Castle of Black Iron - Chapter 1968: ไร้เทียมทาน
Chapter 1968: ไร้เทียมทาน
ตอนที่ เฒ่าไทยิ โดนเผาเป็นเถ้าโดยไฟอาทิตย์ กลุ่มคนกว่า 10 คนที่สูงกว่าอัศวินเงาในหมู่ 3 นิกายที่พุ่งเข้าหาคนของวังจินวูก็ถูกเผาเป็นเถ้าโดยไฟอาทิตย์ซึ่ง เฒ่าไทยิ เคยใช้โจมตีใส่ จางเทีย ผลก็คือสามนิกายใหญ่ได้รับความเสียหายแทบจะทันที
จางเทีย ยื่นมือออกไปรับเหรียญจากศพ เฒ่าไทยิ ก่อนจะเก็บมันเข้าไปในปราสาทเหล็กดำ
เมื่อเห็น เฒ่าไทยิ โดนเผาเป็นเถ้าโดย จางเทีย ในการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว เฉินคง ที่กำลังสู้กับ วูติงเทียน ก็กลัวขึ้นมา จากนั้นเขาก็เพิ่มระยะห่างระหว่างเขากับ วูติงเตียน ก่อนที่จะหนีแต่เขาก็เหมือนกับ เฒ่าไทยิ จางเทีย จะปล่อยให้โอกาสแบบนี้หลุดลอยไปต่อหน้าต่อตาได้ยังไง ?
จักระสวรรค์ของ จางเทีย หมุนวนเงียบๆ ตอนนั้นเองส่วนสีแดงของจักระสวรรค์ก็สั่นไหวพร้อมกับธาตุไฟนับไม่ถ้วนที่ไหลออกมาจากดินแดนธาตุและเปลี่ยนเป็นไฟอาทิตย์สีแดงทองซึ่งได้เข้าหาตัว เฉินคง และหุ้มร่างกายอีกฝ่ายไว้แทบจะทันที
" อ๊า.." – เฉินคง ร้องออกมา ในสถานการณ์เป็นตายนั้นความยิ่งใหญ่ของอัศวินปราชญ์ได้ถูกมองข้ามไปแล้ว เขาแค่เพียงกรีดร้องในเปลวไฟ – " หากเจ้าไว้ชีวิตข้า ศาลาเฉียงลู่จะติดตามวังจินวู…อ๊า…."
" ถ้าเจ้ารอดไป วิญญาณนับหมื่นของคนในนิกายป่าเถื่อนที่โดนพันธมิตรราชวงศ์ฆ่าไปจะตายตาหลับได้ยังไง ? ไทเซียที่แทบจะล่มสลายจะกลับคืนสู่ความสงบสุขได้ยังไง ? " – น้ำเสียงเย็นชาของ จางเทีย ดังก้องไปในระยะ 600 ไมล์ในสันเขาหยานกุย – " เนื่องจากกำลังมีสงคราม มีกี่คนของไทเซียได้ตายเพื่อประเทศย้อมสนามรบด้วยเลือดของตนโดยไม่ลังเลและรู้สึกเสียดาย ? มีพ่อแม่กี่คนที่เสียลูกไป ? มีเด็กกี่คนที่เสียพ่อและพี่น้องไป ? มีกี่คนที่ยังไม่แต่งงาน ? ในฐานะอัศวินปราชญ์แล้ว เจ้าไม่ได้หลั่งเลือดรึเสียสละตัวเองในสนามรบเพื่อไทเซียและมนุษย์ เจ้ากลับต้องการสร้างความปั่นป่วนในประเทศเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เจ้าไม่ใช่ปิศาจแต่เจ้านั้นชั่วร้ายยิ่งกว่าปิศาจ กฎของสวรรค์นั้นมีทั้งสาเหตุและผลซึ่งไม่ใช่สิ่งว่างเปล่า เมื่อความสามารถของเจ้านั้นไม่ได้ส่งผลดีต่อประเทศและมนุษย์ เจ้าก็ไร้ค่า เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่ในโลกนี้เลยแม้แต่น้อย ตามกฎจักรวาลแล้ว คนอย่างเจ้าควรจะโดนตัดทิ้งไป ส่วนที่เสียหายควรได้รับการซ่อมแซม วันนี้ข้าจะสร้างความยุติธรรมในนามของสวรรค์และตัดเนื้อร้ายอย่างเจ้าที่ซะ.."
" หากเป็นแบบนั้น เราคงได้แต่สู้กัน…" – เสียงของ เฉินคง ดังขึ้นมาจากเปลวไฟ เขาไม่ได้ร้องโอดครวญอีกต่อป เขาเริ่มขู่ จางเทีย ด้วยเสียงที่เย็นชาแทน
ตอนนั้นเองก็มีโล่หกเหลี่ยมปรากฏขึ้นมาข้างกาย เฉินคง ที่โดนเปลวไฟหุ้มอยู่ โล่นั้นดูเหมือนจะเป็นทองลับ มันได้เปล่งแสงพิเศษออกมาซึ่งได้ห่อหุ้มตัว เฉินคง เอาไว้ ผลก็คือแม้แต่ไฟอาทิตย์ก็ไม่อาจจะทำร้ายเขาได้
เมื่อพบว่า จางเทีย ตัดสินใจจะฆ่าเขา เฉินคง ก็ต้องการจะหนีแต่เขาก็พบว่าอากาศรอบตัวนั้นแข็งราวกับเหล็ก แม้ว่าจะเป็นอัศวินปราชญ์ แต่เขาก็ยังเคลื่อนที่ได้ช้าราวกับเต่า
" ฮาฮา เจ้าทำได้ดีเมื่อตะกี้ เจ้ายังเล่นลูกไม้กับข้าจนถึงตอนนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถหนีได้ด้วยทองลับอันเดียวงั้นรึ ? " – จางเทีย พูดส่ายหน้า ในขณะเดียวกันเขาก็เดินไปหา เฉินคง โดยเดินทางได้หลายหมื่นเมตรต่อก้าว เขาได้มาอยู่ตรงหน้า เฉินคง ด้วยการเดินเพียงไม่กี่ก้าว ตอนนั้นเองคุกอมตะก็ได้โผล่มาในมือเขา
จางเทีย ได้ฟาดกระบองนั้นออกไป….
เกือบจะพร้อมกันนั้น เฉินคง ก็ได้คำรามออกมาและทำการสวนกลับ เขาได้กัดลิ้นตัวเองแล้วพ่นเอาเลือดออกมาสร้างรูนเลือดในอากาศ ตอนที่รูนแตะโดนตัวเขา เขาก็ขยายตัวขึ้นพร้อมกับพลังฉีที่พุ่งขึ้นสู่สวรรค์ จากนั้น้เขาก็ได้ฟาดค้อนทองเข้าใส่กระบองของ จางเทีย
ปัง….
ภายใต้สายตาของอัศวินทุกคน หัวหน้าศาลาเฉียงลู่โดนบดขยี้เป็นชิ้นๆโดยกระบองของ จางเทีย ในเสี้ยววินาที การโจมตีสวนกลับและการดิ้นรนนั้นไร้ค่าไป
ในช่วงเวลาสั้นๆอัศวินปราชญ์สองคนของไทเซียได้ถูก จางเทีย ฆ่าไป
อัศวินที่เหลือของสามนิกายใหญ่ยืนตะลึง พวกเขากลัวจนไม่อาจส่งเสียงออกมาได้ พวกเขาไม่ได้กล้าพอที่จะมองเข้าไปในตาของ จางเทีย มีหลายคนที่พร้อมจะหนี
จางเทีย มองไปยังอัศวินที่เหลือของสามนิกายใหญ่ หลังจากนั้นพื้นที่สีฟ้าบนจักระของเขาก็ได้เปล่งแสงออกมา ทันใดนั้นธาตุน้ำและลมก็ได้ทะลักออกมาราวกับคลื่น
ตอนที่ธาตุน้ำได้ปะทะกับธาตุลม มันก็ได้เปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง หลังจากนั้นไม่นานอัศวินกว่าพันคนของสามนิกายก็ตกลงไปที่พื้น หลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกแช่แข็งเอาไว้ ไม่มีใครสามารถขยับได้อีก
จนถึงตอนนี้อัศวินของสามนิกายใหญ่ก็ไม่มีใครลอยอยู่ในอากาศอีกต่อไป ภายใต้สายตาของคนอื่นๆ จางเทีย นั้นสามารถจัดการอัศวินของสามนิกายด้านนอกประตูภูเขาได้อย่างง่ายดาย
" ที่รัก…"
" ที่รัก…"
" ที่รัก…."
ตอนนั้น หยานเฟยกิง, ไป่ซูเซียน และ กูหงยี่ ที่มอง จางเทีย จัดการทุกอย่างนั้นก็ได้เรียกเขาขึ้นมาและรีบเข้ามาหาเขาทันที
ในขณะเดียวกัน จางหยาง, จางซู และลูกกับหลาน,ผู้อาวุโสของนิกายมังกรรวมถึงศิษย์, คนของหุบเขาฆ่าปิศาจ, นิกายสวรรค์และพวกในอาณาเขตกองทัพตะวันออกเฉียงเหนือและพวกอัศวินที่มาดูการต่อสู้ก็ได้มารวมตัวกันล้อมรอบ จางเทีย
….
หยานเฟยกิง มีความสามารถในการบินที่ดีสมกับเป็นอัศวินกึ่งปราชญ์ เธอพุ่งเข้าหาอ้อมแขนของ จางเทีย เป็นคนแรกโดยมี ไป่ซูเซียน และ กูหงยี่ ตามมา
มันผ่านมากว่า 30 ปีแล้วแต่เพราะผลข้ามโลกจึงทำให้ทั้งสามยังดูเยาว์วัยอย่างเคย ตอนที่พวกเธอมอง จางเทีย พวกเธอก็พากันหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความตื่นเต้นซึ่งรวมไปถึง หยานเฟยกิง ด้วย
จางเทีย กางแขนออกมาแล้วกอดภรรยาทั้งสามเอาไว้ด้วยความคิดถึง
ตอนที่เขาคิดถึง หลานหยุนซี จางเทีย ก็รู้สึกซับซ้อน เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะดีใจรึเสียใจดี
" หัวหน้า…"
" พ่อ…."
" ปู่…"
" อาจารย์…"
สมาชิกทุกคนของวังจินวูและนิกายมังกรเหล็กได้มาล้อม จางเทีย เอาไว้ด้วยสายตาที่ตื่นเต้น….