Castle of Black Iron - Chapter 1990: การรับมือของจางเทีย
Chapter 1990: การรับมือของจางเทีย
จากการเก็บตัว 2 ชม. จางเทีย ได้คิดถึงรายละเอียดทั้งหมดแต่เขาก็ยังไม่รู้ไพ่ตายของปิศาจอยู่ดี
เพื่อที่จะกันปิศาจจากการสร้างภัยพิบัติในไทเซียด้วยหนอนหุ่นเชิด พวกเขาได้ทำการคัดกรองอาหารและแหล่งน้ำ การคัดเลือดและการตรวจสุขภาพที่เกิดขึ้นในทุกบ้าน, เมือง, เขตย่อยและเขต แม้แต่ในเขตกองทัพทั่วไทเซียเมื่อ 3 ปีก่อน
ท่อน้ำของแต่ละเมืองกันจากแหล่งน้ำภายนอก แหล่งน้ำในเมืองจริงๆแล้วก็มีมาตรการดูแลที่เคร่งคัดของกองทัพ ฝนที่ตกลงมาถูกทดสอบห้าครั้งก่อนจะเข้าไปในบ้านเมืองผู้คนได้ อีกอย่างแล้วรัฐได้ยกระดับระบบจ่ายน้ำ แม้ว่าเมืองเหล่านี้จะมีน้ำแต่รัฐก็ยังเสนอให้คนใช้น้ำแยกกัน ยกตัวอย่างเช่นแต่ละครอบครัวก็ควรขุดบ่อของตัวเองที่บ้านเพื่อจะเอาน้ำไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่งั้นแล้วพวกเขาก็จะใช้น้ำพุรึบ่อน้ำใกล้บ้าน
ไม่นานมานี่รัฐได้ทำการตรวจสอบบ่อน้ำของทุกที่ในประเทศ หลายบ่อถูกขุดไว้ตามถนน, ชุมชน, หมู่บ้านและเมือง แต่ละบ่อถูกคุ้มกันโดยคนตลอดเวลาเพื่อจะได้มารับน้ำที่ปลอดภัยกลับไป ด้วยวิธีนี้แม้ว่าปิศาจต้องการจะใส่ไข่หนอนหุ่นเชิดลงไปในแหล่งน้ำแต่มันก็จะส่งผลเพียงกับแค่ไม่กี่คน
แม้แต่ชาวบ้านทั่วไปก็ยังให้ความสนใจกับความปลอดภัยของน้ำ นี่ไม่ต้องพูดถึงตระกูลใหญ่ จากเหตุการณ์ในเมืองสวรรค์เย็นหลายสิบปีก่อน ตระกูลใหญ่ในไทเซียก็เริ่มสนใจกันความเสี่ยงจากหนอนหุ่นเชิด
นอกจากแหล่งน้ำแล้ว ข้าวกับอาหารทั่วไทเซียก็ยังได้รับการควบคุมอย่างแน่นหนา
การเกษตรยังคงทำได้อย่างอิสระแต่ขั้นตอนการทำอาหารให้พร้อมกินต้องอยู่ในเขตย่อยที่พวกเขาผลิตขึ้นมาได้
มันคือการควบคุมในหมู่ผู้คน นี่ไม่ต้องพูดถึงในหมู่กองทัพ อาหารทั้งหมดที่ทหารกินนั้นจะถูกทดสอบมาหลายครั้ง
ด้วยการจัดแจงเหล่านี้ จางเทีย จึงเชื่อว่า เขาสามารถควบคุมภัยปิศาจให้อยู่ในพื้นที่เล็กๆได้แม้ว่าจะเกิดปัญหาจากหนอนหุ่นเชิดก็ตาม
เป้าหมายของป้อมสิงโตในการเข้าไปในดินแดนธาตุดินจากเขตแรกคือจับตาดูท่าทีผิดปกติของกองทัพปิศาจในดินแดนธาตุดินและกันไม่ให้กองทัพอัศวินปิศาจโผล่มาในเขตแรงอีก
กองทัพอัศวินปิศาจไม่ได้น่ากลัว พวกนั้นแค่หาที่ตายไม่ว่าจะมีอัศวินปิศาจสักกี่ตัวก็ตาม สิ่งที่ จางเทีย กังวลมากที่สุดคือกองทัพอัศวินปิศาจที่แยกกันกระจายไปทั่วประเทศ เขากลัวว่าอัศวินปิศาจเหล่านั้นจะฝ่าเข้าไปในเขตห่างไกลของไทเซียเพื่อเผาและทำลายทุกอย่าง จากนั้นแม้ว่าอัศวินปิศาจจะถูกฆ่าแต่สุดท้ายไทเซียก็ยังได้รับผลกระทบอย่างมาก
….
ไทเซียเตรียมการรับมือภาวะฉุกเฉินไว้หลายทางแต่สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดคือการรับมือต่างๆยังดูไร้ประโยชน์อยู่
….
" ไพ่ตายของปิศาจคืออะไร ?"
นี่คือคำถามที่ลอยอยู่ในหัว จางเทีย และยากจะได้คำตอบกลับมา
ในตอนที่ขบคิด เมิ่งชี่เดา และกลุ่มกลืนกินได้โผล่มาในหัว จางเทีย ซึ่งทำให้เขาหยุดคิดไปชั่วครู่
จางเทีย และ ซูกิวหมิงยู่ ได้ตกลงกันว่าจะไล่ปิศาจไปยังดินแดนธาตุดินตอนที่จัดการกับ เมิ่งชี่เดา และกลุ่มกลืนกินแล้ว มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะที่พวกเขาจะทำแบบนั้น ตังหลิง รัฐมนตรียุติธรรมได้ลดทอนอำนาจของกลุ่มกลืนกินทีละนิดๆตลอดหลายปีมานี้ ตัวหลักของกลุ่มกลืนกินได้ออกจากเนินเขาซวนหยวนไปแล้ว อำนาจของ เมิ่งชี่เดา ในไทเซียก็อ่อนแอลงอย่างมาก กองกำลังท้องถิ่นของกลุ่มกลืนกินก็อยู่ในการควบคุม ตอนที่มนุษย์สู้กับปิศาจ พวกเขาไม่ควรให้กลุ่มกลืนกินสร้างปัญหาใหญ่ขึ้นมาในประเทศ
จางเทีย ไม่คิดเรื่อง เมิ่งชี่เดา และ กลุ่มกลืนกินอีกต่อไป
….
แม้ว่า จางเทีย จะเริ่มสร้างจักระอมตะขึ้นมาแล้วแต่เขาก็ยังเป็นมนุษย์ เขาไม่ได้เป็นเทพในตำนานที่ควบคุมและรู้ทุกอย่างได้
….
หลังจากที่คิดหลายนาทีแต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมา จางเทีย ก็ลุกขึ้นยืนและออกจากห้องบ่มเพาะ
หลังจากที่เข้าไปยังห้องลับ จางเทีย ก็หายไปและเข้าไปในปราสาทเหล็กดำ
ล็อบบี้ของวังต้นไม้ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ที่นั่น ต้นไม้เล็กยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแต่มีสระน้ำโผล่มาไม่ไกลจากต้นไม้ หินอมตะอยู่ในสระน้ำนั้น น้ำพุเก้าสวรรค์ได้ไหลออกมาจากหินอมตะและไหลลงไปในสระน้ำ ทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิมแบบที่ จางเทีย ได้เห็นมาในสวรรค์แห่งแสง
จางเทีย โคจรพลังวิญญาณและรู้ว่า เฮลเลอร์ กำลังทำการทดลองในห้องทดลองชั้นบน เอแกน, เอดเวิด และพวกผู้หญิงของนิกายหยินหยางไม่ได้อยู่ที่นั่น
เฮลเลอร์ รู้ว่า จางเทีย ได้กลับมาและหยุดมือทันที
" เฮลเลอร์ เจ้าไม่ต้องลงมาหรอก ข้าจะไปที่ภูเขาซาก…."
" ได้ ! "
" แล้วคนอื่นๆล่ะ ?"
" พวกเขาสร้างวังอมตะที่ตีนเขาอยู่ ! "
จางเทีย หันกลับไปมองและเดินออกจากล็อบบี้ หลังจากนั้นเขาก็พุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า..
….
ปราสาทเหล็กดำได้เปลี่ยนไปมาก
มันมีที่ดินหลายร้อยตารางไมล์ซึ่งดูกว้างขวางราวกับทวีปย่อยที่อยู่ติดกับทะเล มันยังมีเกาะมากมาย หลังจากที่รวมภูเขาซากเข้ามา บนท้องฟ้าด้านในได้เพิ่มขนาดขึ้นหลายสิบเท่า ภูเขาลอยลอยอยู่ในท้องฟ้าราวกับหมู่เกาะ ภูเขาลอยทั้งหมดในภูเขาซากที่ดินแดนโม่เทียนได้กลายเป็นของตกแต่งท้องฟ้าของปราสาทเหล็กดำ ที่จุดสูงสุดในท้องฟ้า มันมีภูเขาบูซูอยู่
ตอนนั้นมีเมืองใหม่ปรากฏขึ้นมาที่ตีนเขาอมตะ ตอนที่ จางเทีย ได้ออกจากดินแดนโม่เทียน เขาได้เดินทางผ่านเมืองที่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของปิศาจและส่งคนกว่า 10 ล้านคนมาในนี้ ดังนั้นประชากรตอนนี้จึงมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว
หลังจากที่เชี่ยวชาญพลังของดินแดน จางเทีย ก็ส่งคนเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ตราบใดที่เขาใช้ดินแดนห่อหุ้มเมืองเอาไว้ เขาก็สามารถส่งคนจำนวนมากมาในปราสาทเหล็กดำได้
ตอนนั้นผู้หญิงของนิกายหยินหยางก็อยู่ในเมืองที่ตีนเขา พวกเธอต่างก็เป็นผู้นำ
พวกเธอสิ้นหวังในดินแดนโม่เทียนและต้องเก็บตัวอยู่ตลอดเมื่ออยู่ที่นั่น ดังนั้นตอนที่พบว่าสามารถแสดงความสามารถในปราสาทเหล็กดำได้ พวกเธอจึงเริ่มหลงใหลและเริ่มพัฒนานิกายหยินหยางขึ้นมา
ต่อหน้าพวกเธอที่ไล่ตามความสำเร็จของตัวเอง แม้แต่ จางเทีย ก็ยังถูกพวกเธอลืม
….
ไม่นาน จางเทีย ก็ได้เข้ามาที่ภูเขาลอยซึ่งสูงหลายหมื่นเมตรลึกเข้าไปในภูเขาซาก
มันมีถ้ำที่เหมือนกับเขาวงกตด้านในภูเขาลอย หลังจากที่เดินทางไปได้สักพัก จางเทีย ก็เข้าไปในส่วนลึกของถ้ำได้
มันมืดสนิทแต่มันมีม่านแสงสูงกว่า 2 ม.ที่ดูเหมือนกับประตู จางเทีย ได้เดินผ่านและไปยังมิติแปลกประหลาดทันที
มันคือประตูมิติที่คล้ายกับที่ลับของตระกูลใหญ่ที่มีหอคอยเวลามากมาย มันมีหอคอยเวลา 36 แห่งที่นี่ทั้งใหญ่และเล็ก หอคอยเวลาเหล่านี้แบ่งเป็น 3 แบบหากดูจากขนาดของมัน แต่ละแบบมี 12 อัน ทั้งสามแบบนี้ทำให้เขาบ่มเพาะได้ 20 ปี, 10 ปีและ 5 ปี
หอคอยเวลา 35 แห่งยังใช้การไม่ได้ มีแค่หอคอยเวลาเล็กๆที่เพิ่งใช้ได้เมื่อไม่กี่วันก่อน จางเทีย บ่มเพาะข้างในได้ 5 ปี….
ที่ลับแห่งนี้เคยเป็นของปิศาจในดินแดนโม่เทียน แทบจะไม่มีมนุษย์คนไหนในดินแดนโม่เทียนที่รู้ว่าปิศาจมีที่ลับแบบนี้ด้วยแต่หลังจากที่ปราสาทเหล็กดำรวมภูเขาซากเข้ามา ความลับทั้งหมดในภูเขาซากก็เปิดเผยต่อ จางเทีย ที่ลับทั้งหมดในภูเขาซากเปิดเผยให้กับ จางเทีย ดังนั้น จางเทีย จึงเป็นคนที่เข้าใจภูเขาซากมากที่สุดในสองโลกรองจาก เฮลเลอร์ แน่นอนว่าที่ลับแห่งนี้ที่เคยเป็นของปิศาจได้กลายเป็นสวนหลังบ้านของ จางเทีย
ปราสาทเหล็กดำเพิ่งจะหลอมรวมกับภูเขาซาก หอคอยเวลาส่วนมากยังใช้การไม่ได้เพราะเพิ่งถูกปิศาจใช้ไป
สองปีก่อน จางเทีย ได้ใช้หอคอยเวลาในอีกที่ลับของภูเขาซาก เขาอยู่ด้านใน 10 ปี ระหว่างนั้นเขาก็ขึ้นไปถึงขั้น 3 ของจักรพรรดิ ตอนนี้มันเพียงพอที่ จางเทีย จะขึ้นไปถึงขั้น 5 ได้
ตอนที่ จางเทีย อยู่ตรงหน้าหอคอยเวลา เขาก็เข้าไปและเริ่มบ่มเพาะทันที
เมื่อปัญหาไม่อาจจะแก้ได้ด้วยความรู้และความคิดรวมถึงเขาไม่รู้ไพ่ตายของปิศาจ วิธีการแก้ที่ดีที่สุดกับวิกฤตที่ไม่รู้คือเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเองมีพลังมากกว่าเดิม
…..
ตอนที่ จางเทีย คิดถึงไพ่ตายของปิศาจที่แม่น้ำเว่ยชู ทั้งเขตกลืนกินรังของกลุ่มกลืนกินก็คึกคักขึ้นมา มันมีงานเทศกาลจัดขึ้นมาในวันที่ 17 เมษายน ซึ่งคือ 2 วันต่อมา
การจัดงานนี้ไม่ใช่งานเทศกาลประจำในไทเซีย มันถูกจัดขึ้นโดยกลุ่มกลืนกินเอง หลายปีก่อนศิลาได้ถูกพบในวันเดียวกันนี้
เพื่อที่จะฉลองกับการพบศิลาโบราณ กลุ่มกลืนกินได้จัดงานฉลองประจำปีนี้ขึ้นมาทั่วเขตกลืนกิน สุดท้ายแล้วงานนี้ก็กลายเป็นงานเทศกาลประจำกลุ่มกลืนกินและเขตกลืนกินไป
ไม่กี่ปีมานี้ด้วยการที่ จางเทีย กลับมาและกับการปลด เมิ่งชี่เดา อำนาจของกลุ่มกลืนกินในไทเซียก็อ่อนแอลงแต่ในเขตกลืนกินนั้นพวกเขายังคงเป็นกองกำลังชั้นนำแม้ว่าจะมีผู้แลเขตคนใหม่ก็ตาม….