Crazy Leveling System - ตอนที่ 1 หนุ่มซีด
ณ ตำหนักหยกสวรรค์ ภูมิภาคอันห่างไกลที่ตั้งอยู่ในอาณาจักรมังกรสวรรค์ ก่อตั้งขึ้นบนภูเขาหิมะ มีประวัติสืบทอดทรัพย์สมบัติหลายร้อยปี ในจักรวรรดิ์มังกรสวรรค์ทั้งหมด ตำหนักอยู่เพียงระดับล่างเท่านั้น ภายในตำหนักมีศิษย์อยู่ประมาณ 1,000 คน โดยหลักจะเป็นศิษย์ผู้หญิง ซึ่งแต่ละคนล้วนน่ารักเหมือนกับดอกไม้ยามผลิบาน
ศิษย์หญิงจำนวนมากทั้งหลายเหล่านี้ แม้นว่าสภาพอากาศที่นี่จะมีหิมะตกที่แปรปรวนทำให้บริเวณสถานที่แห่งนี้ไม่มีการเพาะปลูกอะไร แต่พวกเธอเหล่านั้นก็คล้ายกับดอกไม้ที่สวยงามที่กำลังเบ่งบานในแดนดินหิมะที่กำลังตกหนักอยู่ในขณะนี้ มองดูรูปแบบลายทัศนียภาพทิวทัศน์ที่แหลมคมแล้ว ถึงแม้ว่าอิทธิพลของตำหนักหยกสวรรค์จะมองดูธรรมดา แต่ที่นี้นั้นเหล่าสตรีล้วนมีมากมายนับไม่ถ้วน นิกายอื่นๆเป็นจำนวนมากจึงมุ่งตรงมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อทำการเลือกคู่ฝึกเต๋า ณ สถานที่อันงดงามที่เต็มไปด้วยดอกไม้ที่ผลิบานแห่งนี้
ในเวลานี้เอง หิมะกำลังแปรปรวน บรรดาเหล่าศิษย์หญิงจำนวนมากอยู่ในลานฝึกศิลปะการต่อสู้ ขยับดาบยาวเพื่อฝึกฝน เสียงของการฝึกนั้นดังก้องไปทั่วทั้งตำหนักหยกสวรรค์ แต่ก็มองดูอ่อนช้อยงดงาม ประหนึ่งราวกับเล่นดนตรีโดยอยู่ภายใต้เสียงสโลแกนที่ทรงพลัง ฤดูหนาวอันหนาวเหน็บนี้จึงดูราวกับว่าไม่หนาวเลย
ในเวลาเดียวกันนั้นที่ลานฝึกด้านนอกของตำหนัก เด็กหนุ่มที่ใบหน้าดูซีดเซียวกำลังกวัดแกว่งหอกไม้ยาวในมือ ฝึกทะลวงไม่หยุดหย่อนอย่างบ้าคลั่ง การแทงในแต่ละครั้งนั้นคล้ายกับจะค้นหาความแข็งแกร่งของตัวเอง เขาออกแรงอย่างเต็มกำลัง ในตอนนี้เกล็ดหิมะกำลังตกลงมาอย่างอ่อนโยน แต่ภายใต้การทะลุทะลวงอย่างรุนแรง เกล็ดหิมะก็เปลี่ยนเป็นอนุภาคขนาดเล็กจำนวนมาก แตกกระจายไปทั่ว
หลังจากที่เขากวัดแกว่งหอกในมืออยู่หลายรอบ เขาก็หยุดการฝึกลงเพื่อพักหายใจโดยหย่อนตัวนั่งลงกับพื้น แหงนมองท้องฟ้า
กระบวนการแห่งความคิดของเขา หวนคิดถึงความทรงจำเมื่อครั้งก่อน
ชื่อของเขาคือ ยี่ เทียนหยุน เขาเป็นคอเกมตัวยง ในตอนนั้น ยามเย็นที่ฝนกำลังตกลงมา ทันใดนั้น ….. ก็บังเกิดฟ้าผ่า!! มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาราวกับจะสูญสิ้นสติ ณ ชั่วเวลานั้น นาทีสุดท้ายของชีวิตเขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะตายด้วยสายฟ้าอันน่ากลัวที่ฟาดลงมาใส่ตัวเขา แต่….. เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ นี่นับเป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดจริงๆ
ยามเมื่อเขาฟื้นขึ้นมา เขาก็มายังสถานที่แห่งนี้ ในหัวได้ปลดปล่อยเศษเสี้ยวแห่งความทรงจำที่แปลกประหลาด เจ้าของร่างเด็กหนุ่มคนนี้ได้เสียชีวิตแล้ว เพราะสภาพร่างกายของเขาที่ไม่สามารถที่จะเยียวยารักษาได้ เขาฝึกฝนวรยุทธ์จนเกินขีดจำกัดของร่างกาย
เขารู้ว่าไม่ว่าจะฝึกยาวนานซักแค่ไหนร่างกายนี้มันก็ไม่สามารถที่จะฟื้นฟูขึ้นมาได้ ร่างกายนี้มันช่างน่าผิดหวังจริงๆ
“ ไม่มีหนทางเลยรึ ?? …..”
ใบหน้าของเขาดูซีดเซียว อ่อนแอ ดูไม่เหมือนกับผู้ฝึกยุทธ์เหล่าโน้นที่ทั้งสูงใหญ่และแข็งแรง ส่วนตัวเขามองดูคล้ายกับเด็กผู้หญิงขี้โรคที่ดูเพลีย เพลีย
“ ให้ข้าฝึก !! …”
เขาตะโกนเสียงดัง ทะลวงหอกอย่างรุนแรง จนบังเกิดลมพายุหมุนผ่านมาจากปลายหอก ทำลายกองหิมะที่อยู่ตรงหน้าเขา มันแตกกระจายเป็นเกล็ดหิมะจำนวนมาก ฟุ้งขึ้นไปในอากาศแล้วก็ตกลงมาอย่างช้าๆ แลดูสวยงาม อย่างไรก็ตามผิวหนังร่างกายของเขานั้นดูซีดเซียว หากเปรียบเทียบกับเกล็ดหิมะเหล่านี้แล้วมันดูแตกต่างกันเป็นอันมาก
ผิวหนังนี้ซีดกว่า ไม่มีพลังงานสายเลือดอยู่เลย นี้ถือเป็นข้อห้ามอันใหญ่หลวงของผู้ฝึกวรยุทธ์
หากปราศจากพลังงานสายเลือด คนเราจะมีชีวิตอยู่ได้เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น และก็จะเสียชีวิตลง ต้องการจะฝึกวรยุทธ์ เป็นไปไม่ได้อย่างมาก!! นี่คล้ายกับเลือดไม่มี แต่จะยังมีชีวิตอยู่อีกรึ ?? ….. ในปัจจุบันร่างกายของเด็กหนุ่มคนนี้ก็เช่นกัน ใบหน้าซีดขาว ไม่มีพลังงานสายเลือด เขาอาจจะตายได้ทุกเมื่อ
การฝึกทักษะการต่อสู้ด้วยสภาวะเช่นนี้ เขาทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ฝึกท่วงท่าของทักษะยืดเส้นยืดสายเพียงเท่านั้น มันยังห่างไกลจากการฝึกฝนวรยุทธ์ที่แท้จริงนัก
“ ค็อก ๆ …..”
ทันใดนั้นสีผิวของเขาก็แดงขึ้น มีหลายส่วนที่แดงอย่างไม่ปกติ การไออย่างรุนแรง ทำให้เขาคุกเข่าลงข้างนึง นี่มันใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไหน นี่คือ คนป่วยต่างหาก ก่อนหน้านั้น เขาฝึกหนักจนเกินไปทำให้ร่างกายของเขานั้นไม่อาจจะรับไหว
“ นายน้อย ออกมาฝึกวรยุทธ์ได้ยังไง นี่จะทำให้ได้ท่านได้รับบาดเจ็บเอาน่ะ!!….” ในเวลานี้เองสาวใช้ก็ได้วิ่งออกมาจากตัวตำหนักมองดูเด็กหนุ่มผู้ซึ่งไออย่างต่อเนื่อง นัยน์ตาที่สวยงามของเธอเปิดเผยแววเชิงตำหนิ แต่สิ่งที่มากกว่านั้นก็คือความห่วงใยที่เธอมีต่อเด็กหนุ่มผู้นี้
เธอหยิบเสื้อผ้าจากด้านข้างอย่างเร่งรีบ เอาเสื้อมาสวมคลุมให้กับเด็กหนุ่ม ผลจากการฝึกฝน เขาไม่ต้องใส่เสื้อผ้าอะไรในอากาศที่หนาวเย็น เพียงแต่ดูร่างกายของเขานั้นมันดูอ่อนเพลียแต่ก็ไม่ถึงขั้นร้ายแรงถึงแก่ชีวิต
“ พี่เสี่ยวเหลียน ข้าไม่ได้เป็นอะไร ข้าเพียงต้องการที่จะยืดเส้นยืดสายของร่างกาย …..” ยี่ เทียนหยุน เบี่ยงหน้าหนีเวลาไอ จากสีหน้าที่ดูซีดเซียว เขาเค้นใบหน้าแย้มยิ้ม แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เป็นอะไร
อีกสถานะหนึ่งของเขา คือ นายน้อยแห่งตำหนักหยกสวรรค์ ตำหนักหยกสวรรค์ในปัจจุบันประมุขก็คือป้าของเขานั่นเอง แต่ทว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ก็ไม่ได้สนิทกับป้าของเขามากนัก น้องสาวผู้ซึ่งแม่ของเขาเก็บมาอุปการะ แต่ ….. น้องคนนี้ตั้งแต่เขาจำความได้เธอยังคงหายตัวไป
เพื่อจะพูดได้ว่า ยี่ เทียนหยุนนั้นยืนขึ้นได้โดยที่ไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากเหลียนน้อย เพื่อพิสูจน์ว่าเขานั้นไม่ได้เป็นอะไร
เหลียนน้อยมองดูเขาขึ้นและลง เพื่อที่จะยืนยันว่าอาการของยี่ เทียน หยุนนั้นไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ตัวเธอก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยแล้วจึงพูดว่า “ ประมุขให้ข้านำคุณชายไปยังห้องโถง ข้าตามหาคุณชายอยู่นาน ไม่พบ จริงๆแล้วก็แอบมาอยู่ที่ลานฝึกนี่เอง นายน้อยข้าคิดว่าหากท่านคิดจะฝึกฝนวรยุทธ์ แต่ด้วยสภาพร่างกายในปัจจุบันของท่าน ขืนฝึกอย่างต่อเนื่องมากเกินไปจะยิ่งทำให้สภาพร่างกายนั้นมีแต่ทรุดตัวลง
เธอได้แต่พูดอยู่ข้างหลัง เหลียนน้อยไม่กล้าจะพูดต่อของหน้ายี่ เทียนหยุน ตัวเธอนั้นอยากที่จะพูดแต่ก็ลังเล
“ คำที่ว่าฝึกต่อเนื่องแล้วจะทรุดลง ในท้ายที่สุดก็จะตายยังไงใช่หรือไม่ …..? ” ยี่ เทียนหยุน ยังคงแย้มยิ้ม
“ ข้ารู้อยู่เสมอว่าร่างกายของข้านั้นไม่มีพลังงานสายเลือดแม้แต่นิดเดียว เมื่อไม่มีพลังงานสายเลือดก็ฝึกฝนวรยุทธ์ไม่ได้ แต่ข้านั้นก็ไม่ต้องการที่จะให้มันจบลงเช่นนี้ ข้าไม่เชื่อว่า สวรรค์จะไม่มีความรู้สึก!! ”
พรสวรรค์ของยี่ เทียนหยุนนั้นก็ไม่เลว เพียงแต่ไม่มีพลังงานสายเลือด ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ อย่างไรก็ตามพรสวรรค์แข็งแกร่ง แต่ปราศจากพลังงานสายเลือด ชีวิตก็ไม่มีความหมาย แล้วจะต้องการพรสวรรค์ไปทำอะไร
“ นายน้อย ” เหลี่ยนน้อยพลันตาแดง เธอแก่กว่ายี่ เทียนหยุนหลายปี พูดได้ว่าเธอเฝ้าดูยี่ เทียนหยุนเจริญเติบโต เพียงคำว่า “ ตาย ” มันก็ทำให้ตัวเธอนั้นเศร้าใจเป็นอย่างมาก
“ ไม่ต้องพูดมากเรารีบไปที่ห้องโถงกันเถอะ ไม่รู้ว่าป้าจะให้ข้านั้นทำอะไร ”
เมื่อเดินเข้ามาในตำหนัก ข้างในนั้นอบอุ่นกว่ามาก ยี่ เทียนหยุนเพิ่งเข้ามา ทัศนวิสัยก็เต็มไปด้วยความเจริญหูเจริญตา ข้างในนั้นเต็มไปด้วยผู้หญิงอย่างอุดมสมบูรณ์ ที่นี่คือ สวรรค์ของผู้ชาย ภายนอกนั้นศิษย์จำนวนมากของนิกายอื่นต้องการที่จะเข้าร่วม แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับการตอบรับ ศิษย์ภายนอกที่ได้รับเลือกนั้นเพียงแค่ผู้ชายบางคนซึ่งคิดเป็นจำนวนน้อยเท่านั้น โดยหลักก็คือศิษย์หญิงของที่นี่จะเป็นคนให้ความสนใจ
ลักษณะภายนอกของเหล่าสายตาบรรดาศิษย์ผู้หญิงที่มองมานั้น มันช่างเต็มไปด้วยความรังเกียจและแลดูไม่เป็นมิตร
สำหรับพวกเขาแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อยี่ เทียนหยุนนั้นก็คือ ความรังเกียจและไม่สบอารมณ์ อยู่ใกล้กับเขาที่เป็นขยะที่กำลังจะตายในอีกไม่ช้า และอีกข้อหนึ่งก็คือ เขาเป็นลูกชายของประมุขคนก่อน ตำหนักหยกสวรรค์นั้นมีกฏข้อห้ามที่ชัดเจนว่า คนที่เป็นประมุข ไม่สามารถที่จะแต่งงานและให้กำเนิดบุตรได้ แม่ของยี่ เทียนหยุนได้กระทำผิดกฏ หลังจากที่คลอดเขาแล้ว เธอก็ได้ออกติดตามผู้ชายคนนั้นไป
ป้าของเขามองดูเทียนหยุนในตอนนี้ทีี่แลดูไม่สบายใจ แต่ตัวเธอก็ไม่ได้ทำอะไร
พี่สาวเสี่ยวเหลียนเรียกเขาว่านายน้อย แต่คนอื่นจะไม่เรียกเขาว่านายน้อย ไม่ แม้แต่ที่จะทักทายแต่จะเรียกยี่ เทียนหยุนว่าขยะ หรือไข่เน่า
เผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ยี่ เทียนหยุน ดวงตาพลันไม่มีชีวิตชีวา ในความรู้สึกภายในของเขานั้นรู้สึกเย็นชา เขายอมรับความจริงข้อนี้ เมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกที่แสดงการดูหมิ่นและเกลียดชังในแต่ละครั้ง เขากำหมัดแน่น ความรู้สึกภายในใจนั้นโกรธเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนความจริงข้อนี้ไปได้จริงๆ
หลายครั้งที่เขาต้องการจะหนีไปจากที่นี่ แต่เขานึกถึงป้าของเขา ใจของเขายังไม่แกร่งพอที่จะทิ้งป้าของเขาแล้วเดินจากไป
“ เทียนหยุนในที่สุดเจ้าก็มา เจ้าแอบไปฝึกวรยุทธ์มารึ !! ” เสียงที่พูดนั้นเป็นหญิงสาวร่างเล็กและบอบบางที่เดินตรงมา อายุเชื่อได้ว่า 20 ปี ห่างกับเขาอย่างที่สุด
เมื่อเธอเดินมา เหล่าศิษย์หญิงที่รายล้อมต่างก็ก้มศีรษะ ตะโกนอย่างนับถือ “ ประมุข ”
หญิงสาวที่มา ก็คือ ป้าของยี่ เทียนหยุนนั่นก็คือฉี ซู่หยุน ผู้ที่กลายมาเป็นประมุขของตำหนักหยกสวรรค์เมื่อครั้งที่เธอยังเด็ก สามารถกลายมาเป็นประมุข เหตุผลก็คือ พรสวรรค์ที่ฝังอยู่ในตัวเธอ เมื่ออายุได้ 20ปี พื้นฐานวรยุทธ์ก็ถึงขั้นแก่นการควบแน่น!! ต้องรู้ว่าอายุเท่านี้โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ในขั้นปรับแต่งวิญญาณ (กำลังใจ)
“ ป้า ” ยี่ เทียนหยุนมองดูฉี ซู่หยุน อารมณ์ของเธอในตอนนี้ เธอกำลังโมโหความโกรธ ทั่วทั้งตำหนักหยกสวรรค์ คนที่เป็นห่วงเป็นใยเขามากที่สุด ก็คือ ฉี ซู่หยุนคนนี้นี่เอง
เห็นเธอแล้ว ความรู้สึกของยี่ เทียนหยุนก็รู้สึกอบอุ่น ในตอนแรกที่เขามายังโลกใบนี้ เขารู้สึกสับสนมาก ในปีนี้ได้ฉี ซู่หยุ่นที่คอยสนับสนุนและห่วงใยเขา ทำให้เขายอมรับความจริงว่า เธอคือคนที่ห่วงใยเขามากที่สุด
ไม่มีใครห่วงใยเขาเมื่อเทียบกับเธอ เธอมักจะถามถึงความเป็นอยู่ของเขา ทำให้เขามีความรู้สึกที่ชัดเจน มองดูใบหน้าที่สวยงาม ทันใดนั้นความทรงจำเมื่อครั้งก่อนก็ปรากฏขึ้น ฉี ซู่หยุ่น คล้ายกับพี่สาวของเขา มักจะดึงให้เขาโตขึ้น โดยปกติแล้วเมื่อฝึกฝนมักจะนำเขาไว้ข้างกายอยู่เสมอโดยที่ไม่ให้ใครมาเกะกะระรานเขาได้แม้แต่น้อย แม้กระทั่งผู้อาวุโสของตำหนักหยกสวรรค์ก็ตามที ฉี ซูหยุ่น เพื่อเขาแล้ว เธอกล้าที่จะขัดแย้งกับเหล่าผู้อาวุโส ด้วยพรสวรรค์ของฉี ซู่หยุนอันน่าทึ่ง ผู้อาวุสเหล่านี้ไม่เต็มใจที่จะให้ตัวของยี่ เทียนหยุนนั้นตกเป็นภาระให้กับฉี ซู่หยุน ให้ประมุขตำหนักเก็บรักษาไข่เน่าเอาไว้ เบื้องหลังที่ไม่สามารถฝึกวิชาได้ ก็พูดว่า สามารถฝึกวิชาได้ แต่ ….. ไม่มีพลังแห่งสายเลือด ถึงจะฝึกฝนต่อเนื่องไปรังแต่จะทรุดหนักถึงแก่ความตาย แล้วนี่จะไม่เรียกว่าขยะรึ
“ ตุ๊บ ….. ”
ฉี ซู่หยุนเอามือเคาะไปที่หัวของยี่ เทียนหยุนเบาๆ จู่ๆก็มีพลังงานสายเลือดเข้มข้นส่งออกจากกล่องหยกที่ฉี ซู่หยุนนำออกมา เหล่าบรรดาศิษย์ทั้งหลายที่รายล้อมพอพบเห็นเข้าต่างก็ถึงกับอุทาน!! ต่างคนต่างก็พากันอิจฉาริษยา แต่ก็ไม่มีใครกล้ากระทำการใดๆ พวกเขาต่างก็ได้แต่เก็บงำเอาไว้ในใจ
ใครใช้ให้เจ้าขยะนี่เป็นสมาชิกคนในครอบครัวของประมุขกัน?? ฉี ซู่หยุน นำมันมาจากข้างนอกโดยพิเศษ ตราบใดที่ไม่ได้เบียดเบียนฝ่ายบริหาร ( เหล่าผู้อาวุโส ) เธอส่งเม็ดยาที่เอาออกมาให้กับยี่ เทียนหยุนในทันที นี่เป็นการให้ทางอ้อมจึงไม่ได้เป็นการฝ่าฝืนกฎของตำหนักแต่อย่างใด
“ น ….. นี่คือ ….. เม็ดยามังกร ” ยี่ เทียนหยุนเกิดอาการสั่นสะท้าน เมื่อเขาพบเห็นว่ามันคือเม็ดยาเลือดมังกร สิ่งนี้ค่อนข้างที่จะมีค่าเป็นอย่างมาก มันสามารถที่จะส่งเสริมพลังงานในสายเลือดได้เป็นจำนวนมาก ไม่ต้องคิดเลยว่า การกระทำของฉี ซู่หยุน นี่แน่นอนว่าต้องใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมาก
“ ใช่แล้ว นี่คือ เม็ดยาเลือดมังกร เจ้าจงรีบรับเอาไปเถอะ มันจะสามรถช่วยปรับปรุงพลังงานในสายเลือดของเจ้าได้อย่างมหาศาล มันจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพลังงานในสายเลือดภายในร่างกายของเจ้า ” ฉี ซู่หยุนแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน ไม่สนใจมูลค่าของเม็ดยาเลือดมังกรนี้แต่อย่างใด ตัวเธอนั้นต้องการที่จะให้ร่างกายของยี่ เทียนหยุน ดีขึ้นมาบ้างก็เท่านั้น
“ แต่ ….. ” ยี่ เทียนหยุนนัยน์ตามีสีแดง ความรู้สึกภายในใจของเขาตอนนี้นั้นรู้สึกตื้นตันใจต่อตัวของฉี ซู่หยุนเป็นอย่างมาก ในปีที่ผ่านมา ป้าของเขามักจะมองหาเม็ดยาพลังงานสายเลือดเป็นอย่างมาก แต่มันก็ไม่ได้มีผลกับเขามากนัก มันเพียงแค่ช่วยยืดชีวิตของเขาให้อยู่ต่อไปได้หลายปีก็แค่นั้นเอง ครั้งนี้ก็คล้ายกันแต่ ….. มันมีค่ามากกว่า
“ ไม่มีอะไรหรอก ตัวเจ้าต้องฟื้นฟูร่างกายให้ดี นี่ถึงจะเป็นการตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่หรือ?? เธอไม่คิดอย่างนั้นรึ ” ฉี ซู่หยุนเอามือมาหยิกใบหน้าที่มองดูขาวซีดเซียวของยี่ เทียนหยุนแล้วดึงเบาๆคล้ายกับเด็กผู้หญิงที่ซุกซน
“ ได้ ” ยี่ เทียนหยุน พยักหน้ารับ เขารู้ว่าในตอนนี้เขาจะต้องทำทุกสิ่งทุกอย่าง การฟื้นฟูร่างกายจะเป็นการตอบแทนที่ดีที่สุด!!
“ ประมุข คนของนิกายวิญญาณสวรรค์มาเจ้าค่ะ!! ” ศิษย์ที่มาจากข้างนอกรีบเข้ามารายงานในทันที
“ นิกายวิญญาณสวรรค์มารึ?? ” ฉี ซู่หยุนเลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตาเปลี่ยนจากอ่อนโยนเป็นจิตสังหาร ท่าทีที่ปฏิบัติติอยี่ เทียนหยุนก่อนหน้านั้น ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ขณะชั่วลมหายใจเธอพูดแย้มยิ้มกับยี่ เทียนหยุน “ ป้าขอตัวไปจัดการบางสิ่งบางอย่างก่อน เธอรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ”
พี่สาวเสี่ยวเหลียนกระทุ้งเขาให้พยักหน้าตอบรับ มองดูด้านหลังของฉี ซู่หยุนที่แยกจากไป เขากำหมัดแน่นที่ตัวเองช่วยเหลืออะไรไม่ได้
นิกายวิญญาณสวรรค์มาครั้งนี้ก็เพื่อต้องการที่จะบีบบังคับตำหนักหยกสวรรค์ พวกเขาพยายามอย่างหนักที่จะแย่งโควตาเพื่อเข้าไปใน “ ซากปรักหักพังโบราณ ” ปัญหานี้ยี่ เทียนหยุนรู้แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
“ ต้องลองกินยาเลือดมังกรสวรรค์ดู เผื่อว่ามันจะช่วยฟื้นฟูพลังงานสายเลือดของข้าได้…..” ยี่ เทียนหยุนหมุนตัวมุ่งหน้าตรงไปที่ห้องของตัวเอง
เมื่อยี่ เทียนหยุนเพิ่งเดินออกมาถึงบริเวณลานที่อยู่ด้านนอกของตำหนักนั้น พลันก็ปรากฏร่าง 3 ร่างได้มาปิดทางตรงหน้าของเขาเอาไว้
“ ไม่ทราบว่านายน้อยจะยกเม็ดยาเลือดมังกรสวรรค์ให้กับพวกเราได้หรือไหม?? เมื่อเร็วๆนี้ เราเหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็จะเลื่อนระดับพลังแล้ว ให้เม็ดยากับพวกเรามันจะดีกว่า เจ้ากินไปก็ไม่มีผลอะไร น่าจะนำมันมามอบให้กับพวกเราจะดีกว่า ”
“ คือว่า ให้พวกเรา หลังจากพวกเราได้รับแล้ว เพียงแค่ช่วงเวลาเดียว พวกเราก็จะพาเจ้าลงจากเขากัน พวกเราจะนำเจ้าไปพบเห็นโลกกว้างที่อยู่ภายนอก ”
“ ดี หากเจ้าเอาไปใช้ ก็ไม่ได้ผลอะไร สู้มอบมันมาให้กับพวกเราที่โชคดีกว่าเจ้าซะยังดีกว่า!! ”
ศิษย์ผู้ชาย 3 คนซึ่งปัจจุบันได้รับเลือก จริงๆแล้วเป็นศิษย์ของนิกายอื่นที่จงใจเข้ามาใช้กำลังบีบบังคับยี่ เทียนหยุน เขาหล่านี้ไม่ใช่ศิษย์ของตำหนักหยกสวรรค์ ฟังจากน้ำเสียงของพวกเขานั้น หมายถึง ยี่ เทียนหยุนเป็นขยะโดยสมบูรณ์ หากดูจากระยะเวลาแล้ว เจ้าพวกนี้น่าจะพึ่งมาได้ไม่นาน และพวกเขาก็รู้ว่า ยี่เทียนหยุนเป็นขยะ ผู้ที่ยืนอยู่หลังผู้หญิงก็คือ ขยะ!!
“ แล้วถ้าข้าพูดว่าไม่ให้ล่ะ?? ” ยี่ เทียนหยุนสายตาเย็นชา นี่คือของของป้าของเขา แล้วเขาจะยอมจำนนมอบมันให้อย่างว่านอนสอนง่ายได้ยังไง!!