Castle of Black Iron - Chapter 1965: ทรมาน
Chapter 1965: ทรมาน
เพราะการขัดของ เชิงหงลี่ หลี่หยุนจี จึงโดนบังคับให้กลับเนินเขาซวนหยวน แผนของสามนิกายใหญ่ที่มีต่อนิกายมังกรเหล็กและวังจินวูได้หยุดไปชั่วคราว ตอนที่ทุกคนโฟกัสไปที่เขตยูซูและรอให้ศาลสูงสุดกลับมา ผู้ดูแลสองคนของนิกายมังกรเหล็กก็ได้ทำการกบฏเมื่อสองวันก่อน พวกนั้นประกาศในตึกแสงที่เขตยูซูว่าคนร้ายอันดับ 1 หยุนซงซี ซ่อนตัวอยู่ในห้องลับใต้ยอดเขาสวนเทียนและหวังว่านักล่าทั้งหมดจะมายังเขตยูซูเพื่อฆ่า หยุนซงซี …
การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นที่พูดถึงกันไปทั่วประเทศ
สองคนนี้คือคนพื้นเมืองของเขตยูซู พวกเขาได้เข้าร่วมนิกายมังกรเหล็กและกลายเป็นศิษย์ของ จางเทีย ตอนที่ จางเทีย ดูแลนิกายมังกรเหล็ก กว่า 30 ปีที่ผ่านมานี้พวกเขาได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ดูแลของประตูภูเขา การกบฏนี้ได้ทำให้นิกายมังกรเหล็กอยู่ในอันตรายยิ่งกว่าเดิม
ตามที่สองคนนั้นบอกมา เหตุผลที่พวกเขาได้ทำแบบนี้ก็เพื่อไทเซีย พวกเขาผิดหวังในนิกาย ดังนั้นสองคนจึงเลือกตัดความสัมพันธ์กับนิกายมังกรเหล็กด้วยการเผยพฤติกรรมชั่วร้ายออกมาเพื่อให้ทุกคนในโลกมาฆ่า หยุนซงซี
บังเอิญว่าสองคนนี้ถูกถามโดยผู้อาวุโสสูงของนิกายไทยิผ่านทางวิธีลับ ดังนั้นผู้อาวุโสสูงจึงได้พาสองคนนี้กลับไปที่เรือบินของสามนิกายใหญ่ ฝูงเรือบินของสามนิกายได้แห่กันมาที่เขตชายแดนของเขตยูซูและหยานซูก่อนจะมุ่งหน้าไปยังประตูภูเขา พวกนั้นบอกให้ทางนิกายมังกรเหล็กส่งตัว หยุนซงซี มา นิกายมังกรเหล็กได้ขอตัวสองคนที่กบฏจากทางนิกายไทยิ ทั้งสองฝ่ายปฏิเสธคำร้องของอีกฝ่าย นิกายไทยิและสองนิกายใหญ่ประณามนิกายมังกรเหล็กที่ซ่อนตัวคนร้ายเอาไว้ นิกายมังกรเหล็กได้ประฌามสามนิกายใหญ่ในการส่งสายเข้ามาในนิกายมังกรเหล็ก ดังนั้นความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายก็ดุเดือดขึ้น
นิกายมังกรเหล็กและวังจินวูได้กันการโจมตีจากศาลสูงสุดโดยผู้สั่งการเขตแต่กบฏสองคนได้ทำให้นิกายมังกรเหล็กและวังจินวูต้องโดนมีดจ่อคออีกรอบ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็จะได้ปะทะกัน
มันเหมือนกับโจรที่อยากสู้กันในที่ลับแทนที่จะอ้างสิทธิ ศาลสูงสุดไม่อจาจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องความขัดแย้งของนิกายใหญ่ได้เหมือนกับตอนที่สามิกายใหญ่ได้ส่งบัตรเชิญสีดำให้กับนิกายมังกรเหล็ก..
..
พลังฉีได้ปะทะกันในท้องฟ้าเหนือภูเขาหยานกุยราวกับพลุไฟ เกราะพลังฉีและการโจมตีพลังฉีนั้นดูโดดเด่นขึ้นมาในตอนกลางคืน
มันเป็นการต่อสู้ที่พิเศษ คนดูรอบๆต่างก็พากันเงียบและบรรยากาศในสนามรบก็เริ่มอึมครึมลงทันทีตั้งแต่ที่เริ่มการต่อสู้ ทุกคนจากสามนิกายใหญ่มองดูสนามรบด้วยท่าทีเย้ยหยัน ในทางกลับกันแล้วหลายคนในฝั่งนิกายมังกรเหล็กต่างก็พากันกำหมัดแน่นและมองดูสนามรบด้วยสีหน้าซับซ้อน
นิกายมังกรเหล็กได้ส่ง ปราชญ์ไผ่ ไปสู้ เนื่องจากปราชญ์ทั้งสี่ได้กลายเป็นผู้อาวุโสของนิกายมังกรเหล็ก ผ่านมากว่า 30 ปี ปราชญ์ทั้งสี่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม แทบทุกคนในไทเซียรู้ว่ามันมีผู้อาวุโสสี่คนที่มักจะอยู่ร่วมกันในนิกายมังกรเหล็ก นี่ไม่ต้องพูดถึงทางใต้เลย
คนที่สู้กับ ปราชญ์ไผ่ ในนามนิกายไทยิคือ หลานหยุนซี หัวหน้าวังไฮหยวน
บรรยากาศในนิกายมังกรเหล็กตึงเครียดกว่าเดิมตั้งแต่ที่ หลานหยุนซี ชักดาบออกมา
ไม่มีใครนิกายมังกรเหล็กและวังจินวูที่คิดว่าพวกเขาต้องมาสู้กับ หลานหยุนซี ที่นี่
ในหมู่คนดู พวกอัศวินที่รู้ถึงตัวตนและเรื่องราวของ หลานหยุนซี ต่างก็พากันเงียบ พวกเขาต่างก็ถอนหายใจและส่ายหน้าโดยเฉพาะพวกอัศวินจากนิกายและตระกูลใหญ่ในเขตกองทัพตะวันออกเฉียงเหนือ
'เจ้ามาจากตระกูลเดียวกัน ทำไมถึงต้องมาทรมานกันเอง ? ช่างเป็นฉากที่น่าเศร้า ! หลังจากการต่อสู้นี้ วังจินวูและวังไฮหยวนอาจจะคืนดีกันไม่ได้อีก '
…
เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับแสงที่ระเบิดออกจากกัน เกราะพลังฉีของ ปราชญ์ไผ่ พังลงแล้วกระเด็นออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดและเปื้อนไปด้วยเลือด
แสงสามอันได้บินออกมาจากแคมป์ของนิกายมังกรเหล็กและพาตัว ปราชญ์ไผ่ กลับไป พวกนั้นคือ ปราชญ์พลัม, ปราชญ์กล้วยไม้และปราชญ์เบญจมาศ
หลานหยุนซี ลดสายตาลงและอยู่กับที่แทนที่จะไล่ตาม ปราชญ์ไผ่ ไป
เธออยู่ในชุดสีขาว นอกจากนี้เธอยังมัดผมไว้ด้วยผ้าขาว
หลานหยุนซี มาแก้แค้นให้กับการตายของอาจารย์เธอ แม้ว่าจะดูเคร่งขรึมแต่จริงๆแล้วเธอรู้สึกอ่อนแรง
หลายคนในท้องฟ้าจับจ้องไปที่ หลานหยุนซี
" รอบที่ 34 นิกายไทยิชนะ .." – เสียงอันเย็นชาดังก้องไปทั่วท้องฟ้าบนนิกายมังกรเหล็ก
ตอนที่ หลานหยุนซี กำลังจะบินออกมาจากแคมป์นิกายมังกรเหล็ก เธอก็ถูก จางหยาง หยุดเอาไว้ หลังจากที่มองเห็นสีหน้าซับซ้อนของ หลานหยุนซี จางหยาง ก็ส่ายหน้าและพูดขึ้น – " ผู้อาวุโสหลิน มันเป็นเรื่องส่วนตัวของตระกูลจาง ให้เราจัดการกันเอง.." – หลังจากที่พูดจบ จางหยาง ได้มองไปยังคนบนเรือบินและพูดขึ้น – " เชิงติง.."
ในหมู่ลูกของ จางเทีย จางเชิงติง คือคนที่แข็งแกร่งที่สุด เขาเพิ่งกลับมาจากทางใต้และได้เป็นอัศวินดินขั้น 9 แล้ว ไม่นานเขาจะขึ้นเป็นอัศวินเงา อีกอย่างแล้ว จางเชิงติง ก็เชี่ยวชาญทักษะมากมายเหมือนกับ จางเทีย ตอนยังเด็ก แน่นอนว่าเขาสามารถเอาชนะ หลานหยุนซี ได้
จางเชิงติง ลุกขึ้นยืนมองไปที่ หยานเฟยกิง ตอนที่เขาเห็น หยานเฟยกิง พยักหน้าให้กับเขา จางเชิงติง ได้บินไปยังสนามรบทันที
" หัวหน้าหลาน สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับวังไฮหยวน ท่านทำไปเพื่ออะไร ! " – จางเชิงติง พูดขึ้นแล้วถอนหายใจ ตอนนั้น จางเชิงติง รู้สึกซับซ้อนเมื่อต้องเผชิญหน้ากับ หลานหยุนซี จางเชิงติง นั้นรู้เรื่องราวระหว่าง หลานหยุนซี กับพ่อของเขา
" เลิกไร้สาระ ข้าจะไม่เมตตาต่อเจ้า เจ้าเองก็ไม่ต้องออมมือกับข้าเช่นกัน หยุนซงซี นั้นไม่อาจจะอยู่ใต้ฟ้าเดียวกันกับข้าได้ เขาได้รับบาดเจ็บหนัก เมื่อเจ้าต้องการปกป้องเขา เจ้าก็คือศัตรูของข้า มาเริ่มกัน ! " – หลานหยุนซี พูดขึ้นอย่างเย็นชา
จางเชิงติง ไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาไม่ได้ทำการโจมตีก่อน จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกมาและพูดด้วยท่าทีไม่หวั่นเกรง – " ถ้าเป็นแบบนั้นก็เชิญ หัวหน้าหลาน ! "
" เขาคือลูกของ จางเทีย ถ้าเจ้าฆ่าเขา วังจินวูจะวุ่นวาย จากนั้นเจ้าก็จะบังคับให้ หยุนซงซี ออกมาได้.." – เฟิงยี่เสี่ยว พูดออกมาแบบลับๆ หลังจากที่ได้ยินคำเตือนนั้น หลานหยุนซี ก็รู้สึกใจหล่นวูบทันที
แต่ตอนที่เธอกำลังจะโจมตี เธอก็ได้ยินเสียงถอนหายใจจากบนท้องฟ้าเหนือนิกายมังกรเหล็ก
" เฮ้อ…."
มันคือเสียงถอนหายใจเบาๆแต่มันดังก้องไปทั่วยอดเขาทั้ง 18 ในพื้นที่กว่า 600 ตร.ไมล์
หลังจากที่ได้ยินเสียงถอนหายใจนี้ หยานเฟยกิง และ จางหยาง ต่างก็สะดุ้ง..
ใจของ หลานหยุนซี สั่นไปพร้อมกับมือ ในเวลาเดียวกันเธอก็กัดฟันแน่นและฟันไปทาง จางเชิงติง..
แต่ดาบของเธอไม่ได้พุ่งใส่ตัว จางเชิงติง ดาบนั้นกลับหลุดออกจากมือและพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าแทน..
เกือบจะพร้อมกันนั้นดาบทั้งหมดในพื้นที่ 600 ตร.ไมล์ก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าทั้งในมือของอัศวินและด้านในร่างอัศวินราวกับของมีชีวิตรวมไปถึงเหล็กคุณภาพสูงและเงินลับของอัศวินด้วย
จางเทีย โผล่มาในจุดสูงสุดบนท้องฟ้าแล้วค่อยๆร่อนลงมาราวกับเทพ…