Castle of Black Iron - Chapter 1945: พบกับโอ๊กแฮมอีกครั้ง
Chapter 1945: พบกับโอ๊กแฮมอีกครั้ง
มันเป็นค่ำคืนที่เงียบสงบ ในถ้ำอันมิดมิดที่เสียงน้ำหยดจากหินย้อยดังก้องไปทั่วถ้ำ มีกิ้งก่าตัวหนึ่งที่นอนอยู่บนริมบ่อน้ำคอยจับแมลง
เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มืดแบบนั้น การรับรู้ของกิ้งก่าพวกนี้จึงลดลงแต่การรับรู้ด้านการเคลื่อนไหวของมันยังทำงานได้ดี
อยู่ๆกิ้งก่าก็หยุดจับแมลงแล้วหนีไปในซอกหินจนไม่กล้าโผล่หัวออกมาราวกับรับรู้ได้ถึงอันตราย
ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มีหมอกกลุ่มหนึ่งในถ้ำแห่งนี้ ตอนที่หมอกจางหายไป มันก็มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา
เขาตัวผอมสูง ตัวของเขานั้นใส่ชุดสีดำ เมื่อใส่หน้ากากทองนั้นเขาดูลึกลับและน่ากลัว ภายใต้หน้ากากทองนั้นมีตาเป็นประกายคู่หนึ่งซึ่งมองรอบๆด้วยท่าทีระวังอย่างมาก
มือของเขาอยู่ในชุด เขาเตรียมพร้อมต่อสู้ ก่อนที่หยดน้ำจะหยดลลงมาใส่ตัวจากบนถ้ำ มันก็กระเด้งออกไปโดยเกราะพลังฉีที่มองไม่เห็น
นอกจากตื่นตัวแล้ว ตาของเขาก็ยังแสดงท่าทีตกใจและสงสัย
" ไม่ได้เจอกันนานนะ โอ๊กแฮม.." – เสียงหนึ่งดังขึ้นในหูเขา เขาตัวสั่นทันทีแล้วรีบหันกลับมามองไปด้านหน้า
10 ม. ด้านหน้า จางเทีย ก็ค่อยๆออกจากสถานะล่องหน
มันไม่ได้มีลูกปัดล่องหนในโลกนี้ ดังนั้นตอนที่เขาเห็นร่างของ จางเทีย ปรากฏขึ้นมาจากความโปร่งใส ไม่ต้องเดาเลยว่าเขาต้องช็อกอย่างมาก
ผ่านมาหลายสิบปีหน้าตาของ จางเทีย ก็ยังคงเดิมเช่นเคยแต่พลังฉีของเขากลับแข็งแกร่งกว่าเดิม
เขาตัวสั่นด้วยความกลัวและตกใจ ผ่านไปไม่กี่วินาทีเขาก็นึกบางอย่างออกแล้วรีบคุกเข่าลงไปต่อหน้า จางเทีย แล้วก้มหน้าลง ในขณะเดียวกันเขาก็ถอดหน้ากากออกแล้วพูดขึ้นมาด้วยเสียงแหบแห้ง -" ด้วยความเคารพ เจ้านาย ข้า โอ๊กแฮม.."
" ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะขึ้นมาเป็นอัศวินเงาขั้น 7 แล้ว เจ้าก้าวหน้าได้มากจริงๆ…" – จางเทีย ถอนหายใจแล้วพูดต่อ – " เจ้าไม่ต้องคุกเข่าหรอก ลุกขึ้น ข้าไม่กินเจ้าหรอก.."
ตอนที่เขาเห็น จางเทีย บิชอฟคนนี้ก็รู้สึกอ่อนแรงและถึงกับเสียวความกล้าราวกับหนูเพิ่งเกิดใหม่ที่ได้เจอกับแมว ตอนที่ จางเทีย จับตัวเขา จางเทีย เป็นเพียงแค่อัศวินดิน จางเทีย ได้โด่งดังไปทั่วโลกที่แม่น้ำเว่ยชูและฆ่าปิศาจราวกับพวกมันเป็นหมา หลังจากนั้นเขาก็ตายไปพร้อมกับอัศวินปราชญ์ที่ทะเลทรายหยินไห่ จากนั้นมาชื่อของ จางเทีย ก็กลายเป็นตำนานมาหลายสิบปี
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาคนอื่นๆคิดว่า จางเทีย ตายไปแล้วยกเว้นเพียง โอ๊กแฮม ถ้า จางเทีย ตาย ผลของรูนล้างบาปในตัวเขาจะหายไปแต่ผลของมันยังไม่หายไปแต่เขาไม่อาจจะรับรู้ได้ถึงตัวตนของ จางเทีย
ตอนที่เขาเห็น จางเทีย อีก โอ๊กแฮม ก็ตกอยู่ในความสับสน ก่อนที่จะมาที่นี่นั้นเขากังวลและสงสัยว่ามันอาจจะเป็นกับดักแต่เขาไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งของ จางเทีย ตอนที่เขามาที่นี่และพบ จางเทีย อีกครั้ง โอ๊กแฮม ก็รู้ว่ามันไม่ใช่กับดัก ดังนั้นมันจึงทำให้เขาต้องช็อกอย่างมาก
โอ๊กแฮม ยืนยันได้สองอย่างในเวลาสั้นๆ จางเทีย คนนี้คือตัวจริง จางเทีย แข็งแกร่งกว่าเดิม ไม่รู้ว่า จางเทีย จะขึ้นเป็นอัศวินสวรรค์รึอัศวินกึ่งปราชญ์ แม้ว่า จางเทีย จะไม่ได้ก้าวหน้าในการบ่มเพาะแต่เขาก็สามารถฆ่า โอ๊กแฮม ได้ง่ายๆหากดูจากการผูกมัดด้วยรูนล้างบาป
แม้ว่าเขาจะมีคำถามมากมายในหัวแต่ โอ๊กแฮม ก็รู้บทบาทตัวเองได้ทันที
" ยินดีที่เห็นท่านกลับมา เจ้านาย.." – หลังจากที่ลุกขึ้นยืนบิชอฟก็พูดขึ้นมาทันที หลังจากนั้นตาเขาก็แดงกล่ำแล้วน้ำตาไหลออกมา ในขณะเดียวกันเขาก็มองไปที่ จางเทีย ด้วยความตื่นเต้นแล้วทำตัวราวกับทาส
ตราบใดที่คนเราขึ้นเป็นอัศวินแล้ว มันง่ายที่เขาจะควบคุมน้ำตาแห่งความดีใจ จางเทีย ไม่อยากรู้ว่าน้ำตานี้เป็นของจริงหรือไม่ เพราะมันไม่มีความหมาย เขาแค่ต้องการให้ โอ๊กแฮม ภักดีต่อเขา การกระทำของ โอ๊กแฮม นั้นไม่ได้ทำให้ จางเทีย ผิดหวัง
หลังจากที่ตื่นเต้นกันมาสักพัก โอ๊กแฮม ก็หยุดร้องไห้ จากนั้น จางเทีย ก็พูดด้วยท่าทีจริงจัง – " หลังจากที่ตกไปในรอยแยกมิติ ข้าก็เกือบกลับมาไม่ได้ ตอนที่ข้ากลับมา ข้าพบว่าข้าอยู่ในเมืองน้ำเย็น อีกอย่างแล้วข้าเสียไปหลายอย่างและไม่อาจจะติดต่อครอบครัวข้าได้ ดังนั้นข้าจึงเรียกหาเจ้าเพื่อจะสอบถามเจ้า ! "
" เจ้านาย ท่านต้องการให้ข้าติดต่อไปหาวังจินวูงั้นเหรอ ? " – โอ๊กแฮม ถาม จางเทีย เพราะไม่ใช่คนโง่ โอ๊กแฮม จึงไม่ได้ถาม จางเทีย ว่าทำไมเขาถึงไม่กลับไปที่ไทเซียและไปหาครอบครัวเขา เพราะเขารู้ดีเรื่องศัตรูของ จางเทีย พวกสามนิกายใหญ่ในไทเซียนั้นคือภูเขาใหญ่ที่ไม่อาจจะสั่นไหวได้ เมื่อ จางเทีย กลับมาแล้ว อัศวินปราชญ์ซึ่งหายตัวไปพร้อมกับ จางเทีย ในทะเลทรายหยินไห่อาจจะไม่ได้กลับมา สำหรับอัศวินและตระกูลแล้ว มันเป็นปัญหาเท่ากับการเผชิญหน้ากับปิศาจเมื่อคุกคามศัตรูแบบนี้
" ข้ายังไม่ต้องการติดต่อตระกูลของข้าในตอนนี้ ข้าอยากรู้สถานการณ์ของตระกูลข้าตอลดหลายปีมานี้ พวกเขาเจอปัญหาอะไรรึเปล่า ? "
มันเป็นคำถามที่ จางเทีย กังวลมากที่สุด ตลอดหลายวันมานี้แม้ว่า จางเทีย อ่านความจำของคนหลายสิบคนในเมืองแต่เขาก็ไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเรื่องของคนอำนาจสูงจากทหารเหล่านี้โดยเฉพาะกับพวกที่โดนปิศาจล้างสมอง เขารู้แค่เรื่องหยิบย่อยและเรื่องใหญ่ไม่กี่เรื่อง แน่นอนว่า จางเทีย ไม่ได้ข้อมูลมากนักจากสมองของคนเหล่านี้
หลังจากที่ได้ยินคำถามนั้น โอ๊กแฮม ก็รีบบอก จางเทีย ถึงข้อมูลของวังจินวูที่เขารู้
โอ๊กแฮม จับตาดูข้อมูลเกี่ยวกับไทเซียและวังจินวูเพราะ จางเทีย ดังนั้นเขาจึงรู้มากกว่าคนทั่วไป ดังนั้นเขาจึงบอกข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่เขารู้ออกมา
กว่า 30 ปีที่ผ่านมา วังจินวูไม่ได้ตกต่ำลงเลย มันกลับพัฒนากลายเป็นตระกูลใหญ่ที่รู้จักกันดีในทวีปตะวันออกและตะวันตก
ศัตรูของวังจินวูในไทเซียคือนิกายไทยิ, ศาลาสวรรค์และศาลาเฉียงลู่ กว่า 30 ปีที่ผ่านมาทั้งสามนิกายนั้นไม่ถูกกับวังจินวูแต่พวกนั้นไม่อาจจะทำอะไรกับวังจินวูได้
หลังจากที่สวรรค์ฮุนหยวนในฐานะหัวหน้าศาลาสวรรค์ตายในการต่อสู้ที่ทะเลทรายหยินไห่ พลังของศาลาสวรรค์ก็ลดลงไปอย่างมาก เพราะผู้อาวุโสสูงของศาลาสวรรค์ยังไม่ยอมอ่อนข้อกับหัวหน้านิกายคนต่อไปได้ ศาลาสวรรค์จึงตกอยู่ในปัญหาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา 6 ปีหลังจากการต่อสู้ที่ทะเลทรายหยินไห่ แม้ว่าหัวหน้าศาลาเฉียงลู่จะถูกเลือกด้วยการแนะนำจาก เฒ่าไทยิ และ ผู้อาวุโสเฉิน คง แต่เขาก็ไม่อาจจะเหนือกว่าผู้อาวุโสสูงสองคนที่เป็นอัศวินกึ่งปราชญ์เช่นกันได้
เมื่อเป็นแบบนั้นผู้อาวุโสสูงคนที่ได้เป็นหัวหน้านิกายก็ถูกฆ่าโดย หยุนซงซี อัศวินปราชญ์ของนิกายป่าเถื่อน ในการต่อสู้นี้ศาลาสวรรค์จึงต้องเสียหายเพิ่มขึ้นไปอีก
ดังนั้นมันจึงยังไม่มีหัวหน้าของศาลาสวรรค์จนถึงตอนนี้ ผู้อาวุโสสูงอีกสองคนต้องการที่จะแย่งชิงตำแหน่งนี้นั้นก็พากันหยุดมือ พวกเขาต่างก็พัฒนาขุมกำลังของตัวเอง ผลก็คือชื่อเสียงของศาลาสวรรค์นั้นลดลงไปอย่างมาก มันเกือบลดลงไปเป็นนิกายชั้นนำทั้ง 6
ในสถานการณ์นี้ไม่มีใครในศาลาสวรรค์ที่อยากไปหาเรื่องวังจินวูที่รุ่งเรือง
ในทางกลับกันแล้วนิกายไทยิและศาลาเฉียงลู่ต่างก็พยายามจะหาทางรับมือ หยุนซงซี ที่คิดว่าพวกเขาเป็นศัตรูมาตลอด 30 กว่าปี
กว่า 30 ปีก่อนในวันที่มีการต่อสู้ที่ทะเลทรายหยินไห่ หยุนซงซี ได้บุกเข้าโจมตีสำนักงานของนิกายไทยิและสร้างความเสียหายให้อย่างมาก ในหลายปีต่อมาเขาได้บุกโจมตีสาขาของศาลาเฉียงลู่และฆ่าผู้อาวุโสกับอัศวินไปหลายคน ผู้อาวุโสและอัศวินของนิกายไทยิและศาลาเฉียงลู่ที่ออกไปทำงานได้กลายเป็นเหยื่อของ หยุนซงซี พวกนั้นตายเมื่อตกอยู่ในกำมือของ หยุนซงซี
ตอนนี้นิกายไทยิและศาลาเฉียงลู่ก็รู้ว่าคนเท้าเปล่านั้นไม่กลัวพวกที่ใส่รองเท้า สองนิกายใหญ่นี้กลัว หยุนซงซี อย่างมากจนทุกคนรู้สึกไม่ปลอดภัย
ในสองนิกายใหญ่ นอกจากอัศวินปราชญ์อย่างเฒ่าไทยิและผู้อาวุโสเฉินคง แทบจะไม่มีใครอื่นที่เอาชนะ หยุนซงซี ได้ สองนิกายใหญ่มีฐานของตัวเองแต่ หยุนซงซี นั้นแข็งแกร่งแม้ว่าจะอยู่ลำพัง ร่องรอยของเขาไม่แน่นอน ดังนั้นเขาจึงสร้างปัญหาให้กับสองนิกายใหญ่ได้ แน่นอนว่าสองนิกายใหญ่นั้นไม่ได้ตกอยู่ในปัญหาทุกวัน
อีกอย่างแล้วทักษะควบคุมสัตว์ของ หยุนซงซี นั้นน่าทึ่ง เฒ่าไทยิ และ ผู้อาวุโสเฉินคง ได้สร้างกับดักสองอันขึ้นมาเสียเปล่าเพราะ หยุนซงซี ใช้ทักษะควบคุมสัตว์ สำหรับครั้งที่สองแล้ว หยุนซงซี ถึงกับใช้กับดักซ้อนกับดัก เขาล่อ เฒ่าไทยิ ออกมาจากสำนักงานและบุกเข้าโจมตีสำนักงานเป็นครั้งที่สอง ผลก็คือมีอัศวินในสำนักงานจำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บหนัก แม้แต่วังของนิกายก็ยังโดนทำลายอีกรอบ..