Castle of Black Iron - Chapter 2007: ฝนที่ตกในเมืองหลวง
Chapter 2007: ฝนที่ตกในเมืองหลวง
มันอึมครึมมาตั้งแต่เช้า ตอนบ่ายฝนเริ่มจะตกหนัก ผลก็คือทั้งเนินเขาซวนหยวนเต็มไปด้วยหมอกฝน
เพราะฝนที่ตกหนักนี้จึงมีคนน้อยคนนักในถนนตามเมืองราชวงศ์ มีแค่บางคนที่เดินไปมาพร้อมกับเสื้อกันฝน
ในช่วงท้ายเดือน ด้วยการที่มีปิศาจโจมตีในทางตะวันตกมากขึ้นและความสูญเสียในเขตหลี่ซูและเซียนซูจึงทำให้บรรยากาศในเนินเขาซวนหยวนนั้นอึมครึมเหมือนกับสภาพอากาศ ทุกคนรู้สึกสลดราวกับมีหินในใจ ในเมืองราชวงศ์นั้นดีกว่าเล็กน้อยแต่นอกเมืองราชวงศ์แล้ว คลับและโรงเตี๊ยมนั้นสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่อย่างมาก
เพราะประเทศกำลังเจอกับวิกฤตจึงมีน้อยคนนักที่อยากไล่ตามความพอใจของตัวเอง
เพื่อที่จะสนับสนุนนายพลและทหารที่แนวหน้า มันจึงมีคำพูดบอกกันว่าแม้แต่เจ้าชายก็ได้สั่งการให้ตัดค่าใช้จ่ายต่างๆ แม้แต่งานพิธีรับรองตัวแทนของประเทศต่างๆก็ยังถูกยกเลิก แน่นอนว่าลูกน้องก็ไม่กล้าที่จะค้าน แม้ว่าบางคนจะหมกมุ่นในเรื่องเงินแต่ก็ได้แต่จะพอใจกับสภาพตัวเองตอนนี้ ทุกคนต่างก็ไม่ได้ทำตัวโดดเด่น
ทั้งวังราชวงศ์นั้นเต็มไปด้วยหมอกฝน
น้ำฝนเทลงมาจากเมฆดำซึ่งเหมือนกับหมึกที่อาบไปทั่วกระเบื้องทองด้านบนวัง หลังจากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นน้ำใสสะอาดและหล่นลงมาราวกับม่านน้ำตก ผลก็คือทั้งวังนั้นเต็มไปด้วยไอระเหย
มีอัศวินหลายคนของวังราชวงศ์ยืนอยู่ที่ใต้ชายคาและบันไดนอกวังพร้อมอาวุธในมือ พวกเขายืนคุ้มกันวังเก้าสวรรค์ท่ามกลางฝนและหมอกที่ตกหนัก ตอนนั้นแม้แต่อัศวินก็ยังได้ยินเสียงบ่นของเจ้าชายจากวังราชวงศ์
" หมายความว่าไงที่ว่าพวกเขายุ่งอยู่กับการทำเรื่องอื่นอยู่ ? สามนิกายใหญ่ได้ตอบกลับเจ้าแบบนี้รึ ? ทั้งประเทศกำลังเจอกับวิกฤต มันคือตอนที่นิกายใหญ่ต้องมารับใช้ประเทศ นิกายสวรรค์และหุบเขาฆ่าปิศาจเองก็ได้ส่งอัศวินกึ่งปราชญ์ไปยังตะวันตกพร้อมกับอัศวินของเขา สามนิกายใหญ่จะปฏิเสธการส่งกองกำลังไปแนวหน้าเพราะ หยุนซงซี งั้นรึ ? พวกเขาคิดจะยั้งมือและเอาแต่มองดูพวกปิศาจรึไง ? "
ซวนหยวนชางหยิง ยืนอยู่ที่บันไดในวังเก้าสวรรค์ เขาหงุดหงิดและคำรามออกมาใส่พวกรัฐมนตรีด้วยตาที่โกรธ – " สามนิกายใหญ่ไม่รู้จักสำนวนที่ว่า ' หนังลอกแล้วผมจะงอกออกมาได้ยังไง ' รึ ? "
ทั้งวังเก้าสวรรค์ดังก้องไปด้วยเสียงของเจ้าชาย รัฐมนตรีที่เพิ่งรายงานตะกี้ต่างก็พากันเงียบ เจ้าหน้าที่ระดับสูงคงอื่นๆในวังต่างก็เงียบสนิท แม้แต่เสียงน้ำหยดก็ยังได้ยินได้ ทุกคนรู้ว่า หยุนซงซี ถูกใช้เป็นโล่โดยสามนิกายใหญ่ ถ้าพวกนั้นส่งอัศวินทั้งหมดไปทางตะวันตก ผู้คนไม่คิดว่า หยุนซงซี จะโจมตีฐานสามนิกายใหญ่ในช่วงเวลานั้น เหตุผลที่แท้จริงคือสามนริกายใหญ่นั้นทรงพลังที่พวกเขาถึงไม่คิดจะนับถือ เจ้าชายชางหยิง ตั้งแต่การต่อสู้ที่ทะเลทรายหยินไห่ การกระทำของสามนิกายใหญ่ก็ดูได้ใจมากขึ้นแต่เนินเขาซวนหยวนไม่อาจจะทำอะไรสามนิกายใหญ่ได้เลย
หลังจากที่ระบายความโมโหออกมาแล้วเจ้าชายก็ได้รวบรวมสติ เขารู้ว่ามันไร้ประโยชน์กับการต้องระบายอารมณ์กับสามนิกายใหญ่ไม่ว่าจะหงุดหงิดแค่ไหนก็ตาม กลับกันแล้วมันอาจจะเป็นผลดีต่อสามนิกายใหญ่รึเป็นหลักฐานว่าสิทธิของเขาสั่นคลอนโดยสามนิกายใหญ่ ถ้าเขายังเป็นแบบนี้ต่อไป ข่าวลือว่าเจ้าชายได้ตะคอกกับเจ้าหน้าที่คงแผ่ไปทั่วประเทศในเวลาไม่กี่วัน
" หลี่หยุนจี มีข่าวเรื่อง หยุนซงซี บ้างรึเปล่า ? " – หลังจากที่รวบรวมสติได้แล้ว ชางหยิง ก็โบกมือถามเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นเขาก็จ้องไปที่ หลี่หยุนจี หัวหน้าศาลสูงสุด
" เอิ่ม….หยุนซงซี เป็นอัศวินปราชญ์ที่ยากจะพบร่องรอยได้ ศาลสูงสุดได้ประกาศจับเขาแล้ว เราไม่ได้ข่าวเรื่องเขาเลยจนกระทั่งตอนนี้ ! " – หลี่หยุนจี ตอบด้วยท่าทีรู้สึกผิด
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นหน้าของ ชางหยิง ก็หม่นลงทันที – " หมายความว่าศาลสูงสุดทำอะไร หยุนซงซี ไม่ได้รึ ? เขาทำอะไรก็ได้ที่ต้องการงั้นรึ ? "
" เอิ่ม…" – หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเจ้าชาย หลี่หยุนจี ก็เงียบไป
เจ้าชายมองไปที่สีหน้าของ หลี่หยุนจี และแทบจะโมโหขึ้นมาอีกครั้งแต่ตอนที่มองไปที่ เมิ่งชี่เดา ที่เงียบอยู่ เขาก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้
เพราะ หลี่หยุนจี ได้รับการแนะนำโดย เมิ่งชี่เดา เจ้าชายเองก็เคารพ เมิ่งชี่เดา ในระดับหนึ่ง เอาจริงๆแล้วอัศวินเงาไม่ได้อ่อนแอแต่ความสามารถของ หลี่หยุนจี นั้นยากจะเพียงพอกับตำแหน่งนี้ได้ เป็นธรรมดาที่เขาไม่อาจจะทำเรื่องที่โดดเด่นได้เลย ในฐานะหัวหน้าศาลสูงสุดที่มีคนและทรัพยากรมากมายแล้ว หลี่หยุนจี ไม่อาจจะแบ่งเบาภาระของเจ้าชายในตอนวิกฤตได้เลย ดังนั้นเขาจึงทำให้เจ้าชายผิดหวังอย่างมาก
ตอนนั้น ชางหยิง รู้สึกผิดที่รับฟังคำแนะนำของ เมิ่งชี่เดา และประกาศความผิดของ หยุนซงซี เร็วเกินไป ถ้าเขาทำตามความเห็นของ คุณฟาง ซึ่งคือไม่ประกาศความผิดของ หยุนซงซี ในเรื่องความบาดหมางระหว่าง หยุนซงซี กับสามนิกายใหญ่ ด้วยวีธีนี้มันก็จะมีดาบที่จ่อที่หัวของสามนิกายใหญ่ ตอนนั้นสามนิกายใหญ่คงไม่กล้าที่จะทำตัวโอหังแบบนี้
สถานการณ์วิกฤตนั้นตรงกันข้ามกับการตัดสินของ เมิ่งชี่เดา ที่เสนอให้กับเจ้าชาย หยุนซงซี กลายเป็นคนร้าย สามนิกายใหญ่ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับเนินเขาซวนหยวน พวกเขาไม่คิดกังวลใดๆ ผลก็คืออำนาจของเนินเขาซวนหยวนต่อสามนิกายใหญ่จึงลดลง
ชางหยิง มองไปที่ เมิ่งชี่เดา อีกรอบ หลังจากการต่อสู้ที่ทะเลทรายหยินไห่ ชางหยิง ก็รู้สึกว่าเขามองอาจารย์ไม่ออกอีกต่อไป แค่เพียงไม่กี่ปีความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ไม่ได้ดีดังเช่นแต่ก่อน ไม่นานมานี้ ซูกิวหมิงยู่ ผู้สั่งการได้ทำการป้องกันปิศาจพร้อมกับกองทัพของเขาเพื่อจะให้ เมิ่งชี่เดา ได้เลื่อนระดับเป็นอัศวินปราชญ์ แต่พวกรัฐมนตรีที่เป็นอัศวินสวรรค์ก็พากันเข้าข้าง เมิ่งชี่เดา ดังนั้น เมิ่งชี่เดา ที่เป็นรัฐมนตรีจึงแทบจะเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในวังเก้าสวรรค์ ในขณะเดียวกันกลุ่มกลืนกินก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ผลก็คือเจ้าชายนั้นรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ
" มีความเห็นอื่นรึเปล่า ?" – ชางหยิง ถามเจ้าหน้าที่ทุกคนโดยแสดงท่าทีเหนื่อยล้าออกมา ถ้ามันไม่มีคำถามอื่นอีก งั้นเขาก็คิดจะประกาศเลิกประชุม ตลอดหลายวันมานี้เพราะสถานการณ์การต่อสู้ที่ไทเซียเผชิญอยู่ การประชุมแต่ละครั้งจึงกินเวลานาน บางครั้งมันกินเวลาไปถึงตอนเย็น ความเครียดจากทุกสถานการณ์นั้นถามโถมเข้าใส่ ชางหยิง
" ข้ามีข้อเสนอ เจ้าชาย ! " – นายพลคนหนึ่งของสี่กองทัพได้เดินออกมาและพูดขึ้น -" การต่อสู้ที่แนวหน้าวิกฤตมาก ปิศาจได้รุกล้ำเข้ามาได้มากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นสถานการณ์เป็นตายที่ประเทศและคนจีนเผชิญอยู่ ตราบใดที่ปิศาจฝ่าถนนตงกวนมาได้ สถานการณ์โดยรวมของไทเซียคงต้องยต่ำแย่ลงไปอีก แม้ว่าผู้สั่งการจะดูแลที่แนวหน้าแต่ทรัพยากรกับคนในแนวหลังก็ไม่ได้ดีนัก มันเหมือนกับการที่สองคนสู้กันโดยเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงแต่ไทเซียก็ยังมีมือที่ว่างอีกข้าง ดังนั้นข้าเสนอว่าให้กองทัพควบคุมทุกเขตในประเทศ ผู้สั่งการของสี่กองทัพจะร่วมมือกับทุกคำสั่งเพื่อการสงครามและจะได้สู้กับปิศาจได้อย่างเต็มกำลัง ! "
ไม่นานหลังจากนั้นนายพลพูดจบ หลายคนก็เห็นด้วยกับเขาแต่ก่อนที่ ชางหยิง จะได้เปิดปากพูด รัฐมนตรีก็โดดขึ้นและค้านออกมาหลังจากที่มองไปที่ เมิ่งชี่เดา – " ตลก กองกำลังหลักของปิศาจยังไม่มาถึงถนนตงกวน ทำไมถึงบอกว่าถนนตงกวนจะพังลง ? ตลกสิ้นดี ไม่นานมานี้หลายเขตในทางตะวันตกอยู่ภายใต้การควบคุมของสี่กองทัพและ ลอร์ดซูกิว มันไม่พอรึไง ? ถ้าทุกเขตในไทเซียต้องอยู่ใต้การควบคุมของกองทัพ ประเทศอาจจะวุ่นวายก่อนที่ปิศาจจะมาถึง รัฐมนตรีภายในไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้….."
ตอนที่รัฐมนตรีภายในค้าน เขาก็ได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่หลายคน
ถ้าไทเซียทั้งหมดต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพ สิทธิของผู้สั่งการก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ในทางกลับกันแล้วพวกรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ก็จะด้อยลงไป แน่นอนว่าข้อเสนอของนายพลนี้จะส่งผลต่อตำแหน่งของหลายคน
ทั้งสองฝ่ายเริ่มถกเถียงกันในวังเก้าสวรรค์ พวกเขายากจะได้ข้อตกลงร่วมกันได้ ข้อเสนอนี้เคยถูกเสนอไปแล้วครั้งหนึ่งและก็มีการถกเถียงแบบเดียวกัน
" ไว้คุยเรื่องนี้ทีหลัง ! " – ชางหยิง โบกมือและบอกให้เลื่อนเรื่องนี้ไปก่อน
ตอนที่ ชางหยิง เตรียมจะเลิกประชุม เมิ่งชี่เดา ที่เงียบมานานก็ได้ก้าวออกมาและพูดกับ ชางหยิง – " ไม่กี่วันก่อน ผู้ดูแลเขตจินซูได้เขียนคำร้องมาให้กับข้าว่าพืชจากยูซูที่เจ้าชายได้แนะนำให้กับเขตจินซูเมื่อสองปีก่อนได้ออกผลผลิตครั้งใหญ่ ฤดูใบไม้ผลินี้พืชกลุ่มแรกถูกปลูกในพื้นที่ 266 ล้านตารางเมตรในเขตจินซูซึ่งได้ให้ผลผลิตมากว่าเดิม 20% ทั้งเขตจินซูต่างก็ช็อก ชาวบ้านและตระกูลใหญ่ในเขตยจินซูกำลังแผ่ข่าวนี้ออกไป ดังนั้นเขตจินซูจึงเตรียมเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกมากกว่าเดิม 10 เท่า ตามคำร้องแล้วเจ้าชายได้ถูกเชิญไปยังพิธีบูชาในปีนี้เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้คนในเขตจินซู "
นี่แทบจะเป็นข่าวดีข่าวเดียวที่ ชางหยิง ได้ยินในวันนี้ หลังจากที่ถามเรื่องสถานการณ์การเพาะปลูกในเขตจินซู ชางหยิง ก็หัวเราะออกมาและพูดขึ้น – " การเพาะปลูกคือพื้นฐานของประเทศ แน่นอนว่าเราควรให้กำลังใจพวกเขาในเรื่องนี้ เมื่อเขตจินซูมีการเติบโตเช่นนี้ ข้าจะไปยังเขตจินซูเพื่อเข้าร่วมพิธีกับพวกเขา ! "
หลังจากที่ได้ยินข่าวนี้ ชางหยิง ก็คึกขึ้นมา เพราะพิธีนี้มักจะมีจักรพรรดิไปเปิดพิธีมาโดยตลอด ตอนที่จักรพรรดิยังอยู่ เขาจะเลือกเขตหนึ่งที่มีผลผลิตมากที่สุดและเข้าร่วมพิธีที่เขตนั้นเพื่อให้กำลังใจชาวบ้านและทำให้ประเทศมั่นคง เพราะเจ้าชายรับหน้าที่ดูแลประเทศ มันเป็นครั้งแรกที่ผู้ดูแลเขตได้เขียนคำร้องขอให้ ชางหยิง เข้าร่วมพิธี
พืชจากยูซูนั้นเป็นที่รู้จักกันว่าให้ผลผลิตที่สูง สองปีก่อน ชางหยิง ได้เสนอให้ปลูกมันในเขตจินซู ไม่คาดคิดว่าเขาจะได้เห็นผลผลิตครั้งใหญ่ในสองปีต่อมา มันช่างยอดเยี่ยม ! ดังนั้น ชางหยิง จึงรู้สึกพอใจอย่างมาก
ตอนที่ ชางหยิง เลิกประชุม เขาก็เห็นลำแสงสีขาวพุ่งลงมาจากก้อนเมฆภายนอก
ปัง !
หลังจากนั้นทุกคนในวังเก้าสวรรค์ต่างก็พากันช็อกกับเสียงระเบิดนี้ แม้แต่น้ำในบ่อสองบ่อใต้บันไดที่ ชางสหยิง ยืนอยู่ก็เต็มไปด้วยคลื่น….
มันไม่ค่อยมีสายฟ้าในฤดูหนาว นี่ไม่ต้องพูดถึงสายฟ้าที่รุนแรงแบบนี้
' ใครกัน ? '
แกร๊ง !
ก่อนที่ลำแสงสีขาวจะหายไป มันก็มีคนหนึ่งโผล่มาจากประตูวังเก้าสวรรค์ เมื่อเห็นเขาก็ทำให้เหล่าอัศวินพากันฮือฮากันทันที
ทุกคนในวังมองไปที่ประตูรวมไปถึง ชางหยิง ด้วย
เด็กหนุ่มมองเข้ามาในตาของ ชางหยิง จากที่ประตูด้วยสีหน้าใจเย็น
ชางหยิง อึ้งพร้อมกับขยี้ตาตัวเอง……
" พี่ชางหยิง ไม่ได้เจอกันนาน…" – จางเทีย ถอนหายใจออกมาแล้วเดินเข้ามาอย่างใจเย็น….