจะต้องสัมผัสทำความเข้าใจถึงการบ่มเพาะพลังต่อหน้าแผ่นศิลาจารึกหินนี้ บางก็สามารถที่จะได้รับทักษะลับ
เหล่าผู้คนที่มาต่างก็มักจะมานั่งบ่มเพาะพลัง ณ ที่แห่งนี้ ตามแต่ระดับของแต่ละบุคคล การจะบรรลุถึงทักษะวิชานั้นย่อมที่จะแตกต่างกันออกไป ระดับสูงที่สุดจากบันทึกที่เคยบรรลุนั้นก็คือ ทักษะยุทธ์ขั้นปฐพี ทักษะยุทธ์ขั้นมนุษย์นั้นจะเป็นเบสิคขั้นพื้นฐาน
มันสามารถที่จะพูดได้ว่าที่นี่นั้นก็คือคลังสมบัติขนาดใหญ่ถ้าสามารถที่จะทำความเข้าใจถึงทักษะขั้นปฐพีได้ จะต้องรู้ก่อนว่าทักษะยุทธ์ขั้นปฐพีนั้น แน่นอนว่ากลุ่มอิทธิพลระดับ 2 จะมีไม่เกินจำนวน 3 เล่ม หากสามารถทำความเข้าใจให้เกิดขึ้นได้ มันก็สามารถจะจินตนาการได้ว่าบุคคลคนนั้นมีส่วนช่วยส่งเสริมนิกายของตนเองอย่างใหญ่หลวง
" พวกเจ้าในตอนนี้ก็ทำการรับรู้ทำความเข้าใจในการบ่มเพาะพลังกันก่อน ข้าคงต้องขอตัวก่อน " ยี่ เทียนหยุนพูดกับพวกเขา
พวกเธอต่างก็พยักหน้าตอบรับ ต่างคนก็ต่างนั่งบ่มเพาะพลังด้านหน้าของแผ่นศิลาจารึกหินในทันที เพิ่งจะมานั่งก็ปรากฏพลังงานจากแผ่นศิลาจารึกหินที่ส่งออกมา ปกคลุมตัวของพวกเธอเอาไว้ มันจะคอยปกป้องพวกเธอเอาไว้ไม่ให้ได้รับความเสียหายใดๆ
" สูงที่สุดก็คือทักษะขั้นปฐพี….. ประโยชน์ใช้สอยช่างเล็กน้อยซะจริง แต่อย่างน้อยก็คงจะสามารถเปลี่ยนเป็นค่าความชำนาญได้ " ยี่ เทียนหยุนยิ้มบางเบา เขายังไม่ได้นั่งบ่มเพาะลงในทันทีเพียงแต่ยังคงเดินเล่นไปรอบๆบริเวณ ณ ที่แห่งนี้
เมื่อเขานั้นเตรียมที่จะออกไปเดินเล่น ด้านหลังของเขาก็ปรากฏบรรดาเหล่าศิษย์จากนิกายสวรรค์ผู้สูงศักดิ์ พวกเขาต่างก็มองมาที่ยี่ เทียนหยุนด้วยความหวาดกลัว ต่างก็ไม่กล้าที่จะมองหน้าสบตาพวกเดียวกันเอง พวกเขาต่างก็กลัวว่า ยี่ เทียนหยุนนั้นจะลงมือ ซึ่งถ้าหากเขาทำเช่นนั้นจริงๆ พวกเขาจะไม่ตายตั้งแต่ต้นเลยอย่างงั้นหรือ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะกลัวแต่พวกเขาก็ยังมีความกล้า ที่นี่นั้นเป็นด่านทดสอบอันล้ำค่า เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะถ่อมาถึงที่นี่โดยสูญเปล่าและไม่ได้อะไรเลย
ยี่ เทียนหยุนเหลือบมองดูพวกเขา จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังสถานที่อื่น ตราบใดที่พวกเขาไม่ยั่วยุต่อกลุ่มของยี่ เทียนหยุนเมื่อนั้นเขาก็ไม่เต็มใจที่จะเพ่งความสนใจมาที่พวกเขา ถึงแม้ว่าการฆ่าคนจะทำให้เขาสามารถที่จะยกระดับขึ้นมาได้ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะฆ่าใครเฉกเช่นราวกับผักปลา เขาไม่ใช่พวกกระหายเลือด
มันเป็นการล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น หากว่าไม่ใช่ศัตรูที่มีความแค้นต่อกันแล้ว ยี่ เทียนหยุนจะไม่แตะต้องใครอย่างซี้ซั้วเป็นอันขาด การฆ่าคนโดยประมาทนั้นมันอาจจะเป็นการง่ายที่จะส่งผลกระทบต่อโชคชะตาชีวิตของตัวเอง