Castle of Black Iron - Chapter 1959: วิกฤตในนิกายมังกรเหล็ก
Chapter 1959: วิกฤตในนิกายมังกรเหล็ก
หลังจากได้รับข่าว อัศวินของนิกายมังกรเหล็กก็รีบไปยังวังหลักของนิกายบนยอดเขาสวนเทียนจากทั่วเขตยูซูทันที หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เข้าไปในวังหลักด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและล้อมคนจากศาลสูงสุดกับเจ้าหน้าที่ราชวงศ์เอาไว้
แม้แต่ หลิวซิง และ เซ่าบิง ของนิกายมังกรเหล็กก็ยังกลับมาจากเมืองอื่นในอาณาเขตมังกรไฟ
กว่า 30 ปีนี้ หลิวซิง ได้ขึ้นเป็นอัศวินเหล็กดำ นิกายมังกรเหล็กเต็มไปด้วยคนมีพรสวรรค์และอัศวิน แม้แต่ศิษย์ของ จางเทีย ก็ยังกลายเป็นอาจารย์
ตอนนั้น หลิวซิง กลายเป็นชายวัยกลางคนที่ดูฉลาดเฉลียว เพราะเขาบ่มเพาะสูตรมังกรไฟ นัยน์ตาของเขาจึงเปล่งแสงอันแข็งแกร่งราวกับไฟออกมา เพราะเป็นคนแรกที่ขึ้นเป็นอัศวินและกลายเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสรุ่นสองของนิกายมังกรเหล็กในหมู่ศิษย์ของ จางเทีย เขาจึงมีศิษย์เป็นศิษย์พี่อันดับ 1 ในนิกายมังกรเหล็ก
" พี่หยู เกิดอะไรขึ้น ?" – หลิวซิง ถาม หยูเสี่ยวอี๋ แบบลับๆตอนที่มาถึงลานด้านนอก
ในหมู่ศิษย์ผู้หญิงของ จางเทีย แล้ว หยูเสี่ยวอี๋ นั้นเก่งที่สุด เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ขึ้นเป็นอัศวินได้ใน 30 ปีมากนี้
หยูเสี่ยวอี๋ เป็นสาวงามตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อนแต่ตอนนี้เธอกลายเป็นอัศวินที่ดูฉลาดและมีบุคลิกอันโดดเด่น
" เมื่อ 1 ชม.ก่อน หัวหน้าของศาลสูงสุดได้มาที่ยอดเขาสวนเทียนพร้อมกับอัศวินกับผู้ตรวจการจำนวนมาก เขาบอกว่าเขาจะค้นห้องลับในยอดเขาสวนเทียนเพื่อจับตัว หยุนซงซี ผู้อาวุโสกำลังเจรจากับเขาในวังหลัก.." – หยูเสี่ยวอี๋ บอกทุกอย่างได้อย่างละเอียดด้วยคำพูดไม่กี่คำ
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น หลิวซิง ก็เดินไปที่ประตูของวังหลัก ตอนที่เขาไปที่ประตู เขาก็ได้ยินเสียงอันน่าหลงใหลจากด้านใน
" ข้า หยวนหัว ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่ของศาลโดยจักรพรรดิซวนหยวนในปี 857 ข้าทำงานในฐานะเจ้าหน้าที่ศาลมากว่า 70 ปี ข้าไม่ได้รู้สึกเสียดายกับค่าตอบแทนเพราะข้าได้ตอบแทนให้กับประเทศ ข้าต้องภักดีกับประเทศ แม้ว่าข้าจะไม่ได้ฆ่าศัตรูในสนามรบแต่ข้าก็ต้องตายเพื่อประเทศ ถ้าปิศาจเข้ามาในเนินเขาซวนหยวน คนในตระกูลข้าทั้ง 178 คนจะสู้กับปิศาจในสนามรบโดยไม่สนว่าอายุเท่าไหร่ เราต่างก็รู้เรื่องผลงานของผู้อมตะเฉียนจีจากประวัติศาสตร์ ดังนั้นเราจึงตามเจ้าหน้าที่ศาลเขตยูซูมาที่นี่เพื่อจับคนร้าย เราตั้งใจจะยกความดีให้กับศาลเขตยูซู เราไม่กล้าป้ายสีผู้อมตะเฉียนจี, วังจินวูและนิกายมังกรเหล็ก ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะกล้าทำตัวบังอาจเช่นนี้และไม่ไว้หน้าเก้ารัฐมนตรี เจ้าอยากเป็นกบฏรึไง ? ถ้านิกายใหญ่ทั้งหมดในไทเซียทำตัวเช่นเจ้า ไทเซียกับคนจีนจะสงบสุขได้ยังไง ? ตามผลงานของเจ้าแล้ว เจ้าก็เหมือนกับปิศาจ เจ้าเป็นคนร้ายและเป็นเหมือนโรคภัย เจ้าสมควรตาย เจ้าสมควรตาย ! ผู้อมตะเฉียนจีนั้นคือหัวหน้าศาลของศาลเขตยูซู หลังจากที่โดนป้ายสีว่าเป็นคนร้ายที่เมืองฟู่ไห่ เขาก็ทำตามกฎหมายไทเซียแม้ว่าจะปกปิดตัวตนและออกจากบ้านเกิด เขาเป็นคนตรงไปตรงมาจนกระทั่งคนร้ายถูกพบตัวและประกาศความบริสุทธิ์ เขาไม่ได้แหกกฎแม้แต่นิด แต่เจ้าในฐานะศิษย์ของเขาแล้วกลับไม่ทำตามแบบอย่างเขา เจ้ากลับต่อต้านกฎออกมาก่อนที่จะถูกตีหน้าว่าเป็นคนผิด ถ้าผู้อมตะเฉียนจีรู้เข้า เขาคงต้องรู้สึกละอายแทนเจ้า ! "
ตอนที่ตะโกนด่าว่าสมควรตาย เขาแทบใช้พลังทั้งหมด ดังนั้นทั้งวังจึงได้ยินเสียงเขาดังก้อง ผลก็คือทุกคนในนิกายมังกรเหล็กนั้นพากันเงียบสนิท
แม้ว่า หลิวซฺง จะอยู่ในเนินเขาซวนหยวนเพียงไม่กี่วันแต่เขาก็ยังได้ยินเรื่อง หยวนหัว มา
ตอนที่จักรพรรดิซวนหยวนได้ไปที่เขตเว่ยซูเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ในชุดธรรมดา เขาก็ได้พบกับเรื่องหนึ่ง —- ตระกูลใหญ่นอกเมืองเว่ยชูได้ยึดป่าภูเขากว่า 100 แห่งและต้องการใช้มันเป็นสุสานของตระกูล เพราะตระกูลใหญ่นี้มีเส้นสายกับผู้ดูแลเขต เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจึงได้รับผลประโยชน์ ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่กล้ากล่าวโทษพวกเขาเพราะกลัวในอำนาจแต่มีปราชญ์คนจนคนหนึ่งนอกเมืองเว่ยชูที่แทบจะไม่มีข้าวกินได้ประกาศขอความยุติธรรมทั่วทุกที่เพื่อชาวบ้านด้วยการตีกลอง เขาต้องการลงโทษตระกูลใหญ่ที่ยึดภูเขานี้เอาไว้ เขาถึงกับต้องการเขียนแจ้งความเจ้าหน้าที่เขตเว่ยชูที่เข้าข้างตระกูลใหญ่
สุดท้ายปราชญ์คนนี้ก็ต้องหนีแต่เขาไม่ตาย เขาได้พบกับจักรพรรดิซวนหยวนแทน สิ่งที่เขาทำ ได้รับการชื่นชมจากจักรพรรดิ จักรพรรดิได้เลื่อนขั้นให้เขาเป็นเจ้าหน้าที่ขั้น 5 ในเนินเขาซวนหยวน ผลก็คือเพราะตำแหน่งของ หยวนหัว ผู้ดูแลเขตเว่ยชู, เจ้าหน้าที่หลายสิบคนและขุมกำลังของตระกูลใหญ่ที่ยึดภูเขาจึงได้ถูกจับสั่งขัง จากนั้นมาชื่อของ หยวนหัว จึงแผ่ไปทั่วประเทศและได้รับการชื่นชมจากผู้คน จักรพรรดิได้ตรวจสอบสถานการณ์บ้านเมืองและได้แต่งตั้ง หยวนหัว เป็นเจ้าหน้าที่ราชวงศ์ได้กลายเป็นเรื่องที่เล่ากันไปในหมู่ผู้คน
กว่าหลายปีมานี้ หยวนหัว ได้ทำการตรวจสอบไปทั่วประเทศ งานของเขาได้ส่งตรงให้กับจักรพรรดิ หลายตระกูลใหญ่, เจ้าหน้าที่และพวกมีอำนาจทั่วประเทศต่างก็ถูกเขาจัดการ ดังนั้นหลายตระกูลใหญ่จึงกลัวเขาอย่างมากราวกับเขาเป็นเสือ เพราะความสำเร็จนี้จึงทำให้ หยวนหัว ได้รับชื่อเสียงว่าเป็นคนตรงไปตรงมาและเกลียดชังความคิดชั่วร้ายในหมู่ผู้คน
ไม่คาดคิดว่าชายคนนี้ก็มาด้วย หลิวซิง ช็อกอย่างมาก ตอนที่ไปถึงตรงหน้าผู้คนที่ล้อมวังหลักเอาไว้ หลิวซิง ก็เห็นผู้อาวุโสผมเทาในชุดเจ้าหน้าที่ราชวงศ์กำลังเถียงกับ ผู้อาวุโสซัน
" ปราชญ์เฒ่า เจ้าทำให้ข้าโกรธ " – ซันเทียนเชิง ราชาสมุนไพรหอบหายใจอย่างหนักจนตาแทบทะลุออกมาจากเบ้าแต่เขาไม่รู้ว่าจะปฏิเสธยังไง
หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ราชวงศ์นั้นคือหาความผิด แน่นอนว่าคำพูดของเขามีเหตุผล
ผู้อาวุโสและผู้อาวุโสสูงของนิกายมังกรเหล็กคนอื่นๆต่างก็อยู่ที่นั่น หลิวซิง เดินไปข้างๆด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หลังจากที่มองหน้ากันกับผู้อาวุโสและผู้อาวุโสคนอื่นๆ เขาก็แค่ได้แต่ทำตามน้ำไป
" เพราะอยู่ในช่วงสงคราม คนจีนควรเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อป้องกันปิศาจแต่ หยุนซงซี กลับแหกกฎ เขากล้าทำตัวโอหังในไทเซียด้วยการเผาและฆ่า กว่าหลายสิบปีมานี้มีอัศวินบริสุทธิ์หลายคนถูกเขาฆ่า เขากลายเป็นคนร้ายอันดับ 1 ของไทเซีย จำนวนอัศวินที่เขาฆ่าไปนั้นมากกว่าที่ราชานรกได้ฆ่า ตามข้อมูลของศาลสูงสุดแล้ว หยุนซงซี ได้รับบาดเจ็บหนักและฟื้นตัวในยอดเขาสวนเทียนของนิกายมังกรเหล็ก นิกายมังกรเหล็กเป็นพวกตรงไปตรงมาไม่ใช่รึไง ? ทำไมถึงไม่ให้ศาลค้นหาตัวเขาล่ะ ? "
เจ้าหน้าที่ราชวงศ์อีกคนได้ตะโกนออกมา
" ถ้านิกายมังกรเหล็กไม่ร่วมมือกับการตรวจสอบของศาล ข้าจะเขกหัวกับเสาในวันนี้โดยไม่กลัวว่าสมองจะกระจายไปกับพื้น ข้าจะสละตัวเพื่อประเทศ ! "
" หยุนซงซี อาจจะร่วมมือกับปิศาจ ดังนั้นเขาจึงสร้างความเสียหายไปทั่วไทเซีย เจ้าไม่กลัวว่าจะโดนคนทั่วโลกด่าทอรึไง ? รึบางทีนิกายมังกรเหล็กเองก็ร่วมมือกับไอ้ผีนั่นด้วย ? "
เจ้าหน้าที่ทุกคนนั้นต่างก็เป็นคนบริสุทธิ์และมีชื่อเสียง ส่วนมากแล้วมีผมสีเทา พวกเขาเป็นที่รู้จักกันดีแม้แต่ในเนินเขาซวนหยวนและไทเซีย ตอนนั้นทุกคนต่างก็พากันคึกและประกาศคำพูดที่ดูถูกต้องออกมา
มันไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างอัศวินแต่มันเป็นการต่อสู้ที่ดุดันยิ่งกว่าของอัศวิน ถ้าผู้ตรวจการตายที่นี่ด้วยการเอาหัวโขกกับเสา ชื่อเสียงของนิกายมังกรเหล็กและวังจินวูที่สร้างมาหลายสิบปีคงพินาศไป ถ้านิกายมังกรเหล็กไม่ร่วมมือกับผู้ตรวจการแล้ว ผู้ตรวจการเหล่านี้ก็จะเขียนใบสั่งไปให้เนินเขาซวนหยวนและประณามนิกายมังกรเหล็กและวังจินวู จากนั้นนิกายมังกรเหล็กและวังจินซูก็อาจจะโดนมองว่าร่วมมือกับปิศาจ เมื่อเป็นแบบนั้นชื่อเสียงของวังจินวูและนิกายมังกรเหล็กก็จะโดนทำลาย นอกจากนี้แล้วยังส่งผลอื่นๆอีกมากมายด้วย
" บัดซบ ! ใครกล้ามาหาเรื่องในที่ของพ่อคนนี้.." – ตอนนั้นเองก็มีเสียงดังราวกับสายฟ้าขึ้นจากประตูหลักของวัง
หลังจากที่ได้ยินเสียงนี้เหล่าศิษย์และอัศวินของนิกายมังกรเหล็กต่างก็พากันหลีกทางให้
เชิงหงลี่ ผู้สั่งการของเขตกองทัพตะวันออกเฉียงเหนือ, ลู่ติงซี หัวหน้าเขตยูซูและเด็กหนุ่มคนหนึ่งได้เดินเข้ามา เด็กหนุ่มนั้นหน้าตาคล้าย จางเทีย เขาคือ จางเชิงเล่ย ลูกคนโตของ จางเทีย กว่า 30 ปีมานี้เขาได้กลายเป็นคนแข็งแกร่งที่มีสนามพลังฉีที่แข็งแกร่ง แม้ว่าเขาจะอยู่ด้วยกันกับผู้สั่งการและผู้ดูแลเขตแต่เขาก็ยังปล่อยพลังฉีอันน่ากลัวออกมา
" ผู้สั่งการ ! "
" ผู้ดูแลเขต ! "
" นายน้อย ! "
เหล่าศิษย์, อัศวินและผู้อาวุโสทั้งสามของนิกายมังกรเหล็กต่างก็พากันรีบทักทายทั้งสามคน
หน้าของ เชิงหงลี่ ยังดำเช่นเคยแต่ตอนนั้นหน้าของเขาเปล่งแสงเพราะความหงุดหงิด ตอนที่เขาเข้ามาในวังหลัก เขาก็ได้มองไปยังหัวหน้าศาลและบ่นออกมา – " ลอร์ดหลี่ เจ้าต้องการอะไร ? เจ้าพาคนมายังเขตของข้าแบบลับๆและต้องการล้มโต๊ะโดยไม่แจ้งข้าล่วงหน้า เจ้าคิดว่าที่ของข้าวุ่นวายไม่พอรึไง ? เจ้ารู้มั้ยว่าทั้งเขตยูซูและเขตกองทัพตะวันออกเฉียงเหนือวุ่นวายเพราะการกระทำของเจ้า ? ไม่นานมานี่มีหัวหน้าตระกูล, ผู้นำกองทัพ, ผู้ดูแลเขตและนายพลเฉจีในเขตของข้าได้ติดต่อข้ามาและถามข้าว่ามีปิศาจเข้ามาหาเรารึเปล่า เจ้าคิดว่ามันสนุกรึไงกับการทำแบบนี้.."