Castle of Black Iron - Chapter 1936: สถานการณ์ในไทเซีย
Chapter 1936: สถานการณ์ในไทเซีย
ดวงอาทิตย์ตกดินไปแล้ว การต่อสู้ในตอนกลางวันได้สิ้นสุดลง ในตอนเย็นเปลวไฟในเมืองก็เริ่มสวางสไวขึ้นมา….
หลังจากผ่านการโจมตีโดยอาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์มา เขตทางใต้ของเมืองน้ำเย็นก็ได้ถูกทำลาย
ในตอนกลางวันเครื่องบินของกองกำลังมนุษย์ที่ทวีปตะวันออกได้เกิดสงครามกับอาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์ด้านบนเมืองน้ำเย็น ทั้งสองฝ่ายมีคนล้มตายไปอย่างมาก ในตอนเย็นหลังจากที่กองกำลังอากาศของมนุษย์ในทวีปตะวันตกถอยกลับ เขตอากาศนั้นก็ถูกยึดครองโดยปิศาจของอาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์
ในตอนกลางวันตอนที่ความสามารถมองเห็นเพิ่มขึ้น ความเสียหายระหว่างสองฝ่ายก็แทบจะเป็น 1:1 ตอนที่ฝั่งมนุษย์ได้สู้กับปิศาจปีกท้องฟ้าแต่ตอนเย็นเพราะความมืดมิดและหิมะที่ตกลงมาซึ่งลดความสามรถของเครื่องบินไปและความสามารถในการมองเห็นของนักบิน อัตราความเสียหายของทั้งสองฝ่ายก็เปลี่ยนไปเป็น 1:4 ผลก็คือฝั่งมนุษย์ไม่อาจจะรับความเสียหายในตอนเย็นได้ ดังนั้นกองกำลังมนุษย์จึงถอยกลับไปและต้องพึ่งกองกำลังภาคพื้นดิน
สนามรบระหว่างมนุษย์กับปิศาจได้แบ่งเป็นสองทาง — ทางตะวันออกและทางเหนือ ทั้งสองทางนั้นราวกับที่บดเนื้อ กว่า 10 ปีที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายเกิดคนล้มตายจำนวนมาก สำหรับวิธีที่คนตายนั้นไม่มีใครสน ยังไงซะกองกำลังมนุษย์ก็มีเป้าหมายอย่างเดียวคือไม่ยอมให้อาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์เชื่อมต่อสองเส้นทางนี้ได้ เมื่อสองเส้นทางเชื่อมต่อกัน ทางเดินทะเลระหว่างอาณาจักรตะวันออกและตะวันตกจะถูกตัดขาดโดยปิศาจซึ่งหมายความว่ากลยุทธมากมายต้องล้มเหลวไป
จากนั้นหากไม่มีการสนับสนุนโดยไทเซียซึ่งเป็นอาณาจักรที่ทรงอำนาจในทวีปตะวันออก คนและคำสั่งในทวีปอื่นๆจะพังลง นี่ไม่ต้องพูดถึงการล้มตายที่กองทัพมนุษย์ต้องพบ ตอนที่คิดถึงผลลัพธ์ว่าทวีปตะวันตกอาจจะถูกตัดขาด พวกประธานาธิบดีและบุคคลมีอำนาจต่างๆในทวีปตะวันตกต่างก็ตัดสินใจจะกันกองทัพของอาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์ไว้ให้ได้ไม่ว่าจะเสียอะไรก็ตาม
ในสายตาของกองกำลังมนุษย์ อาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้น่ากลัว มันก็แค่ตัวบังหน้าที่ปิศาจใช้ในเขตที่ถูกยึดครองโดยปิศาจ แม้ว่าจักรพรรดิของอาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์จะเป็นมนุษย์แต่ทุกคนในกองกำลังมนุษย์ก็รู้ว่าจักรพรรดินั่นก็แค่หุ่นเชิดที่ปิศาจเลือกมาจากลุ่มสามตา
ตอนแรกอาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์เป็นแค่ตัวบังหน้าจริงๆแต่หลังจากที่ก่อตั้งอาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์ได้ 10 ปีและหลังจากสงครามคงอยู่ได้ 15 ปี เมื่อมีนักสู้ของอาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์ในสนามรบมากขึ้นเรื่อยและเริ่มฆ่ามนุษย์อีกฝั่งได้มากขึ้น มันก็กลายเป็นไพ่ลับในมือปิศาจแทนที่จะเป็นตัวบังหน้า
วันนี้อาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์ได้กลายเป็นเครื่องมือสงครามที่น่ากลัวในมือปิศาจ มันยังเป็นภัยที่ยิ่งใหญ่ต่อมนุษย์ในทวีปตะวันตก
เมืองน้ำเย็นอยู่ในเพนนิซูล่าซึ่งเป็นส่วนเส้นตะวันออกของมนุษย์ เพื่อที่จะแย่งการควบคุมเขตนี้ กองกำลังมนุษย์และกองทัพอาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์ได้ทำการสู้กันในพื้นที่ 60 ตร.ไมล์มาหลายปี
ตลอดหลายปีมานี้มีเมืองและหมู่บ้านที่งดงามมากมายโดนพังทลายลง เพราะการต่อสู้กันของทั้งสองฝ่าย สุดท้ายพวกมันก็ได้กลายเป็นซาก
เมื่อสงครามย้ายมาที่เมืองน้ำเย็น แค่เพียงครึ่งปีเมืองแห่งนี้ที่ครั้งหนึ่งเคยมีคน 12 ล้านคนและถูกเรียกว่าไข่มุกแห่งเพนนิซูล่าก็ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง มันราวกับที่ของผี มันเต็มไปด้วยเลือดของปิศาจและมนุษย์….
แต่การต่อสู้ไม่ได้จบลง แม้ว่าจะเต็มไปด้วยเลือดแต่มันมีแต่จะดุเดือดขึ้น….
ในการต่อสู้นี้ทหารราบหน่วย 1 ของกองทัพจักรวรรดิเบอร์ 1 ที่จักรวรรดิออตต้าของทวีปตะวันตกได้ส่งไปยังเส้นตะวันออกได้ถูกทิ้งไว้ในเขตเพนนิซูล่าราวกับโยนเศษไม้ทิ้ง ตามคำสั่งของสำนักงาน พวกเขาต้องการันตีว่าเมืองน้ำเย็นจะไม่ตกเป็นของปิศาจในสองเดือน ไม่งั้นแล้วทุกคนในทีมต้องตายรวมไปถึงหัวหน้าและแผนกคลังด้วย !
สำหรับการที่ว่าพวกเขาจะโดนฆ่ากันยังไงนั้น มันยังไม่มีคำสั่งออกมาแต่ทุกคนรู้ดีว่าพวกเขาคงโดนตัดหัวถ้าพวกเขาทำตามคำสั่งไม่สำเร็จ
ตั้งแต่สงครามเริ่มมา หัวของคนมีอำนาจอย่างคนชั้นสูง, นายพล, ราชวงศ์, ประธานรึเจ้าชายต่างก็ถูกตัดโดยอัศวินของกองทัพดูแลในกองกำลังมนุษย์รอบเมืองน้ำเย็นถึงสองครั้ง นี่ไม่ต้องพูดถึงหัวของทหารราบเลย
คำสั่งนั้นเรียบง่าย, หยายคาย, หนักแน่นซึ่งไม่เปิดโอกาสให้ต่อรองได้ สิ่งที่ทำให้ทหารราบสบายใจคืออัศวินจากอาณาจักรแฟนเซีย, ทีมนักสู้สองทีมจากพันธมิตรคนเถื่อน, ทีมเกราะซึ่งถอยมาจากแนวหน้าที่มาช่วยพวกเขา แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือพวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องบนฟ้าของเมืองน้ำเย็นเพราะสำนักงานจะส่งทหารอากาศมาสนับสนุนในเมืองน้ำเย็นเมื่อมีศัตรูเข้ามาในเขตอากาศของเมือง
..
โคลน, เลือดและฝนตกลงมาเมื่อคืนนี้ทำให้พื้นดินนั้นเปียก ฮอบอนสโตอิค นอนอยู่ที่พื้นซึ่งเต็มไปด้วยเศษหินและโคลน เขามองไปยังตึกที่ถล่มห่างไป 200 ม ด้วยเปลวไฟจากหอคอยระฆังที่ติดไฟโดยระเบิดน้ำมันไฟห่างออกไป 100 ม.
ตึกที่ถล่มไปครึ่งหนึ่งก่อนหน้านี้มี 5 ชั้น ตอนนี้ทั้ง 4 ชั้นได้ถล่มไปแล้ว มันถึงกับมีหลุมข้างๆเขา อีกอย่างแล้วกำแพงส่วนมากของตึกดูเหมือนจะเปื้อนด้วยฝุ่นควัน เขาได้นึกถึงภาพบนกำแพงที่เคยงดงาม
ตะกี้นี้ สโตอิค ได้ยินเสียงจากตึกซึ่งฟังดูเหมือนกับจานตกลงจากโต๊ะ แม้ว่ามันจะเบาและไม่มีเสียงอื่นให้ได้ยินหลังจากนั้นแต่เขาก็ยังได้ยินมัน ในฐานะนักสู้ที่อยู่ระดับ 9 แต่ สโตอิค ที่มีชื่อเล่นว่าหมาป่าในทีมทหารราบ 1 แน่นอนว่ามีการรับรู้ที่เฉียบคมกว่าคนอื่น
เขาอยู่ในชุดกันฝนที่ทาด้วยของเหลวของปลาหมึกกลายพันธุ์ ผลก็คือเขาอำพรางตัวได้ ในตอนเย็นสีของชุดนี้จะหลอมรวมเข้ากับซากรอบๆ ไม่ว่ายามองกลางคืนจะดีแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจจะเห็นเขาได้
เสียงนี้อาจจะเกิดขึ้นจากหนูที่ชนโต๊ะจนจานตกลงมา มันอาจจะเกิดขึ้นโดยหมาที่ไปหาอาหารในตึก เพราะทั้งเมองเต็มไปด้วยกลิ่นเน่า เมืองนี้จึงกลายเป็นสวรรค์ของหนูและหมา หนูกับหมาที่นี่ชินกับการกินเนื้อมนุษย์และปิศาจไม่ว่าจะสดรึเน่าก็ตาม พวกมันกล้าโจมตีพวกนักสู้ที่อยู่คนเดียวรึนอนอยู่ นักสู้บางคนเคยบาดเจ็บเพราะพวกมัน ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่หนูรึหมาจะทำให้เกิดเสียงขึ้นมา….
แน่นอนว่ามีพวกบัดซบที่เรียกว่าลูกปิศาจซ่อนอยู่ในตึกนั้น คำเรียกไอ้บัดซบนี่คือสิ่งที่กองกำลังมนุษย์เรียกพวกนักสู้ของอาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์ที่ยอมเป็นลูกน้องของปิศาจ
มันก็เหมือนกับนักสู้คนอื่นๆของกองกำลังมนุษย์ในทวีปตะวันตก สโตอิค ไม่ได้สนว่าคนธรรมดาในอาณาเขตอาณาจักรพันธมิตรศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นทาสจะถูกเปลี่ยนเป็นนักสู้พวกนี้ ตราบใดที่พวกห่านี่โผล่มาในสนามรบ พวกมันก็ต้องถูกกำจัดเหมือนกับปิศาจ แน่นอนว่าพวกบัดซบนี่ก็ไม่ลังเลที่จะฆ่าพวกเขาที่ไม่ยอมรับกฎของเทพมังกร พวกมันจะฆ่าพวกเขาด้วยวิธีที่ทารุณกว่าด้วยซ้ำ….
สโตอิค แอบมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาพบว่ามันอาจจะมีฝนตกในไม่ช้า เมฆเริ่มหนาขึ้นและปิดแสงจันทร์ จุดสำคัญคือไม่มีปิศาจปีกด้านบนฟ้าในตอนนี้
ตอนที่ฝนตกลงมาที่พื้น สโตอิค ก็ได้ส่งสัญญาณมือให้กับคนของเขา
หลังจากที่เห็นสัญญาณมือ มันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในบางที่ห่างออกไปหลายสิบเมตรพร้อมกับนักสู้หลายคนที่เคลื่อนที่ออกมาเข้าไปยังตึกตามทิศทางต่างๆ
หลังจากที่เอาระเบิดไฟออกมา สโตอิค ก็ค่อยๆคลานไปยังประตูทางเข้าของตึกที่พังไป….