Castle of Black Iron - Chapter 1937: สู้!
Chapter 1937: สู้!
ไม่นานหลังจากที่ สโตอิค รู้สึกได้ถึงฝนหยดแรก ฝนก็เทหนักลงมา
ในสายฝนนั้นเปลวไฟที่ลุกไหม้ทางใต้ของเมืองน้ำเย็นก็เริ่มลดลงแต่มีหลายตึกที่ถูกเผาโดยระเบิดไฟที่ยังคงลุกไหม้ท่ามกลางสายฝน มันเปลี่ยนฝนเป็นไอน้ำระเหยไปในอากาศ ผลก็คือการมองเห็นนั้นลดลงอย่างมาก
ตอนที่ฝนตกลงมาที่พื้น มันไม่ได้ส่งเสียงใดๆแต่มันได้ปิดเสียงเท้าของ สโตอิค และคนของเขาไปจนหมด แม้แต่ในสายฝนนี้ สโตอิค และลูกน้อง 9 คนก็ยังไปไม่ถึงตำแหน่งสำหรับการโจมตีตามแผนของ สโตอิค ได้ พวกเขาต่างก็รอคำสั่งจาก สโตอิค และเตรียมที่จะพุ่งเข้าไปในตึก
ตอนนี้ทหารทั้งหมดอยู่ในระดับ 2-5 เกือบทั้งหมดแทบได้ไปขับพาหนะรึเครื่องยนต์แล้ว การควบคุมเครื่องยนต์นั้นไม่จำเป็นต้องใช้ความแข็งแกร่งอะไรแต่พวกเครื่องยนต์นี้เป็นภัยต่อศัตรู ทหารระดับ 2 อาจจะเปลี่ยนปิศาจปีกระดับ 9 เป็นลูกไฟในอากาศได้ด้วยการขับเครื่องบิน มันถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าในสายตาคนมีอำนาจ ผลก็คือนักสู้ที่ขึ้นมาอยู่ระดับ 9 อย่าง สโตอิค ได้กลายเป็นกองกำลังหลักภาคพื้นดินในการแย่งชิงเมือง
สโตอิค เป็นหัวหน้ากองกำลังพิเศษที่ขึ้นตรงต่อทีม 3 ของหน่วยทหารราบ 1 ของกองทัพจักรวรรดิ 6 ของจักรวรรดิออตโต้ นอกจาก สโตอิค ที่เป็นนักสู้ระดับ 9 แล้ว ลูกน้องอีก 9 คนก็อยู่ระดับ 6-8 ทีมแบบนี้ถือว่าเป็นทีมชั้นหนึ่งในหมู่กองทัพภาคพื้นดินทางเส้นตะวันออกแม้ว่าจะไม่ใช่ทีมที่ดีที่สุดก็ตาม
ถ้าทีมปิศาจอยู่ตรงหน้าพวกเขา แค่เพียงนักสู้ปิศาจ 3 ตัวก็สามารถสร้างความเสียดายหนักให้กับพวกเขาได้แล้วแต่ปิศาจไม่ได้โง่ ก่อนที่จะใช้พวกบัดซบของจักรวรรดิพันธมิตรแสงในแนวหน้าหมด พวกมันยากจะส่งพวกกองทัพปิศาจมาในสนามรบ ปิศาจบางตัวถึงกับจับตาดูสนามรบจากในที่พวกมีอำนาจของจักรวรรดิพันธมิตรแสงอยู่ ก่อนที่พวกบัดซบและตัวแนวหน้าจะตายหมด พวกปิศาจก็ไม่มีทางโผล่มาที่แนวหน้า แน่นอนพวกปิศาจปีกที่ไร้ความกลัวในตอนเย็นรึฝนตกนั้นเป็นข้อยกเว้น
สโตอิค นั้นได้เข้าไปถึงประตูของตึกแล้ว ประตูนั้นพังไปแล้ว มันมีโซฟาและตู้อยู่ด้านนอกประตู นอกจากมุมหนึ่งของกำแพงแล้ว มันมีรถบรรทุกที่ถูงฝังเอาไว้โดยเศษหิน รถนี้สูงกว่า 2 ม. ด้านบนรถนั้นอยู่ใกล้กับหน้าต่างชั้นสอง จากตรงนั้นทีมของเขาสามารถขึ้นไปยังชั้นบนได้อย่างรวดเร็ว
ทีม 10 คนได้แบ่งย่อยเป็นทีมย่อย 3 ทีม สไนเปอร์ 2 คนพร้อมกับหน้าไม้ในมือคุ้มกันอยู่ด้านนอก สโตอิค ได้ฝ่าเข้าไปจากประตูด้านหน้าโดยตามมาโดยคน 2 คน ถ้ามันมีศัตรูในตึก หลังจากที่ได้ยินเสียงแล้วคน 5 คนของทีมที่สองจะรีบลงมาจากด้านบนรถและสู้กับศัตรูด้านตึกด้วยกันกับพวกเขา
หลังจากที่ดมกลิ่นในอากาศแล้ว สโตอิค ก็ได้ผายมือให้กับสไนเปอร์ หลังจากที่เห็นท่านั้นสไนเปอร์ก็ได้โยนขวดแก้วเข้าไปในหน้าต่างชั้นสอง
หลังจากทีได้ยินเสียงแก้วแตกที่ชั้นสอง สโตอิค ก็พุ่งเข้าไปจากประตูด้านหน้าทันที
การใช้ลูกไม้ดึงความสนใจมีประโยชน์ในสถานการณ์นี้ หลายๆครั้งคนจะตอบโต้กับสิ่งรอบตัวโดยไม่ทันได้คิด
ตอนที่เขาพุ่งเข้าไป เขาก็เห็นนักสู้ของจักรวรรดิพันธมิตรศักดิสิทธิ์ซ่อนตัวอยู่ที่บันไดใกล้กับประตูในชุดแบบเดียวกันและยกขวานขึ้นนาบกับตัว นักสู้บัดซบหันกลับมาและมองมาที่ชั้นบนหลังจากที่ได้ยินเสียง
0.1 วินาทีเป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับคนโจมตี มีดสั้นของ สโตอิค ได้เฉือนลำคอศัตรูในเวลาอันสั้น
การเฉือนนี้แม่นยำ, ป่าเถื่อนและเฉียบคม หลังจากนั้นหัวของศัตรูก็กระเด็นออกจากตัวและเลือดที่ไหลจะฉูดออกมาจากคอ จากนั้น สโตอิค จึงรีบขึ้นไปที่ลานบันไดระหว่างสองชั้นโดยมีนักสู้สองคนตามมา
เงาหนึ่งได้พุ่งเข้าใส่ สโตอิค จากชั้นบนแต่ก่อนที่เงานั้นจะได้เข้าถึงตัว สโตอิค ก็ได้โยนระเบิดไฟที่ตั้งไว้ให้ระเบิดในเวลาที่สั้นที่สุดออกไป
ไฟลุกไหม้เงาที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขา
ไฟไม่ได้ฆ่าเงานั้นทันที มันได้แต่เผาเงานั้น เงานั้นร้องออกมาแล้วยังฟันดาบเข้าใส่ สโตอิค อย่างดุดัน มันต้องการจะตายไปพร้อมกับ สโตอิค
สโตอิค เหยียบที่ราวบันไดและพุ่งผ่านคนโจมตีจากบนหัว ในขณะเดียวกันเขาก็ได้โยนมีดสั้นแทงเข้าใส่หลังของศัตรู
ตอนที่ สโตอิค โยนระเบิดออกไป เขาไม่คิดว่าอาวุธนี้สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ในทันทีในการต่อสู้ระยะประชิด เขาแค่ต้องการเผาอีกฝ่ายและทำให้อีกฝ่ายคลั่ง ตราบใดที่การมองเห็นของอีกฝ่ายแคบลงและการตอบโต้ลดลงไป มันก็เพียงพอที่เขาจะฆ่าอีกฝ่ายได้
ตอนที่ สโตอิค มาที่ชั้นสอง เขาก็ชัดดาบของเขาออกมา
มีเงาบางเงาได้พุ่งเข้าหาเขา สโตอิค เองก็พุ่งใส่เงาเหล่านั้นโดยไม่ลังเล ในขณะเดียวกันลูกน้อง 5 คนของเขาก็พุ่งผ่านหน้าต่างเข้ามา มีการต่อสู้อันดุเดือดเกิดขึ้นในซากตึกแห่งนั้นในชั่วพริบตา….
…..
มันมีศัตรูทั้งหมด 7 คน หลังจากที่ สโตอิค ได้ฆ่า 2 คนไป มันก็ยังเหลือศัตรูอีก 5 คน หนึ่งในนั้นเป็นนักสู้ระดับ 9 นักสู้ระดับ 9 นี้สร้างความเสียหายให้กับทีมเขาอย่างมาก
ตอนที่ สโตอิค ได้สู้กับนักสู้ระดับ 9 2 คนในทีมเขาที่เข้ามาจากชั้นสองโดนชายคนนี้ฆ่าไปแล้ว สโตอิค ได้ฆ่าศัตรูไปอีกคนและทให้อีกคนบาดเจ็บ ผลก็คือมีศัตรูเหลือแค่ 3 คนและคนบาดเจ็บอีกคน
คนที่เหลืออีก 5 คนของอาณาจักรออตโต้กัดฟันแน่นด้วยความหงุดหงิดและคำรามออกมา ตอนที่ สโตอิค สู้กับนักสู้ระดับ 9 นั้น ลูกน้องของเขา 5 คนก็แบ่งกันเป็น 3 กลุ่ม คนหนึ่งรับหน้าที่จัดการกับคนที่ได้รับบาดเจ็บ อีก 4 คนรับหน้าที่จัดการกับศัตรู 2 คนที่เหลือ
นักสู้สองคนของศัตรูได้ร่วงลงไปกับพื้นในพริบตา ตอนนั้นคนที่ได้รับบาดเจ็บก็คำรามออกมา ตอนที่ลูกน้องของ สโตอิค ได้ใช้ดาบแทงทะลุหัวใจอีกฝ่าย คนที่ได้รับบาดเจ็บก็กอดลูกน้องเขาเอาไว้แล้วกัดเข้าที่ลำคอจนฉีกลำคอออกไปได้ ลูกน้องของ สโตอิค ได้ดึงดาบเป็นแนวนอนเพื่อตัดหัวใจจนเฉือนมาถึงรักแร้ด้านซ้าย
" เทพจงเจริญ ! " – นักสู้ศัตรูคำรามออกมาแล้วทำการทำลายระเบิดไฟ ผลก็คือทั้งสองโดนไฟเผาพร้อมกับก่อนจะกลิ้งตกลงไปด้านล่างผ่านทางหน้าต่าง
ตอนที่เขาพบว่าลูกน้องโดนฆ่า นักสู้ระดับ 9 ที่สู้กับ สโตอิค ก็บังคับให้ สโตอิค ถอยไปได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว หลังจากน้เขาก็ตั้งใจจะหนีไปผ่านทางหน้าต่าง
ตอนที่เขาโดดออกจากหน้าต่าง เขาก็รู้สึกได้ว่ามีลูกดอกยิงมาที่เขาจากความมืดมิด
เขากันลูกดอกแรกไว้ด้วยดาบแต่ในเวลาเดียกันลูกดอกก็มีไฟพ่นออกมาเผาเขาจนเปลี่ยนเขาเป็นลูกไฟ ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มกรีดร้องออกมา
สโตอิค เองก็โดดลงจากหน้าต่างด้วย เขาฟันไปที่ลูกไฟให้ขาดเป็นสองส่วนก่อนจะตกลงไปถึงพื้น
เมื่อเห็นเปลวไฟด้านในและนอกตึก สโตอิค ที่โผล่ออกมาก็เช็ดฝนจากหน้าตัวเองแล้วคำรามออกมา – " ถอย…"
มีแค่ 4 จาก 7 คนที่เข้าไปในตึกพร้อมกับเขาที่รอดมาได้ หลังจากที่ตัดหัวศัตรูให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้และเก็บของ พวกนั้นก็กัดฟันแน่นและหายไปพร้อมกับสายฝนทั้งน้ำตา…..