Crazy Leveling System - ตอนที่ 61 สร้างปัญหา
ที่ยี่ เทียนหยุนถามเช่นนี้เป็นการเยาะเย้ยถากถางพวกเขา มันทำให้หยวน ผิงรู้สึกหวาดกลัว เวลานี้ในที่สุดหยวน ผิงก็รู้แล้วว่าตนเองนั้นเผชิญหน้ากับตัวมารอะไร ที่ตระกูลหวางและตระกูลเจิ้งถูกฆ่าตาย ไม่ใช่ว่าพวกเขาทั้งสองนั้นอ่อนแอจนเกินไปแต่เป็นเพราะว่ายี่ เทียนหยุนนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก !!
" ไม่คิดว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะยอมจำนนต่อเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าจะสับข้า ฟันข้าจะทำยังไงกับข้า ทั้งหมดล้วนตามใจเจ้า !! " หยวน ผิงไม่มีการประนีประนอมยอมความ เขามองยี่ เทียนหยุนด้วยสายตาที่เย็นชาแล้วพูดว่า " ตราบเท่าที่เจ้าปล่อยข้าไปเมื่อนั้นปัญหาในวันนี้ก็จะถูกลบทิ้งไป จะไม่มีการสืบสวนสอบสวนพวกเจ้าแม้แต่ครึ่งนาที แต่ทว่า….. ตราบใดที่เจ้าฆ่าข้า เจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการไล่ล่าของพวกเราตึกกระแสลมแห่งสวรรค์ !! ผู้จัดการทั่วไปจะตาม ล้างแค้นให้กับข้า ตัวเจ้าจะหนีรอดไปได้อย่างไร ไม่มีทางที่เจ้าจะหนีรอดไปได้ !! "
หยวน ผิงถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้กลัวความตายแต่ก็มิวายที่จะข่มขู่ยี่ เทียนหยุน ตราบใดที่ฆ่าเขา จะต้องถูกไล่ล่าไปตลอดกาลไม่สามารถที่จะรอดพ้นจากเงื้อมือของพวกเขาไปได้
" เยี่ยม ข้าก็คาดหวังเช่นนั้นอยู่แล้ว!! " ยี่ เทียนหยุน มองหยวน ผิงด้วยสายตาที่ยิ้มเยาะดูถูก เขายกมือขึ้นดึงหน้ากากบนใบหน้าให้ยืดออก เขาดึงหน้ากากแปลงเปลี่ยน 100 หน้าออกอย่างนิ่มนวล เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเขา
หยวน ผิงรวมทั้งบุคคลที่เหลืออยู่ด้านหลังของเขาเมื่อพบเห็นใบหน้าที่แท้จริงของยี่ เทียนหยุนแล้ว ต่างก็พากันรู้สึกหวาดกลัวในทันที นี่มันเป็นเรื่องเหลือเชื่ออันใดกัน
แม้ว่าใบหน้านี้พวกเขาจะไม่เคยพบเห็นมาก่อนแต่พวกเขาก็คุ้นเคยกับใบหน้าที่อยู่ในใบประกาศจับ ช่างเป็นใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกันซะนี่กระไร ตึกกระแสลมแห่งสวรรค์นั้นถ่ายทอดข้อความออกมาว่า ตราบใดที่สามารถจับตัวยี่ เทียนหยุนได้เมื่อนั้นก็จะได้กลายเป็นรองหัวหน้าสาขาของตึกกระแสลมแห่งสวรรค์ สาขาไหนก็ได้ !! สำหรับรางวัลของรองหัวหน้าที่สามารถจับกุมตัวยี่ เทียนหยุนได้นั้นแน่นอนว่าย่อมต้องเหนือกว่ารางวัลเหล่านี้ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ผู้คนจำนวนมากมายต้องการที่จะจับกุมตัวของยี่ เทียนหยุน สิ่งนี้สามารถที่จะทำให้หน้าที่การงานของพวกเขาก้าวหน้าประดุจหนึ่งขี่จรวด
ในตอนนี้บุคคลที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ไม่เพียงแต่จะมีฐานบ่มเพาะพลังที่น่ากลัวเพียงเท่านั้นแต่ยังอยู่ในเขตพื้นที่ของพวกเขาอีกต่างหาก
" จ….. เจ้า….. " หยวน ผิงปราศจากความลังเลใดๆทั้งสิ้น เขาฟื้นคืนสติจากอาการช็อคแล้วชี้ไปที่ยี่ เทียนหยุนมองดูเขาอย่างโง่งมโดยที่เขาไม่ได้กล่าวคำพูดใดออกมา
" ไม่พูดคำที่เจ้าพูดเมื่อตะกี้นี้แล้วเหรอ อะไรน่ะจะไล่ล่าข้าไปตลอดกาล?? เจ้าคงจะกลัวว่าข้าจะไม่เข้าใจตึกกระแสลมแห่งสวรรค์ซินะ?? " ยี่ เทียนหยุนเยาะเย้ย ต่อจากนั้นเขาก็ขว้างระดมหมัดต่อยเข้าใส่หยวน ผิงหมัดแล้ว หมัดเล่า หมัดแล้ว หมัดเล่า หยวน ผิงก็ยังจะต้านทานเอาไว้ได้แต่….. มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
" แบง "
บุคคลกลุ่มนี้ " อ๊า….. " ก็ได้ร้องครางเสียงยาวในยามที่พวกเขาถูกฆ่าตาย ณ ที่นี้นี่เอง เศษชิ้นส่วนของบรรดาค่าประสบการณ์ที่ได้ซึ่งจะคล้ายคลึงกับในเกมก็ลอยตกลงมาสู่ระบบในตัวของยี่ เทียนหยุน !!
" ตึง!! ประสบความสำเร็จในการฆ่าหยวน ผิงได้รับค่าประสบการณ์ 60,000 แต้ม การ์ดประสบการณ์ 2 เท่า เทคนิคดาบขนนกสวรรค์ แต้มคลั่ง 1,400 แต้ม !! "
" ตึง!! ประสบความสำเร็จในการฆ่า Deacon (ผู้ดูแล) หลิวได้รับค่าประสบการณ์ 20,005 แต้ม การ์ดประสบการณ์ 2 เท่า แต้มคลั่ง 800 แต้ม!! "
…..
จบซีรีส์เรื่องยาวแห่งการฆ่าฟัน ค่าประสบการณ์และไอเทมก็ระเบิดออก ตกเข้าสู่แถวไอเทมอย่างต่อเนื่อง แต้มของค่าประสบการณ์ที่ได้นั้นเติบโตเป็นอย่างมาก
" ตึง!! ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นยี่ เทียนหยุนประสบความสำเร็จในการทะลวงระดับเข้าสู่ขั้นแก่นการควบแน่นระดับที่ 5!! "
ในที่สุดหลังจากที่ยี่ เทียนหยุนได้เข่นฆ่าเหล่าผู้คนกลุ่มนี้แล้ว เขาก็ต้อนรับการเลื่อนระดับอีกครั้งหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการทะลวงเข้าสู่ระดับที่ 5 ของขั้นแก่นการควบแน่น ถึงแม้ว่าการเลื่อนระดับของตัวเขานั้นจะรวดเร็วเป็นอย่างมากแต่ตัวของยี่ เทียนหยุนเองก็ยังไม่พอใจ เขาคิดว่าระดับของเขามันยังไม่เพียงพอ หากเรื่องนี้รู้ถึงหูของผู้เชี่ยวชาญขั้นแก่นการควบแน่นถึงความทะเยอทะยานของยี่ เทียนหยุนแล้วล่ะก็ พวกเขาเหล่านั้นจะต้องระเบิดความโมโหโทโสออกมาอย่างแน่นอน
อะไรนี่ยังไม่พอใจยังหาว่าช้าไปอีกยังงั้นรึ ?? คนที่อายุราว 40 ปียังอยู่ราวๆขั้นแก่นการควบแน่นระดับที่ 3 ของฐานบ่มเพาะพลังเอง ยี่ เทียนหยุนในตอนนี้เขามีอายุเท่าไรกัน ??….. 17 ปี พูดไปแล้วก็เป็นเรื่องสยดสยองขวัญ
หลังการภารกิจฆ่ารูดม่านลง ยี่ เทียนหยุนก็หันกลับไปด้านหลังโดยที่เขายังไม่ได้สวมใส่หน้ากากแปลงเปลี่ยน 100 หน้ายังคงเป็นหน้าสดของเขา ด้วยความที่มีชื่อเสียงของยี่ เทียนหยุน ทำไมเหยียน หลิงซุยและพ่อของเธอจะไม่รู้จักเขา
" ท….. ท่าน ท่านคือยี่ เทียนหยุน….. ยี่ หยุนเทียน ยี่ เทียนหยุน….. ท่านคือบุคคลที่ตึกกระแสลมแห่งสวรรค์ออกใบประกาศจับกุมตัว !! " เหยียน หลิงซุยกลายเป็นช็อค ข่าวของยี่ เทียนหยุนนั้นเลื่องลือระบือไกลขจรขจายไปทั่วทุกสารทิศ
" ใช่แล้ว ข้าคือบุคคลในใบประกาศจับที่ตึกกระแสลมแห่งสวรรค์ต้องการตัว " ยี่ เทียนหยุนไม่ต้องการที่จะอธิบายอะไรมากมาย พลันกล่าวกับพวกเขาว่า " ที่นี่เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ท่านทั้งสองจึงไม่ควรที่จะอยู่ที่นี่ จะเป็นการ ดีที่สุดที่ท่านจะย้ายออกไป มิฉะนั้นแล้วตึกกระแสลมแห่งสวรรค์จะต้องส่งคนมาทำการสอบสวนที่นี่ อีกทั้งฝั่งอิทธิพลของทางตระกูลหวาง สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่เป็นผลดีต่อท่านทั้งสอง "
รองประธานแห่งตึกกระแสลมแห่งสวรรค์ตายอยู่ที่นี่ มีรึที่พวกเขาจะไม่ส่งคนมาสอบสวน??
" ไม่มีปัญหา น้องยี่ พวกเราจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ " หัวหน้าตระกูลเหยียน พยักหน้าพร้อมกับกล่าวออกมาว่า " เจ้าต้องระวังตัวน่ะ จะต้องไม่ถูกจับโดยตึกกระแสลมแห่งสวรรค์ "
" ท่านหัวหน้าตระกูลเหยียนไม่ต้องเป็นกังวลว่าข้าจะนำความเสียหายมาให้กับพวกท่าน?? " ยี่ เทียนหยุนแย้มยิ้ม
" ถ้าหากว่าเจ้าคิดที่จะเอาเปรียบพวกเราตระกูลเหยียนแล้วละก็ ก็จะไม่ช่วยชีวิตข้า ไม่ช่วยชีวิตของเหยียนเอ๋อร์หรอก " หัวหน้าตระกูลเหยียนพูดอย่างอารมณ์ดีแย้มยิ้ม ไร้ซึ่งความกังวลใดๆ
ยี่ เทียนหยุนส่ายหัว " 5555 " เขาหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ตอบอะไร
" นายน้อยยี่ ท่านต้องออกเดินทางแล้วหรือ….. " เหยียน หลิงซุยอยากที่จะรั้งยี่ เทียนหยุนเอาไว้แต่เธอก็ไม่รู้จะหาเหตุผลอันใด
ระดับพลังที่ยี่ เทียนหยุนแสดงออกมานั้นมันช่างโดดเด่นเป็นอย่างมาก พวกเขาพ่อ-ลูกต่างก็พากันคิดว่าจะต้องมีนิกายที่ทรงอำนาจยืนอยู่ข้างหลังของยี่ เทียน หยุนอยู่เป็นแน่ ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงไม่มีคุณสมบัติที่เพียงพอที่จะรั้งตัวของยี่ เทียนหยุนเอาไว้
ยี่ เทียนหยุนยิ้มบาง พริบตาเขาก็หมุนตัวใส่หน้ากากแล้วก็พูดถ้อยคำเพียงไม่กี่คำว่า " ใช่แล้ว ข้ามีปัญหาที่จะต้องไปสะสาง ข้าหวังว่าโชคชะตาจะนำพาพวกเราทั้งสองให้กลับมาพบกัน อีกครั้ง ลาก่อน !! "
เหยียน หลิงซุยนั้นอยากจะพูดอะไรกับยี่ เทียนหยุน แต่ในที่สุด….. เธอก็ได้แต่ฝังคำพูดของเธอลงในหัวใจของเธอเองพร้อมกับถอนหายใจออกมา…..
" เหยียนเอ๋อร์ เจ้าชอบเขาหรือ?? " หัวหน้าตระกูลเหยียนแย้มยิ้มพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ใบหน้าที่สวยงามในตอนนี้ก็พลันแดง พยักหน้า แต่…..แล้วก็ส่ายศีรษะ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
" โอ้ว ตัวข้าไม่คิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะมีฐานบ่มเพาะพลังที่สูงมากถึงเพียงนี้ ในอนาคตข้างหน้าเขาจะต้องกลายเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ในระดับตำนานได้อย่างแน่นอน….. " ความหมายของหัวหน้าตระกูลเหยียนนั้นชัดเจน แน่นอนว่าผู้คนระดับนั้นไม่สามารถที่จะมองหาหรือจะแสวงหามิตรภาพความเป็นเพื่อนกับบุคคลเหล่านี้ได้
ถ้ายี่ เทียนหยุนค้นพบค่าความชอบของเหยียน หลิงซุยในตอนนี้ที่นี่นั้น เขาจะไม่ต้องทำภารกิจอย่างแน่นอน ค่าความชอบของเธอนั้นสูงถึง 270 แต้ม !! มันพุ่งพรวดขึ้นมาในทันที ยี่ เทียนหยุนนั้นได้ช่วยทั้งตระกูลเหยียนเอาไว้ หัวใจของเธอในตอนนี้จึงแขวนไว้ที่เขา
ยี่ เทียนหยุนหลังจากที่แยกออกมาจากตระกูลเหยียน ตัวเขาก็ยังจะพักอาศัยอยู่ในเมืองกระแสลมแห่งสวรรค์อีกหลายวัน เขายังไม่ได้กลับไปยังตำหนักหยกสวรรค์ภายในทันทีแต่เขาก็ยังคงเดินไป – เดินมาภายในเมืองกระแสลมแห่งสวรรค์แห่งนี้ หลายวันต่อมาเขาก็ออกจากเมืองกระแสลมแห่งสวรรค์มุ่งหน้าไปที่ตำหนักหยกสวรรค์โดยตรง เขาขึ้นขี่หมาป่าหิมะในทันใด มันวิ่งอย่างคึกคะนองมุ่งตรงไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว พุ่งทะยาน อย่างรุนแรงและเฉียบขาด ตรงไปสู่ตำหนักหยกสวรรค์ !!
…..
ภายในตำหนักหยกสวรรค์
" เจ้าตำหนัก การสำรวจซากปรักปรักหังโบราณใกล้ที่จะเริ่มขึ้นแล้ว ไม่ทราบว่าจะตัดสินใจอย่างไรเกี่ยวกับโควต้า….. " ผู้อาวุโสใหญ่ที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั้นสอบถามด้วยความระมัดระวัง
ฉี ซู่หยุนสีหน้าจมลง ตั้งแต่ที่เธอได้ยินว่ายี่ เทียนหยุนถูกไล่ล่าอยู่ข้างนอก สีหน้าของเธอก็กลายเป็นสีหน้าที่เย็นชาและมันก็เป็นมาจนถึงในขณะนี้ ผู้คนที่พบเห็นต่างก็พากันสั่นเทาจากก้นบึ้งของหัวใจ คำถามอะไรที่จะถามนั้นจะต้องถามด้วยความรอบคอบระมัดระวัง
เวลาแห่งการสำรวจซากปรักหักพังโบราณที่จะเปิดขึ้นนั้นเหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 สัปดาห์แล้ว โควต้าของยี่ เทียนหยุน ยังคงว่างอยู่โดยที่ยังไม่ได้รับการตัดสินใจจนในที่สุดผู้อาวุโสใหญ่ก็อดรนทนไม่ไหว ต้องยกคำถามนี้ถามขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
ใครบ้างที่จะไม่รู้อารมณ์ของฉี ซู่หยุน ตามปกตินั้นเธอจะเป็นคนที่อารมณ์ดีเป็นอย่างมากแต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปคลับคล้ายคลับคลาว่าเธอจมอยู่ในอารมณ์ส่วนตัว ไม่ได้มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสต่อทุกคนเหมือนเช่นเคย
" ให้ว่างเอาไว้ก่อน ไว้คอยเทียนหยุนกลับมา " เสียงของฉี ซู่หยุนชวนพาให้เหน็บหนาวดังอยู่ภายในห้อง ทำให้เหล่าผู้อาวุโสใครต่อใครอีกหลายๆคนนั้นชัดเจนว่าเหมือนถูกเป่าด้วยสายลมหนาวที่พัดผ่าน ทำให้พวกเขานั้นไม่สามารถที่จะอดสั่นด้วยความกลัวได้
" แต่….. เมื่อเวลานั้นมาถึงแล้วเทียนหยุนเขาไม่กลับมาล่ะ ?? " ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยถามด้วยความระมัดระวัง
" ก็ข้าพูดว่าให้ว่างเอาไว้ก่อน คอยจนกระทั่งเทียนหยุนกลับมา ไม่เข้าใจหรือยังไง ?? " ฉี ซู่หยุนทำตาโต สายตานั้นส่งประกายวูบวาบแห่งความเฉยชาที่หนาวเห็บ
ผู้อาวุโสต่างก็พากันตัวสั่น ต่อมาก็พากันส่ายหัว เจ้าตำหนักของพวกเขาในตอนนี้ราวกับตกอยู่ในภวังค์ ไม่รับรู้อะไรจึงเป็นสาเหตุให้พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดจาอะไรอย่างไรดี
" เจ้าตำหนัก ข้ารู้ว่าท่านกำลังกังวลเกี่ยวกับยี่ เทียนหยุนแต่ทว่าท่านก็ไม่สามารถที่จะทำแบบนี้ได้ตลอดไป เมื่อเวลามาถึง การสำรวจซากปรักหักพังโบราณก็จะเริ่มต้นขึ้น หากโควต้ายังคงว่างเปล่าอยู่เช่นนี้สู้ไม่เต็มใจที่จะให้ศิษย์ที่มีความโดดเด่นคนอื่นๆไปแทนจะไม่ดีกว่ารึ?? และที่ยิ่งไปกว่านั้นยี่ เทียนหยุนในตอนนี้นั้นอยู่ข้างนอก จากนี้เป็นต้นไปเขาจะไม่มีความสัมพันธ์กับพวกเราตำหนักหยกสวรรค์อีกต่อไปแล้ว คำของนิกายหลอมโลหะเทวะและตึกกระแสลมแห่งสวรรค์ที่ว่า ถ้าหากว่าเรากล้าที่จะให้ที่พักพิงกับยี่ เทียนหยุนผู้นี้ หรือว่ายื่นมือเข้าช่วยเหลือเขานั่นเท่ากับว่าจะต้องเป็นศัตรูกับพวกเขา!! ในเมื่อปัญหาถูกตั้งขึ้นมาเช่นนี้แล้ว นี่จะไม่เท่ากับว่าเป็นการให้พวกเราแส่หาเรื่องหรอกเรอะ?? "
คำพูดนี่แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นั่นก็คือผู้อาวุโสสองนั่นเอง ถึงแม้ว่าเธอจะเปลี่ยนไปอยู่ในรูปโฉมของพฤติกรรมใหม่ แต่ในตอนนี้ยี่ เทียนหยุนได้สร้างปัญหาใหญ่เกิดขึ้นทำให้ตัวเธอนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก นอกจากไม่คิดที่จะกลับตัวกลับใจแล้วยังจะไปทำให้ทั้งสองนิกายโมโหสร้างปัญหาใหญ่ให้กับพวกเขาตำหนักหยกสวรรค์
" ผู้อาวุโสสอง ตัวท่านนั้นคิดว่าเทียนหยุนนำปัญหามาให้กับพวกเราตำหนักหยกสวรรค์อย่างนั้นหรือ ไม่ใช่ว่าเป็นพวกเขาเป็นพวกแพ้แล้วพาลอย่างงั้นรึ ?? " คำพูดของฉี ซู่หยุ่นยังคงคมกริบเหมือนเช่นเคย เธอรู้รายละเอียดในทุกๆด้านจากปากของฉินเสี่ยหมดแล้ว
มันเริ่มมาจากข่ง เซิ่งเฟิ่งผู้ซึ่งกระทำงามหน้า ต่อมาก็เป็นเหลียง เทียนเฉิงที่ใช้กำลังขับไล่ไสสงเขา จนในที่สุดพอพวกเขาพ่ายแพ้เลยพาลเป็นโกรธจัด เทียนหยุน ตั้งแต่ต้นจนจบเขาผิดเหรอ ผิดอะไร ??
" หากเป็นดังนั้นจริง พวกเราก็ควรที่จะอดทนด้วยความเข้าใจถึงจะเป็นการดี เพราะถ้าหากว่าพวกเขาเข้าใจถึงปัญหานี้จริงๆแล้วแล้วมันจะกลายมาเป็นปัญหาที่สำคัญเช่นนี้ไปได้อย่างไร ?? " ผู้อาวุโสสองกล่าวออกอย่างไม่พอใจ
" มันไม่ใช่ปัญหาที่ฝ่ายเราจะต้องทนอดทน !! หากตำหนักหยกสวรรค์ของพวกเราอดทนอยู่เฉยๆไม่ได้ลงมือทำอะไรก็จะเป็นสาเหตุให้พวกเขาคิดว่าสามารถที่จะกดขี่ข่มเหงรังแกพวกเราได้ ไอ้พวกนิกายเหล่านี้ ท่านคิดหรือว่าตำหนักหยกสวรรค์จะไม่ถูกกระทำย่ำยีจนพอใจ ?? " คำพูดของฉี ซู่หยุนนั้นเป็นคำพูดที่หลักแหลมลึกซึ้ง
การที่ต้องอดทนอยู่บ่อยๆมันเป็นการกระทำที่ดีจริงๆหรือ หากว่ามันขึ้นมาขี่อยู่บนหัวเราเมื่อไรแล้วเรายังจะต้องอดทนอยู่อีกรึ ??
ยกตัวอย่างเคสโควต้าของซากปรักหักพังโบราณแห่งสวรรค์นี้ ในเมื่อยี่เทียนหยุน เป็นผู้เข้าต่อสู้ได้โควต้านี่มากับต้องมาสูญเสียโควต้านี้ไป นี่ยังจะต้องยอมรับในโชคชะตาก้มหน้าก้มหน้าอดทนอีกอย่างงั้นรึ !!
ผู้อาวุโสสองแสดงสีหน้าหมดหวังในตอนนี้ พวกเขาไม่เคยต้องการที่จะต้องอดทน?? แต่ทว่าความแข็งแกร่งนั้นไม่เพียงพอ จึงจำเป็นที่จำต้องเลือกที่จะยอมอดทนเพียงเท่านั้น
" ท่านเจ้าตำหนัก….. " ในเวลานี้มีบอดี้การ์ดที่เดินเข้ามาจากภายนอกอย่างเร่งรีบ พร้อมกับกล่าวด้วยความกลัวว่า " ท่านเจ้าตำหนัก คนจากนิกายหลอมโลหะเทวะและนิกายวิญญาณสวรรค์มาที่นี่….. "
" หือ?? ซากปรักหักพังโบราณแห่งสวรรค์ยังไม่เปิดแต่พวกเขากลับเดินทางมาที่นี่ก่อนถึงเวลาอันสมควร….. จะต้องมีแผนการอะไรบางอย่างอย่างแน่นอน!! " ฉี ซู่หยุน ยืนขึ้น สีหน้าของเธอนั้นเย็นชายิ่งขึ้นไปอีก " หากมีเคราะห์ร้ายอะไรเกิดขึ้นกับเทียนหยุนแล้วล่ะก็ ข้าจะทำให้ทั่วทั้งนิกายหลอมโลหะเทวะกลายเป็นที่ฝังศพของพวกมัน!! "
เสียงของเธอนั้นหนาวอย่างสุดขั้ว อย่างกับไม่ใช่เสียงของผู้ที่มีอายุอยู่ในช่วงราวๆ 20 กว่าๆ แต่ก็ไม่มีผู้ใดที่จะสงสัยในคำพูดของเธอ….. ก็เพราะว่าเธอนั้นมีความสามารถที่จะทำอย่างที่เธอพูด ถึงแม้ว่าฐานบ่มเพาะพลังในตอนนี้นั้นอาจจะไม่เพียงพอแต่พวกเขาก็ยังเชื่อมั่นว่าเธอนั้นอาจจะทำได้
พฤติกรรมของฉี ซู่หยุนนั้นแม้จะไม่ได้เป็นพฤติกรรมที่ผ่านการคิดพิจารณา พิถีพิถันอย่างที่สุด แต่ก็เป็นเพราะตัวเธอนั่นเองที่ทำให้ตำหนักหยกสวรรค์นั้นค่อยๆดีขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อยโดยเป็นลำดับ มุ่งหน้าไปสู่ความมั่งคั่ง