Castle of Black Iron - Chapter 1964: การกลับมาของจางเทีย
Chapter 1964: การกลับมาของจางเทีย
ในบ่ายวันที่ 17 สิงหาคม ปี 932 ด้านในหอคอยเวลาของมงกุฎทองใต้เมืองการ์บี้ ในที่สุด จางเทีย ก็ลืมตาขึ้นมาหลังจากที่รู้สึกว่าการบิดเบี้ยวเวลาด้านในนั้นลดลงเป็นศูนย์ ในขณะเดียวกันเส้นทางแสงด้านใต้เขาก็ค่อยๆหายไป
จางเทีย ค่อยๆลุกขึ้น หลังจากที่สูดหายใจเข้าลึกๆแล้ว เขาก็บิดตัวไปมาและมองไปยังเส้นทางแสงตรงหน้า จากนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม – " มัน 5 ปีแล้ว ในที่สุดข้าก็ฟื้นฟูตัวเองได้…"
สุดท้าย จางเทีย ก็หัวเราะออกมาจนทำให้หอคอยเวลานั้นสั่นไหว
กว่า 5 ปีที่ผ่านมานี้ จางเทีย ไม่ได้ผ่านช่วงเปราะบางได้ง่ายๆ อีกอย่างแล้วเขาได้ขึ้นมาถึงขั้น 1 ของจักระอมตะ ผลก็คือความแข็งแกร่งโดยรวมของเขาสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
ตอนที่อยู่ในดินแดนโม่เทียน เขาไม่ได้มีพลังงานหลากสีซึ่งได้รับมาจากมิติต่างๆ พลังงานหลากสีนี้ทำให้ความแข็งแกร่งของ จางเทีย เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30%บวกกับทักษะมากมายของเขาแล้ว เขาแข็งแกร่งกว่าเก่าอย่างมาก
ในตอนที่เริ่มสร้างจักระอมตะ เขาก็กำลังขึ้นเป็นจักรพรรดิจากอัศวินปราชญ์และกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้
ด้วยความต่างจากจักระปราชญ์, ดิน, น้ำ, ลมและไฟ จักระอมตะนี้มีความลับนับไม่ถ้วน แต่ละขั้นของจักระอมตะได้มอบแรงและทำให้เขาเข้าใจกฎจักรวาลได้ดีกว่าเดิม
จางเทีย ไม่เข้าใจจักระอมตะจนกระทั่งตอนนี้
จักระอมตะนั้นอิสระ, ลึกลับและเปลี่ยนแปลงได้ตลอด มันคือผลของการรวมกฎจักรวาลและตัวบุคคล การรวมกันนี้ต่างจากใบหน้าและดีเอ็นเอของคน แม้แต่แฝดที่หน้าเหมือนกันก็ยังมีดีเอ็นเอต่างกัน
กฎจักรวาลที่คนเรารู้ตัดสินถึงความต่างของจักระอมตะ แม้ว่าสองคนจะบ่มเพาะทักษะเดียวกันและขึ้นเป็นจักรพรรดิแต่จักระของพวกเขาก็ยังต่างกันเพราะพวกเขาไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันเกี่ยวกับสิ่งของในจักรวาล แม้ว่าความรู้สึกของพวกเขาแทบจะคล้ายกันแต่ความลึกและความกว้างในการเข้าใจก็ต่างกัน
ความต่างระหว่างทักษะนั้นไม่อาจจะถูกค้นพบจนกระทั่งเริ่มสร้างจักระอมตะ
ตอนที่เขาเริ่มสร้างจักระอมตะของสูตรราชาอินทรีย์ เขาก็ได้แสดงรัศมี 9 ชั้นซึ่งบ่งบอกว่า จางเทีย สร้างจักระอมตะได้ 9 อันซึ่งเป็นระดับสูงสุดของการบ่มเพาะ ในทางกลับกันแล้วพวกที่บ่มเพาะทักษะขั้นบัลลังก์จะสร้างได้มากสุด 7 ชั้น มันหมายความว่าพวกที่บ่มเพาะทักษะขั้นบัลลังก์จะไม่มีทางขึ้นมาถึงระดับสูงสุดได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงพวกที่ฝึกทักษะที่ด้อยกว่า ระดับสูงสุดนี้ได้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
ตอนที่เขาสร้างจักระอมตะอันแรก จางเทีย ได้ตระหนักถึงกฎเรื่องแรง, ความเร็วและมิติ สองอันแรกนั้นมาจากความเข้าใจที่ จางเทีย มีมาตั้งแต่บ่มเพาะ ความตระหนักถึงกฎมิติได้ส่งผลจากทักษะลับของสูตรราชาอินทรีย์และความยากลำบากที่เขามีในมิติหลายสิบปีตั้งแต่ออกจากดินแดนโม่เทียน
หลังจากที่รู้ถึงกฎจักรวาล จางเทีย ก็เริ่มสร้างจักระอมตะได้ดีกว่าเดิมซึ่งเขาก็เข้าใจกฎจักรวาลและยกระดับการควบคุมแรง, ความเร็วและมิติได้ดีกว่าเดิมด้วย เอาจริงๆแล้วแต่ละขั้นนั้นทำให้การควบคุมแรง, ความเร็วและมิติยกระดับขึ้นอย่างชัดเจน
มันคือเวลาที่ทักษะขั้นจักรพรรดิจะได้แสดงพลังออกมา ขั้นตอนการสร้างจักระดิน, น้ำ, ลมและไฟยากกว่าทักษะอื่นๆหลายสิบเท่า จากนั้นเขาก็ได้รับผลตอบแทนกลับคืนมา ในการสร้างจักระอมตะของสูตรราชาอินทรีย์ แต่ละขั้นนั้นต้องใช้เวลามากว่าทักษะอื่นหลายสิบเท่า
ไม่เจ็บ ไม่ได้อะไรกลับมา ความลำบาก, เลือดและน้ำตาก่อนหน้านี้ได้ส่งผลตอบแทนกลับมาแล้ว
มันคงไม่เกินไปที่จะบอกว่า จางเทีย อยู่จุดสูงสุดของมนุษย์และปิศาจ เขาไร้เทียมทาน
" ยินดีด้วย เจ้าของปราสาท ท่านอยู่จุดสูงสุดของผู้บ่มเพาะแล้ว ! " – จางเทีย ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยในหัวอีกครั้ง ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าควบคุมปราสาทเหล็กดำได้ตามใจ
" ทุกอย่างในปราสาทเหล็กดำปกติดีรึเปล่า ?" – จางเทีย ถาม เฮลเลอร์
" ทุกอย่างปกติดี ขอบคุณที่เป็นห่วง อีกอย่างแล้วข้ามีข่าวดีให้ท่าน ปราสาทเหล็กดำได้หลอมรวมกับบอลมิติของดินแดนโม่เทียนแล้ว เพราะแรงมิติในภูเขาซากคงที่แล้ว ปราสาทเหล็กดำจึงกลืนกินภูเขาซากเรียบร้อยแล้ว ภูเขาซากได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทเหล็กดำแล้ว ! "
" ส่วนหนึ่ง ? หมายความว่ายังไง ? " – จางเทีย ถาม เฮลเลอร์พร้อมกับเดินไปที่ประตูหอคอยเวลา
" มันหมายความว่ามันไม่มีภูเขาซากในดินแดนโม่เทียนอีกต่อไปแล้ว มนุษย์รึปิศาจในดินแดนโม่เทียนไม่อาจจะเข้าไปในภูเขาซากได้อีก ภูเขาซากอยู่ในปราสาทเหล็กดำ ทุกอย่างในภูเขาซากเป็นของท่าน…"
" ทุกอย่างในภูเขาซาก ? " – จางเทีย เดินช้าลงไป
" ใช่ ทุกอย่างในภูเขาซากรวมไปถึงภูเขาลอยนับพัน, ภูเขาบูซูในเขตหลักของภูเขาซากและพื้นที่ลึกลับ.."
" แล้วมนุษย์กับปิศาจในภูเขาซากล่ะ ? "
" พวกนั้นโดนบีบออกไป ! "
ตอนที่ จางเทีย รู้ว่าวังอมตะของปิศาจและมนุษย์ไม่อาจจะแย่งสมบัติในภูเขาซากได้อีก จักรพรรดิดาวและวังอมตะอื่นๆอาจจะไม่รู้ว่าภูเขาซากได้กลายเป็นสมบัติส่วนตัวของเขาแล้วและทั้งดินแดนโม่เทียนก็อยู่ในกำมือเขา อยู่ๆ จางเทีย ก็รู้สึกสนุกกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงหัวเราะออกมาแล้วเปิดประตูหอคอยเวลาออก
สิ่งที่ทำให้ จางเทีย ตกใจคือ โอ๊กแฮม รออยู่ด้านนอกแทนที่จะเป็น บอดี้
จางเทีย สงสัยว่าทำไม โอ๊กแฮม ถึงได้อยู่ที่นี่
โอ๊กแฮม ดูกังวลและเครียด ตอนที่เขาเห็น จางเทีย เปิดประตูหอคอยเวลาออกมา เขาก็เผยรอยยิ้มกว้างราวกับคลายความกังวลไป หลังจากนั้นเขาก็อธิบายออกมา – " วังจินวูมีปัญหาใหญ่ สามนิกายใหญ่ได้ไปล้อมนิกายมังกรเหล็กเอาไว้…"
" อะไรนะ ? " – จางเทีย ยักคิ้วขึ้นพร้อมสายตาที่ดูเย็นชาขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้น – " ข้ายังไม่ไปสร้างปัญหาให้พวกนั้นแต่พวกนั้นกล้ามาหาเรื่องนิกายมังกรเหล็กก่อนงั้นรึ ? "
โอ๊กแฮม อธิบายเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับ หยุนซงซี ให้เขาฟัง หลังจากนั้น จางเทีย ก็หายตัวไปจากตรงหน้า…
โอ๊กแฮม ยืนยันไม่ได้ว่า จางเทีย ออกจากที่นั่นไปแล้ว เขายืนสับสนอยู่หลายวินาที
—- อาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์จะไม่อาจจะผลิตน้ำมันไฟได้ในเร็วๆนี้ สถานการณ์โดยรวมของทวีปตะวันตกจะเปลี่ยนไป เตรียมการไว้…
ตอนที่ โอ๊กแฮม พยายามรวบรวมสติและจะออกจากที่นั่น เขาก็ได้รับข้อความผ่ายทางแหวนสื่อสารที่เขาใช้ไว้ติดต่อกับ จางเทีย..
..
หลังจากได้ยินว่าสามนิกายใหญ่หาเรื่องนิกายมังกรเหล็ก จางเทีย ก็ได้ออกจากเมืองการ์บี้มุ่งหน้าไปยังไทเซียด้วยความเร็วสูงสุด
ก่อนจะค่ำ เมืองเสือกอดในเขตยูซูได้โผล่มาตรงหน้า จางเทีย แล้ว
ในที่สุด จางเทีย ก็กลับมาหลังจากที่ออกจากไทเซียไปหลายสิบปี..