Castle of Black Iron - Chapter 1934: ความลับของเทพ
Chapter 1934: ความลับของเทพ
" ต้นกำเนิดของความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับปิศาจงั้นรึ ? "
หลังจากที่ได้ยินคำถามนั้น จางเทีย ก็ถามเธอทันที
" ต้นกำเนิดของความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับปิศาจอยู่ที่นี่ ! "- ตังเหมย พูดขึ้นแล้วชี้ไปที่หินซึ่งมีน้ำพุสวรรค์ไหลออกมา
" หินนั่น ? " – จางเทีย ถามและมองไปยังเศษหินอีกครั้ง -" เจ้าหมายความว่ามนุษย์กับปิศาจแย่งชิงหินนี่กันรึ ?"
หินนี่หมายถึงน้ำพุเก้าสวรรค์ คำอธิบายนี้อาจจะมีเหตุผลในดินแดนโม่เทียนแต่มันไม่มีน้ำพุเก้าสวรรค์ในโลกที่ จางเทีย จากมา ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับปิศาจก็ยังเกิดที่นั่น แล้วจะอธิบายยังไง ?
" แน่นอน มนุษย์กับปิศาจไม่ได้แย่งชิงหินนี่ ! " – ตังเหมย พูดขึ้นแล้วส่ายหน้า – " ไม่มีใครในดินแดนโม่เทียนที่รู้ว่าหินนี่มาจากไหนรวมถึงจักรพรรดิแรงคนเก่าด้วยแต่ตามตำนานของวังจักรพรรดิแรงแล้ว นี่คือหินเวทย์ที่มีความลับของเทพโบราณ รวมไปถึงต้นกำเนิดของความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับปิศาจ ! "
" โอ้ เข้าใจแล้ว ! " – จางเทีย เข้าใจทันที ตอนที่เขาคิดถึงความลับของเทพ เขาก็พูดออกมาด้วยความสงสัย – " งั้นให้ข้าลองดู…"
จางเทีย ได้ฉีดพลังวิญญาณเข้าไปในหินแต่พลังวิญญาณของเขากับถูกดูดซับทันทีที่แตะผิวหินราวกับน้ำหยุดลงในทะเลทราย
'แปลก ! ทำไมกัน ! '
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดใจของ จางเทีย ตังเหมย ก็ได้ลองทำเช่นกันแต่พลังวิญญาณของเธอก็ถูกดูดซับไปทันที เธอไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับมาเช่นกัน
ดังนั้น ตังเหมย เองก็ช็อก
พูดโดยทั่วไปแล้วถ้าของนี้มีข้อมูล ตราบใดที่ฉีดพลังวิญญาณเข้าไปด้านใน เราจะรู้ถึงข้อมูลได้ มันง่ายเหมือนกับอ่านเนื้อหาในคริสตัลแต่หินชิ้นนี้กลับพิเศษ พลังวิญญาณของทั้งสองไม่อาจจะเปิดการทำงานของมันได้
" ให้ข้าลองดูอีกครั้ง…" – จางเทีย พูดแล้วชี้ไปที่หน้าผากตัวเอง หลังจากนั้นก็มีเส้นพลังงานยิงเข้าไปในหินในรูปแบบของเส้นพลังงานสีทอง
ครั้งนี้ จางเทีย รู้สึกว่าหินนั้นได้ดูดซับพลังวิญญาณของเขาจริงๆตอนที่มันเข้าไปในหิน พลังงานสองเส้นอันเดิมน้อยเกินไปที่จะทำให้หินตอบสนอง แม้ว่า จางเทีย จะใส่พลังวิญญาณเข้าไปเต็มกำลังแต่มันก็ยังน้อยเกินไปสำหรับหิน
ด้วยความสงสัย จางเทีย จึงกัดฟันแน่แล้วเพ่งพลังวิญญาณเข้าไปที่หิน ในขณะเดียวกันหน้าผากของเขาก็เปล่งแสงสีทองออกมา หลังจากที่ใส่พลังวิญญาณเข้าไปในหินกว่า 1 ชม.จนหน้าผากเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ ตอนที่ จางเทีย กำลังจะหมดพลังวิญญาณนั้นเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นมาจากหินพร้อมกับคลื่นพลัง
หลังจากนั้นข้อความหนึ่งก็เข้ามาในหัวของ จางเทีย ซึ่งได้ระเบิดอยู่ในทะเลความคิดของ จางเทีย จนสติของเขาจมอยู่ท่ามกลางแสงนั้น
ทันใดนั้นก็มีข้อมูลนับไม่ถ้วนไหลเข้ามาในหัวของ จางเทีย จางเทีย รู้สึกราวกับว่าเสียทุกอย่างรวมไปถึงร่างกายและการรับรู้ ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าเป็นเจ้าของทุกอย่าง ทุกอย่างกลายเป็นไร้ค่า
หลายล้านปีต่อมา มันได้มีแสงส่องประกายขึ้น หลังจากที่เกิดการระเบิด จักรวาลและดาวเคราะห์ก็พุ่งออกมาราวกับเปลวไฟ ในขณะเดียวกันกาแล็คซี่นั้นก็เริ่มขยายตัว
หลายร้อยล้านปีต่อมา มันก็มีดาวเคราะห์สีฟ้าก่อตัวขึ้นจากระเบิดซึ่งมีดวงจันทร์สองดวงอยู่ไม่ห่างไปนัก
อีกร้อยล้านปีผ่านไป มันก็เกิดสิ่งมีชีวิตแปลกๆที่ฉีกตัวจากอากาศและเข้ามาอยู่ในกาแล็คซี่นี้
สิ่งมีชีวิตแปลกๆนั้นสามารถเดินทางได้ระหว่างดวงอาทิตย์และกาแล็คซี่ ร่างส่วนบนนั้นเป็นมนุษย์ ส่วนล่างนั้นเป็นงู ส่วนล่างไม่ได้เป็นหางแต่เป็นเท้า มันมีแค่หางที่ส่ายไปมา พวกมันสามารถบินไปทั่วทุกที่ได้ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้สื่อสารกันได้ทางความคิด
มีแสงประหลาดส่องประกายออกมาจากพื้นดาวเคราะห์สีฟ้าซึ่งมีพลังงานที่ไม่อาจจะคาดถึง ในขณะเดียวกันก็แผ่ไปทั่วกาแล็คซี่ ผลก็คือสิ่งมีชีวิตประหลาดนั้นต่างก็หันไปสนใจพลังงานนี้และต่างก็มายังดาวเคราะห์นี้เพื่อชื่นชมมัน
แต่หลังจากที่กินพลังงานเหล่านั้นแล้ว สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็ไม่อาจจะออกจากดาวเคราะห์นี้ได้ ผลก็คือพวกนี้ได้แต่อยู่ในพื้นที่หนึ่งของดาวเคราะห์นี้
แต่พวกนี้ไม่ต้องการเสียความสามารถในการทำลายจักรวาลรึพวกนี้ต้องการกลับไปยังโลกเดิมของตัวเอง ดังนั้นพวกมันจึงเริ่มสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดเท่ากับพีระมิดขึ้นมาบนขั้นโลกของดาวเคราะห์
แต่ก่อนที่จะสร้างเสร็จ ร่างของพวกมันก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด
พวกที่มายังดาวเคราะห์นี้ที่กินแก่นพลังงานไปในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นมนุษย์ที่ทั้งหล่อเหล่าและสวยกว่าเดิม สำหรับพวกที่มาทีหลังนั้นพวกนั้นกลายเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ดูน่าเกลียดอย่างงู
พวกที่น่าเกลียดเริ่มอิจฉาและเกลียดชังพวกที่งดงาม ทั้งสองฝ่ายเริ่มขัดแย้งกันและไม่ค่อยสื่อสารกัน ผลก็คือพวกที่มาจากที่เดียวกันก็ได้แบ่งเป็นสองฝ่ายเพราะการเปลี่ยนแปลงจากภายนอกก่อนจะเริ่มเป็นศัตรูกัน
สุดท้ายก็เกิดสงครามระหว่างสองฝ่ายขึ้นก่อนที่สิ่งก่อสร้างนั้นจะสร้างเสร็จ
มันคือสงครามที่โหดร้าย ไม่ว่าจะเป็นใครต่างก็มีพลังอันล้นเหลือ
ในสงครามนี้สิ่งก่อสร้างที่ทั้งสองฝ่ายได้ช่วยกันสร้างนั้นได้ถูกทำลาย ตอนที่สิ่งก่อสร้างพังลง มันก็พลิกทั้งดาวเคราะห์ไปด้วย แม้แต่ขั้วโลกกังเปลี่ยนแปลงไป เกิดการหมุนวนรอบดวงอาทิตย์และเริ่มมีการเอียงตัวตามแนวตั้ง ผลก็คือมีที่ดินหลายแห่งที่จมลงไปในทะเล….
น้ำท่วม, แผ่นดินไหว, คลื่นยักษ์และเปลวไฟที่ตกลงมาจากสวรรค์ได้จมทุกอย่าง ที่ที่ดุเดือดที่สุดของสงครามได้ถูกทำลายโดยตรง…
สงครามนี้เกือบจะทำลายทั้งดาวเคราะห์ อีกอย่างแล้วมันเกิดการสูญเสียในทั้งสองฝ่ายอย่างมาก พวกที่แข็งแกร่งที่สุดของทั้งสองฝ่ายถูกกำจัด พวกที่แข็งแกร่งบางตัวไม่อาจจะลงมายังดาวเคราะห์นี้ได้เพราะเหตุผลต่างๆ….
พวกที่รอดจากสงครามครั้งนี้คือลูกหลานของทั้งสองกลุ่ม ตอนที่เกิดสงครามขึ้น ลูกหลานไม่อาจจะเข้าร่วมสงครามได้เพราะอ่อนแอเกินไป โชคดีที่พวกนั้นรอดมาได้
ตอนที่ลูกหลานโตขึ้นบนดาวเคราะห์นี้ ดาวเคราะห์นี้ก็ต่างจากแต่ก่อน ไม่มีพลังงานไหลออกมาจากพื้นอีกต่อไป ไม่มีพลังงานบนดาวเคราะห์มากมายเช่นเดิม อีกอย่างแล้วลูกหลานก็ไม่อาจจะบินในอากาศรึขยับบนพื้นดินได้ดั่งแต่ก่อน
หลังจากนั้นพวกลูกหลานก็ยังรักษาลักษณะภายนอกของตัวเองสืบต่อไป พวกที่พ่อแม่หน้าตาดีก็มีลูกหน้าตาดี พวกที่พ่อแม่หน้าตาน่าเกลียดก็จะมีลูกหน้าตาน่าเกลียด อีกอย่างแล้วพวกเขายังรับความเกลียดชังจากบรรพบุรุษของตนมาด้วย ตอนที่ทั้งสองฝ่ายพร้อมจะทำสงคราม มันก็เกิดสงครามปะทุขึ้นมาอีก
สงครามได้นำไปสู่ความเสียหาย, การทำลายล้าง, ความตายและความสูญเสีย ผลก็คือสังคมและประชากรทั่วโลกได้ลดลงอย่างรวดเร็ว….
ลูกหลานของทั้งสองฝ่ายสุดท้ายก็กลายเป็นมนุษย์และปิศาจ บรรพบรุรุษถูกเรียกว่าเทพมนุษย์และเทพปิศาจ…
….
" ตื่น…."
ตอนนั้นหน้าของเขารู้สึกเย็นๆขึ้นมา ตอนที่ จางเทีย ลืมตาขึ้น เขาก็พบว่าเขาสลบและนอนอยู่ที่พื้นแต่ ตังเหมย นั่งยองๆข้างๆเข้าด้วยความกังวลและใช้น้ำพุลูบหน้าเขา ด้วยการหล่อเลี้ยงจากพลังของน้ำพุ พลังวิญญาณในทะเลความคิดของ จางเทีย ก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ผลก็คือความคิดของเขาที่เพิ่งระเบิดไปกับข้อมูลที่เข้ามานั้นก็เริ่มฟื้นตัว
ตาของ จางเทีย เป็นประกายกว่าเดิม จากนั้นเขาก็ได้พึมพำออกมาด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม – " เข้าใจแล้ว…ข้าเข้าใจแล้ว…." – จากนั้น จางเทีย ก็ดีดตัวขึ้นก่อจะเงยหน้าตะโกน – " ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว…."