Castle of Black Iron

Chapter 1973: การโจมตีครั้งใหญ่ (III)

ทุกเป้าหมายทั้งบนพื้นดินและเหนือขึ้นมาต่างก็เป็นเป้าหมายของการโจมตีนี้ พลังของมันไม่อาจจะเอาสายเลือดไหนมาเทียบได้ แม้ว่า จางเทีย จะใช้สายเลือดเทพต่อสู้หลังจากที่ขึ้นเป็นจักรพรรดิแต่เขาก็ไม่อาจจะสร้างการโจมตีที่รุนแรงแบบนี้ได้ในครั้งเดียวได้
แม้ว่าจะเป็นคนสร้างการโจมตีนี้ จางเทีย ก็ยังต้องอึ้งเมื่อเห็นซากในระยะหลายตารางไมล์หลังจากที่ใช้ท่านี้ออกไป
มันคือพลังของสวรรค์ มันไม่อาจจะสร้างขึ้นมาได้ด้วยมือ
ตอนที่เขาอยู่กับ ตังเหมย ในดินแดนโม่เทียน จางเทีย เคยคุยเรื่องพลังงานลึกลับสองอันนี้กับ ตังเหมย ตอนนั้น จางเทีย คิดว่า ตังเหมย อาจจะรู้จักพลังงานนี้หากดูจากพลังของเธอ ไม่คาดคิดว่าแม้แต่ ตังเหมย ก็ไม่รู้เช่นกัน ตังเหมย ไม่อาจจะรับรู้ถึงพลังงานสองอันในท้องฟ้าได้ด้วยพลังวิญญาณของเธอ จริงๆแล้วไม่มีใครอื่นในดินแดนโม่เทียนที่รู้สึกถึงพลังงานสองอย่างนี้ในอากาศได้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งอย่างจักรพรรดิก็ตาม ยกเว้นเพียงตัว จางเทีย เอง
จางเทีย คิดว่ามันเพราะต้นไม้เล็กแต่ เฮลเลอร์ ได้ปฏิเสธ ตามที่ เฮลเลอร์ บอกมา มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับต้นไม้เล็กเลย จากความสัมพันธ์ของ จางเทีย กับต้นไม้เล็ก จางเทีย ได้รับร่างกายที่ไม่รั่วไหลมา ในขณะเดียวกันเซลล์ของเขาก็หยุดแก่ตัว ความสามารถพิเศษของเขาต้องเกี่ยวข้องกับผลไม้ที่เขาได้มาจากต้นไม้เล็ก
หลังจากที่เข้าใจจุดนี้แล้ว จางเทีย ก็เข้าใจว่าทำไมไม่มีใครอื่นที่รู้สึกถึงพลังงานสองอย่างนี้ได้ หลังจากที่ตัดเรื่องต้นไม้เล็กออกไป เขาก็ตระหนักได้ว่าอาจเป็นเพราะเขาบ่มเพาะสูตรราชาอินทรีย์และการเป็นอำนาจสวรรค์
มีแค่ จางเทีย ที่เพียงพอกับสามเงื่อนไขนี้ในดินแดนโม่เทียนและโลกหลักซึ่งคือการบ่มเพาะสูตรขั้นจักรพรรดิ, เป็นอำนาจสวรรค์และมีพลังวิญญาณมากมาย
จักรพรรดิซวนหยวนได้บ่มเพาะสูตรขั้นจักรพรรดิเช่นกันแต่เขาไม่อาจเป็นอำนาจสวรรค์ได้ ภูติทะเลเองก็เป็นอำนาจสวรรค์แต่เขาไม่ได้บ่มเพาะสูตรขั้นจักรพรรดิ สำหรับจักรพรรดิในดินแดนโม่เทียนนั้น พลังวิญญาณของพวกเขามีมากพอแต่พวกเขาก็ไม่ได้บ่มเพาะสูตรขั้นจักรพรรดิ พวกเขาไม่ได้เป็นอำนาจสวรรค์ด้วย….
ดังนั้นจึงมีแค่ จางเทีย ที่ใช้อ้อมกอดสุดท้ายจากเทพธิดาได้
แล้วพลังงานทั้งสองนั้นคืออะไร ?
จางเทีย ไม่ได้คำตอบจากทั้ง ตังเหมย และ เฮลเลอร์ แต่ระหว่าง 5 ปีที่อยู่ในมงกุฎทอง จางเทีย ก็พบคำตอบที่เป็นไปได้จากการค้นคว้าของมนุษย์ก่อนภัยพิบัติในห้องทดลองของฉากจำลอง — พลังงานทั้งสองอาจจะเป็นอิเล็กตรอนและโปซิตรอนในโลกกายภาพ เป็นธรรมดาที่อิเล็กตรอนกับโปซิตรอนจะรวมกันไม่ได้แต่เมื่อสัมผัสกันโดยแรงภายนอก มันจะระเบิดออกมาพร้อมกับแสง มันคล้ายกับการโจมตีครั้งนี้
แน่นอนว่า จางเทีย ได้ใส่ธาตุลมและไฟลงไปในทักษะนี้ด้วยซึ่งทำให้มันรุนแรงกว่าเดิม ในขณะเดียวกันก็ทำให้ไฟร้อนขึ้นไปด้วย
ในสนามรบนั้นหลักการและความจริงไม่ได้สำคัญอีกต่อไป นักสู้จะใช้มันหากมันมีประโยชน์กับตัว เอาดาบเป็นตัวอย่าง นักสู้จะสนแค่ว่าดาบนั้นคมหรือไม่ พวกเขาไม่ได้สนว่ามันทำจากโลหะประเภทใด ไม่ว่าพลังงานทั้งสองจะคืออิเล็คตรอนและโปซิตรอนหรือไม่แต่พวกมันก็ไม่ได้ทำให้ความช็อกที่ จางเทีย ได้สร้างขึ้นมาน้อยลงเลย จางเทีย อึ้งกับการโจมตีนี้แต่เขาก็ไม่ลังเลที่จะใช้มัน
หลังจากที่ทำลายแคมป์ปิศาจในเขตแรง จางเทีย ก็เพียงชายตามองไปยังหลุมขนาดใหญ่ก่อนจะหันกลับแล้วบินไปยังแคมป์ปิศาจในเขตเหลียงซูเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
….
ตอนที่ลำแสงสีขาวปรากฏขึ้นมาในเขตแรง ซุกิวหมิงยู่ ที่ยืนอยู่ในป้อมรบที่ถนนตงกวนกับนายพลมากมายของสี่กองทัพชั้นนำและอัศวินที่ดูแลถนนตงกวนต่างก็มองออกไปทางตะวันตก
ในความมืดมิดนั้นลำแสงสีขาวดูโดดเด่นอย่างมาก แม้ว่าจะห่างไปหลายหมื่นไมล์แต่ ซูกิวหมิงยู่ และอัศวินคนอื่นๆก็ยังเห็นมันได้ ในความมืดมิดนั้นลำแสงสีขาวในเขตแรงราวกับเข็มสีขาวที่แทงเข้าใส่นัยน์ตาของพวกเขา
" มันคือแคมป์ปิศาจในเขตแรง มัน…." – หนึ่งในอัศวินด้านหลัง ซูกิวหมิงยู่ คิดว่าปิศาจมีไพ่ตายใหม่ที่ซ่อนเอาไว้เมื่อเห็นลำแสงสีขาวนั้น ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาด้วยความกลัว
เมื่อเห็นว่าปิศาจได้เปรียบเรื่องกองกำลังและจำนวนอัศวิน มันก็เป็นไปไม่ได้ที่คนพวกนี้จะไม่กลัววิธีการของปิศาจ เมื่อ ซูกิวหมิงยู่ สั่งการให้กองกำลังทั้งหมดเตรียมพร้อมโจมตีเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน หลายคนก็เริ่มกังวลและกลัว พวกเขาคิดว่าเทพกองทัพรู้ถึงไพ่ตายของปิศาจ ดังนั้นเขาจึงเตรียมการจะโจมตีเข้าใส่ปิศาจในคืนนี้เพื่อรบกวนการโจมตีของปิศาจ
ก่อนที่คนนั้นจะพูดจบและหลายคนมีคำถามอื่นมาในหัว ลำแสงนั้นก็ได้กลายเป็นแสงสีขาวและทำให้เขตอากาศในเขตแรงขาวราวกับมีดวงอาทิตย์ขึ้นมาจากผิวดิน
ใน 2 นาทีต่อมาแสงก็จางลงไปเหลือทิ้งไว้แต่เพียงเมฆแดงในท้องฟ้า
'ปิศาจทำบ้าอะไรกัน ?'
นายพลและอัศวินหลายคนเปลี่ยนสีหน้าไป แม้แต่อัศวินปราชญ์ก็ยากจะทำแบบนี้ได้
แต่ไม่มีใครรู้ว่า ซูกิวหมิงยู่ มองต่างออกไปจากคนอื่นๆ
จริงๆแล้ว ซูกิวหมิงยู่ ช็อกอย่างมาก พวกเขาแค่ต้องการมาดูท่าทีของแคมป์ปิศาจในเขตเหลียงซูและอันซูพร้อมกับรอคอย จางเทีย ไม่คาดคิดว่าแคมป์ปิศาจในเขตแรงจะได้เจอกับเหตุการณ์ผิดปกติก่อน
ถ้า จางเทีย ทำการโจมตีใส่แคมป์ปิศาจในเขตแรง มันคงต่างอย่างสิ้นเชิงกับการโจมตีแคมป์ปิศาจในเขตเหลียงซูและอันซู ในขณะเดียวกันมันก็บ่งบอกว่า ซูกิวหมิงยู ตัดสินพลังของ จางเทีย ผิดไป ก่อนหน้านี้ ซูกิวหมิงยู่ คิดว่า จางเทีย จะโจมตีแคมป์ปิศาจที่เขตเหลียงซูและอันซูก่อน ถ้า จางเทีย ฆ่าราชานรกได้หนึ่งรึสองตัวในสนามรบ งั้น ซูกิวหมิงยู่ ก็จะใช้โอกาสนั้นสั่งการให้กองทัพมนุษย์โจมตีปิศาจ พวกเขาจะลดกำลังใจปิศาจในเขตเหลียงซูและอันซูได้ ยึดหน่วยสื่อสารของสองเขตและบังคับให้ปิศาจถอยกลับไปทางตะวันตก จากนั้นพวกเขาก็จะกำจัดปิศาจหนึ่งรึสองกลุ่มใน 4 กองกำลังที่อยู่รอบๆเขตหลิงซู, หลี่ซูและตงซู ด้วยวิธีนั้นสถานการณ์โดยรวมของไทเซียก็จะดีขึ้น ไทเซียจะไม่ต้องสู้กับศัตรูลำบากอย่างเช่นเคย
ไม่คาดคิดว่า จางเทีย จะทำการโจมตีใส่แคมป์ปิศาจในเขตแรง ตอนที่ ซูกิวหมิงยู่ คำนวณเวลาที่สั้นที่สุดที่ จางเทีย ได้ใช้จากเขตยูซูมายังเขตแรงและเทียบกับตัวเอง เขาก็ต้องสงสัยว่ามันไม่ใช่ฝีมือ จางเทีย เพราะมันเร็วเกินไป
….
ตอนที่พวกคนในหอคอยต่างก็ช็อกและเงียบไป อยู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง
" ข่าว…" – ผู้ช่วยของ ซูกิวหมิงยู่ รีบเข้ามาในห้องและพุดขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่นก่อนจะมองไปยัง ซูกิวหมิงยู่ – " ลอร์ด ข้อมูลด่วนจากหน่วยสอดแนมเบอร์ 1 ในเขตแรง…."
หน่วยสอดแนมเบอร์ 1 ที่ ซูกิวหมิงยู่ ได้ส่งไปยังเขตแรงไม่ได้พิเศษ เขาเป็นอัศวินดินที่เชี่ยวชาญเรื่องการซ่อนตัวและลอบฆ่า หน้าที่ของเขาคือซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆแคมป์ปิศาจในเขตแรงและจับตาดูท่าทีของปิศาจ
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นนายพลและอัศวินทุกคนข้างกาย ซูกิวหมิงยู่ ต่างก็จ้องไปที่ผู้ช่วย
" อ่านมา…" – เพราะพวกเขาได้เห็นเหตุการณ์ผิดปกติที่เขตแรงตะกี้ ซูกิวหมิงยู่ จึงไม่อาจจะปิดบังข้อมูลเรื่องเขตแรงจากคนอื่นๆได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงสั่งการบอกให้ผู้ช่วยอ่านมันออกมา
" แคมป์ปิศาจในเขตแรงเพิ่งจะโดนทำลายไปโดยลำแสงที่ตกลงจากสวรรค์เมื่อตะกี้ ตอนนั้นมันได้ทำลายพื้นที่กว่า 600 ตร.ไมล์ ไม่มีปิศาจเลยสักตัวที่ถูกพบ ตามการคาดการณ์แล้วอัศวินปิศาจกว่า 70,000 ตัว, ราชานรกทั้งสองและกองทัพปิศาจกว่า 500 กองใกล้ๆกับแคมป์ในเขตแรงได้ถูกทำลายไปแล้ว…."
'อะไรนะ ? '
เมื่อได้ยินรายงานนั้นทุกคนต่างก็สับสน
'สวรรค์ลงโทษปิศาจรึว่าหน่วยสอดแนมเล่นตลกโดยเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงกัน ?'
ซูกิวหมิงยู่ ยังดูใจเย็นแต่เขากำหมัดแน่นและสั่งการออกไปด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย – " บอกให้หน่วยสอดแนมเบอร์ 2 ไปตรวจสอบ ! "
" ข้าไม่ได้รับข่าวจากหน่วยสอดแนมเบอร์ 2 เลย…"
" ติดต่อเขาไปเรื่อยๆ จากนี้ให้สนใจการกระทำของแคมป์ปิศาจในเขตเหลียงซูและอันซู รายงานข้าทุกนาที ! "
" ได้ ท่านลอร์ด ! "
ผู้ช่วยรีบเดินออกไป นายพลและอัศวินคนอื่นๆในหอคอยต่างก็มองมาที่ ซูกิวหมิงยู่ ด้วยความตะลึง หลายคนยังสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น
" ท่านลอร์ด…" – ผุ้สั่งการของกองทัพเกราะดำก้าวออกมาและต้องการจะพูดบางอย่าง…
" รอก่อน…" – ซูกิวหมิงยู่ พูดออกมาทีละคำ หลังจากนั้นเขาก็หันกลับมาและมองไปยังท้องฟ้าไกลออกไป ในขณะเดียวกันตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา…..