Castle of Black Iron - Chapter 2006: ทำลายเขตนรกปิศาจ
Chapter 2006: ทำลายเขตนรกปิศาจ
หลังจากที่ปล่อยลูกดอกแสงออกมากว่า 100 อันในนรกปิศาจ จางเทีย ก็เริ่มเคลื่อนไหว
ในพลังฉีปิศาจอัดแน่นในท้องฟ้า จางเทีย ได้ยื่นนิ้วออกมา หลังจากนั้นก็มีไฟสีทองเล็กๆโผล่มาที่นิ้วของเขา จากนั้นไฟก็ก่อตัวเป็นมังกรยาวกว่า 3 ม. หลังจากนั้นไฟมังกรก็เริ่มยาวและใหญ่ขึ้น ไม่กี่วินาทีมันก็กลายเป็นมังกรที่ยาวกว่า 100 ม.วนรอบตัว จางเทีย และกลืนพลังฉีปิศาจข้างกาย จางเทีย ไป จากนั้นก็มีมังกรไฟกับงูมากมายแยกตัวออกจากมังกรไฟตัวใหญ่ 1 เป็น 2, 2 เป็น 4, 4 เป็น 8…..
ไม่นานมันก็มีมังกรกับงูไฟกว่าหมื่นล้านตัวในระยะหลายพันไมล์ ตอนที่พวกมันเชื่อมต่อกัน พวกมันก็ได้กลายเป็นทะเลไฟที่น่ากลัวและหนากว่า 60 ไมล์ ตราบใดที่พลังฉีปิศาจออกมาจากนรกปิศาจสัมผัสกับไฟนี้ มันจะสลายไปทันทีเหมือนกับน้ำแข็งที่เข้ามาในเตาหลอม
มันเหมือนกับทะเลจักระไฟ
พวกมังกรไฟและงูไฟคือหน้าตาดั้งเดิมของจักระไฟ ไฟรุนแรงแบบนี้สามารถเผาได้แทบทั้งราชาอินทรีย์ซึ่งกินมังกรมานับไม่ถ้วนในจักรวาลยกเว้นเพียงส่วนหัวใจ
หน้าตาเดิมของจักระไฟไม่ได้แสดงออกมาจนกระทั่งได้สร้างจักระอมตะอันแรกขึ้นมา จากนั้นจักระไฟที่ จางเทีย สร้างขึ้นมาก็ทรงพลังกว่าเดิมหลายสิบเท่าเมื่อเทียบกับตอนที่เขาขึ้นเป็นอัศวินปราชญ์
จากนั้น จางเทีย ก็บินเข้าไปในนรกปิศาจพร้อมกับจักระไฟของเขา
จักระไฟที่ จางเทีย ได้ปล่อยออกมาครอบคลุมทั่วทั้งนรกปิศาจ จางเทีย บินลงไปอย่างสบายใจพร้อมกับจักระไฟที่ยาวกว่า 6,000 ไมล์….
เมื่อเจอกับจักระไฟที่น่ากลัว พลังฉีปิศาจในนรกปิศาจถูกเผาและสลายไป ในขณะเดียวกันรังของปิศาจในผาก็ละลาย ปิศาจต่างก็บินออกมาจากรังด้วยท่าทีลนลานแต่ก่อนที่ปิศาจจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกมันก็โดนจักระไฟเผาเป็นเถ้า
บางรังนั้นอยู่ลึก อีกอย่างแล้วทางเข้าถ้ำเหล่านั้นก็ซับซ้อน จักระไฟในรูปร่างมังกรและงูได้บินเข้าไปในรังและเผาทุกอย่างตามทาง ก่อนที่ จางเทีย จะไปถึง มังกรและงูไฟของเขาก็ได้ทำลายรังด้านล่างไป
แทบจะไม่มีปิศาจตัวไหนที่รอดจากจักระไฟของ จางเทีย ได้ นายพลปิศาจและทหารปิศาจหลายหมื่นตัวได้เปลี่ยนเป็นเถ้าในทุกๆวินาที แม้แต่ปิศาจนายพลสูงสุดก็ยังโดนจักระไฟของ จางเทีย กลืนกินตอนที่ จางเทีย อยู่ห่างไปกว่าหมื่นไมล์
ไม่ว่า จางเทีย จะผ่านไปที่ไหน มันก็ไม่มีปิศาจสักตัวที่รอดไปได้ ผาของนรกปิศาจได้ละลายราวกับเทียน ผิวของผาราบเรียบราวกับผ้าไหม ผิวของนรกปิศาจได้เปลี่ยนไปอย่างมาก
มันมีรังปิศาจด้านซ้ายใกล้กับทางเข้ามากกว่า ตอนที่ จางเทีย ลงไปลึกกว่าเดิม เขาก็พบว่าความสามารถในการโจมตีเริ่มชัดเจนขึ้นและมีปิศาจรอดน้อยไปกว่าเดิม
จางเทีย ไม่ได้คำนวนว่ามีปิศาจโดนเผาไปมากเท่าไหร่ตั้งแต่ด้านบนจนถึงด้านล่างนรกปิศาจเพราะแน่นอนว่าต้องเป็นตัวเลขมหาศาล
ทั้งนรกปิศาจลึกกว่า 20,000 ม. ตอนที่ จางเทีย ไปถึงด้านล่าง มันก็ตกดึกแล้ว
ภูมิประเทศเดิมของนรกปิศาจนั้นไม่มีให้เห็นอีก ตอนที่ จางเทีย มาที่นี่พร้อมกับจักระไฟ เขาก็พบว่าด้านล่างของนรกปิศาจนั้นเหมือนกับนรกจริงๆ มันมีไอน้ำพุ่งออกมาทั่วทุกที่ ไม่มีปิศาจสักตัวให้เห็น อีกอย่างแล้วเขาเห็นหลุมที่เหมือนกับบ่อขนาดใหญ่กว่า 100 แห่งที่นี่ หลุมเหล่านี้เต็มไปด้วยลาวา
มันมีถ้ำที่มืดสนิทบนผาสูงไปหลายพันเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางของถ้ำนี้คือหลายพันเมตร พลังฉีปิศาจทั้งหมดออกมาจากถ้ำนี้ เพราะถ้ำนี้แทบจะเป็นแนวตั้งกับก้นหลุม มันจึงมีแค่ส่วนหนึ่งของทางเข้าถ้ำที่ได้รับผลจากการโจมตีแสงของขเขา
หลังจากที่มองไปที่ทางเข้า จางเทีย ก็ได้ซ่อนจักระไฟและเข้าไปด้านในโดยตรงโดยเดินทางได้ 60 ไมล์ต่อก้าว แค่เพียง 10 ก้าวเขาก็ได้เข้าไปในส่วนลึกที่สุดของถ้ำได้
มันคือพื้นที่ใต้ดินในส่วนลึกสุดของถ้ำ รูปปั้นเทพปิศาจตาแดงก่ำ, หูแหลม, สี่แขนและเท้ากีบสูงกว่า 10,000 ม.ยืนอยู่ในพื้นที่นั้น มันเต็มไปด้วยเกล็ดสีดำสนิท
รูปปั้นนี้แผ่พลังฉีปิศาจออกมาผ่านปากของมันอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันนายพลปิศาจกว่า 70,000-80,000 ตัวและจักรพรรดิปิศาจเอื้อมสวรรค์ก็ไปรวมตัวรอบรูปปั้นพร้อมกับมอง จางเทีย ที่เข้ามาด้วยท่าทีลนลาน
จางเทีย เผาทุกอย่างระหว่างทางตั้งแต่ทางเข้าโดยไม่เปิดโอกาสให้ใครหนี ผลก็คือพวกมันได้แต่มารวมตัวกันที่นี่เพื่อเตรียมจะสู้กับ จางเทีย
จักรพรรดิปิศาจเอื้อมสวรค์คือปิศาจวัวที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะเขาสีทองคู่หนึ่งของมัน มันจึงถูกเรียกว่าจักรพรรดิปิศาจเอื้อมสวรรค์ ตามตำนานแล้วมันมีจักรพรรดิปิศาจสี่ตัวซึ่งคือจักรพรรดิปิศาจหกแขน, จักรพรรดิปิศาจเทียม,จักรพรรดิปิศาจภูเขาดำและจักรพรรดิปิศาจเอื้อมสวรรค์ จักรพรรดิปิศาจเอื้อมสวรรค์นั้นเป็นปิศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในนั้น เพราะจักรพรรดิปิศาจเอื้อมสวรรค์ทำการปกป้องเขตนรกปิศาจ ตอนที่มนุษย์ได้ยินชื่อของมัน พวกเขาก็จะกลัวขึ้นมาทันที กว่า 200 ปีก่อน จักรพรรดิดาวและจักรพรรดิพลังได้ทำการโจมตีใส่เขตนรกปิศาจ จักรพรรดิปิศาจเอื้อมสวรรค์ได้รับมือกับการโจมตีจากจักรพรรดิทั้งสองเพียงลำพังจนจักรพรรดิปิศาจตัวอื่นๆมาถึง
แต่ไม่ว่าจักรพรรดิปิศาจจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่มันก็แค่สัตว์ในกรงสำหรับ จางเทีย
"จักรพรรดิมังกร จางเทีย…" – จักรพรรดิปิศาจเอื้อมสวรรค์กัดฟันแน่นจนทำให้อากาศรอบตัวสั่นไหว
จางเทีย แค่มองไปที่อีกกลุ่มอย่างสบายใจราวกับพวกมันไม่มีค่า หลังจากนั้นเขาก็จ้องไปที่รูปปั้น ตาสีแดงที่มีนัยน์ตาสีทองนั้นดูคุ้นเคย
ไม่ต้องเดาเลยว่านี่คงเป็นรูปปั้นของจ้าวปิศาจ มันเป็นครั้งแรกที่ จางเทีย ได้เห็นหน้าตาของจ้าวปิศาจ
ตอนที่เขาอยากจะกลับไปที่ไทเซียจากดินแดนโม่เทียนในฝันของเขา จางเทีย ได้พบเพียงแค่ภาพตาของมันกับแขนของจ้าวปิศาจในมิติปั่นป่วน
มันมีลานสูงเพื่อการบูชาที่เท้าของรูปปั้นซึ่งมีบ่อเลือดขนาดใหญ่อยู่ รอบๆบ่อเลือดนั้นเต็มไปด้วยกระดูกมนุษย์ อีกอย่างแล้วมันมีภูเขากะโหลกมนุษย์รอบบ่อเลือด แต่ละกองสูงกว่า 1,000 ม. มันมีหัวกะโหลกมนุษย์กว่าร้อยล้านอัน ดูจากขนาดและจำนวนกะโหลกกับกระดูกรอบบ่อเลือดแล้ว จางเทีย พบว่ามันเป็นของเด็ก
ปิศาจ ทำการบูชาจ้าวปิศาจด้วยเด็ก จางเทีย ไม่รู้ว่ามันผ่านมากี่ปีที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ตอนที่จักรพรรดิปิศาจเอื้อมสวรรค์พบว่ามันโดน จางเทีย มองข้าม มันก็คำรามและพุ่งเข้าหา จางเทีย ด้วยคทาของมัน จากนั้นมันก็ใช้คทาฟาดเข้าใส่ จางเทีย ตอนที่ห่าง 10,000 ม.ด้วยพลังฉีที่แข็งแกร่งของมัน
แต่ จางเทีย หายตัวไปทันที ก่อนที่การโจมตีของจักรพรรดิปิศาจเอื้อมสวรรค์จะมาถึง จางเทีย ก็ได้โผล่มาข้างตัวมัน ในเวลาเดียวกันเขาก็ผ่านเกราะพลังฉีของจักรพรรดิปิศาจเอื้อมสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย ภายใต้สายตาตะลึงของจักรพรรดิปิศาจเอื้อมสวรรค์ จางเทีย ได้วางมือบนหัวของมันเบาๆ
" เมื่อเจ้าชอบการบูชามากขนาดนั้น เจ้าน่าจะโดนบูชายัญบ้าง ! " – เสียงของ จางเทีย ดังก้องในหูปิศาจแต่ละตัว
" อ๊า…" – ปิศาจอัศวินเอื้อมสวรรค์กรีดร้องออกมา ในพริบตาร่างที่สูงกว่า 2 ม.ก็เริ่มหดลงราวกับลูกโปร่งแฟบ ในขณะเดียวกันเขาสีทองของมันก็หม่นลง สุดท้ายร่างของมันก็กลายเป็นเถ้า ปิศาจที่แข็งแกร่งที่สุดได้ตายด้วยน้ำมือ จางเทีย โดยไม่อาจจะต้านทานได้และได้เป็นการบูชายัญอันแรกด้วยทักษะทั้งหมดของสูตรราชาอินทรีย์
มันไม่ใช่ว่าจักรพรรดิปิศาจเอื้อมสวรรค์นั้นอ่อนแอแต่เป็น จางเทีย ที่แข็งแกร่งกว่ามาก เมื่อเทียบกันแล้วจักรพรรดิปิศาจเอื้อมสวรรค์เป็นแค่เด็กทารกที่ต่อยกับนักมวยรุ่นใหญ่ ฝ่ายแรกอ่อนแอเกินไป
" ฆ่าเขาซะ " – เมื่อเห็นว่าปิศาจที่แข็งแกร่งที่สุดโดนฆ่าโดย ปิศาจ นายพลปิศาจทั้งหมดก็ใจสลายทันที ก่อนที่ จางเทีย จะได้ทำการโจมตี นายพลปิศาจบางตัวก็คำรามออกมา ทันใดนั้นนายพลปิศาจตัวที่เหลือก็พุ่งเข้าหา จางเทีย ด้วยสายตาแดงก่ำ เพื่อฆ่า จางเทีย รึไม่ก็โดนฆ่า !
เมื่อมองเข้าไปในตาของรูปปั้นของจ้าวปิศาจ จางเทีย ก็พูดขึ้นมา – "เจ้าน่ะแข็งแกร่ง น่าเสียดายที่เจ้าโดนขับไล่ออกไปโดยกฎจักรวาลในโลกนี้ ผลก็คือร่างของเจ้าไม่อาจจะเข้ามาในโลกนี้รึมิติใกล้ๆได้เลย อีกอย่างแล้วไม่มีลูหลานของเจ้ารึภาพฉายของเจ้าที่เอาชนะข้าได้ ข้ารู้ว่าเจ้าเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ เจ้าควรเห็นว่าข้าจะเผาลูกหลานของเจ้าเป็นเถ้ายังไง " – จางเทีย พูดพร้อมกับฮึดฮัด – " จากวันนี้ไป ฝันร้ายจะไม่เป็นของมนุษย์แต่เป็นของปิศาจ ! ถ้าเจ้าต้องการสงคราม ข้าก็จะมอบมันให้…."
หลังจากที่พูดจบ จางเทีย ก็ต่อยออกไป
ทันใดนั้นดวงอาทิตย์ก็โผล่มาในมิติใต้ดิน มันมีเงากุ้งหอกทองในแก่นดวงอาทิตย์
ถ้าไม่ได้สร้างจักระอมตะขึ้นมา เขาก็ไม่อาจจะรู้ถึงกฎจักรวาลได้ มีแค่ตอนที่สร้างจักระอมตจะขึ้นมาได้ จางเทีย ถึงสามารถปล่อยพลังของหมัดกฎจักรวาลได้
ตอนนั้นทั้งโลกเริ่มสั่นไหว
พายุที่มีความร้อนมากกว่า 20 ล้านองศาได้กลืนกินทุกอย่างในชั้นใต้ดินนั้นทันที
นายพลปิศาจกว่า 70,000-80,000 ตัวได้พุ่งเข้าหา จางเทีย
รูปปั้นของจ้าวปิศาจ….
บ่อเลือดและภูเขากระดูก….
สิ่งน่าเศร้าและน่ากลัวทั้งหมด…..
พวกมันหายไปเพราะหมัดของ จางเทีย !
ทั้งชั้นใต้ดินแตกออกและหายไป ในขณะเดียวกันทางเข้ามิติก็โผล่มาเหนือถ้ำ
" เฮลเลอร์ ให้ปราสาทเหล็กดำหลอมรวมกับบอลมิติของดินแดนโม่เทียน ! "
หลังจากที่บอกแบบนั้น จางเทีย ก็ได้เข้าไปในทางเข้ามิตินั้น
….
ในมิติปั่นป่วน จางเทีย ยังคงเดินทางอย่างสบายใจโดยมีแสงสีทองวนรอบตัวแต่ความเร็วของเขานั้นมากกว่าราชาอินทรีย์ในฝันของเขา
ตอนนั้นนัยน์ตาสีทองได้โผล่มาในหมอกดำซึ่งได้แสดงความหงุดหงิดกับพลังฉีอันดุดันออกมา หลังจากนั้นหมอกดำก็ก่อตัวเป็นภาพฉายของจ้าวปิศาจแบบเดียวกับรูปปั้นที่เขาเห็น ในขณะเดียวกันภาพฉายนั้นก็ได้ต่อยออกมาใส่ จางเทีย ด้วยหมัดทั้งสี่ของมัน
ตอนนั้นเจดีย์ขนาดใหญ่ก็โผล่มาในมือ จางเทีย มีรูนนั้นไม่ถ้วนไหลวนที่ผิวของมัน ตอนที่เจดีย์ฉายแสงใส่จ้าวปิศาจ มันก็ได้ทำลายอีกฝ่ายทันที ในขณะเดียวกันทางเข้าเจดีย์ก็เปิดออกและดูดซับหมอกดำที่แตกเหล่านั้น
ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงร้องดังก้องออกมาจากมิติปั่นป่วน…..
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนในที่สุด จางเทีย ก็เห็นฟองมิติในความจำของเขาในมิติที่เหมือนกับเขาวงกต
ตอนที่เขาบินผ่านไปในฟองมิตินี้ เขาก็เห็นทะเลอันกว้างใหญ่
ตอนนั้นเองคุกอมตะได้บินออกจากปากราชาอินทรีย์และเปลี่ยนเป็นเจดีย์สูงกว่า 600 ไมล์ หลังจากนั้นมันก็เปิดประตูออกพร้อมกับดูดเอาน้ำทั้งหมดแล้วกลับเข้าสู่ปากของ จางเทีย
….
หลังจากที่ดูดเอาน้ำทั้งหมดแล้ว ราชาอินทรีย์ก็ได้พุ่งผ่านหมอกดำและมิติคดเคี้ยวไป
'ไทเซีย ข้ากลับมาแล้ว….'