Castle of Black Iron - Chapter 1995: พลังกระจ่าง
Chapter 1995: พลังกระจ่าง
" อ๊า…." – จางเทีย ตะโกนออกมาพร้อมกับลืมตา จากนั้นเขาก็พบว่า ตังเหมย นั่งอยู่ตรงกันข้ามเขา เธอเอามือค้ำคางและมองมาที่ จางเทีย ด้วยสายตาสงสัยราวกับว่ารอเขาตื่นมานานแล้ว
เสื้อผ้าของเธอขาวราวกับหิมะ ผมสีดำเรียบราวกับน้ำตก มันมีกากับชุดชาวางไว้ที่โต๊ะ กลิ่นหอมลอยอยู่ในอากาศ พวกเขาอยู่ในศาลาที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้
หลังจากที่ลืมตาขึ้นมา จางเทีย ก็มองเข้าไปในตา ตังเหมย
" เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมข้าถึงได้มาอยู่ที่นี่ ? ไม่ใช่ว่าไทเซียโดนทำลายไปแล้วรึ ? ข้าไม่ได้สู้จนตัวตายในเนินเขาซวนหยวนรึ ? "
จางเทีย ยังจำได้ถึงความรู้สึกที่เขาโดนฉีกกระชากตอนปะทะกับจารึกที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าปิศาจ จางเทีย ถึงกับเห็นเหยี่ยวสายฟ้ายอมตายกับเขาด้วย…
' รึว่าข้าฝันไป ? นี่คือโลกหลังความตายรึ ? '
ตอนนั้น จางเทีย รู้สึกสับสนและตะลึง
" ท่านพี่ เจ้าตื่นแล้ว ? "- ตังเหมย ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
" เราอยู่ไหนกัน ? "
" วังจักรพรรดิแรง ! " – ตังเหมย ตอบกลับพร้อมกระพริบตา
เพลี๊ยะ…
จางเทีย ตบตัวเอง
เขารู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็มั่นใจว่าเขาไม่ได้ฝันไป ในขณะเดียวกันมือเขาก็เปียกนิดๆ เขาแตะที่หน้าตัวเองและพบว่าหน้าเขาเต็มไปด้วยน้ำตา แม้แต่ที่เสื้อส่วนหน้าเขาก็เปียกไปด้วย จากนั้นเขาก็รับรู้สภาพของตัวเองตอนนี้และพบว่าเขายังอยู่ในสภาพดี สภาพเดียวกันตอนที่เขาเพิ่งดื่มน้ำพุเก้าสวรรค์เข้าไป
" ผ่านมานานแค่ไหนกัน ?" – จางเทีย ถาม ตังเหมย ด้วยความสับสน
" ไม่นานมากแค่วันครึ่ง ! " – ตังเหมย ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
" ข้าหมายถึงว่าตอนนี้เวลาเท่าไหรกัน ? "
" มันคือวันที่ 23 กันยายน ปี 3593 ตามปฏิทินของจักรพรรดิแรง ! " – ตังเหมย พูดขึ้นและส่งผ้าเช็ดหน้าให้กับ จางเทีย – " พี่ ข้าสงสัยว่าทำไมเจ้าถึงได้ร้องไห้เมื่อตะกี้ ! "
จางเทีย ไม่ได้รับผ้าเช็ดหน้าแต่กลับอึ้งแทน
'วันที่ 23 กันยายน ปี 3593 ? '
'ไม่ใช่ว่ามันเป็นวันแรกที่ข้ามายังวังจักรพรรดิแรงรึไง ? เกิดอะไรขึ้น ? ไม่ใช่ว่าข้าออกจากดินแดนโม่เทียนไปแล้วรึ ? อีกอย่างแล้วมันควรจะผ่านไปหลายสิบปีแล้ว ข้าผ่านเรื่องราวมากมายในตอนนั้น ข้าจะกลับมาดินแดนโม่เทียนหลังจากที่ตายไปแล้วได้ยังไง ? และตอนนี้อีก ? ทุกอย่างที่ข้ารับรู้เป็นเพียงภาพลวงตารึไงกัน ?'
จางเทีย อึ้งไปสักพัก เขามองไปยังชาตรงหน้าเขา ใจเขาหล่นวูบทันที หลังจากที่มองไปยังแก้วชาที่ว่างเปล่าและ ตังเหมย จางเทีย ก็กลืนน้ำลายและพูดออกมาอย่างอ้ำอึ้ง – " ข้า…ข้า…ข้าดื่มอะไรเข้าไป ?"
ไม่นานหลังจากที่พูดจบ จางเทีย ก็อึ้งไปเพราะเขาจำได้ว่าเขาถามคำถามเดียวกันตอนที่เขาตื่นขึ้นมาในความจำของเขา ไม่คาดคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันเป็นแบบเดียวกันที่เขาจำได้
เขายังจำคำตอบของ ตังเหมย ได้
" ไม่มีอะไรมาหรอก แค่ใบชาของต้นกระจ่างโบราณที่ชงด้วยน้ำพุเก้าสวรรค์…" – ตังเหมย ตอบกลับสั้นๆ
ตอนนั้น จางเทีย พูดอะไรไม่ออก เขารู้สึกนึกถึงบางอย่างได้ในหัวแต่เขาไม่เข้าใจมันทั้งหมด
" พี่ เจ้าโทษข้ารึที่ให้เจ้าดื่มน้ำพุเก้าสวรรค์ ?" – ตังเหมย ถาม จางเทีย และมองมาที่เขา – " แต่พี่ เจ้าน่ะเป็นนายพลสูงสุดแล้ว ถ้าเจ้าไม่ดื่มน้ำพุเก้าสวรรค์ เจ้าก็ยากจะทำลายกำแพงระหว่างเทพกับมนุษย์ได้ หากเจ้าทำลายกำแพงนั้นไปไม่ได้ เจ้าก็ไม่อาจจะรับรู้ถึงดินแดนอารมณ์รึสร้างจักระอมตะอันแรกได้ "
ตังเหมย ยังตอบแบบเดิมรวมถึงพฤติกรรมและคำพูดด้วยแต่ตอนนั้น จางเทีย รู้ว่า ตังเหมย เป็นจักรพรรดิแรง แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่ามีคนบังคับให้ ตังเหมย ทำแบบนี้
" ใบชานี้มีคุณสมบัติยังไง ? " – จางเทีย ถามด้วยท่าทีระวัง
จนตอนนั้น จางเทีย ถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขารู้ข้อมูลเกี่ยวกับใบชานี้น้อยนิดราวกับมีพลังลึกลับบังคับให้เขาลืมคุณสมบัติของใบชาต้นกระจ่าง
แน่นอนว่าใบชาถือว่าสำคัญที่สุดในชาแล้วตามด้วยน้ำ มันเป็นเรื่องทั่วไป เมื่อ ตังเหมย ชงชาให้ จางเทีย ด้วยใบชาของต้นกระจ่างและน้ำพุเก้าสวรรค์ ความสำคัญของใบชาก็ชัดเจนแต่หลังจากที่ตื่นมา จางเทีย ก็ลืมเรื่องนี้ไป หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากกับใบชานี้ จางเทีย พบว่ามันผิดปกติ
" พี่ เจ้าเพิ่งจะฝันงั้นรึ ? ทุกอย่างในความฝันสมจริงรึเปล่า ? "
'มันคือฝันงั้นเหรอ ?' จางเทีย ไม่มั่นใจจนกระทั่งตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่พยักหน้าให้กับ ตังเหมย
" มันคือคุณสมบัติของใบชาต้นกระจ่าง ตอนที่ชงชาด้วยใบนี้ เจ้าจะฝัน 100 ปี มันสมจริงแต่มันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ! " – ตังเหมย มองไปที่ จางเทีย แล้วพูดต่อด้วยรอยยิ้ม – " มันไม่ได้มาจากดินแดนโม่เทียน มันเป็นสมบัติของวังจักรพรรดิแรง ตามตำนานแล้วต้นกระจ่างนั้นเป็นต้นไม้วิเศษที่มีอยู่ตอนที่ความปั่นป่วนแยกเป็นสวรรค์กับโลก ใบไม้ของต้นกระจ่างได้เกิดขึ้นมาด้วยแรงเวลา มันสามารถช่วยให้คนรับรู้ทุกอย่างและเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตเหมือนกับความฝัน มันเป็นของขวัญจากข้า เจ้าไม่ชอบมันรึ ?"
' ดูเหมือนว่าข้าจะฝันไปหลังจากที่ดื่มชานี้ ข้าได้ฝันไปยาวนานราวกับเหมือนในฉากจำลอง…. จริงๆแล้วเรื่องพวกนั้นยังไม่ได้เกิดขึ้นในไทเซีย ! ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้ายังไม่ได้กลับไปที่ไทเซีย ข้ายังแก้ไขทุกอย่างได้ ! '
หลังจากที่เงียบมาสักพัก จางเทีย ก็อุทานออกมา – " อ่ะ …" – หลังจากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นและตะโกนอกอมา ในเวลาเดียกวันเขาก็กระโดดไปมาด้วยความดีใจ เขาวิ่งออกจากศาลาเข้าไปในป่าข้างๆ – " ฮาฮา ข้ายังมีชีวิตอยู่ ข้ายังมีชีวิตอยู่ มันยังมีเวลา มันยังมีเวลา ฮาฮา เจ้าปิศาจ เมิ่งชี่เดา มาคอยดูกัน ฮาฮา…."
จางเทีย วิ่งไปตรงหน้า ตังเหมย ด้วยหน้าที่แดงเพราะความตื่นเต้น หลังจากนั้นเขาก็อุ้มเธอเหวี่ยงไปมารอบๆหลายครั้งภายใต้สายตาตะลึงของเธอ หลังจากที่วางเธอลงแล้วเขาก็จูบที่หน้าเธอกว่า 10 ครั้งและพูดต่อ – " ฮาฮา มันเป็นของขวัญที่ข้าชอบที่สุด ข้าชอบมันมาก มันเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ข้าได้รับมา ขอบคุณ ขอบคุณ เจ้าคือที่รักของข้าเลย ! เจ้าคือนางฟ้านำโชคของข้า…"
ตังเหมย หน้าแดงขึ้นมาทันที หลังจากนั้นเธอก็อายและพูดออกมาเบาๆ – " พี่…"
ตอนนั้น จางเทีย ลืมเรื่องฐานะของ ตังเหมย ไป เขาอุ้มเธอไว้และจูบเข้าที่ปากของเธอ…
….
7 วันต่อมาในวันที่ 1 ตุลาคม จางเทีย ได้กลับไปที่ภูเขาหลังเสือด้วยความคึก
ไม่นานหลังจากที่เขาเห็น เบียนเหิง เข้าไปในห้องรับรอง จางเทีย ก็รีบเข้าไปกอดอีกฝ่าย เบียนเหิง ลนลานทันทีและสีหน้าหม่นลงก่อนจะผลัก จางเทีย ออก ในขณะเดียวกันเขาก็ร้องออกมา – " ไม่ ! ไม่ ! ข้าไม่ใช่ผู้หญิง…."
ถ้าไม่รู้ว่า จางเทีย ยังชอบผู้หญิง เบียนเหิง อาจจะไล่ จางเทีย ออกด้วยพลังฉีแล้ว
จางเทีย ถอยออกมาสองก้าวและมองไปที่ เบียนเหิง ก่อนจะขอโทษ – " ข้าขอโทษด้วย…"
เบียนเหิง รู้สึกแปลกๆและมอง จางเทีย ตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะถามขึ้นมา – " เจ้าทำผิดอะไรกับข้าอีก ?"
" ไม่มีอะไร ข้าแค่รู้สึกคิดถึงท่านมากหลังจากที่จากไปไม่กี่วัน …." – จางเทีย ตอบกลับพร้อมกับส่ายหน้าก่อนจะนั่งลง ในโลกนี้ไม่มีใครอื่นรู้ว่าคำขอโทษของ จางเทีย มีความหมายอะไร — ในฝัน จางเทีย ได้พา เบียนเหิง ไปที่ไทเซียแต่มันเป็นกับดักต่อ เบียนเหิง ตอนที่ จางเทีย สู้จนตัวตายในเนินเขาซวนหยวน เบียนเหิง ที่เดินทางท่องโลกอยู่ ถ้าทุกอย่างในความฝันเป็นจริง เบียนเหิง ก็ต้องเจอกับผลลัพธ์น่าอนาถหลังจากที่ไทเซียและคนจีนโดนทำลายไป มันเป็นเหตุผลที่ทำไม จางเทีย ถึงได้ขอโทษ เบียนเหิง
" ตังเหมย มันต้องเกี่ยวกับ ตังเหมย แน่…" – เบียนเหิง หงุดหงิดขึ้นมาทันทีและนึกบางอย่างออก หลังจากที่มองไปที่ จางเทีย อย่างหงุดหงิด เขาก็กัดฟันและพูดต่อ – " ข้าสงสัยว่าทำไมหน้าเจ้าถึงได้ดูแดงและมีพลังงานแบบนี้ได้ เจ้าคงต้องรู้สึกผิดกับการนอนกับ ตังเหมย แน่ ดังนั้นเจ้าจึงมาขอโทษข้า ! "
" อะแฮ่ม…." – จางเทีย แสดงท่าทีเคร่งขรึมทันทีแล้วอธิบาย – " พี่เบียน ท่านคิดมากไปแล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อถามว่าท่านอยากจะออกจากดินแดนโม่เทียนกับข้ารึเปล่า…."
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น เบียนเหิง ก็ได้สติ หลังจากที่มองไปที่ จางเทีย เขาก็ลูบหนวดตัวเองและพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง – " เอิ่ม….ข้าคงต้องไปคิดดูดีๆก่อน ข้าไม่ได้ฉลาดแบบเจ้า ถ้าเจ้าขายข้า ข้าอาจจะเป็นแค่เงินสำหรับเจ้า "
เบียนเหิง ต้องการออกจากดินแดนโม่เทียนกับ จางเทีย แต่เขารู้สึกอายที่จะบอกกับ จางเทีย เรื่องนี้ แน่นอนว่า จางเทีย รู้วิธีการของ เบียนเหิง จางเทีย หัวเราะในใจ เขารู้ว่า เบียนเหิง จะพูดอะไรต่อ
" พี่เบียน เอาคนไปกับท่านอีกคนเป็นไง ? เป็นผู้หญิงจะดีกว่า เพราะผู้หญิงน่ะมีความคิดละเอียดกว่า ถ้าท่านมีเพื่อนไปด้วย ท่าอาจจะไม่โดนหลอกง่ายอีกต่อไป ฟังดูเป็นไง ? "
เบียนเหิง อ้าปากและตากว้างมองมาที่ จางเทีย ที่ยิ้มให้ราวกับว่า จางเทีย เป็นผีเพราะเขาพบว่า จางเทีย ได้พูดข้อแก้ตัวที่เขาเตรียมไว้มาเป็นอย่างดีแล้ว…..