Castle of Black Iron - Chapter 2005: การตัดสินแห่งแสง
Chapter 2005: การตัดสินแห่งแสง
ที่ทางตะวันตกของเขตสวรรค์ เขตนรกปิศาจคือเขตที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนโม่เทียนและเป็นรังปิศาจในดินแดนโม่เทียน
มันก็เหมือนกับเมืองจักรพรรดิที่ยากจะมีปิศาจบุกเข้าไปได้ ในเขตนรกปิศาจเองก็คือรังแห่งสุดท้ายของปิศาจ
เขตนี้เรียกว่าเขตนรกปิศาจ
มนุษย์จะเปลี่ยนหน้าตาตอนที่ได้ยินเรื่องเขตนี้ ในประวัติศาสตร์นับหมื่นๆปีของดินแดนโม่เทียน มีมนุษย์มีพรสวรรค์หลายคนได้บุกเข้ามาที่นี่แต่ไม่มีสักคนเลยที่รอดกลับไปได้ หนึ่งในเหตุผลที่สำคัญที่สุดคือมนุษย์นั้นใช้พลังของตัวเองได้แค่ 1 ใน 3 ที่เขตนี้เพราะการจำกัดและแรงของนรกแห่งนี้
ถ้าจักรพรรดิมนุษย์เข้ามาในเขตนรกปิศาจด้วยพลัง 1/3 แน่นอนว่าเขาต้องตาย
มันมีเมืองปิศาจนับไม่ถ้วนที่นี่ นอกจากนี้ปิศาจเองก็ยังครองสองเขตใหญ่และมีเขตกลางกับเล็กมากมาย
ทั่วดินแดนโม่เทียนนี้นอกจากนรกปิศาจแล้ว จางเทีย ไม่เห็นเป้าหมายอื่นเพื่อโจมตี นรกปิศาจคือรังของปิศาจในดินแดนโม่เทียน ตราบใดที่ จางเทีย ทำลายที่นี่ลงได้ ปิศาจทั่วดินแดนโม่เทียนก็จะถูกกำจัดในไม่ช้า
ในบ่ายวันที่ 11 ธันวาคม ปี 3596 จางเทีย ได้มาอยู่บนอากาศเหนือเขตนรกปิศาจ
จากบนท้องฟ้านี้นรกปิศาจเหมือนกับนรกที่ไร้ก้นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 6,000 ไมล์ มันแผ่พลังฉีสีดำออกมาซึ่งครอบคลุมไปทั้งเขตอากาศสูงกว่า 600 ไมล์เหนือนรกปิศาจ แม้ว่าดวงอาทิตย์จะอยู่สูงบนท้องฟ้า จางเทีย ยังคงรู้สึกถึงพลังฉีอันน่ากลัวที่มองไม่เห็นอยู่
เริ่มจากทางเข้าจนถึงหลุมของนรก มันมีถ้ำอยู่บนกำแพงที่ทำให้เท้าเขาหงิก มีปิศาจนับที่เข้าออกถ้ำพวกนั้น ปิศาจจำนวนมากที่เข้าออกนรกแห่งนั้นอยู่ตอลด ทั้งนรกปิศาจนั้นกลายเป็นรังขนาดใหญ่ของปิศาจ
ตอนที่ จางเทีย โผล่มาเหนือนรกปิศาจ เขาก็ดึงความสนใจพลังฉีปิศาจสีดำรอบๆ มันเหมือนกับฉลามที่ได้กลิ่นเลือด พลังฉีปิศาจได้เริ่มพุ่งเขาหา จางเทีย ทันที
จางเทีย เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับวงแหวนที่โผล่มรอบตัว พลังฉีสีดำได้หายไปทันทีที่สัมผัสโดนวงแหวนแสง
พลังฉีสีดำนั้นเป็นภัยต่อคนธรรมดาแต่เมื่อมองดู จางเทีย ก็รู้ว่ามันคืออะไร
พลังฉีปิศาจคือพลังงานด้านลบในดินแดนอารมณ์ พลังฉีปิศาจนี้อยู่คนละขั้นกับมนุษย์ที่ปลุกจักระอมตะแสงขึ้นมาหนึ่งรึสองอันจากพลังงานอารมณ์ หลังจากที่มาที่นี่แล้วมนุษย์จะดูดซับพลังฉีปิศาจนี้เหมือนกับด้านบวกของแม่เหล็กที่ดูซับขั้นลบไป ผลก็คือจักระอมตะของพวกเขารึแม้แต่ร่างกายก็จะโดนกัดกร่อน
เมื่อเป็นแบบนั้นมนุษย์ทุกคนก็จะเปลี่ยนสีหน้าไปเพราะความกลัวตอนที่ได้ยินเรื่องนรกปิศาจ แทบจะไม่มีใครรอดกลับไปได้แต่การกัดกร่อนแบบนี้ไร้ค่าต่อ จางเทีย ที่ปลุกจักระอมตะขึ้นมาได้ 3 อัน จริงๆแล้ว จางเทีย น่ะมองข้ามมันได้ด้วยร่างคิงคองของเขา
ตอนที่ จางเทีย ลอยอยู่ที่นั่นและสังเกตุรอบนรกปิศาจ อยู่ๆเขาก็ถูกพบโดยทีมนายพลปิศาจปีกที่ลาดตระเวณ พวกมันพบชายหนุ่มที่ยืนอยู่ในพลังฉีปิศาจ ชายหนุ่มเอามือไขว้หลังและมองไปรอบนรกปิศาจอย่างใจเย็น ทีมปิศาจปีกตกใจและกรีดร้องออกมาก่อนจะพุ่งเข้าหา จางเทีย พร้อมกับส่งคำเตือนไปให้คนอื่นๆ
" น่ารำคาญ…" – จางเทีย มองไปที่ทีมปิศาจปีก หลังจากนั้นดาบลมก็ได้พัดเข้าหาพวกมันก่อนจะเปลี่ยนพวกมันเป็นเถ้าจากระยะห่าง 10,000 ม.
หลังจากที่ฆ่าพวกนั้นแล้ว จางเทีย ก็เห็นความวุ่นวายที่ทางเข้านรกปิศาจ มีปิศาจปีกมากมายบินออกมา เสียงกรีดร้องของมันอาจจะสร้างความสนใจให้กับปิศาจปีกตัวอื่นๆแต่เพราะพลังฉีปิศาจที่ลอยอยู่ในนรกปิศาจนี้ พวกมันจึงไม่อาจจะเห็น จางเทีย ได้ทันที
จางเทีย อดทนรอไม่ไหวอีกต่อไป
ตอนนั้นเมื่อเจอกับปิศาจในนรกปิศาจ แน่นอนว่า จางเทีย เลือกที่จะปิดประตูตีหมาด้วยการปล่อยลูกดอกของเขาเป็นการโจมตีรอบแรก
ไม่มีสัญญาณใดๆเลย….
แสงสีขาวหนาวกว่า 100 ม.ได้บินออกจากก้อนเมฆ หลังจากที่ทะลุพลังฉีปิศาจเหนือนรกปิศาจ มันก็พุ่งเข้าใส่ด้านล่างราวกับลูกดอกที่แหลมคม…
ระหว่างทางแสงสีขาวนี้ได้ทำให้ปิศาจนับร้อยตัวระเหยไป
แค่เพียง 4-5 วินาทีแสงสีขาวอีกอันก็ถูกยิงออกมาใส่ที่ด้านล่างของนรกปิศาจ
จากนั้นก็อันที่ 3….
อันที่ 4….5….
ใน 10 นาทีก็มีลูกดอกแสงกว่า 100 อันถูกยิงเข้าใส่นรกปิศาจ
ตอนที่แสงสีขาวก่อตัว เพราะการรวมตัวของพลังงานสองอัน ท้องฟ้าในระยะหลายพันไมล์เปลี่ยนเป็นสีส้มและปกคลุมไปทั่วนรกปิศาจ
ผู้คนในที่อื่นนอกนรกปิศาจเห็นแสงสีขาวที่ยิงออกจากก้อนเมฆสีส้มทีละอันๆ…
ทีมนายพลมนุษย์ที่ลาดตระเวนรอบนอกเขตนรกปิศาจอึ้งกับแสงสีขาวที่ยิงออกไป
เมื่อลูกดอกแสงเหล่านี้ยิงเข้าใส่นรกปิศาจทีละอันๆ ทั้งเขตนรกปิศาจก็เริ่มสั่นไหวด้วยความกลัว…..