Castle of Black Iron - Chapter 2003: สมบัติที่ดีที่สุด
Chapter 2003: สมบัติที่ดีที่สุด
น่าอายที่ จางเทีย ไม่ได้ศึกษาชิ้นส่วนเทพดุดันที่เขาได้มาตลอดหลายปีใน 'ฝัน' ตอนที่เขาได้รับชิ้นส่วนเหล่านี้มา เขายุ่งกับการกลับไปยังไทเซีย ตอนที่เขากลับไปยังไทเซีย เขาก็ยุ่งอยู่กับการจัดการปิศาจ มันก็เหมือนกับสมบัติและของอื่นๆที่เขาเก็บไว้ในปราสาทเหล็กดำ ชิ้นส่วนของเทพดุดันนี้ถูกเก็บไว้ในคลังเฉยๆ ก่อนหน้านี้เขาต้องการจะศึกษาการทำงานของมันแต่ เมิ่งชี่เดา และพวกปิศาจน่ะไม่ได้ให้เวลากับเขา
ตอนนี้ จางเทีย มีเวลามากพอ
หัวของเทพดุดันคือหัวของปิศาจวัว มันหนักราวกับหินใหญ่ รอยตัดนั้นเรียบ หลังจากที่ดูใกล้ๆแล้ว จางเทีย ก็เห็นเส้นเลือด, กระดูก,กล้ามเนื้อและอวัยวะส่วนในแต่ทั้งหมดต่างก็แข็งเหมือนกับฟอสซิลไปแล้ว
จางเทีย ใช้พลังวิญญาณห่อหัวนั้นเอาไว้ จากการสังเกตุแล้ว เขาก็พบส่วนแปลกๆที่ เฮลเลอร์ ได้พูดถึง
เซลล์ในกล้ามเนื้อกับกระดูกในหัวนี้เต็มไปด้วยพลังงาน หลังจากที่ศึกษาพลังงานนี้ดีๆแล้ว จางเทีย ก็พบว่ามันมีพลังวิญญาณ, พลังฉี, จักระทั้งสี่, แรงทั้งเจ็ดแม้แต่พลังงานในจักระอมตะของเทพดุดัน มันก็เหมือนกับที่ เฮลเลอร์ บอกเอาไว้ พลังงานนี้อัดแน่นอยู่ในแต่ละเซลล์ แม้ว่าชิ้นส่วนพวกนี้จะถูกทิ้งมานานแต่พลังงานมันก็ยังคงอยู่
บางทีนี่คงเหตุผลที่เทพดุดันพวกนี้ยังคงสู้หลังจากที่ตายไป ตอนที่พลังงานนี้อัดแน่นอยู่ในเซลล์ ร่างของเทพดุดันก็กลายเป็นเครื่องยนต์ มันคือสัญชาตญาณและการรับรู้ของการต่อสู้ยังคงอยู่ในเซลล์ที่ทำการควบคุมเครื่องยนต์นี้
' ทั้งหมดในสูตรราชาอินทรีย์นั้นทรงพลังแต่ 'ทั้งหมด'นั้นส่งผลแค่ต่อสิ่งมีชิต มันไม่ส่งผลต่อชิ้นส่วนเหล่านี้ที่ตายมานับพันล้านปี มันเก่าแก่กว่าฟอสซิลของไดโนเสาร์อีก ชิ้นส่วนเหล่านี้จะเป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ได้รึเปล่า ? '
จางเทีย ที่มั่นใจและดีใจเมื่อตะกี้เริ่มจิตใจสั่นไหว
'ช่างเถอะ หวังว่ามันจะเป็นได้ ถ้าไม่ได้จริงข้าก็ไม่ได้เสียหายอะไร'
เมื่อคิดได้แบบนั้น จางเทีย ก็กลับไปที่ล็อบบี้และไปยังลานของต้นไม้พร้อมกับหัวของเทพดุดัน
ตั้งแต่ที่ต้นไม้พัฒนาขึ้นมา มันก็มีแสงเล็กน้อยที่ส่องลอดผ่านพุ่มไม้ด้านบนมาซึ่งทำให้มันดูศักดิ์สิทธิ์และพิเศษ
" มันจะเป็นปุ๋ยของเจ้าได้รึเปล่า…" – จางเทีย ถามต้นไม้ตรงๆ
ต้นไม้ไม่ได้พูดอะไรแต่ใบของมันส่งเสียงออกมาราวกับระฆัง อีกอย่างแล้วมันก็มีแสงส่องลอดผ่านใบมาราวกับแสดงความพอใจ จากท่าทีของต้นไม้แล้ว มันไม่ได้ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย
'งั้นข้าจะลอง !'
ตอนที่ จางเทีย คิดว่าจะขุดหลุมใต้ต้นไม้และฝังหัวนี้ไว้รึคิดจะบดมันเป็นเถ้าและโปรยมันรอบดินใต้ต้นไม้นั้นเขาก็พบว่าดินที่อยู่ไม่ห่างจากลำต้นได้ทรุดตัวกลายเป็นหลุมขึ้นมา
จางเทีย เบิกตากวังทันที ต้นไม้ราชาต้องการให้ข้าวางหัวเทพดุดันไว้ในหลุมนั่นงั้นรึ ?
หลังจากคิดอยู่ 2 วินาที จางเทีย ก็เดินไปที่ริมหลุมก่อนจะวางหัวไว้ในนั้น
หลังจากที่วางหัวลงไป มันก็จมลงไปในดินราวกับหิน ในพริบตามันก็ถูกดินกลบ
เมื่อเห็นแบบนั้น จางเทีย ก็มั่นใจขึ้นมากกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้ จางเทีย ต้องการจะทดสอบความสามารถและรับรู้ความสามารถของต้นราชาด้วยการใส่ปุ๋ยให้ จากท่าทีของต้นราชาแล้ว เขาก็รู้ว่าเขาก็มั่นใจขึ้นได้มากกว่าเดิม
จางเทีย กัดฟันแน่นและขนชิ้นส่วนของเทพดุดันทั้งหมดออกมาจากคลังและใส่มันไว้ในหลุม
น่าแปลกใจตอนที่ จางเทีย ตั้งใจจะใส่ชิ้นส่วนเทพดุดันทั้งหมดไว้ในหลุม หลุมก็ก่อตัวขึ้นมาราวกับต้นราชารอเขาให้ใส่ชิ้นส่วนพวกนั้นลงไปในหลุม
ต้นราชาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรอยู่สักพัก
จางเทีย ไม่ได้กังวลเพราะเขารู้ว่ามันต้องใช้เวลาก่อนที่ต้นไม้จะดูดซึมพลังงาน เราไม่อาจจะคิดว่าต้นข้าวโพดจะเติบโตได้ทันทีที่ให้ปุ๋ย เราต้องอดทน ! อดทนคือสิ่งจำเป็น !
อีกอย่างแล้วยังไม่รู้ว่าต้นราชานี้จะมีการตอบสนองยังไง ชิ้นส่วนของเทพดุดันเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดผลไม้แต่พวกมันอาจจะแค่ส่งผลดีกับต้นราชา สำหรับว่าพวกมันจะทำให้เกิดผลไม้รึไม่นั้น จางเทีย สามารถรับเรื่องนั้นได้
หลังจากที่รออยู่ในล็อบบี้มาหลายชั่วโมง เขาก็ไม่เห็นท่าทีตอบสนองของต้นไม้เลย ดังนั้น จางเทีย จึงเข้าบ่มเพาะต่อ
ก่อนที่จะเข้าบ่มเพาะ จางเทีย ก็บอกกับ เฮลเลอร์ ให้เรียกเขาหากต้นไม้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร
….
7 วันต่อมาตอนที่ จางเทีย กำลังปรับพื้นฐานและปรับตัวเข้ากับแรงใหม่ที่ห้องลับในฉากจำลอง อยู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงของ เฮลเลอร์
" เจ้าของปราสาท ข้าคิดว่าท่านควรจะมาดูต้นไม้ มันมีบางอย่างที่ท่านรอคอยอยู่ ! "
ฉากจำลองได้พังลงกลายเป็นกลุ่มแสง จางเทีย ที่นั่งอยู่ในห้องลับได้ลืมตาขึ้นมาทันที หลังจากนั้น จางเทีย ก็ลุกขึ้นยืนแล้วมุ่งหน้าไปยังล็อบบี้ของวังต้นไม้
ตอนที่ จางเทีย มาถึง ล็อบบี้ก็สว่างพร้อมกับมีผลไม้ที่ให้แสงห้อยอยู่บนต้นราชา
แม้ว่าจะคาดหวังไว้บ้างแต่ จางเทีย ไม่คิดว่าต้นราชาจะให้ผลแสงกับเขา มันทรงพลังเกินไป
จากนั้น จางเทีย ก็ปล่อยพลังวิญญาณไปยังผลไม้ใหม่
—- ผลไม้แห่งแก่นอมตะ ยังไม่สุก
—- ตราบใดที่ผลไม้นี้สุก เจ้าของปราสาทสามารถกินมันและปลุกจักระอมตะที่สองได้ซึ่งหมายความว่าเจ้าของปราสาทจะรับรู้ถึงกฎจักรวาลระดับ 2 และได้รับพลังงานทั้งหมดของเทพดุดัน….
— ฝุ่นจะกลับเป็นฝุ่น ดินจะกลับเป็นดิน….
ก่อนที่จะอ่านคำอธิบายทั้งหมดได้จบนั้น….
เพี๊ย***
จางเทีย ช็อกกับสองประโยคแรกจนต้องตบหน้าตัวเองเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป
'เจ็บแหะ ! '
'ข้าไม่ได้ฝันไป !'
หลังจากนั้น จางเทีย ก็ดีใจขึ้นมา !